ไม่ได้เหมาหมอทั้งหมดนะ แต่อยากเอามาเล่าให้ฟัง
ใครไม่เคยพาพ่อแม่พี่น้องปู่ยาตายาย เข้า รพ คงจะไม่ค่อยเข้าใจอารมณ์แบบนี้เท่าไหร่
ส่วนตัวแล้ว เป็นคนที่ชื่นชมหมอมากอยู่แล้ว แต่พอเจอเหตุการณ์นี้ไปถึงกับเงิบ
ขอเกริ่นว่า จขกท อยู่กับ คุณย่าตั้งล็กจนโต คุณย่าเป็นผู้หญิงแกร่งมาก เลี้ยงดีมากเป็นเหมือนทั้งพ่อและแม่ของ จขกท
ปีนี้ท่านอายุ 70 แต่เรายังเรียนอยู่มหาวิทยาลัย เลยไม่ค่อยได้หยุดปิดเทอม ทราบข่าวว่า ท่านไปตรวจสุขภาพมาหมอบอกว่า
มีเนื้องอก ที่ กระเพาะปัสสาวะ เลยจะตัดเนื้อไปตรวจ ย่าเล่าว่าไม่เคยผ่าตัดมาก่อนทั้งชีวิต กลัวก็กลัว เราซึ่งไม่ได้อยู่เป็นกำลังใจ
ก็รู้สึกสงสารย้อนในวัยเด็กที่เวลาเรากลัวเข้าห้องฉีดยา ถอนฟัน ผ่าเนื้องอกที่ปาก ยังต้องขอให้ย่าเข้ามาด้วยเลย ทำได้แค่ส่งกำลังใจ
ให้ทางโทรศัพท์ เพราะช่วงนั้นสอบไฟนอลของมหาลัย
พอสอบเสร็จก็รีบกลับมาดูแลย่า เราก็สงสัยว่าทำไมย่านั่งเหม่อ เวลากินข้าวหลายๆครั้งเหมือนมีเรื่องกลุ้มใจ แต่ไม่รู้จะพูดดีมั้ย
จู่ๆ วันนึงย่าก็พูดกรอกหูให้ฟังตลอดว่า ย่ากลัวว่า จะต้องตัดกระเพาะปัสสาวะจังเลย ก้อนเนื้อชิ้นนั้นอาจเป็นมะเร็งก็ได้ เราก็พยายามบอกว่าคิดมาก
แต่พอพูดบ่อยๆ เราก็เริ่มคิดนะ แล้วก็ก็ค่อยๆบอกว่า หลังจากผ่าเสร็จหมอเรียกไปคุยว่า จากประสบการณ์อันเชี่ยวชาญของหมอ ก้อนเนื้อชิ้นนี้
ลักษณะคล้ายกับปะการัง ทำใจไว้บ้างก็ได้ มันเป็นเวรกรรม บลาๆๆ
แต่อีกเรื่องที่ตลก คือ ก่อนออกจาก รพ มีหมอ มาใหม่ มาบอกย่าเราว่าเป็นมะเร็งปากมดลูกให้ไปถอดสายปัสสาวะ ที่บ้านนะ จนคุณอาเราต้องวิ่งไปถาม
ว่าย่าเราเป็นอะไรกันแน่ หมอถึงวิ่งมาบอกว่า ขอโทษครับ ผมจำคนไข้ผิดคน เอิ่มม หมอคะ เข้าใจว่าคนไข้เยอะ แต่บางครั้งก็ช่วยแคร์ความรู้สึกคนฟัง
คนไข้บางคนที่ไม่ค่อยอยากมารพ เพราะอะไรคุณรู้มั้ย เค้าบอกว่าหมอดุอย่างนั้นอย่างนี้ หมอพูดจาไม่ดีคนไข้หมดกำลังใจที่จะรักษา เข้าใจว่าหมอเรียนมาเยอะ
เราก็เรียนมาทางด้านนี้แหละ MURT
เรามีย่าคนเดียว ย่าบอกว่าอยากอยู่จนเรารับปริญญาจบ เราไม่อยากให้ย่าคิดมาก ถ้าผลออกมาแล้วย่าไม่ได้เป็นโรคร้ายที่หมอพูด
หมอจะรับผิดชอบความรู้สึกที่เสียไปยังไง หมอไม่ได้เป็นคนที่ผ่าตัด ไม่ได้เป็นโรค ลองนั่งฟังสิ่งที่ตัวเองพูดบ้างนะคะ
ใครไม่พอใจกดออกค่ะ ใครเข้าใจก็ขอบคุณค่ะ
