มาต่อนะคะ จากกระทู้นี้
http://pantip.com/topic/33054519 เรามีอีกบางประเด็นที่เราเห็นว่าน่าจะเอามาปรับใช้กับทีมชาติเรา ซึ่งเราคิดว่าน่าจะปรับใช้ได้เลย ไม่ต้องรอ เพราะเป็นเรื่องที่ทำได้ง่าย เพียงแค่มีการวางแผน และการจัดการที่ดี
การเตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่ทัวร์นาเม้นต์ใหญ่
อย่างที่หลายๆคนทราบทีมชาติเยอรมันมีการเตรียมความพร้อมก่อนทัวร์นาเมนต์ใหญ่อย่างเป็นระบบมาก
1) ทีมชาติเยอรมันจะเรียกนักเตะมาเข้าแคมป์เก็บตัว ก่อนเดินทางไปยังประเทศเจ้าภาพ โดยในปี 2014 ทางทีมได้ไปเข้าแคมป์เก็บตัวที่ Südtirol ทางตอนใต้ของเยอรมันเป็นเวลา 11 วัน โดยแคมป์ที่ถูกเลือกครั้งนี้เป็นแคมป์เดียวกับที่ใช้ในการเก็บตัวทีมชาติทั้งช่วงฟุตบอลโลกในปี 1990 และ 2010 ทั้งนี้ Südtirol ปกติแล้วก็ถือเป็นสถานที่พักตากอากาศยอดนิยมของคนเยอรมันนะคะ ที่นี่มีแดดเกือบทั้งปีบวกกับอากาศชื้นๆหน่อยๆน่าจะไกล้เคียงกับที่บราซิล (รวมทั้งอิตาลีและแอฟริกาใต้สำหรับบอลโลกครั้งก่อนหน้านี้) ทางทีมชาติก็เลยเลือกที่นี่สำหรับการรวมทีมครั้งแรกก่อนไปบราซิล
2) World Cup ปี 2010 เลิฟเดินทางไปยังแอฟริกาใต้ถึงสามครั้งเพื่อเตรียมการสำหรับทีมชาติที่จะไปแข่งขันที่นั่น เช่นเดียวกับที่บราซิลเลิฟได้เดินทางไปยังบราซิล 1 ปีก่อนฟุตบอลโลกและได้เลือกสถานที่ตั้งแคมป์ในเมือง Campo Bahia โดยได้ประกาศอย่างเป็นทางการในเดือนธันวาคม 2013 ว่าจะใช้ที่นี่ หลังจากทีมชาติเข้าพัก แต่ละคนจะแยกกันพักอยู่ในบ้าน 4 หลัง โดยนักเตะจะได้พักแบบกระจายกันเพื่อความสมัครสมานสามัคคีไม่มีการแบ่งพรรคแบ่งพวก รายละเอียดเรื่องแคมป์ที่บราซิลอ่านฉบับเต็มได้จากกระทู้คุณพฤกษชาติค่ะ
ทีมชาติเยอรมัน..บ้านพักนักเตะ 4 หลัง มาดูกันว่าใครอยู่กับใครมั่ง
http://pantip.com/topic/32211633
โดยทีมชาติได้เดินทางไปถึง Campo Bahia ในวันที่ 8 มิถุนายน (ฟุตบอลโลกเรื่มเตะวันแรก 12 มิถุนายน) และได้เดินทางออกจากแคมป์ในวันก่อนชิงชนะเลิศ
ตรงนี้ต้องขอชื่นชมการจัดการของเค้าเลยค่ะ วางแผนแต่เนิ่นๆ จะได้มีเวลาเลือกเฟ้นสิ่งที่ดีที่สุดให้กับทีม เรื่องพวกนี้อ้างไม่ได้นะคะว่าไม่มีเวลา ของแบบนี้ถ้าตั้งใจทำจริงๆมันทำได้เลย ไม่ต้องรอ จริงๆการเตรียมการพวกนี้
