เชื่อว่าหลายๆคนที่เป็นมนุษย์เงินเดือน เวลาเห็นกระทู้ท่องเที่ยวจะต้องมีคำถามในใจว่า
"
อยากไปเที่ยวแบบนั้นบ้างจังเลย ทำไมชั้นไม่มีเวลาเหมือนคนพวกนั้นบ้างนะ?"
หรือ
"
พวกที่ไปเที่ยวกันบ่อยๆเค้าทำงานอะไรกันนะ ทำไมว่างกันจัง แป๊ปๆก้อไปเที่ยวอีกแล้ว"
วันนี้ผมจะมาเผยเคล็ดลับการทำงานไปท่องเที่ยวไปของผมให้ฟัง โดยผมก้อเป็นมนุษย์เงินเดือนเดินดินเหมือนอย่างเพื่อนๆนั่นแหละ
เรื่องมันเริ่มตั้งแต่ช่วงปลายปี 2013 จู่ๆดันเกิดเป็นโสดกระทันหัน ไม่ทันได้ตั้งตัว (ตอนนี้ก้อยังโสด 55555) ตัดช่วงเสียใจร้องไห้ฟูมฟายออกไป จนมาตั้งสติตั้งตัวได้ ก้อมาลองนึกดูว่า มีอะไรที่เราอยากทำและไม่ได้ทำอยู่บ้าง นึกไปถึงรูปชาวบ้านที่ไปเที่ยวกัน ใช่แล้ว!!!!! นี่เลย ออกเดินทางท่องโลกดีกว่าเรา
พอตั้งเป้าหมายได้แล้ว ก้อเริ่มดำเนินการล่ะ เอื้อมมือไปหยิบสมุดบัญชีมาดู เอิ่ม เรื่องมันเศร้า เอาว่าอย่าไปพูดถึงละกันครับ ความฝันในการท่องโลกคงต้งพับไว้ก่อน เอาแค่ท่องไทยก่อนละกัน ทีนี้ปัจจับที่จะออกไปเดินทางท่องเที่ยวก้อมีอยู่ 3 อย่างใหญ่ๆที่ต้องเคลียร์ให้ได้ก่อน
1. เวลา วันลาพักร้อนของมนุษย์เงินเดือนก้อแสนน้อยยยยเหลือเกิน 10 วันถ้วน จะเอาไงเนี่ย จะเอาลาป่วยมาใช้ด้วยเดี๋ยวก้อโดนไล่ออกพอดี ลากิจก้อมีแค่ 4วัน แถมให้ลาไปติดต่อราชการอย่างเดียว (อุทยานแห่งชาติถือเป็นหน่วยราชการป่าวหว่า) ประกอบกับผมเป็นนุษย์เงินเดือน พ่วงด้วยทำงานส่วนตัวในวันเสาร์อาทิตย์อีก หมดกัน
2. เงิน ข้อนี้ยังพอโอเค เพราะลดระดับมาเป็นเที่ยวไทยอย่างเดียว ยังพอประหยัดๆ กินหรูน้อยหน่อย ซื้อของฟุ่มเฟือยให้น้อยหน่อย ยังไม่มีปัญหามากนัก
3. ไปยังไง จะให้ไปเที่ยวคนเดียวก้อเหงาเกินไป จะลากเพื่อนๆไปเที่ยวด้วย แต่ละคนมันก้อเลี้ยงลูกอยู่บ้านกันหมดล่ะ
อุปสรรคหลักๆของผมคือ เวลา กับ วิธีการเที่ยว
มาแก้ปัญหาเรื่องเวลาก่อน ผมปรับตารางเวลาผม เปลี่ยนจากทำงานส่วนตัวเสาร์อาทิตย์ มาเป็นทำงานหลังเลิกงานประจำตอนเย็น หลายๆวันที่นั่งทำงานถึงเที่ยงคืน เพื่อที่จะเคลียร์เวลาเสาร์อาทิตย์ให้ว่างสำหรับการไปเที่ยว ส่วนเรื่องวันลาเดี๋ยวพูดอีกทีนะครับ
ไปยังไง? ด้วยความที่ค่อนข้างขี้เหงา ไปเที่ยวคนเดียวไม่เอาอยู่แล้ว พอดีได้ยินคนพูดเรื่อง ทริปหารเฉลี่ย เลยลองหาข้อมูลใน net กับใน facebook ดู พึ่งรู้เหมือนกันว่า มีคนจัดทริปพวกหารเฉลี่ยกันเยอะแยะกว่าที่คิด บางที่ทำในลักษณะทัวร์เล็กๆ แต่ส่วนใหญ่ก้อจะเป็นสไตล์ทริปหารเฉลี่ยเหมือนกันซะส่วนใหญ่
