Ná alya i vinya loa สวัสดีปีใหม่ครับทุกท่าน แฟนๆ The Lord of the Rings และ The Hobbit ยังสุขกายสบายใจกันดีไหมเอ่ย
ปีใหม่นี้ขอเริ่มบทความเกี่ยวกับมิดเดิ้ลเอิร์ธ ตามที่สัญญาค้างไว้เมื่อปีก่อนนะขอรับ คราวนี้จะเล่าเกี่ยวกับ เอเลสซาร์ ศิลาพราย (Elessar Elfstone) อัญมณีประจำตัวของอารากอนและกลายเป็นชื่อที่อารากอนใช้เมื่อครองราชย์
บทความเก่า ตอนที่ 1-4
ตอนที่ 1 ว่าด้วยพ่อมด
http://pantip.com/topic/33002070
ตอนที่ 2 ว่าด้วยธรันดูอิลและอาณาจักรป่า
http://pantip.com/topic/33007306
ตอนที่ 3 ว่าว่าด้วยลอธลอริเอน นิมรอเดลและอัมรอธ
http://pantip.com/topic/33015663
ตอนที่ 4 ว่าด้วยกาลาเดรียลและเคเลบอร์น
http://pantip.com/topic/33017873
ใครที่ไม่เคยอ่าน LOTR ฉบับหนังสืออาจจะไม่รู้จักเอเลสซาร์ว่ามันคืออะไร มีความสำคัญอย่างไร เอเลสซาร์ เป็นอัญมณีสีเขียวใสคล้ายมรกตประดับอยู่บนเข็มกลัดเงินที่ทำเป็นรูปนกอินทรีสยายปีก กำเนิดของอัญมณีชิ้นนี้มีอยู่สองแบบด้วยกัน ตามหนังสือเกร็ดตำนานที่จารมิจบ (Unfinished Tales) อย่างไรก็ตามอัญมณีชิ้นนี้ตกเป็นของเลดี้กาลาเดรียล (Galadriel) ซึ่งนางมอบให้แก่ธิดาของนางเคเลบรีอันท์ (Celebrian) และนางมอบต่อให้กับอาร์เวน (Arwen) ธิดาของนาง ก่อนที่อาร์เวนจะคืนให้กับกาลาเดรียลผู้เป็นยาย เมื่อเกิดเหตุการณ์ใน LOTR คณะพันธมิตรแห่งแหวนเดินทางมายังลอธลอริเอน กาลาเดรียลได้มอบของขวัญแก่สมาชิกแต่ละคน สำหรับอารากอนนั้นนางมอบฝักดาบอันดูริลและมณีเอเลสซาร์พร้อมกับมอบนามให้กับอารากอนที่จะใช้ในการขึ้นเป็นกษัตริย์เหนืออาณาจักรกอนดอร์และอานอร์ กษัตริย์เอเลสซาร์นั่นเอง ส่วนในฉบับภาพยนตร์ เอเลสซาร์ถูกแทนที่ด้วยจี้เอเวนสตาร์ (Evenstar necklace) มอบให้โดยอาร์เวนแทน
เอเลสซาร์ดวงแรก
กำเนิดของมณีเอเลสซาร์นั้นย้อนไปยังยุคที่หนึ่งของตะวัน ในอาณาจักรลับแลแห่งกอนโดลิน (Gondolin) ในครั้งนั้นมีช่างมณีเอล์ฟที่มีฝีมือล้ำเลิศในหมู่โนลดอร์เป็นรองเพียงเฟอานอร์นามว่า เอแนร์ดิล (Enerdhil) เอแนร์ดิลหลงไหลในทุกสิ่งที่เป็นสีเขียวเจริญงอกงาม เหนือสิ่งอื่นใดคือแสงตะวันที่ส่องทะลุหมู่ไม้ เขาจึงปรารถนาที่จะสร้างมณีขึ้นดวงหนึ่ง มณีที่จักพิทักษ์รักษาแสงรัศมีแห่งดวงตะวัน หากแต่มณีนั้นจักต้องเป็นสีเขียวเช่นใบไม้ที่เขารัก เมื่ออัญมณีดวงนี้สร้างสำเร็จผล แม้กระทั่งเหล่าเอล์ฟโนลดอร์ก็ต้องพิศวง กล่าวกันว่าผู้ใดที่มองเข้าไปในมณีเขียวใสดวงนี้หรือได้สัมผัสมันจะคืนสู่ความเยาว์วัย แม้กระทั่งความป่วยไข้ใดๆจักได้รับการเยียวยา