เรื่องแบบนี้เราก็เริ่มได้เห็นในทีมชาติไทยแล้วนะคะที่ไปเก็บตัวกันที่กิเลน วัลเลย์ช่วงอุ่นเครื่องก่อนซูซูกิคัพ แต่หากไทยเราต้องการไปเล่นบอลโลกรอบสุดท้ายที่รัสเซียในอีก 3 ปีกว่าๆข้างหน้า เราขอเสนอให้ไปเก็บตัวที่โน่นแต่เนิ่นๆเลยนะคะ เพราะอากาศหนาวสำหรับชาวเอเชียแล้วมันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แม้เราจะมีฟิตเนสเทรนนิ่งอย่างดีแต่ต้องไปอยู่ที่โน่นอย่างน้อยเป็นอาทิตย์ค่ะ อย่างที่บราซิลเองนักเตะเยอรมันหรือยุโรปนี่เล่นกันเสื้อเปียกเลย เพราะไม่คุ้นอากาศร้อน ซไวนี่บอกโค้ชว่าผมจะวิ่งสู้ฟัด น้าเลิฟบอกที่นี่บราซิลนะเห้ย คนละเรื่องกับที่มิวนิคนะ วิ่งตลอด 90 นาทีสำหรับคนเมืองหนาวในเขตอากาศร้อนชื้นก็ไม่ง่ายเหมือนกัน
การดูแลนักเตะ
การนำเอาฟิตเนสเข้ามาใช้กับนักเตะนั้นเริ่มอย่างจริงจังน่าจะเป็นช่วงที่คลิ้นส์มันน์มาคุมทีม (ส่วนนี้เราไม่แน่ใจ 100% นะคะ หากท่านไหนมีข้อมูลส่วนนี้แชร์ได้โลดค่ะ) ทั้งนี้การดูแลนักเตะของเดเอฟเบเราขอแบ่งเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆคือ
1) การฝึกซ้อม และ ฟิตเนส
ก่อนอื่นเราขอนำโคว้ทคำพูดของเลิฟที่ได้สัมภาษณ์ไว้ตอนเกมที่ชนะอังกฤษ 4-1 ในบอลโลก 2010 มาให้ดูนะคะ
"I don’t know what could have made them so tired for the game against Germany. I don’t know how they prepared. During the game, we could add to the speed of our play. With the English, be it Steven Gerrard or Frank Lampard, who we know are strong players who play quickly, I saw them running around but not up to the speed I’m used to.’’
(แปลแบบสรุปคือเลิฟงงมากที่สปีดบอลของอังกฤษช้ามากกว่าที่เคยเห็น และไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมนักเตะอังกฤษดูเหนื่อยมาก น้าบอกว่าไม่รู้ว่าทีมอังกฤษเค้าเตรียมตัวกันยังไง และน้าเดาว่าน่าจะเป็นปัญหาเกี่ยวกับความฟิตของนักเตะอังกฤษ)
หากใครได้ตามดูการฝึกซ้อมของทีมชาติเยอรมันในฟุตบอลโลก 2014 จะเห็นได้ว่ามีความเป็นระเบียบแบบแผน มีการจัดตารางการฝึกซ้อมที่ชัดเจน แต่ในขณะเดียวกันก็มีความหลากหลายในการฝึกซ้อมมาก เท่าที่เราเห็นนักกีฬามีท่าบริหารสำหรับการวอร์มอัพก่อนซ้อมหลากหลายมาก แต่ละท่าก็เน้นการยืดของกล้ามเนื้อ ซึ่งจะช่วยป้องกันการบาดเจ็บได้มาก หากมีการวอร์มอัพและยืดกล้ามเนื้อก่อนเล่นมากพอ นอกจากนี้ยังนำเอาอุปกรณ์การออกกำลังกายแบบหลากหลายมาใช้เพื่อประโยชน์สูงสุดของนักกีฬา
เริ่มจากคาร์ดิโอ
ยืดเหยียดกล้ามเนื้อ
คลิปนี่เป็นการฝึกซ้อมครั้งแรกที่แคมป์ใน Südtirol โดยใช้การปั่นจักรยานขึ้นเขา (แอบเก๋ตรงที่จักรยานทุกคันสลักชื่อของแต่ละคนไว้ด้วย) อยากให้ดูนะคะ คลิปสั้นๆไม่มีบทพูดอะไรให้ต้องเครียด
http://tv.dfb.de/video/erstes-training-mountainbike/8356/