ทริปหารเฉลี่ยคืออะไร สำหรับบางคนที่ไม่รู้จัก คือการประกาศรวมกลุ่มคนไปเที่ยวด้วยกัน ค่าใช้จ่ายแชร์ๆกันหมดเท่าๆกัน ส่วนใหญ่ตาม webboard ท่องเที่ยวจะหารเฉลี่ยกันจริงๆ แต่สำหรับพวกที่ทำเป็นกึ่งๆทัวร์ คนจัดก้อจะบวกกำไรเข้าไปบ้าง มากน้อยแล้วแต่เจ้า แต่ต้องทำใจว่า ที่พักอาจไม่ได้หรูหรา บ้านๆ และไม่ได้มีคนมาคอยเทคแคร์หรือให้ข้อมูลสถานที่เที่ยว เหมือนกับทัวร์จริงๆที่เค้าจัดกัน
โอเค ทีนี้รู้ล่ะ ว่าจะไปเที่ยวยังไงดี ผมก้อลองหาข้อมูลดู ว่ากลุ่มที่เราจะไปด้วยเนี่ย น่าเชื่อถือแค่ไหน มีกระทู้ complain อะไรไหม อาจจะต้องหาข้อมูลเยอะนิดนึง เพราะมันคือการไปใช้ชีวิตท่องเที่ยวร่วมกับคนแปลกหน้า นอนร่วมห้องกับคนแปลกหน้า ซึ่งจากประสบการณ์ที่เคยไปมา ถ้าเป็นผู้หญิงคงต้องระวังตัวนิดนึงนะครับ มีหลาย case ที่เจอเหมือนกัน
สุดท้ายผมได้กลุ่มที่ผมไปเที่ยวด้วยประจำอยู่กลุ่มนึง จากคนแปลกหน้า ไปๆมาๆ ผมได้มิตรภาพใหม่ๆ ได้ทำความรู้จัก เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ หน้าใหม่ๆ จนถึงกับมีเรื่องเดือดร้อนอะไรก้อช่วยๆกัน ถือเป็นความโชคดีของผมเลย
เรื่องวันลาที่ติดไว้ ส่วนใหญ่ทริปจำพวกนี้ จะออกเดินทางเย็นวันศุกร์ กลับถึงกรุงเทพดึกๆวันอาทิตย์ ก้อมีหลายทริปที่กลับถึงบ้านตี1กว่าๆก้อมี เช้าวันจันทร์ก้อเดินเพลียๆเข้าไปทำงาน ดังนั้น จะไม่มีปัญหาเรื่องวันลานัก จะมีก้อลาวันศุกร์ครึ่งวัน หรือไม่ลาเลย ยกเว้นทริปยาวๆ 2 คืน ก้อต้องลาเพิ่มกันไป
ผมเริ่มออกเดินทางตั้งแต่เดือน กุมภาพันธ์ จนถึงเดือน พฤศจิกายน ใช้เวลาทั้งหมด 10 เดือน ได้ไปเที่ยวมาทั้งหมด 88 สถานที่ โดยที่วันลา 10 วันที่มี ใช้ไปแค่ 7.5 วันเท่านั้น เหลือวันลาอีก 2.5 วันลาช่วงปีใหม่นอนตีพุงอยู่บ้านได้
เอาล่ะครับ ทีนี้มาเริ่มออกเดินทางท่องเที่ยวไปกับผมกันดีกว่า ด้วยวิธีที่ผมว่ามาทั้งหมด ผมไปไหมมาบ้าง เดินมาทางนี้เลยครับ
สำหรับเพื่อนที่อยากติดตามการท่องเที่ยวของผม สามารถติดตามได้ที่
http://voravudstudio.blogspot.com/
http://www.facebook.com/voravudstudio
http://www.facebook.com/voravuds
1. พระขี่ม้า วัดป่าอาชาทอง เชียงราย
วัดถ้ำป่าอาชาทอง โดยวัดนี้ในถิ่นกันดารห่างไกลคมนาคม บนดอยสูง บ้านแม่คำ ต.ศรีค้ำ อ.แม่จัน จ.เชียงราย แม้แต่ชาวบ้านยังต้องใช้ม้าแกลบ ในการเดินทางและบรรทุกสัมภาระ เหตุนี้เจ้าอาวาสของสำนักสงฆ์ฯ อดีตนายทหารม้าเก่า จึงให้พระเณรที่นี่ใช้ม้าเป็นพาหนะในการออกบิณฑบาตรไปยังหมู่บ้านสี่หมื่นไร่ วิ่งระยะทางร่วม ๕ กม.