เอแนร์ดิลมอบมณีเอเลสซาร์เป็นกำนัลแด่อิดริล (Idril) พระธิดาองค์เดียวของเจ้าเหนือหัวแห่งกอนโดลิน กษัตริย์ทัวร์กอน (Turgon) เมื่อนครกอนโดลินล่มสลายอิดริล ทูออร์ (Tuor) สามีของนางและเออาเรนดิล (Earendil) ผู้บุตร ได้หลบหนีออกจากนครไปรวบรวมผู้คนยังซิริออน นางมอบมณีดวงนี้แก่บุตรชาย และเขาใช้มันเพื่อเยียวยาความเศร้าโศกและเจ็บปวดทั้งมนุษย์ เอล์ฟและสรรพสัตว์ที่อาศัยอยู่ ณ ที่นั้น ก่อนที่เขาจะออกเดินทางไปยังวาลินอร์เพื่อขออภัยโทษจากปวงเทพวาลาร์ เขานำมณีดวงนี้ไปด้วยพร้อยด้วยซิลมาริล และเอเลสซาร์ดวงแรกก็หายไปจากแผ่นดินมิดเดิ้ลเอิร์ธ
หลังจากนี้ตำนานของเอเลสซาร์แยกเป็นสองชุดก่อนที่ตกทอดมาถึงมือของกาลาเดรียล ชุดแรกจะเป็นการหวนคืนมิดเดิ้ลเอิร์ธของเอเลสซาร์ ขณะที่อีกชุดหนึ่ง เป็นการสร้างเอเลสซาร์ดวงที่สอง
การหวนคืนมิดเดิ้ลเอิร์ธของเอเลสซาร์
หลังจากที่เออาเรนดิลนำมณีเอเลสซาร์ข้ามทะเลไปยังวาลินอร์ เวลาได้ผ่านไปนับยุค จนกระทั่งยุคที่สาม มิดเดิ้ลเอิร์ธมีผู้มาเยือนกลุ่มใหม่จากทางตะวันตก ผู้มาเยือนทั้งห้าถูกเรียกขานว่า อิสตารี (Istari) หรือรู้จักในหมู่มนุษย์ว่า พ่อมด นั่นเอง
ในครานั้นหนึ่งในห้าได้มาพบกับท่านหญิงแห่งโนลดอร์ ยังป่าใหญ่กรีนวู้ด (ต้นฉบับเป็นป่ากรีนวู้ด แต่ไม่มั่นใจว่าช่วงนั้นกาลาเดรียลไปปกครองลอริเอนหรือยัง) โอโลริน (Olorin) หรือมิธรันเดียร์ (Mithrandir) นั่นเอง เขานำมณีเอเลสซาร์ติดตัวมาด้วย ทั้งสองได้สนธนากันมากมาย กาลาเดรียลนั้นจากบ้านเกิดมานาน นางปรารถนาจะรับข่าวคราวความเป็นไปที่บังเกิดแก่พี่น้องของนางบนดินแดนศํกดิ์สิทธิ์ ภาระของท่านหญิงแห่งโนลดอร์นั้นหนักอึ้ง หากแต่นางยังคงปฏิเสธที่จะละทิ้งแผ่นดินมิดเดิ้ลเอิร์ธ
กาลาเดรียลกล่าวแก่โอโลริน “ข้าเศร้าใจนักต่อแผ่นดินมิดเดิ้ลเอิร์ธ ด้วยใบไม้ที่ร่วงโรยและมวลบุปผาที่ต้องอับเฉาไป ข้ายังคงรำลึกถึงถึงมวลพฤกษาและผืนหญ้าอันยืนยงเป็นนิรันดร์ ข้าปรารถนาจะมีสิ่งเหล่านี้ในที่พำนักของข้า”
และโอโลรินได้ตอบไปว่า “เช่นนั้นแล้วท่านมีเอเลสซาร์หรือไม่เล่า?”
