สวัสดีค่ะเพื่อนๆ
วันนี้จะมาแชร์ประสบการณ์และข้อแนะนำสำหรับคนที่จะไป Work and Holiday (WAH) ออสเตรเลียค่ะ ^^ (ป.ล. จขกท มา WAH 2014 ที่เมลเบิร์นค่ะ ตอนแรกตั้งใจว่าจะมา WAH ปีนึงแล้วค่อยไปเรียนต่อ แต่กลายเป็นว่าแผนเปลี่ยนซะงั้น… มา WAH แค่ 3 เดือน แล้วจะเรียนต่อที่บริสเบนเลย ก็เลยเป็นประสบการณ์ในช่วงเวลาสั้นๆที่เอามาเล่านะคะ ขอออกตัวก่อนว่าเป็นประสบการณ์ส่วนตัว ซึ่งอาจไม่ตรงกับของใครหลายๆคน และเป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นค่ะ เพื่อนๆคนไหนมีประสบการณ์อะไรเพิ่มเติม มาแชร์กันค่ะ ^^)
ขอเกริ่นนิดนึงสำหรับโครงการ WAH ค่ะ
Work and Holiday (WAH) เป็นโครงการที่ให้โอกาสเยาวชนไทยอายุไม่เกิน 30 ปี (ที่จบป.ตรีแล้ว) จำนวน 500 คน ไปใช้ชีวิตในออสเตรเลียเป็นระยะเวลา 1 ปี โดยสามารถทำงานได้และกี่งานก็ได้ แต่มีข้อแม้ว่าต้องทำไม่เกิน 6 เดือนต่อหนึ่งนายจ้าง หรืออาจเที่ยวอย่างเดียวไม่ทำงานเลยก็ยังได้นะคะถ้าทุนหนา 555 (โครงการนี้ให้สิทธิ์ในการไปอยู่ออสเฉยๆค่ะ เราต้องออกแบบชีวิตเราเองไม่ว่าจะเป็นวันเดินทาง ที่อยู่ งาน หรือด้านอื่นๆ)
รายละเอียดเกี่ยวกับ WAH เพิ่มเติมสามารถดูได้ที่
http://www.thaiwahclub.com (พี่เกมส์จาก Beyond Study เป็นผู้ดูแลเว็บค่ะ ในเว็บจะมีการอัพเดตข่าวสารต่างๆที่มีประโยชน์และเกี่ยวกับ WAH นอกจากนี้ ยังมีเว็บบอร์ดซึ่งหากเรามีคำถามก็สามารถโพสต์ไว้ แล้วพี่เกมส์จะมาตอบให้ค่ะ)
http://www.opp.go.th/information_australia.php (เว็บไซต์ของ สท ซึ่งเป็นหน่วยงานไทยที่รับผิดชอบในการออกใบรับของคุณสมบัติของผู้เข้าโครงการ WAH จะมีรายละเอียดอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับโครงการ และเวลาสมัครก็จะสมัครในเว็บนี้ค่ะ)
กดโควตามหาโหดในวันรับสมัคร (ประมาณวันที่ 1-3 กรกฎาของทุกปี แต่แค่สองสามชั่วโมงแรกของวันแรกก็เต็มแล้วค่ะ -*-)
*ข้อแนะนำ*
- ติดตามข้อมูลข่าวสารจากเว็บไซต์ Thaiwahclub และ สท ก่อนวันรับสมัครตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อเตรียมเอกสารสมัคร เช่น ผล IELTS (ไม่ต่ำกว่า 4.5) (แต่ถ้าเรียนหลักสูตร Inter มาไม่ต่ำกว่า 2 ปี ก็ไม่ต้องใช้ค่ะ)
- ฝึกวิทยายุทธ์พิมพ์ให้เร็วก่อนวันกดโควตา หรืออีกวิธีคือพิมพ์รายละเอียดตัวเองเก็บไว้ แล้วพอตอนกรอกข้อมูลวันจริง ก็ copy paste เอา (เป็นวิธีที่หลายคนใช้)
- หาเพื่อนที่จะกดโควตาด้วยกัน ถ้าเพื่อนกดได้ แล้วเรายังกดไม่ได้ (เพราะคอมดันช้าหรือเข้าเว็บไม่ได้) ก็อาจให้เพื่อนช่วยกดให้ (จขกทได้โควตาเพราะเพื่อนกดให้ค่ะ T^T)
- ถ้าไม่มีเพื่อนกด แต่มี laptop หลายเครื่องที่บ้าน (รวมทั้งมือถือ) ก็เปิดให้หมดเลยค่ะ เครื่องไหนเข้าได้ก็เครื่องนั้นแหละ (จขกท เปิด laptop 2 เครื่อง มือถืออีกหนึ่ง แต่ไม่รอดซักอัน)