Credit: www.tourismchiangrai.com
2. แวะเก็บชาที่ไร่ชา101 ดอยแม่สลอง เชียงราย
หากใครเดินทางขึ้นดอยแม่สลอง ต้องผ่านที่นี้แน่นอน ไร่ชา 101 แหล่งปลูกชาที่ใหญ่ที่สุดแห่งแรกบนดอยแม่สลองที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเยี่ยมชมไร่ ถ่ายภาพกันเป็นที่ระลึกได้ นอกจากจะได้ชมความสวยงามของไร่ชาทีเรียงกันเป็นขั้นบันไดแล้ว ยังได้สัมผัสกับวิถีความเป็นมาของชาที่แท้จริง

Credit:
http://www.chilldtravel.com/
3. ดอยหมอกดอกไม้ สวนดอกไม้กลางดอย
ดอยหมอก ดอกไม้ รีสอร์ท เป็นที่พักบนดอยแม่สลอง ที่พักอันแสนอบอุ่นท่ามกลางธรรมชาติที่บริสุทธิ์ใจกลางหุบเขา และสวนดอกไม้ที่สวยงาม

Credit:
http://www.tripchiangmai.com/
4. พระบรมธาตุเจดีย์ศรีนครินทราสถิตย์มหาสันติคีรี สูงสุดเหนือดอยแม่สลอง
พระบรมธาตุศรีนครินทราสถิตมหาสันติคีรี ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่วของ ตำบลแม่สลองนอก อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย พระบรมธาตุฯ สร้างแล้วเสร็จเมื่อราวปี พ.ศ. 2539 เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จย่า โดยพระบรมธาตุ ถูกสร้างขึ้นในแบบเจดีย์ล้านนาประยุกต์ บนฐานสี่เหลี่ยมลดชั้น สูงประมาณ 30 เมตร ฐานกว้างด้านละประมาณ 15 เมตร ถูกประดับกระเบื้องสีเทา มีซุ้มจระนำด้านละสามซุ้ม เรือนธาตุประดับพระพุทธรูปยืนสี่ทิศ องค์ระฆังประดับแผ่นทอง แกะสลักลวดลาย ใกล้กับองค์เจดีย์เป็นวิหารแบบล้านนาประยุกต์ที่ตั้งของพระบรมธาตุฯ

Credit:
http://travel.thaiza.com/
5. วัดพระสิงห์ พระอารามหลวงคู่เมืองเชียงราย
วัดพระสิงห์ เชียงราย เป็นพระอารามหลวงเก่าแก่แต่โบราณกาล และเป็นศาสนสถานอันเป็นศูนย์รวมใจของชาวเชียงรายมาอย่างยาวนาน มูลเหตุที่ได้ชื่อว่า วัดพระสิงห์นั้นเชื่อกันว่า น่าจะมาจากการที่ครั้งหนึ่ง วัดนี้เคยเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปสำคัญคู่บ้านคู่เมืองของไทยในปัจจุบัน คือ พระพุทธสิหิงค์ หรือที่เรียกกันในชื่อสามัญว่า พระสิงห์

Credit:
http://www.oknation.net/
6. วัดพระแก้ว เชียงราย
วัดพระแก้ว แต่เดิมชื่อวัดป่าเยี้ยะ(ป่าไผ่) เมื่อ พ.ศ. ๑๙๗๗ (ค.ศ.๑๔๓๔) ฟ้าผ่าพระเจดีย์จึงได้พบพระแก้วมรกต (ปัจจุบันประดิษฐาน ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระบรมมหาราชวัง) ชาวเมืองเชียงรายจึงได้เรียกชื่อวัดนี้ว่า "วัดพระแก้ว" จนกระทั่งปัจจุบัน

Credit:
http://th.wikipedia.org/
7. เหลืองอร่ามต้นเหลืองเชียงราย ไร่บุญรอด เชียงราย
ไร่บุญรอด หรือสองห์ปาร์ค เชียงราย เป็นไร่ของบริษัท บุญรอด ผู้ผลิตเบียร์สิงห์ เส้นทางเดียวกับวัดร่องขุน อ.เมือง จ.เชียงราย เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่สวยงาม ภายในไร่บุญรอดมีการจัดแต่งสวนดอกไม้เมืองหนาวสีสันสวยงามนา นาน ชนิด มีพื้นที่เกษตรกรรม และไร่ชากว่า 600 ไร่ โดยจัดเป็นรูปแบบฟาร์มทัวร์ให้ผู้ที่สนใจได้เข้ามาเยี่ยมชม

Credit:
http://www.paiduaykan.com/
8. The White Temple วัดร่องขุ่น เชียงราย
วัดร่องขุ่น เป็นวัดที่สร้างขึ้นจากแรงศรัทธาของ อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินของจังหวัดเชียงราย เพื่อมุ่งสร้างงานพุทธศิลป์ที่มีเอกลักษณ์ของตัวเองและประกาศความยิ่งใหญ่ต่อคนทั้งโลกเพื่อถวายต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จนเป็นที่รู้จักของชาวต่างชาติในนาม "White Temple"

Credit:
http://www.watrongkhun.org/
9. พระธาตุประจำปีมะเส็ง วัดพระธาตุหนองบัว
วัดพระธาตุหนองบัว วัดสำคัญที่มีอายุเก่าแก่ และมีสถาปัตยกรรมแนวผสมผสานที่งดงามตามแบบอีสาน ภายในวัดมีสถาปัตยกรรมที่น่าสนใจ คือ พระธาตุเจดีย์ศรีมหาโพธิ์ ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ครบรอบ 25 ศตวรรษ ของพุทธศาสนาในปี พ.ศ. 2500 โดยได้จำลองแบบมาจากเจดีย์ที่พุทธคยา ประเทศอินเดีย นับเป็นวัดเดียวในภาคอีสานที่มีเจดีย์แบบนี้

Credit:
http://www.chillpainai.com/
10. วัดสุปัฏนารามวรวิหาร พระอารามหลวงแห่งภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
วัดสุปัฏนารามวรวิหาร หรือที่ประชาชนทั่วไปเรียกว่า "วัดสุปัฏน์" พระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร ตั้งอยู่ที่ริมฝั่งแม่น้ำมูล อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี เป็นวัดธรรมยุตินิกายแห่งแรกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และจังหวัดอุบลราชธานี โดยได้รับพระราชทานนามวัดจากพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์

Credit:
http://th.wikipedia.org/
11. แวะชิมอาหารทะเล มุมอร่อย ศรีราชา
อีกหนึ่งร้านอาหารซีฟู้ดเลื่องชื่อ มุมอร่อย ร้านอาหารทะเลบรรยากาศสบายๆ ร่มรื่น เป็นกันเอง มีที่ให้เลือกนั่งหลากหลายมุม บริการอาหารซีฟู้ดรสเด็ด และอาหารไทยรสเยี่ยม สาขาศรีราชา

Credit:
http://www.painaidii.com/
12. เทศกาลสัตว์เลี้ยง Central พระราม2
กับบรรดาสัตว์เลี้ยงน่ารักๆที่ออกมาโชว์ตัวกันในงาน เทศกาลสัตว์เลี้ยง
13. แกรนแคนยอนน้ำโขง สามพันโบก อุบลราชธานี
แก่งสามพันโบกเป็นแก่งหินที่อยู่ใต้ลำน้ำโขงในช่วงฤดูน้ำหลากซึ่งเกิด จากแรง น้ำวนกัดเซาะ กลายเป็นแอ่งมากกว่า 3,000 แอ่ง หรือ 3,000 โบก โบก หรือแอ่ง หมายถึง บ่อน้ำลึกในแก่งหินใต้ ลำน้ำโขง และคำว่า “โบก” เป็นภาษาของลาวที่มักนิยมเรียกกัน และจะปรากฏให้เห็นในช่วงฤดูแล้งที่น้ำแห้งขอด แก่งหินดังกล่าวก็จะโผล่พ้นน้ำกลายเป็นความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติสุดอลังการกลางลำน้ำโขง ที่สวยงาม แปลกตา จนชาวบ้านเรียกว่า แกรนแคนยอนน้ำโขงซึ่งจะสัมผัสบรรยากาศแบบนี้ได้ ตั้งแต่เดือนธันวาคม - พฤษภาคม

Credit:
http://www.paiduaykan.com/
[CR] เคล็ดลับการเดินทางของมนุษย์เงินเดือนปี2014 กับ การเที่ยวไทย 88 ที่ ใน 10 เดือน
"อยากไปเที่ยวแบบนั้นบ้างจังเลย ทำไมชั้นไม่มีเวลาเหมือนคนพวกนั้นบ้างนะ?"
