ตอนที่ 1 ลิม่า เมืองหลวงเปรู
http://pantip.com/topic/33025388
ตอนที่ 2 มาชู ปิกชู
http://pantip.com/topic/33042574
สวัสดีค่า มาต่อกันดีกว่านะคะ หลังจากที่เสร็จจากมาชู ปิกชู เราก็ได้ไปสำรวจอีกหลายที่ด้วยกัน ทั้ง Aguas Calientes (เมืองที่ตั้งของมาชู ปิกชู), Ollantaytambo (โอยันตัยตัมโบ), Urubamba (อูรูบัมบา), ซากปรังหักพังชาวอินคา Pisaq และ Moray, และ ตัวเมือง Cusco (คุสโก) สำหรับเมืองสุดท้ายจะขอเก็บไว้เล่าทีหลังเป็นไฮไลท์นะคะ (เปล่าหรอก จริงๆ ขึ้เกียจ ยังไม่ได้ออกไปเที่ยวไหนเลย 555)
อย่างไรก็ตามเพียงแค่สถานที่ต่างๆข้างต้น ก็มีอะไรสนุกสนาน ระทึกๆได้คับแก้วเหมือนกัน ว่าแล้วก็มาเริ่มกันเลยดีกว่าค่ะ
1.) Aguas Calientes
เมืองนี้ก็ไม่มีอะไรมาก เพราะเป็นเพียงจุดที่พักสำหรับคนที่จะไปเที่ยวมาชู ปิกชูเท่านั้น เนื่องจากตั้งอยู่ห่างจากสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ทำให้คนมักจะไม่พักที่นี่นานเกินวันสองวัน อีกทั้งข้าวของที่นี่ก็ยังมีราคาแพงอีกด้วย เพราะต้องลำเลียงขึ้นไปโดยรถไฟเท่านั้น แต่ภายในเมืองนอกจากที่พักต่างๆ ก็จะมีร้านขายของที่ระลึก และร้านอาหารเยอะพอสมควร รวมทั้งวิวที่นี่ก็ไม่ได้เป็นรองใครเลยค่ะ
*จริงๆแล้วเมืองนี้มีน้ำพุร้อนด้วยนะคะ แต่เราแค่ไม่ได้ไปเท่านั้นเอง และเป็นที่มาของชื่อเมือง Aguas Calientes ซึ่งก็แปลว่าน้ำร้อนนั่นเองค่ะ

ต้นคริสต์มาสทำจากขวดพลาสติก

ชิมพาสต้าซักหน่อย

ตลาดนัดขายของที่ระลึก และสินค้า handmade ต่างๆ

ได้เจ้าตัวนี้มาหนึ่งตัว ^^
2.) Ollantaytambo
คนที่นี่เรียกสั้นๆว่า โอยันตา ชื่อดูน่าปวดหัว แต่เมืองจริงๆแล้วเป็นเมืองเล็กๆ ตั้งอยู่ห่างจากมาชู ปิกชูประมาณ 3-4 ชั่วโมงรถไฟ ที่เมืองนี้จะคล้ายๆ Aguas Calientes ต่างกันที่ว่าจะมีซากปรักหักพังเป็นภูเขาให้ขึ้นไปเดินเล่นได้ แต่ต้องซื้อบัตรหน้าประตูก่อน บัตรมีหลายแบบ จะซื้อแบบที่เดียว หรือจะแบบเหมารวม 16 ที่ก้ได้ ส่วนตัวซื้อแบบเหมา ซึ่งสำหรับคนต่างชาติทั่วไปประมาณ 1200 บาท แต่ถ้ามีบัตรนักเรียน นักศึกษาแล้ว จะเหลืออยู่หกร้อยกว่าบาท
ภายในตัวเมืองแม้ว่าจะมีนักท่องเทียวต่างชาติมากมาย แต่ว่าคนท้องถิ่นที่นี่ก็ยังคงขนบธรรมเนียม การแต่งกายดั่งเดิมของตนเองไว้ โดยคนที่นี่จะพูดทั้งภาษาสเปนและภาษาท้องถิ่นของตนเอง ชื่อว่า Quechuan (เกชวน)
**ตอนนั้นมือถือเมมหมด เลยไม่ค่อยได้ถ่ายรูปอะไรมาก มีมาให้แค่นี้อะค่ะ**
3.) Urubamba (อูรูบัมบา)
เป็นเมืองเล็กๆอยู่ห่างจากโอยันตาประมาณสี่สิบนาทีขับรถ ที่นี่แทบไม่มีอะไรเลยค่ะ ส่วนใหญ่เป็นแค่ชุมชนเล็กๆ โรงแรมที่พัก เราเอาไว้เป็นที่นอนเฉยๆ แต่บ้านพักที่เราอยู่สวยมากกก แต่แค่แอบแพงไปนิด
อันนี้เป้นวิวจากที่พักเราทั้งหมดเลยค่ะ