ใครเคยเจอหมอที่ไม่มีศิลปะในการพูดกับคนไข้ บ้างคะ รู้สึกไงคะ
ใครไม่เคยพาพ่อแม่พี่น้องปู่ยาตายาย เข้า รพ คงจะไม่ค่อยเข้าใจอารมณ์แบบนี้เท่าไหร่
ส่วนตัวแล้ว เป็นคนที่ชื่นชมหมอมากอยู่แล้ว แต่พอเจอเหตุการณ์นี้ไปถึงกับเงิบ
ขอเกริ่นว่า จขกท อยู่กับ คุณย่าตั้งล็กจนโต คุณย่าเป็นผู้หญิงแกร่งมาก เลี้ยงดีมากเป็นเหมือนทั้งพ่อและแม่ของ จขกท
ปีนี้ท่านอายุ 70 แต่เรายังเรียนอยู่มหาวิทยาลัย เลยไม่ค่อยได้หยุดปิดเทอม ทราบข่าวว่า ท่านไปตรวจสุขภาพมาหมอบอกว่า
มีเนื้องอก ที่ กระเพาะปัสสาวะ เลยจะตัดเนื้อไปตรวจ ย่าเล่าว่าไม่เคยผ่าตัดมาก่อนทั้งชีวิต กลัวก็กลัว เราซึ่งไม่ได้อยู่เป็นกำลังใจ
ก็รู้สึกสงสารย้อนในวัยเด็กที่เวลาเรากลัวเข้าห้องฉีดยา ถอนฟัน ผ่าเนื้องอกที่ปาก ยังต้องขอให้ย่าเข้ามาด้วยเลย ทำได้แค่ส่งกำลังใจ
ให้ทางโทรศัพท์ เพราะช่วงนั้นสอบไฟนอลของมหาลัย
พอสอบเสร็จก็รีบกลับมาดูแลย่า เราก็สงสัยว่าทำไมย่านั่งเหม่อ เวลากินข้าวหลายๆครั้งเหมือนมีเรื่องกลุ้มใจ แต่ไม่รู้จะพูดดีมั้ย
จู่ๆ วันนึงย่าก็พูดกรอกหูให้ฟังตลอดว่า ย่ากลัวว่า จะต้องตัดกระเพาะปัสสาวะจังเลย ก้อนเนื้อชิ้นนั้นอาจเป็นมะเร็งก็ได้ เราก็พยายามบอกว่าคิดมาก
แต่พอพูดบ่อยๆ เราก็เริ่มคิดนะ แล้วก็ก็ค่อยๆบอกว่า หลังจากผ่าเสร็จหมอเรียกไปคุยว่า จากประสบการณ์อันเชี่ยวชาญของหมอ ก้อนเนื้อชิ้นนี้
ลักษณะคล้ายกับปะการัง ทำใจไว้บ้างก็ได้ มันเป็นเวรกรรม บลาๆๆ
แต่อีกเรื่องที่ตลก คือ ก่อนออกจาก รพ มีหมอ มาใหม่ มาบอกย่าเราว่าเป็นมะเร็งปากมดลูกให้ไปถอดสายปัสสาวะ ที่บ้านนะ จนคุณอาเราต้องวิ่งไปถาม
ว่าย่าเราเป็นอะไรกันแน่ หมอถึงวิ่งมาบอกว่า ขอโทษครับ ผมจำคนไข้ผิดคน เอิ่มม หมอคะ เข้าใจว่าคนไข้เยอะ แต่บางครั้งก็ช่วยแคร์ความรู้สึกคนฟัง
คนไข้บางคนที่ไม่ค่อยอยากมารพ เพราะอะไรคุณรู้มั้ย เค้าบอกว่าหมอดุอย่างนั้นอย่างนี้ หมอพูดจาไม่ดีคนไข้หมดกำลังใจที่จะรักษา เข้าใจว่าหมอเรียนมาเยอะ
เราก็เรียนมาทางด้านนี้แหละ MURT
เรามีย่าคนเดียว ย่าบอกว่าอยากอยู่จนเรารับปริญญาจบ เราไม่อยากให้ย่าคิดมาก ถ้าผลออกมาแล้วย่าไม่ได้เป็นโรคร้ายที่หมอพูด
หมอจะรับผิดชอบความรู้สึกที่เสียไปยังไง หมอไม่ได้เป็นคนที่ผ่าตัด ไม่ได้เป็นโรค ลองนั่งฟังสิ่งที่ตัวเองพูดบ้างนะคะ
ใครไม่พอใจกดออกค่ะ ใครเข้าใจก็ขอบคุณค่ะ