หรือ
"พวกที่ไปเที่ยวกันบ่อยๆเค้าทำงานอะไรกันนะ ทำไมว่างกันจัง แป๊ปๆก้อไปเที่ยวอีกแล้ว"
วันนี้ผมจะมาเผยเคล็ดลับการทำงานไปท่องเที่ยวไปของผมให้ฟัง โดยผมก้อเป็นมนุษย์เงินเดือนเดินดินเหมือนอย่างเพื่อนๆนั่นแหละ
เรื่องมันเริ่มตั้งแต่ช่วงปลายปี 2013 จู่ๆดันเกิดเป็นโสดกระทันหัน ไม่ทันได้ตั้งตัว (ตอนนี้ก้อยังโสด 55555) ตัดช่วงเสียใจร้องไห้ฟูมฟายออกไป จนมาตั้งสติตั้งตัวได้ ก้อมาลองนึกดูว่า มีอะไรที่เราอยากทำและไม่ได้ทำอยู่บ้าง นึกไปถึงรูปชาวบ้านที่ไปเที่ยวกัน ใช่แล้ว!!!!! นี่เลย ออกเดินทางท่องโลกดีกว่าเรา
พอตั้งเป้าหมายได้แล้ว ก้อเริ่มดำเนินการล่ะ เอื้อมมือไปหยิบสมุดบัญชีมาดู เอิ่ม เรื่องมันเศร้า เอาว่าอย่าไปพูดถึงละกันครับ ความฝันในการท่องโลกคงต้งพับไว้ก่อน เอาแค่ท่องไทยก่อนละกัน ทีนี้ปัจจับที่จะออกไปเดินทางท่องเที่ยวก้อมีอยู่ 3 อย่างใหญ่ๆที่ต้องเคลียร์ให้ได้ก่อน
1. เวลา วันลาพักร้อนของมนุษย์เงินเดือนก้อแสนน้อยยยยเหลือเกิน 10 วันถ้วน จะเอาไงเนี่ย จะเอาลาป่วยมาใช้ด้วยเดี๋ยวก้อโดนไล่ออกพอดี ลากิจก้อมีแค่ 4วัน แถมให้ลาไปติดต่อราชการอย่างเดียว (อุทยานแห่งชาติถือเป็นหน่วยราชการป่าวหว่า) ประกอบกับผมเป็นนุษย์เงินเดือน พ่วงด้วยทำงานส่วนตัวในวันเสาร์อาทิตย์อีก หมดกัน
2. เงิน ข้อนี้ยังพอโอเค เพราะลดระดับมาเป็นเที่ยวไทยอย่างเดียว ยังพอประหยัดๆ กินหรูน้อยหน่อย ซื้อของฟุ่มเฟือยให้น้อยหน่อย ยังไม่มีปัญหามากนัก
3. ไปยังไง จะให้ไปเที่ยวคนเดียวก้อเหงาเกินไป จะลากเพื่อนๆไปเที่ยวด้วย แต่ละคนมันก้อเลี้ยงลูกอยู่บ้านกันหมดล่ะ
อุปสรรคหลักๆของผมคือ เวลา กับ วิธีการเที่ยว
มาแก้ปัญหาเรื่องเวลาก่อน ผมปรับตารางเวลาผม เปลี่ยนจากทำงานส่วนตัวเสาร์อาทิตย์ มาเป็นทำงานหลังเลิกงานประจำตอนเย็น หลายๆวันที่นั่งทำงานถึงเที่ยงคืน เพื่อที่จะเคลียร์เวลาเสาร์อาทิตย์ให้ว่างสำหรับการไปเที่ยว ส่วนเรื่องวันลาเดี๋ยวพูดอีกทีนะครับ
ไปยังไง? ด้วยความที่ค่อนข้างขี้เหงา ไปเที่ยวคนเดียวไม่เอาอยู่แล้ว พอดีได้ยินคนพูดเรื่อง ทริปหารเฉลี่ย เลยลองหาข้อมูลใน net กับใน facebook ดู พึ่งรู้เหมือนกันว่า มีคนจัดทริปพวกหารเฉลี่ยกันเยอะแยะกว่าที่คิด บางที่ทำในลักษณะทัวร์เล็กๆ แต่ส่วนใหญ่ก้อจะเป็นสไตล์ทริปหารเฉลี่ยเหมือนกันซะส่วนใหญ่
