วิธีดูแลและใช้เกียร์อัตโนมัติอย่างถูกวิธี



ระบบส่งกำลังแบบอัตโนมัติในรถยนต์
เข้ามาช่วยเพิ่มความสะดวกในการขับขี่
ความสบายจากการที่ไม่ต้องคอยใช้เท้าซ้ายเหยียบคลัตช์
มีความเหมาะสมกับการขับใช้งานในเมือง ที่มีสภาพการจราจรติดขัด


เกียร์อัตโนมัติยุคใหม่ ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อการทดกำลัง
ซึ่งรับหน้าที่ถ่ายเทแรงบิด จากเครื่องยนต์ในแต่ละรอบการทำงาน
ผ่านอัตราทดในแต่ละเกียร์ ที่คำนวณมาเพื่อความเหมาะสม
ทั้งการให้กำลังอย่างต่อเนื่องเมื่อเร่งความเร็ว


ความประหยัดเชื้อเพลิงเมื่อวิ่งด้วยความเร็วคงที่
การขับรถยนต์ที่มีระบบส่งกำลังแบบอัตโนมัตินั้น
ใช้เพียงแค่เท้าขวาข้างเดียวในการเหยียบเบรกและคันเร่ง


เหยียบแป้นเบรกทุกครั้งก่อนสตาร์ตเครื่องยนต์ โดยทำจนติดเป็นนิสัย
ไม่ว่าเกียร์จะอยู่ในตำแหน่ง P หรือ N
รวมถึงเมื่อต้องการจะเปลี่ยนจากเกียร์ว่างในตำแหน่ง N
หรืออยู่ในเกียร์จอดที่ตำแหน่ง P
เพื่อเลื่อนคันเกียร์ไปยังตำแหน่งเกียร์เดินหน้าหรือ D
หรือต้องการจะขับถอยหลังในตำแหน่ง R


รำลึกไว้ทุกครั้งว่า ต้องเหยียบเบรกเพื่อสร้างความปลอดภัย
ก่อนที่จะปล่อยเท้าออกจากแป้นเบรก
ไม่มีความจำเป็นต้องกดคันเร่งทันที
รถบางรุ่นเกียร์ออกตัวหรือเกียร์ D1 นั้นทดมาเพื่อความฉับไว
หากกดคันเร่งสวนลงไปเต็มๆ
มีสิทธิที่จะซัดท้ายรถคันข้างหน้าได้เลย


เมื่อชะลอรถหรือเบรก
ต้องรอให้รถหยุดนิ่งก่อนที่จะเปลี่ยนจากเกียร์เดินหน้า D
มาเป็นเกียร์ถอยหลัง R หากทำตัวเป็นพวกวัยรุ่นใจร้อน
รถยังเคลื่อนที่ไปข้างหน้าช้าๆ
แต่กลับโยกคันเกียร์ไปที่ตำแหน่งเกียร์ถอยหรือเกียร์ R
กลไกภายในเกียร์จะสึกหรอ
และลาจากอย่างรวดเร็วจนทำให้คุณอยากขายทิ้ง
เมื่อเห็นตัวเลขค่าเปลี่ยนเกียร์ใหม่จากศูนย์บริการ


อย่าไปเชื่อคำแนะนำของบริษัทรถยนต์มากนัก
ในเรื่องของอายุการใช้งานของเหลวหล่อลื่นในเกียร์ออโต
บริษัทรถยนต์บางรายคุยโวว่า
ไม่ต้องเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ตลอดอายุการใช้งาน
หรือเปลี่ยนที่ระยะทาง 100,000 กิโลเมตรนั้น
ทำให้เกียร์เจ๊งเกียร์กระจายกันมาหลายรายแล้ว


ประเทศไทย โดยเฉพาะหัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศ
มีสภาพการจราจรที่ติดขัดแบบวิ่งๆ หยุดๆ
อากาศก็ยังร้อนรุ่มกลุ้มอุราแทบจะทั้งปี มีหนาวจริงๆ จังๆ
เพียงแค่ไม่ถึงเดือนก็กลับมาร้อนโลกแตกกันอีกแล้ว
เกียร์อัตโนมัติต่อให้ออกแบบและใช้วัสดุขั้นเทพขนาดไหน