กาลาเดรียลจึงตอบไปว่า “ศิลาของเออาเรนดิลอยู่ ณ ที่แห่งใดเล่า? ทั้งเอแนร์ดิลผู้สร้างมันขึ้นก็ได้จากไปแล้ว”
“เช่นนั้นหรือ?” โอโลรินถามขึ้น
“แน่นอน” กาลาเดรียลตอบ “มณีดวงนั้นข้ามห้วงสมุทรไปแล้ว สู่แดนตะวันตกเฉกเช่นสิ่งอันงดงามทั้งหลาย แต่ในมิดเดิ้ลเอิร์ธแห่งนี้สิ่งต่างๆจักค่อยๆจากหายและแตกดับไป”
“นั่นเป็นชะตากรรม” โอโลรินเอ่ย “หากแต่สิ่งนั้นยังพอชะลอไปก่อนได้ หากเอเลสซาร์หวนคืน จนกว่าวันเวลาของเหล่ามนุษย์จะมาถึง”
“ถ้า…กระนั้นหรือ? จะเป็นไปได้อย่างไรเล่า?” กาลาเดรียลข้องใจ “เป็นที่แน่นอนว่าเหล่าวาลาร์ได้วางมือจากมิดเดิ้ลเอิร์ธเสียแล้ว และมิได้ใส่ใจว่าจะมีผู้ใดชักนำแผ่นดินนี้ไปสู่เงามืดเลย”
“มิได้เป็นเช่นนั้นดอก” โอโลรินตอบคำ “ดวงตาของพวกพระองค์มิได้มืดบอดเช่นเดียวกับจิตใจที่มิได้เย็นชา จงมองดูสิ่งนี้เถิด”
โอโลรินจึงได้แสดงสิ่งหนึ่งต่อหน้ากาลาเดรียล เอเลสซาร์นั่นเอง นางมองมณีดวงนั้นด้วยความประหลาดใจ โอโลรินจึงได้เผยแก่นางว่า “ข้านำสิ่งนี้มาตามพระราชเสาวนีย์ของเทพียาวันนาร์ (Yavanna) พระแม่ธรณี จงใช้มันเถิด แม้จักเพียงชั่วระยะเวลาหนึ่งที่ท่านอาจสร้างอาณาจักรภายใต้ปกครองของท่านเอง อาณาจักรอันงดงามที่สุดบนแผ่นดินมิดเดิ้ลเอิร์ธนี้ แต่มันมิได้ถูกส่งมาเพื่อท่าน จงส่งมอบต่อไปเมื่อเวลานั้นมาถึง ด้วยเมื่อท่านเหนื่อยล้าและละไปยังทิศประจิม จะมีบุรุษผู้หนึ่งมารับมันไป และเขาจะได้รับนามตามศิลาดวงนี้ เอเลสซาร์จักเป็นนามของเขา”
เกร็ดตำนาน Middle-earth Tales part V ว่าด้วย เอเลสซาร์ (The Elessar)
Ná alya i vinya loa สวัสดีปีใหม่ครับทุกท่าน แฟนๆ The Lord of the Rings และ The Hobbit ยังสุขกายสบายใจกันดีไหมเอ่ย
ปีใหม่นี้ขอเริ่มบทความเกี่ยวกับมิดเดิ้ลเอิร์ธ ตามที่สัญญาค้างไว้เมื่อปีก่อนนะขอรับ คราวนี้จะเล่าเกี่ยวกับ เอเลสซาร์ ศิลาพราย (Elessar Elfstone) อัญมณีประจำตัวของอารากอนและกลายเป็นชื่อที่อารากอนใช้เมื่อครองราชย์
บทความเก่า ตอนที่ 1-4
ตอนที่ 1 ว่าด้วยพ่อมด http://pantip.com/topic/33002070
ตอนที่ 2 ว่าด้วยธรันดูอิลและอาณาจักรป่า http://pantip.com/topic/33007306
ตอนที่ 3 ว่าว่าด้วยลอธลอริเอน นิมรอเดลและอัมรอธ http://pantip.com/topic/33015663
ตอนที่ 4 ว่าด้วยกาลาเดรียลและเคเลบอร์น http://pantip.com/topic/33017873