ทริปหารเฉลี่ยคืออะไร สำหรับบางคนที่ไม่รู้จัก คือการประกาศรวมกลุ่มคนไปเที่ยวด้วยกัน ค่าใช้จ่ายแชร์ๆกันหมดเท่าๆกัน ส่วนใหญ่ตาม webboard ท่องเที่ยวจะหารเฉลี่ยกันจริงๆ แต่สำหรับพวกที่ทำเป็นกึ่งๆทัวร์ คนจัดก้อจะบวกกำไรเข้าไปบ้าง มากน้อยแล้วแต่เจ้า แต่ต้องทำใจว่า ที่พักอาจไม่ได้หรูหรา บ้านๆ และไม่ได้มีคนมาคอยเทคแคร์หรือให้ข้อมูลสถานที่เที่ยว เหมือนกับทัวร์จริงๆที่เค้าจัดกัน
โอเค ทีนี้รู้ล่ะ ว่าจะไปเที่ยวยังไงดี ผมก้อลองหาข้อมูลดู ว่ากลุ่มที่เราจะไปด้วยเนี่ย น่าเชื่อถือแค่ไหน มีกระทู้ complain อะไรไหม อาจจะต้องหาข้อมูลเยอะนิดนึง เพราะมันคือการไปใช้ชีวิตท่องเที่ยวร่วมกับคนแปลกหน้า นอนร่วมห้องกับคนแปลกหน้า ซึ่งจากประสบการณ์ที่เคยไปมา ถ้าเป็นผู้หญิงคงต้องระวังตัวนิดนึงนะครับ มีหลาย case ที่เจอเหมือนกัน
สุดท้ายผมได้กลุ่มที่ผมไปเที่ยวด้วยประจำอยู่กลุ่มนึง จากคนแปลกหน้า ไปๆมาๆ ผมได้มิตรภาพใหม่ๆ ได้ทำความรู้จัก เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ หน้าใหม่ๆ จนถึงกับมีเรื่องเดือดร้อนอะไรก้อช่วยๆกัน ถือเป็นความโชคดีของผมเลย
เรื่องวันลาที่ติดไว้ ส่วนใหญ่ทริปจำพวกนี้ จะออกเดินทางเย็นวันศุกร์ กลับถึงกรุงเทพดึกๆวันอาทิตย์ ก้อมีหลายทริปที่กลับถึงบ้านตี1กว่าๆก้อมี เช้าวันจันทร์ก้อเดินเพลียๆเข้าไปทำงาน ดังนั้น จะไม่มีปัญหาเรื่องวันลานัก จะมีก้อลาวันศุกร์ครึ่งวัน หรือไม่ลาเลย ยกเว้นทริปยาวๆ 2 คืน ก้อต้องลาเพิ่มกันไป
ผมเริ่มออกเดินทางตั้งแต่เดือน กุมภาพันธ์ จนถึงเดือน พฤศจิกายน ใช้เวลาทั้งหมด 10 เดือน ได้ไปเที่ยวมาทั้งหมด 88 สถานที่ โดยที่วันลา 10 วันที่มี ใช้ไปแค่ 7.5 วันเท่านั้น เหลือวันลาอีก 2.5 วันลาช่วงปีใหม่นอนตีพุงอยู่บ้านได้
เอาล่ะครับ ทีนี้มาเริ่มออกเดินทางท่องเที่ยวไปกับผมกันดีกว่า ด้วยวิธีที่ผมว่ามาทั้งหมด ผมไปไหมมาบ้าง เดินมาทางนี้เลยครับ
สำหรับเพื่อนที่อยากติดตามการท่องเที่ยวของผม สามารถติดตามได้ที่
http://voravudstudio.blogspot.com/
http://www.facebook.com/voravudstudio
http://www.facebook.com/voravuds
1. พระขี่ม้า วัดป่าอาชาทอง เชียงราย
วัดถ้ำป่าอาชาทอง โดยวัดนี้ในถิ่นกันดารห่างไกลคมนาคม บนดอยสูง บ้านแม่คำ ต.ศรีค้ำ อ.แม่จัน จ.เชียงราย แม้แต่ชาวบ้านยังต้องใช้ม้าแกลบ ในการเดินทางและบรรทุกสัมภาระ เหตุนี้เจ้าอาวาสของสำนักสงฆ์ฯ อดีตนายทหารม้าเก่า จึงให้พระเณรที่นี่ใช้ม้าเป็นพาหนะในการออกบิณฑบาตรไปยังหมู่บ้านสี่หมื่นไร่ วิ่งระยะทางร่วม ๕ กม.
