...วันก่อน
ขับรถกลับบ้าน ขณะอยู่บนถนนมิตรภาพ
... มีมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งวิ่งอยู่ข้างหน้า ขับเร็วพอๆกะรถผม( 80 km/h)
... อยู่ดีๆมอไซค์คันนั้นก็วิ่งส่ายไปมา แล้วกระแทกเข้ากับท้ายรถบรรทุกที่จอดอยู่ข้างถนน
... รถมอไซค์แหลกกระจุย คนขับมอเตอร์ไซค์กระเด็นไปประมาณสิบเมตร แล้วก็แน่นิ่งไป
... ผมอึ้งกับเหตุการณ์นี้อยู่ชั่วขณะหนึ่ง แล้วก็จอดรถ โทรศัพท์หา Resus ที่ รพ.ศรีนครินทร์ น้องเฉิน รับโทรศัพท์ แล้วก็รีบออกมาทันที
.. ผมหาถุงก็อบแก็บในรถทำเป็นถุงมือ แล้วไป primary survey คนไข้ระหว่างรอทีม EMS
... คนแถบนั้นยืนมุงดูผมเต็มไปหมด หลายๆคนเอามือถือขึ้นมาเก็บภาพเหตุการณ์ไว้
... ซักพักก็มีเสียงเรียก "อ้าวเจ็ม ..."โค้ช" โผล่มาจากไหนไม่รู้ มาช่วยผมอีกแรง( 555 ขอบคุณครับพี่โค้ช)
... แค่ชั่วอึดใจเดียว รถ EMS ก็มาถึง แล้วก็นำคนไข้ขึ้นรถ พยาบาล ส่งตัวต่อไปยัง รพ.ศรีนครินทร์ (ไวมาก มืออาชีพจริงๆครับ )
... ผมยังตื่นเต้นไม่หาย แต่ก็รู้สึกภูมิใจ ที่ได้ใช้วิชาความรู้ที่เรียนมา ไปช่วยคนไข้ในชีวิตจริง
... หลังจากวันนั้น ผมนำเหตุการณ์ดังกล่าว ไปเล่าให้ญาติผู้ใหญ่ของผมฟัง (หวังว่าท่านคงจะชื่นชมและภูมิใจในตัวผม)
.... แต่ท่านบอกผมว่า คราวหลังอย่าทำอย่างนี้อีก เคยมีกรณีลักษณะดังนี้ ที่ผู้ประสบอุบัติเหตุ กล่าวหาว่าคนที่เข้าไปช่วย ว่าเป็นคู่กรณี ต้องมีการสืบสวนสอบสวนกันถึงชั้นศาล ถ้าเป็นไปได้ อย่าเข้าไปยุ่งด้วยเดี๋ยวจะมีปัญหาภายหลัง
...ผมรู้ว่าท่านเป็นห่วง หวังดี เลยเตือนผมแบบนี้
... แต่ก็รู้สึกผิดหวัง
... ถ้าเจอเหตุการณ์ลักษณะเดียวกันอีก จะให้ปล่อยเลยตามเลย? ปล่อยตามยถากรรม? คิดว่าถ้าเข้าไปช่วยอาจซวยกลายเป็นคนผิด?
... ไม่อยากคิดเลยว่าถ้าทุกคนมีความคิดแบบนี้ สังคมจะเป็นยังไง
... แต่ในความคิดของผม(ซึ่งประสบการณ์ชีวิตยังไม่มาก) คิดว่า คนที่พร้อมทำสิ่งที่ถูกต้อง โดยที่ไม่ต้องมานั่งระแวงผลดีผลเสียที่ตามมา จำเป็นสำหรับสังคมอยู่นะครับ
... อย่าลังเลที่จะทำความดี
#อาจารย์ของผมท่านหนึ่งเคยกล่าวไว้
อุบัติเหตุบนท้องถนน!! หากคุณอยู่ในสถานการณ์นี้ คุณจะช่วยหรือไม่?
ขับรถกลับบ้าน ขณะอยู่บนถนนมิตรภาพ
... มีมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งวิ่งอยู่ข้างหน้า ขับเร็วพอๆกะรถผม( 80 km/h)
... อยู่ดีๆมอไซค์คันนั้นก็วิ่งส่ายไปมา แล้วกระแทกเข้ากับท้ายรถบรรทุกที่จอดอยู่ข้างถนน
... รถมอไซค์แหลกกระจุย คนขับมอเตอร์ไซค์กระเด็นไปประมาณสิบเมตร แล้วก็แน่นิ่งไป
... ผมอึ้งกับเหตุการณ์นี้อยู่ชั่วขณะหนึ่ง แล้วก็จอดรถ โทรศัพท์หา Resus ที่ รพ.ศรีนครินทร์ น้องเฉิน รับโทรศัพท์ แล้วก็รีบออกมาทันที
.. ผมหาถุงก็อบแก็บในรถทำเป็นถุงมือ แล้วไป primary survey คนไข้ระหว่างรอทีม EMS
... คนแถบนั้นยืนมุงดูผมเต็มไปหมด หลายๆคนเอามือถือขึ้นมาเก็บภาพเหตุการณ์ไว้
... ซักพักก็มีเสียงเรียก "อ้าวเจ็ม ..."โค้ช" โผล่มาจากไหนไม่รู้ มาช่วยผมอีกแรง( 555 ขอบคุณครับพี่โค้ช)
... แค่ชั่วอึดใจเดียว รถ EMS ก็มาถึง แล้วก็นำคนไข้ขึ้นรถ พยาบาล ส่งตัวต่อไปยัง รพ.ศรีนครินทร์ (ไวมาก มืออาชีพจริงๆครับ )
... ผมยังตื่นเต้นไม่หาย แต่ก็รู้สึกภูมิใจ ที่ได้ใช้วิชาความรู้ที่เรียนมา ไปช่วยคนไข้ในชีวิตจริง
... หลังจากวันนั้น ผมนำเหตุการณ์ดังกล่าว ไปเล่าให้ญาติผู้ใหญ่ของผมฟัง (หวังว่าท่านคงจะชื่นชมและภูมิใจในตัวผม)
.... แต่ท่านบอกผมว่า คราวหลังอย่าทำอย่างนี้อีก เคยมีกรณีลักษณะดังนี้ ที่ผู้ประสบอุบัติเหตุ กล่าวหาว่าคนที่เข้าไปช่วย ว่าเป็นคู่กรณี ต้องมีการสืบสวนสอบสวนกันถึงชั้นศาล ถ้าเป็นไปได้ อย่าเข้าไปยุ่งด้วยเดี๋ยวจะมีปัญหาภายหลัง
...ผมรู้ว่าท่านเป็นห่วง หวังดี เลยเตือนผมแบบนี้
... แต่ก็รู้สึกผิดหวัง
... ถ้าเจอเหตุการณ์ลักษณะเดียวกันอีก จะให้ปล่อยเลยตามเลย? ปล่อยตามยถากรรม? คิดว่าถ้าเข้าไปช่วยอาจซวยกลายเป็นคนผิด?
... ไม่อยากคิดเลยว่าถ้าทุกคนมีความคิดแบบนี้ สังคมจะเป็นยังไง
... แต่ในความคิดของผม(ซึ่งประสบการณ์ชีวิตยังไม่มาก) คิดว่า คนที่พร้อมทำสิ่งที่ถูกต้อง โดยที่ไม่ต้องมานั่งระแวงผลดีผลเสียที่ตามมา จำเป็นสำหรับสังคมอยู่นะครับ
... อย่าลังเลที่จะทำความดี
#อาจารย์ของผมท่านหนึ่งเคยกล่าวไว้