ส่วนคลิปนี้ก็เป็นการเวทเทรนนิ่งที่แคมป์เหมือนกันค่ะ อยากให้ดูว่าที่แคมป์นั้นเค้ากางเต้นท์แล้วนำอุปกรณ์ของทีมเข้าไปให้นักเตะได้ใช้กันนะคะ (ฟิตเนสเทรนเนอร์อย่างเท่ 55)
http://tv.dfb.de/video/training-im-fitnesszelt/8360/
ส่วนอันนี้เป็นคลิปการฝึกซ้อมแบบเปิดค่ะ ตั้งแต่ปี 2013
http://tv.dfb.de/video/oeffentliches-training-in-mainz/6281/
ในเรื่องการซ้อมแบบเปิด อันนี้เราอยากให้ทีมชาติไทยทำบ้างค่ะ คราวหน้าถ้าจะซ้อมแบบเปิดไปขอใช้สนามของสโมสรก็ได้แล้วก็ให้แฟนๆเข้าไปดูการซ้อมได้ แต่ต้องนั่งดูจากทางอัฒจรรย์ และมีการทำเป็นลักษณะคล้ายๆอีเว้นท์เล็กๆคือมีโฆษกที่คอยประกาศชื่อนักเตะ และบรรยาย คือตอนที่ซ้อมสนามหน้ากกท เราเข้าใจพี่โก้นะว่าไม่มีสนามจะซ้อมจริงๆแต่มันก็เปิดเกินไป แถมแฟนๆก็เยอะเหลือเกิน
แต่ที่ประทับใจสุดๆของเราคือการใช้โยคะเข้ามาผสานกับการฝึกซ้อมค่ะ Patrick Broome เป็นครูสอนโยคะของทีมชาติที่ทำงานมาตั้งแต่ปี 2006
คลาสโยคะของทีมชาติ (แหม่ อยากไปเข้าคลาสด้วยจัง 55)
คือเรื่องฟิตเนสเนี่ยเราเข้าใจดีว่าทีมชาติไทยก็ทำนะคะ แล้วการเทรนนิ่งของทีมชาติหรือสโมสรเองก็ทำกันแบบสุดๆอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นเราคงไม่ได้เห็นนักเตะไทยวิ่งได้เกิน 90 นาทีแน่ๆ แต่ที่เราอยากนำเสนอคือ ทีมชาติเยอรมันเค้าใช้ทุกเทคโนโลยีหรือโนว์ฮาวทุกอย่างทีมีอยู่ในขณะนั้นในการพัฒนานักกีฬาของเค้าอ่ะ ตรงนี้น่าชื่นชมมากค่ะ ทั้งเรื่องอุปกรณกีฬาต่างๆรวมทั้งการผสานโยคะเข้ามาในการเทรนนิ่ง ตรงนี้ปรบมือให้จริงๆค่ะ
ความแตกต่างระหว่างทีมชาติเยอรมัน และทีมชาติไทย: ตอนที่ 2
การเตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่ทัวร์นาเม้นต์ใหญ่
อย่างที่หลายๆคนทราบทีมชาติเยอรมันมีการเตรียมความพร้อมก่อนทัวร์นาเมนต์ใหญ่อย่างเป็นระบบมาก
1) ทีมชาติเยอรมันจะเรียกนักเตะมาเข้าแคมป์เก็บตัว ก่อนเดินทางไปยังประเทศเจ้าภาพ โดยในปี 2014 ทางทีมได้ไปเข้าแคมป์เก็บตัวที่ Südtirol ทางตอนใต้ของเยอรมันเป็นเวลา 11 วัน โดยแคมป์ที่ถูกเลือกครั้งนี้เป็นแคมป์เดียวกับที่ใช้ในการเก็บตัวทีมชาติทั้งช่วงฟุตบอลโลกในปี 1990 และ 2010 ทั้งนี้ Südtirol ปกติแล้วก็ถือเป็นสถานที่พักตากอากาศยอดนิยมของคนเยอรมันนะคะ ที่นี่มีแดดเกือบทั้งปีบวกกับอากาศชื้นๆหน่อยๆน่าจะไกล้เคียงกับที่บราซิล (รวมทั้งอิตาลีและแอฟริกาใต้สำหรับบอลโลกครั้งก่อนหน้านี้) ทางทีมชาติก็เลยเลือกที่นี่สำหรับการรวมทีมครั้งแรกก่อนไปบราซิล