Credit: www.tourismchiangrai.com
2. แวะเก็บชาที่ไร่ชา101 ดอยแม่สลอง เชียงราย
หากใครเดินทางขึ้นดอยแม่สลอง ต้องผ่านที่นี้แน่นอน ไร่ชา 101 แหล่งปลูกชาที่ใหญ่ที่สุดแห่งแรกบนดอยแม่สลองที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเยี่ยมชมไร่ ถ่ายภาพกันเป็นที่ระลึกได้ นอกจากจะได้ชมความสวยงามของไร่ชาทีเรียงกันเป็นขั้นบันไดแล้ว ยังได้สัมผัสกับวิถีความเป็นมาของชาที่แท้จริง
Credit: http://www.chilldtravel.com/
3. ดอยหมอกดอกไม้ สวนดอกไม้กลางดอย
ดอยหมอก ดอกไม้ รีสอร์ท เป็นที่พักบนดอยแม่สลอง ที่พักอันแสนอบอุ่นท่ามกลางธรรมชาติที่บริสุทธิ์ใจกลางหุบเขา และสวนดอกไม้ที่สวยงาม
Credit: http://www.tripchiangmai.com/
4. พระบรมธาตุเจดีย์ศรีนครินทราสถิตย์มหาสันติคีรี สูงสุดเหนือดอยแม่สลอง
พระบรมธาตุศรีนครินทราสถิตมหาสันติคีรี ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่วของ ตำบลแม่สลองนอก อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย พระบรมธาตุฯ สร้างแล้วเสร็จเมื่อราวปี พ.ศ. 2539 เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จย่า โดยพระบรมธาตุ ถูกสร้างขึ้นในแบบเจดีย์ล้านนาประยุกต์ บนฐานสี่เหลี่ยมลดชั้น สูงประมาณ 30 เมตร ฐานกว้างด้านละประมาณ 15 เมตร ถูกประดับกระเบื้องสีเทา มีซุ้มจระนำด้านละสามซุ้ม เรือนธาตุประดับพระพุทธรูปยืนสี่ทิศ องค์ระฆังประดับแผ่นทอง แกะสลักลวดลาย ใกล้กับองค์เจดีย์เป็นวิหารแบบล้านนาประยุกต์ที่ตั้งของพระบรมธาตุฯ
Credit: http://travel.thaiza.com/
5. วัดพระสิงห์ พระอารามหลวงคู่เมืองเชียงราย
วัดพระสิงห์ เชียงราย เป็นพระอารามหลวงเก่าแก่แต่โบราณกาล และเป็นศาสนสถานอันเป็นศูนย์รวมใจของชาวเชียงรายมาอย่างยาวนาน มูลเหตุที่ได้ชื่อว่า วัดพระสิงห์นั้นเชื่อกันว่า น่าจะมาจากการที่ครั้งหนึ่ง วัดนี้เคยเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปสำคัญคู่บ้านคู่เมืองของไทยในปัจจุบัน คือ พระพุทธสิหิงค์ หรือที่เรียกกันในชื่อสามัญว่า พระสิงห์
Credit: http://www.oknation.net/
6. วัดพระแก้ว เชียงราย
วัดพระแก้ว แต่เดิมชื่อวัดป่าเยี้ยะ(ป่าไผ่) เมื่อ พ.ศ. ๑๙๗๗ (ค.ศ.๑๔๓๔) ฟ้าผ่าพระเจดีย์จึงได้พบพระแก้วมรกต (ปัจจุบันประดิษฐาน ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระบรมมหาราชวัง) ชาวเมืองเชียงรายจึงได้เรียกชื่อวัดนี้ว่า "วัดพระแก้ว" จนกระทั่งปัจจุบัน
Credit: http://th.wikipedia.org/
7. เหลืองอร่ามต้นเหลืองเชียงราย ไร่บุญรอด เชียงราย
ไร่บุญรอด หรือสองห์ปาร์ค เชียงราย เป็นไร่ของบริษัท บุญรอด ผู้ผลิตเบียร์สิงห์ เส้นทางเดียวกับวัดร่องขุน อ.เมือง จ.เชียงราย เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่สวยงาม ภายในไร่บุญรอดมีการจัดแต่งสวนดอกไม้เมืองหนาวสีสันสวยงามนา นาน ชนิด มีพื้นที่เกษตรกรรม และไร่ชากว่า 600 ไร่ โดยจัดเป็นรูปแบบฟาร์มทัวร์ให้ผู้ที่สนใจได้เข้ามาเยี่ยมชม