ประเทศนี้ถือว่าสีเหลืองเป็นสีนำโชคค่ะ เพราะฉะนั้นงานปาร์ตี้ปีใหม่จึงเป็นธีมสีเหลืองนั่นเอง
4.) Moray (โมราย)
เป็นอีกซากปรักหักพังหนึ่งของชาวอินคา ลักษณะเป็นที่ดินขั้นบันไดแบบกลมๆ สำหรับสาเหตุที่สร้างยังไม่เป็นที่แน่ชัดนัก คาดว่าน่าจะเป็นที่สำหรับทดลองเกษตรกรรม นักท่องเที่ยวไม่สามารถเดินเข้าไปในบริเวณกลมๆได้ ต้องเดินอยู่แต่รอบๆเท่านั้น สถานที่นี้เดินสำรวจไม่ยากนัก แค่เดินเป็นวงกลมรอบๆประมาณ 20-30 นาทีก็ครบแล้ว
5.) Pisaq (ปิซัค)
ซากปรักหักพังของชาวอินคาแห่งนี้เป็นอีกไฮไลท์หนึ่งเลยก็ว่าได้ค่ะ เพราะกว่าจะสำรวจทั่ว ก็เรียกได้ว่าแทบลากเลือดกันเลยทีเดียว เพราะต้องขึ้นลงเขาเป็นเวลาเกือบ 6 ชั่วโมง แต่อย่างไรก็ตามเราสามารถเลือกเลเวลได้ค่ะ ถ้าอยากได้แบบฮาร์ดคอร์ ก็ขึ้นลงหกชั่วโมง แต่ถ้ายากน้อยกว่านี้นิดหน่อย ก็เดินขึ้น แล้วนั่งรถลง ส่วนวิธีที่เป็นที่นิยมมากที่สุดคือ นั่งรถขึ้นแล้วเดินลงค่ะ ส่วนตัวเรา ตอนแรกฟิตจัดอยากทั้งเดินขึ้นลง แต่เดินขึ้นไปถึงเกือบสามชั่วโมงเท่านั้นและค่ะ ขอโบกรถลงดีกว่า 555
6.) Las Salineras (ลาส ซาลิเนราส)
เป็นเหมืองเกลือชุมชนที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเยี่ยมชมได้ค่ะ โดยเก็บค่าเข้าชมประมาณ 150 บาท ภายในนอกจากเหมืองแล้ว ก็มีร้านขายของที่ระลึกต่างๆค่ะ
ทางด้านหน้าค่ะ
แล้วมาติดตามชมตอนต่อไปกันนะคะ
แบกเป้ ฉายเดี่ยว เที่ยวเปรู ตอนที่ 3 เที่ยวเหมือง ขึ้นเขา ตะลุยเมือง
ตอนที่ 2 มาชู ปิกชู http://pantip.com/topic/33042574
สวัสดีค่า มาต่อกันดีกว่านะคะ หลังจากที่เสร็จจากมาชู ปิกชู เราก็ได้ไปสำรวจอีกหลายที่ด้วยกัน ทั้ง Aguas Calientes (เมืองที่ตั้งของมาชู ปิกชู), Ollantaytambo (โอยันตัยตัมโบ), Urubamba (อูรูบัมบา), ซากปรังหักพังชาวอินคา Pisaq และ Moray, และ ตัวเมือง Cusco (คุสโก) สำหรับเมืองสุดท้ายจะขอเก็บไว้เล่าทีหลังเป็นไฮไลท์นะคะ (เปล่าหรอก จริงๆ ขึ้เกียจ ยังไม่ได้ออกไปเที่ยวไหนเลย 555)
อย่างไรก็ตามเพียงแค่สถานที่ต่างๆข้างต้น ก็มีอะไรสนุกสนาน ระทึกๆได้คับแก้วเหมือนกัน ว่าแล้วก็มาเริ่มกันเลยดีกว่าค่ะ
1.) Aguas Calientes
เมืองนี้ก็ไม่มีอะไรมาก เพราะเป็นเพียงจุดที่พักสำหรับคนที่จะไปเที่ยวมาชู ปิกชูเท่านั้น เนื่องจากตั้งอยู่ห่างจากสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ทำให้คนมักจะไม่พักที่นี่นานเกินวันสองวัน อีกทั้งข้าวของที่นี่ก็ยังมีราคาแพงอีกด้วย เพราะต้องลำเลียงขึ้นไปโดยรถไฟเท่านั้น แต่ภายในเมืองนอกจากที่พักต่างๆ ก็จะมีร้านขายของที่ระลึก และร้านอาหารเยอะพอสมควร รวมทั้งวิวที่นี่ก็ไม่ได้เป็นรองใครเลยค่ะ
*จริงๆแล้วเมืองนี้มีน้ำพุร้อนด้วยนะคะ แต่เราแค่ไม่ได้ไปเท่านั้นเอง และเป็นที่มาของชื่อเมือง Aguas Calientes ซึ่งก็แปลว่าน้ำร้อนนั่นเองค่ะ