ใครที่ไม่เคยอ่าน LOTR ฉบับหนังสืออาจจะไม่รู้จักเอเลสซาร์ว่ามันคืออะไร มีความสำคัญอย่างไร เอเลสซาร์ เป็นอัญมณีสีเขียวใสคล้ายมรกตประดับอยู่บนเข็มกลัดเงินที่ทำเป็นรูปนกอินทรีสยายปีก กำเนิดของอัญมณีชิ้นนี้มีอยู่สองแบบด้วยกัน ตามหนังสือเกร็ดตำนานที่จารมิจบ (Unfinished Tales) อย่างไรก็ตามอัญมณีชิ้นนี้ตกเป็นของเลดี้กาลาเดรียล (Galadriel) ซึ่งนางมอบให้แก่ธิดาของนางเคเลบรีอันท์ (Celebrian) และนางมอบต่อให้กับอาร์เวน (Arwen) ธิดาของนาง ก่อนที่อาร์เวนจะคืนให้กับกาลาเดรียลผู้เป็นยาย เมื่อเกิดเหตุการณ์ใน LOTR คณะพันธมิตรแห่งแหวนเดินทางมายังลอธลอริเอน กาลาเดรียลได้มอบของขวัญแก่สมาชิกแต่ละคน สำหรับอารากอนนั้นนางมอบฝักดาบอันดูริลและมณีเอเลสซาร์พร้อมกับมอบนามให้กับอารากอนที่จะใช้ในการขึ้นเป็นกษัตริย์เหนืออาณาจักรกอนดอร์และอานอร์ กษัตริย์เอเลสซาร์นั่นเอง ส่วนในฉบับภาพยนตร์ เอเลสซาร์ถูกแทนที่ด้วยจี้เอเวนสตาร์ (Evenstar necklace) มอบให้โดยอาร์เวนแทน
เอเลสซาร์ดวงแรก
กำเนิดของมณีเอเลสซาร์นั้นย้อนไปยังยุคที่หนึ่งของตะวัน ในอาณาจักรลับแลแห่งกอนโดลิน (Gondolin) ในครั้งนั้นมีช่างมณีเอล์ฟที่มีฝีมือล้ำเลิศในหมู่โนลดอร์เป็นรองเพียงเฟอานอร์นามว่า เอแนร์ดิล (Enerdhil) เอแนร์ดิลหลงไหลในทุกสิ่งที่เป็นสีเขียวเจริญงอกงาม เหนือสิ่งอื่นใดคือแสงตะวันที่ส่องทะลุหมู่ไม้ เขาจึงปรารถนาที่จะสร้างมณีขึ้นดวงหนึ่ง มณีที่จักพิทักษ์รักษาแสงรัศมีแห่งดวงตะวัน หากแต่มณีนั้นจักต้องเป็นสีเขียวเช่นใบไม้ที่เขารัก เมื่ออัญมณีดวงนี้สร้างสำเร็จผล แม้กระทั่งเหล่าเอล์ฟโนลดอร์ก็ต้องพิศวง กล่าวกันว่าผู้ใดที่มองเข้าไปในมณีเขียวใสดวงนี้หรือได้สัมผัสมันจะคืนสู่ความเยาว์วัย แม้กระทั่งความป่วยไข้ใดๆจักได้รับการเยียวยา
เอแนร์ดิลมอบมณีเอเลสซาร์เป็นกำนัลแด่อิดริล (Idril) พระธิดาองค์เดียวของเจ้าเหนือหัวแห่งกอนโดลิน กษัตริย์ทัวร์กอน (Turgon) เมื่อนครกอนโดลินล่มสลายอิดริล ทูออร์ (Tuor) สามีของนางและเออาเรนดิล (Earendil) ผู้บุตร ได้หลบหนีออกจากนครไปรวบรวมผู้คนยังซิริออน นางมอบมณีดวงนี้แก่บุตรชาย และเขาใช้มันเพื่อเยียวยาความเศร้าโศกและเจ็บปวดทั้งมนุษย์ เอล์ฟและสรรพสัตว์ที่อาศัยอยู่ ณ ที่นั้น ก่อนที่เขาจะออกเดินทางไปยังวาลินอร์เพื่อขออภัยโทษจากปวงเทพวาลาร์ เขานำมณีดวงนี้ไปด้วยพร้อยด้วยซิลมาริล และเอเลสซาร์ดวงแรกก็หายไปจากแผ่นดินมิดเดิ้ลเอิร์ธ
หลังจากนี้ตำนานของเอเลสซาร์แยกเป็นสองชุดก่อนที่ตกทอดมาถึงมือของกาลาเดรียล ชุดแรกจะเป็นการหวนคืนมิดเดิ้ลเอิร์ธของเอเลสซาร์ ขณะที่อีกชุดหนึ่ง เป็นการสร้างเอเลสซาร์ดวงที่สอง
การหวนคืนมิดเดิ้ลเอิร์ธของเอเลสซาร์