เมื่อมาเจอกับสภาพการขับเคลื่อนดังกล่าว
ทั้งรถติดสาหัสเดี๋ยววิ่งเดี๋ยวหยุด
ทั้งสภาพอุณหภูมิที่ร้อนระอุบนถนน ก็ทำให้เกิดการสึกหรอ
ของเหลวหล่อลื่นมีอุณหภูมิสูงมากในระบบ
ไม่นานสารอะไรต่อมิอะไรที่ใส่เข้ามาในน้ำมันเกียร์
เพื่อคอยปกป้องชิ้นส่วนของเกียร์เริ่มเสื่อมสภาพได้เหมือนกัน


ของเหลวหรือน้ำมันเกียร์ออโต
ควรเปลี่ยนที่ระยะ 20,000-30,000 กิโลเมตร
เพื่อคงความสดใหม่ของน้ำมันหล่อลื่น
ในกลไกฟันเฟืองของเกียร์อัตโนมัติ
โดยเฉพาะรถยุโรปที่ไม่ใช้เกียร์ CVT
ชิ้นส่วนหลักของเกียร์ต้องรับภารกรรมในการหมุนอยู่ตลอดเวลา
ขณะที่คุณขับใช้งาน ค่าเปลี่ยนไม่เท่าไหร่
แต่ช่วยยืดอายุการใช้งานของเกียร์ออโตให้ยืนยาว
จนเครื่องเคราของรถพังไปแล้ว


เกียร์ออโตจอมเหนียวก็ยังไม่ยอมพังตาม
ไม่ต้องกระซิบบอกกันตรงนี้เลยว่า
เกียร์ ZF 8 สปีดของ BMW
ราคาลูกละหลายแสนบาท
หรือแม้แต่เกียร์ขับหน้าของ Honda Civic
หรือ Toyota Camry หากเบิกห้างเมื่อได้ยินราคาค่าเกียร์
คุณอาจลมใส่เอาได้ง่ายๆ คุณจะดูแลมันดีๆ หรือไม่สนใจ
เพราะฉันรวยก็แล้วแต่มุมมองความคิด
และความฉลาดที่จะเลือกใช้ในวิธีที่ถูกต้อง


อย่าเข้าเกียร์ว่างขณะที่รถวิ่ง
เมื่อพบเจอทางลงสะพานยาวๆ หรือทางลงเนินตรงยาว
ความที่อยากประหยัดก็ยัดเกียร์ N ปล่อยไหลลงมา
ประหยัดได้ไม่มากถึงหนึ่งบาทแต่เกียร์จะพังเร็วกว่าปกติ


ขณะที่ปลดเกียร์ว่างแต่รถยังคงเคลื่อนที่
ของเหลวหล่อลื่นที่เคยหมุนเวียน
ก็หยุดหมุนเวียนขึ้นมาทำให้เกียร์ร้อนและเกิดการเสียหาย
แถมยังอันตรายมากที่ใช้เกียร์ว่างไหลลงเนิน


ด้วยเหตุนี้เอง จึงมีข้อห้ามในการลากจูงรถยนต์
ที่ใช้เกียร์อัตโนมัติเมื่อรถเสีย
หรือหากจะลากก็ต้องลากไปในระยะทางสั้นๆ เท่านั้น


วิธีที่ปลอดภัยก็คือ
ยกล้อขับเคลื่อนให้พ้นจากพื้นขณะลากจูง
หรือพึ่งบริการของรถสไลส์ออนหมดเรื่องหมดราวกันไป
สมัยก่อนช่างเขี้ยวๆ ใช้วิธีถอดเพลากลางเพื่อลากรถขับเคลื่อนล้อหลัง
แต่วิธีดังกล่าวนั้นยุ่งยากเสียเวลามาก และอาจก่อให้เกิดความเสียหาย
หากประกอบเพลากลับคืนแล้วไม่เหมือนเดิมหรือไม่ถูกต้องอีกด้วย


เปลี่ยนเกียร์ลงต่ำระวังให้แน่ใจว่า
ความเร็วไม่สูงมากจนเกินไป
เกียร์ D1-D2 ใช้สำหรับการออกตัว
หรือเมื่อต้องการเรี่ยวแรงมากเป็นพิเศษในการไต่ทางลาดชัน
หรือต้องการการหน่วงความเร็วของรถเมื่อขับลงทางลาดชัน
หรือเมื่อวิ่งบนเส้นทางที่มีความคดเคี้ยว
อุดมไปด้วยทางโค้งขึ้น-ลงเขา
หากชันมากตำแหน่งเกียร์ 2-3 จะมีความเหมาะสม
และทำให้ขับได้ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น