ต้นคริสต์มาสทำจากขวดพลาสติก
ชิมพาสต้าซักหน่อย
ตลาดนัดขายของที่ระลึก และสินค้า handmade ต่างๆ
ได้เจ้าตัวนี้มาหนึ่งตัว ^^
2.) Ollantaytambo
คนที่นี่เรียกสั้นๆว่า โอยันตา ชื่อดูน่าปวดหัว แต่เมืองจริงๆแล้วเป็นเมืองเล็กๆ ตั้งอยู่ห่างจากมาชู ปิกชูประมาณ 3-4 ชั่วโมงรถไฟ ที่เมืองนี้จะคล้ายๆ Aguas Calientes ต่างกันที่ว่าจะมีซากปรักหักพังเป็นภูเขาให้ขึ้นไปเดินเล่นได้ แต่ต้องซื้อบัตรหน้าประตูก่อน บัตรมีหลายแบบ จะซื้อแบบที่เดียว หรือจะแบบเหมารวม 16 ที่ก้ได้ ส่วนตัวซื้อแบบเหมา ซึ่งสำหรับคนต่างชาติทั่วไปประมาณ 1200 บาท แต่ถ้ามีบัตรนักเรียน นักศึกษาแล้ว จะเหลืออยู่หกร้อยกว่าบาท
ภายในตัวเมืองแม้ว่าจะมีนักท่องเทียวต่างชาติมากมาย แต่ว่าคนท้องถิ่นที่นี่ก็ยังคงขนบธรรมเนียม การแต่งกายดั่งเดิมของตนเองไว้ โดยคนที่นี่จะพูดทั้งภาษาสเปนและภาษาท้องถิ่นของตนเอง ชื่อว่า Quechuan (เกชวน)
**ตอนนั้นมือถือเมมหมด เลยไม่ค่อยได้ถ่ายรูปอะไรมาก มีมาให้แค่นี้อะค่ะ**
3.) Urubamba (อูรูบัมบา)
เป็นเมืองเล็กๆอยู่ห่างจากโอยันตาประมาณสี่สิบนาทีขับรถ ที่นี่แทบไม่มีอะไรเลยค่ะ ส่วนใหญ่เป็นแค่ชุมชนเล็กๆ โรงแรมที่พัก เราเอาไว้เป็นที่นอนเฉยๆ แต่บ้านพักที่เราอยู่สวยมากกก แต่แค่แอบแพงไปนิด
อันนี้เป้นวิวจากที่พักเราทั้งหมดเลยค่ะ
ประเทศนี้ถือว่าสีเหลืองเป็นสีนำโชคค่ะ เพราะฉะนั้นงานปาร์ตี้ปีใหม่จึงเป็นธีมสีเหลืองนั่นเอง
4.) Moray (โมราย)
เป็นอีกซากปรักหักพังหนึ่งของชาวอินคา ลักษณะเป็นที่ดินขั้นบันไดแบบกลมๆ สำหรับสาเหตุที่สร้างยังไม่เป็นที่แน่ชัดนัก คาดว่าน่าจะเป็นที่สำหรับทดลองเกษตรกรรม นักท่องเที่ยวไม่สามารถเดินเข้าไปในบริเวณกลมๆได้ ต้องเดินอยู่แต่รอบๆเท่านั้น สถานที่นี้เดินสำรวจไม่ยากนัก แค่เดินเป็นวงกลมรอบๆประมาณ 20-30 นาทีก็ครบแล้ว
5.) Pisaq (ปิซัค)
ซากปรักหักพังของชาวอินคาแห่งนี้เป็นอีกไฮไลท์หนึ่งเลยก็ว่าได้ค่ะ เพราะกว่าจะสำรวจทั่ว ก็เรียกได้ว่าแทบลากเลือดกันเลยทีเดียว เพราะต้องขึ้นลงเขาเป็นเวลาเกือบ 6 ชั่วโมง แต่อย่างไรก็ตามเราสามารถเลือกเลเวลได้ค่ะ ถ้าอยากได้แบบฮาร์ดคอร์ ก็ขึ้นลงหกชั่วโมง แต่ถ้ายากน้อยกว่านี้นิดหน่อย ก็เดินขึ้น แล้วนั่งรถลง ส่วนวิธีที่เป็นที่นิยมมากที่สุดคือ นั่งรถขึ้นแล้วเดินลงค่ะ ส่วนตัวเรา ตอนแรกฟิตจัดอยากทั้งเดินขึ้นลง แต่เดินขึ้นไปถึงเกือบสามชั่วโมงเท่านั้นและค่ะ ขอโบกรถลงดีกว่า 555
6.) Las Salineras (ลาส ซาลิเนราส)
เป็นเหมืองเกลือชุมชนที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเยี่ยมชมได้ค่ะ โดยเก็บค่าเข้าชมประมาณ 150 บาท ภายในนอกจากเหมืองแล้ว ก็มีร้านขายของที่ระลึกต่างๆค่ะ
ทางด้านหน้าค่ะ
แล้วมาติดตามชมตอนต่อไปกันนะคะ