หลังจากที่เออาเรนดิลนำมณีเอเลสซาร์ข้ามทะเลไปยังวาลินอร์ เวลาได้ผ่านไปนับยุค จนกระทั่งยุคที่สาม มิดเดิ้ลเอิร์ธมีผู้มาเยือนกลุ่มใหม่จากทางตะวันตก ผู้มาเยือนทั้งห้าถูกเรียกขานว่า อิสตารี (Istari) หรือรู้จักในหมู่มนุษย์ว่า พ่อมด นั่นเอง
ในครานั้นหนึ่งในห้าได้มาพบกับท่านหญิงแห่งโนลดอร์ ยังป่าใหญ่กรีนวู้ด (ต้นฉบับเป็นป่ากรีนวู้ด แต่ไม่มั่นใจว่าช่วงนั้นกาลาเดรียลไปปกครองลอริเอนหรือยัง) โอโลริน (Olorin) หรือมิธรันเดียร์ (Mithrandir) นั่นเอง เขานำมณีเอเลสซาร์ติดตัวมาด้วย ทั้งสองได้สนธนากันมากมาย กาลาเดรียลนั้นจากบ้านเกิดมานาน นางปรารถนาจะรับข่าวคราวความเป็นไปที่บังเกิดแก่พี่น้องของนางบนดินแดนศํกดิ์สิทธิ์ ภาระของท่านหญิงแห่งโนลดอร์นั้นหนักอึ้ง หากแต่นางยังคงปฏิเสธที่จะละทิ้งแผ่นดินมิดเดิ้ลเอิร์ธ
กาลาเดรียลกล่าวแก่โอโลริน “ข้าเศร้าใจนักต่อแผ่นดินมิดเดิ้ลเอิร์ธ ด้วยใบไม้ที่ร่วงโรยและมวลบุปผาที่ต้องอับเฉาไป ข้ายังคงรำลึกถึงถึงมวลพฤกษาและผืนหญ้าอันยืนยงเป็นนิรันดร์ ข้าปรารถนาจะมีสิ่งเหล่านี้ในที่พำนักของข้า”
และโอโลรินได้ตอบไปว่า “เช่นนั้นแล้วท่านมีเอเลสซาร์หรือไม่เล่า?”
กาลาเดรียลจึงตอบไปว่า “ศิลาของเออาเรนดิลอยู่ ณ ที่แห่งใดเล่า? ทั้งเอแนร์ดิลผู้สร้างมันขึ้นก็ได้จากไปแล้ว”
“เช่นนั้นหรือ?” โอโลรินถามขึ้น
“แน่นอน” กาลาเดรียลตอบ “มณีดวงนั้นข้ามห้วงสมุทรไปแล้ว สู่แดนตะวันตกเฉกเช่นสิ่งอันงดงามทั้งหลาย แต่ในมิดเดิ้ลเอิร์ธแห่งนี้สิ่งต่างๆจักค่อยๆจากหายและแตกดับไป”
“นั่นเป็นชะตากรรม” โอโลรินเอ่ย “หากแต่สิ่งนั้นยังพอชะลอไปก่อนได้ หากเอเลสซาร์หวนคืน จนกว่าวันเวลาของเหล่ามนุษย์จะมาถึง”
“ถ้า…กระนั้นหรือ? จะเป็นไปได้อย่างไรเล่า?” กาลาเดรียลข้องใจ “เป็นที่แน่นอนว่าเหล่าวาลาร์ได้วางมือจากมิดเดิ้ลเอิร์ธเสียแล้ว และมิได้ใส่ใจว่าจะมีผู้ใดชักนำแผ่นดินนี้ไปสู่เงามืดเลย”
“มิได้เป็นเช่นนั้นดอก” โอโลรินตอบคำ “ดวงตาของพวกพระองค์มิได้มืดบอดเช่นเดียวกับจิตใจที่มิได้เย็นชา จงมองดูสิ่งนี้เถิด”
โอโลรินจึงได้แสดงสิ่งหนึ่งต่อหน้ากาลาเดรียล เอเลสซาร์นั่นเอง นางมองมณีดวงนั้นด้วยความประหลาดใจ โอโลรินจึงได้เผยแก่นางว่า “ข้านำสิ่งนี้มาตามพระราชเสาวนีย์ของเทพียาวันนาร์ (Yavanna) พระแม่ธรณี จงใช้มันเถิด แม้จักเพียงชั่วระยะเวลาหนึ่งที่ท่านอาจสร้างอาณาจักรภายใต้ปกครองของท่านเอง อาณาจักรอันงดงามที่สุดบนแผ่นดินมิดเดิ้ลเอิร์ธนี้ แต่มันมิได้ถูกส่งมาเพื่อท่าน จงส่งมอบต่อไปเมื่อเวลานั้นมาถึง ด้วยเมื่อท่านเหนื่อยล้าและละไปยังทิศประจิม จะมีบุรุษผู้หนึ่งมารับมันไป และเขาจะได้รับนามตามศิลาดวงนี้ เอเลสซาร์จักเป็นนามของเขา”