Credit: http://www.paiduaykan.com/
8. The White Temple วัดร่องขุ่น เชียงราย
วัดร่องขุ่น เป็นวัดที่สร้างขึ้นจากแรงศรัทธาของ อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินของจังหวัดเชียงราย เพื่อมุ่งสร้างงานพุทธศิลป์ที่มีเอกลักษณ์ของตัวเองและประกาศความยิ่งใหญ่ต่อคนทั้งโลกเพื่อถวายต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จนเป็นที่รู้จักของชาวต่างชาติในนาม "White Temple"
Credit: http://www.watrongkhun.org/
9. พระธาตุประจำปีมะเส็ง วัดพระธาตุหนองบัว
วัดพระธาตุหนองบัว วัดสำคัญที่มีอายุเก่าแก่ และมีสถาปัตยกรรมแนวผสมผสานที่งดงามตามแบบอีสาน ภายในวัดมีสถาปัตยกรรมที่น่าสนใจ คือ พระธาตุเจดีย์ศรีมหาโพธิ์ ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ครบรอบ 25 ศตวรรษ ของพุทธศาสนาในปี พ.ศ. 2500 โดยได้จำลองแบบมาจากเจดีย์ที่พุทธคยา ประเทศอินเดีย นับเป็นวัดเดียวในภาคอีสานที่มีเจดีย์แบบนี้
Credit: http://www.chillpainai.com/
10. วัดสุปัฏนารามวรวิหาร พระอารามหลวงแห่งภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
วัดสุปัฏนารามวรวิหาร หรือที่ประชาชนทั่วไปเรียกว่า "วัดสุปัฏน์" พระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร ตั้งอยู่ที่ริมฝั่งแม่น้ำมูล อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี เป็นวัดธรรมยุตินิกายแห่งแรกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และจังหวัดอุบลราชธานี โดยได้รับพระราชทานนามวัดจากพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
Credit: http://th.wikipedia.org/
11. แวะชิมอาหารทะเล มุมอร่อย ศรีราชา
อีกหนึ่งร้านอาหารซีฟู้ดเลื่องชื่อ มุมอร่อย ร้านอาหารทะเลบรรยากาศสบายๆ ร่มรื่น เป็นกันเอง มีที่ให้เลือกนั่งหลากหลายมุม บริการอาหารซีฟู้ดรสเด็ด และอาหารไทยรสเยี่ยม สาขาศรีราชา
Credit: http://www.painaidii.com/
12. เทศกาลสัตว์เลี้ยง Central พระราม2
กับบรรดาสัตว์เลี้ยงน่ารักๆที่ออกมาโชว์ตัวกันในงาน เทศกาลสัตว์เลี้ยง
13. แกรนแคนยอนน้ำโขง สามพันโบก อุบลราชธานี
แก่งสามพันโบกเป็นแก่งหินที่อยู่ใต้ลำน้ำโขงในช่วงฤดูน้ำหลากซึ่งเกิด จากแรง น้ำวนกัดเซาะ กลายเป็นแอ่งมากกว่า 3,000 แอ่ง หรือ 3,000 โบก โบก หรือแอ่ง หมายถึง บ่อน้ำลึกในแก่งหินใต้ ลำน้ำโขง และคำว่า “โบก” เป็นภาษาของลาวที่มักนิยมเรียกกัน และจะปรากฏให้เห็นในช่วงฤดูแล้งที่น้ำแห้งขอด แก่งหินดังกล่าวก็จะโผล่พ้นน้ำกลายเป็นความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติสุดอลังการกลางลำน้ำโขง ที่สวยงาม แปลกตา จนชาวบ้านเรียกว่า แกรนแคนยอนน้ำโขงซึ่งจะสัมผัสบรรยากาศแบบนี้ได้ ตั้งแต่เดือนธันวาคม - พฤษภาคม
Credit: http://www.paiduaykan.com/