ห้ามใช้เกียร์ต่ำหรือเกียร์ 2 ในช่วงที่กำลังวิ่งด้วยความเร็วสูง
รถยนต์ยุคใหม่มีเซนเซอร์และ ECU คอยตรวจจับความสัมพันธ์
ในการหมุนของเครื่องยนต์และเกียร์ หากเครื่องหมุนที่รอบสูง
สมองกลที่ควบคุมการเปลี่ยนอัตราทดจะไม่สั่งให้ลดเกียร์ตาม
แต่เกียร์อัตโนมัติบางแบบก็ไม่มีระบบดังกล่าวมา


เพื่อป้องกันความเสียหายของชุดเกียร์
ควรจำให้ขึ้นใจว่าต้องเกียร์จอดหรือ P
เมื่อรถหยุดนิ่งสนิทแล้วเท่านั้น
หากยัดเกียร์ P ในขณะที่รถกำลังไหลช้าๆ
จะทำให้กลไกภายในเกียร์เสียหาย
ตามด้วยค่าซ่อมที่เกิดขึ้นจากสภาพการใช้งานที่ผิด


แป้นเปลี่ยนเกียร์หรือ Paddle Shift
และคันเร่งที่ตอบสนองอย่างว่องไวในโหมดสปอร์ต
ยั่วยุให้คุณคิกดาวน์เกียร์บ่อยๆ เพื่อความบันเทิง
การคิกดาวน์เพื่อเปลี่ยนเกียร์ลงต่ำ
ควรทำต่อเมื่อมีความจำเป็นในการเร่งแซงเท่านั้น


หากสนุกไปกับการเปลี่ยนอัตราทดด้วยตัวเองแบบเมามัน
คลัตช์ของชุดเกียร์จะสึกหรอจากการทำงานหนัก
ทำให้มีอายุการใช้งานลดลง
มากกว่าปล่อยให้มันวิ่งในตำแหน่ง D
บนทางตรงยาวที่ไม่มีความจำเป็นต้องเปลี่ยน
อัตราทดด้วยตัวเองตลอดเวลาเหมือนกับทางบนภูเขา


พกพาสายพ่วงแบตเตอรี่ไปด้วย
เนื่องจากรถเกียร์ออโต หากแบตฯ หมดหรือรถเสีย
คุณไม่สามารถที่จะเข็นสตาร์ตได้เลย
การเข็นกระตุกเพื่อสตาร์ตในรถเกียร์ออโต
ต้องใช้ความเร็วไม่ต่ำกว่า 15 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
เกินกำลังแรงคนเข็นที่จะไปให้ถึงความเร็วนั้นแล้วกระตุกสตาร์ต


ยกเว้นการเข็นลงจากเนินเขา
ซึ่งไม่แนะนำให้กระทำเนื่องจากอันตราย
สายพ่วงแบตเตอรี่เพื่อพ่วงแบตฯ กับรถคันอื่น
หากไฟหมดจะช่วยคุณให้รอดกลับถึงที่หมายได้อย่างปลอดภัย
อย่าลืมให้เงินแท็กซี่ที่เค้ามาช่วยพ่วงสตาร์ตด้วยล่ะ


น้ำมันเกียร์คือเรื่องสำคัญ
มันคือตัวหล่อลื่นเพื่อลดการสึกหรอ ลดความร้อน
ควรเอาใจใส่มากหน่อย
เพราะค่าซ่อมหรือเปลี่ยนเกียร์ใหม่มันแพง
ไม่ว่าจะเป็นระยะทาง
หรือถึงเวลาที่จะต้องได้รับการเปลี่ยนถ่าย
ตรวจเช็กระดับน้ำมันหล่อลื่น


ไม่ขับแบบลากเกียร์ใช้รอบสูงอย่างต่อเนื่อง
ด้วยเกียร์ 3-4 ใส่เกียร์ในตำแหน่ง D
แล้วปล่อยให้มันทำงานไปตามเรื่องตามราว
อย่าทำตัวเป็นพวกรู้มากเก๋าเกม
นักขับบางคนชอบให้โหมดแมนนวลในเกียร์ออโต
โดยเปลี่ยนเกียร์ไปตามจังหวะของตัวเอง
แทนที่จะปล่อยให้ ECU จัดการไปตามโปรแกรม
คลัตช์ของเกียร์ออโตจะสึกหรอเร็วกว่าการขับแบบปกติ
ทำให้เกียร์มีอายุการใช้งานหดสั้นลง


[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่