2) World Cup ปี 2010 เลิฟเดินทางไปยังแอฟริกาใต้ถึงสามครั้งเพื่อเตรียมการสำหรับทีมชาติที่จะไปแข่งขันที่นั่น เช่นเดียวกับที่บราซิลเลิฟได้เดินทางไปยังบราซิล 1 ปีก่อนฟุตบอลโลกและได้เลือกสถานที่ตั้งแคมป์ในเมือง Campo Bahia โดยได้ประกาศอย่างเป็นทางการในเดือนธันวาคม 2013 ว่าจะใช้ที่นี่ หลังจากทีมชาติเข้าพัก แต่ละคนจะแยกกันพักอยู่ในบ้าน 4 หลัง โดยนักเตะจะได้พักแบบกระจายกันเพื่อความสมัครสมานสามัคคีไม่มีการแบ่งพรรคแบ่งพวก รายละเอียดเรื่องแคมป์ที่บราซิลอ่านฉบับเต็มได้จากกระทู้คุณพฤกษชาติค่ะ
ทีมชาติเยอรมัน..บ้านพักนักเตะ 4 หลัง มาดูกันว่าใครอยู่กับใครมั่ง http://pantip.com/topic/32211633
โดยทีมชาติได้เดินทางไปถึง Campo Bahia ในวันที่ 8 มิถุนายน (ฟุตบอลโลกเรื่มเตะวันแรก 12 มิถุนายน) และได้เดินทางออกจากแคมป์ในวันก่อนชิงชนะเลิศ
ตรงนี้ต้องขอชื่นชมการจัดการของเค้าเลยค่ะ วางแผนแต่เนิ่นๆ จะได้มีเวลาเลือกเฟ้นสิ่งที่ดีที่สุดให้กับทีม เรื่องพวกนี้อ้างไม่ได้นะคะว่าไม่มีเวลา ของแบบนี้ถ้าตั้งใจทำจริงๆมันทำได้เลย ไม่ต้องรอ จริงๆการเตรียมการพวกนี้
เรื่องแบบนี้เราก็เริ่มได้เห็นในทีมชาติไทยแล้วนะคะที่ไปเก็บตัวกันที่กิเลน วัลเลย์ช่วงอุ่นเครื่องก่อนซูซูกิคัพ แต่หากไทยเราต้องการไปเล่นบอลโลกรอบสุดท้ายที่รัสเซียในอีก 3 ปีกว่าๆข้างหน้า เราขอเสนอให้ไปเก็บตัวที่โน่นแต่เนิ่นๆเลยนะคะ เพราะอากาศหนาวสำหรับชาวเอเชียแล้วมันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แม้เราจะมีฟิตเนสเทรนนิ่งอย่างดีแต่ต้องไปอยู่ที่โน่นอย่างน้อยเป็นอาทิตย์ค่ะ อย่างที่บราซิลเองนักเตะเยอรมันหรือยุโรปนี่เล่นกันเสื้อเปียกเลย เพราะไม่คุ้นอากาศร้อน ซไวนี่บอกโค้ชว่าผมจะวิ่งสู้ฟัด น้าเลิฟบอกที่นี่บราซิลนะเห้ย คนละเรื่องกับที่มิวนิคนะ วิ่งตลอด 90 นาทีสำหรับคนเมืองหนาวในเขตอากาศร้อนชื้นก็ไม่ง่ายเหมือนกัน
การดูแลนักเตะ
การนำเอาฟิตเนสเข้ามาใช้กับนักเตะนั้นเริ่มอย่างจริงจังน่าจะเป็นช่วงที่คลิ้นส์มันน์มาคุมทีม (ส่วนนี้เราไม่แน่ใจ 100% นะคะ หากท่านไหนมีข้อมูลส่วนนี้แชร์ได้โลดค่ะ) ทั้งนี้การดูแลนักเตะของเดเอฟเบเราขอแบ่งเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆคือ
1) การฝึกซ้อม และ ฟิตเนส
ก่อนอื่นเราขอนำโคว้ทคำพูดของเลิฟที่ได้สัมภาษณ์ไว้ตอนเกมที่ชนะอังกฤษ 4-1 ในบอลโลก 2010 มาให้ดูนะคะ
"I don’t know what could have made them so tired for the game against Germany. I don’t know how they prepared. During the game, we could add to the speed of our play. With the English, be it Steven Gerrard or Frank Lampard, who we know are strong players who play quickly, I saw them running around but not up to the speed I’m used to.’’
(แปลแบบสรุปคือเลิฟงงมากที่สปีดบอลของอังกฤษช้ามากกว่าที่เคยเห็น และไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมนักเตะอังกฤษดูเหนื่อยมาก น้าบอกว่าไม่รู้ว่าทีมอังกฤษเค้าเตรียมตัวกันยังไง และน้าเดาว่าน่าจะเป็นปัญหาเกี่ยวกับความฟิตของนักเตะอังกฤษ)
หากใครได้ตามดูการฝึกซ้อมของทีมชาติเยอรมันในฟุตบอลโลก 2014 จะเห็นได้ว่ามีความเป็นระเบียบแบบแผน มีการจัดตารางการฝึกซ้อมที่ชัดเจน แต่ในขณะเดียวกันก็มีความหลากหลายในการฝึกซ้อมมาก เท่าที่เราเห็นนักกีฬามีท่าบริหารสำหรับการวอร์มอัพก่อนซ้อมหลากหลายมาก แต่ละท่าก็เน้นการยืดของกล้ามเนื้อ ซึ่งจะช่วยป้องกันการบาดเจ็บได้มาก หากมีการวอร์มอัพและยืดกล้ามเนื้อก่อนเล่นมากพอ นอกจากนี้ยังนำเอาอุปกรณ์การออกกำลังกายแบบหลากหลายมาใช้เพื่อประโยชน์สูงสุดของนักกีฬา
เริ่มจากคาร์ดิโอ
ยืดเหยียดกล้ามเนื้อ
คลิปนี่เป็นการฝึกซ้อมครั้งแรกที่แคมป์ใน Südtirol โดยใช้การปั่นจักรยานขึ้นเขา (แอบเก๋ตรงที่จักรยานทุกคันสลักชื่อของแต่ละคนไว้ด้วย) อยากให้ดูนะคะ คลิปสั้นๆไม่มีบทพูดอะไรให้ต้องเครียด
http://tv.dfb.de/video/erstes-training-mountainbike/8356/
ส่วนคลิปนี้ก็เป็นการเวทเทรนนิ่งที่แคมป์เหมือนกันค่ะ อยากให้ดูว่าที่แคมป์นั้นเค้ากางเต้นท์แล้วนำอุปกรณ์ของทีมเข้าไปให้นักเตะได้ใช้กันนะคะ (ฟิตเนสเทรนเนอร์อย่างเท่ 55)
http://tv.dfb.de/video/training-im-fitnesszelt/8360/
ส่วนอันนี้เป็นคลิปการฝึกซ้อมแบบเปิดค่ะ ตั้งแต่ปี 2013
http://tv.dfb.de/video/oeffentliches-training-in-mainz/6281/
ในเรื่องการซ้อมแบบเปิด อันนี้เราอยากให้ทีมชาติไทยทำบ้างค่ะ คราวหน้าถ้าจะซ้อมแบบเปิดไปขอใช้สนามของสโมสรก็ได้แล้วก็ให้แฟนๆเข้าไปดูการซ้อมได้ แต่ต้องนั่งดูจากทางอัฒจรรย์ และมีการทำเป็นลักษณะคล้ายๆอีเว้นท์เล็กๆคือมีโฆษกที่คอยประกาศชื่อนักเตะ และบรรยาย คือตอนที่ซ้อมสนามหน้ากกท เราเข้าใจพี่โก้นะว่าไม่มีสนามจะซ้อมจริงๆแต่มันก็เปิดเกินไป แถมแฟนๆก็เยอะเหลือเกิน
แต่ที่ประทับใจสุดๆของเราคือการใช้โยคะเข้ามาผสานกับการฝึกซ้อมค่ะ Patrick Broome เป็นครูสอนโยคะของทีมชาติที่ทำงานมาตั้งแต่ปี 2006
คลาสโยคะของทีมชาติ (แหม่ อยากไปเข้าคลาสด้วยจัง 55)
คือเรื่องฟิตเนสเนี่ยเราเข้าใจดีว่าทีมชาติไทยก็ทำนะคะ แล้วการเทรนนิ่งของทีมชาติหรือสโมสรเองก็ทำกันแบบสุดๆอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นเราคงไม่ได้เห็นนักเตะไทยวิ่งได้เกิน 90 นาทีแน่ๆ แต่ที่เราอยากนำเสนอคือ ทีมชาติเยอรมันเค้าใช้ทุกเทคโนโลยีหรือโนว์ฮาวทุกอย่างทีมีอยู่ในขณะนั้นในการพัฒนานักกีฬาของเค้าอ่ะ ตรงนี้น่าชื่นชมมากค่ะ ทั้งเรื่องอุปกรณกีฬาต่างๆรวมทั้งการผสานโยคะเข้ามาในการเทรนนิ่ง ตรงนี้ปรบมือให้จริงๆค่ะ