- สวดมนต์ไหว้พระ เพราะมันขึ้นกะดวงล้วนๆๆๆ
ยื่นเอกสารหลังจากได้โควตา (ขอไม่พูดถึงรายละเอียดว่าต้องใช้เอกสารอะไรบ้างนะคะ สามารถติดตามได้ทางเว็บไซต์ที่ให้ไว้ด้านบน)
*ข้อแนะนำ*
- ค่อยๆ เตรียมเอกสารให้ครบ อุดรูโหว่ทุกอย่าง (เช่น ที่มาของแหล่งเงินที่เราต้องอธิบายให้สถานทูตเข้าใจ) เพราะถ้าใจร้อนรีบยื่นวีซ่าตามเพื่อนแต่เอกสารไม่เรียบร้อย ก็อาจโดนปฏิเสธวีซ่าได้ (ถ้าโดนปฏิเสธ สามารถยื่นอีกได้ค่ะ แต่ก็แอบเสียดายค่าวีซ่านะ แพง แล้วครั้งต่อไปอาจได้ยากขึ้น)
หาที่พัก (แล้วแต่ชอบเลยค่ะ บางคนชอบอยู่ในเมือง บางคนอยู่นอกเมืองได้…ส่วนใหญ่แล้วร้านอาหารไทยในเมลเบิร์นมักอยู่นอกเมืองค่ะ ถ้าเราอยู่ในเมืองแล้วทำงานร้านไทยก็ต้องนั่งแทรมหรือบัสออกไป แต่ก็ไม่นานค่ะ ซัก 15-20 นาที)
*ข้อแนะนำ*
- จขกท หาบ้านใน
www.aussietip.com ค่ะ
- ที่พักส่วนใหญ่เป็นแบบชายหญิงปนกัน (ถ้าเฉพาะห้องนอนจะ ช-ช ญ-ญ หรืออาจเป็นแฟนมาด้วยกัน) แต่ก็มีแบบหญิงล้วนค่ะ ซึ่งนานๆจะเจอซักที่
- ราคาที่พักอาจจ่ายเป็นราย 2 วีค หรือเดือน (แต่เวลาเค้าบอกค่าเช่า จะบอกเป็นรายวีค) ราคามีหลากหลาย ส่วนใหญ่ที่เห็นเด็ก WAH เช่าก็อยู่ในช่วง 100-165 AUD ต่อวีค มีแบบนอนในห้องนอนและนอนที่ living (โซนห้องนั่งเล่นนั่นแหละ เจ้าของห้องอาจเอาอะไรมากั้นเพื่อความเป็นส่วนตัวนิดนึง เราอาจต้องทนเสียงหรือกลิ่นกับข้าวนิดหน่อยค่ะ แต่ราคามักถูก)
- ควรถามเจ้าของห้องว่า ราคาห้องรวมบิลหรือยัง (รวมบิลคือ รวมค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเน็ต แต่ก็ต้องถามค่ะว่ารวมอะไรบ้าง ให้ชัดๆไปเลย) บางที่ค่าห้องถูกแต่ไม่รวมบิล ไปๆมาๆ ก็ราคาใกล้ๆกับแบบรวมบิลนั่นแหละ
- เครื่องซักผ้า เครื่องอบผ้า มีให้มั้ย ฟรีมั้ย (บางที่ต้องใช้รวมกับคนอื่นในอพาร์ตเม้นต์ และเป็นแบบหยอดเหรียญ เคยเห็นที่ซักผ้าครั้งนึงต้องหยอด 3 AUD อบผ้า 4 AUD ซึ่งแพงมากกกก) อ้อ แล้วถามเจ้าของห้องหน่อยก็ดีค่ะ ว่ามีระเบียงตากผ้าด้วยหรือเปล่า บางทีเราซักอะไรเล็กๆน้อยๆ ขี้เกียจไปอบน่ะ
- ถ้าใครมีเพื่อนอยู่ไม่ไกลจากที่พักที่เล็งไว้ อาจขอให้เพื่อนไปดูให้หน่อยว่า สภาพโอเคหรือเปล่า มีกลิ่นอับมั้ย เพราะบางทีรูปที่เจ้าของห้องส่งให้ดูอาจดีกว่าของจริง หรือเราอาจเลือกที่จะพัก hostel ก่อน แล้วค่อยๆดูห้องไปเองก็ได้ค่ะ (ส่วนจขกทเสี่ยงดวงค่ะ จองจากไทยไปเลย 555)
- ส่วนใหญ่จะต้องทำสัญญากับเจ้าของห้องว่าจะอยู่ขั้นต่ำกี่เดือน (ที่เคยเห็นมักราวๆ 3-4 เดือน)
- เครื่องนอนมีให้ครบมั้ย (เผื่อจะได้ไม่ต้องแบกไปหรือซื้อใหม่)
- อยู่กันกี่คน ใครเป็น roommate เรา ห้องน้ำกี่ห้อง จะไปที่พักยังไง เจ้าของห้องมารับที่สนามบินมั้ย นึกไรออก ก็ถามไปเลยค่ะ เป็นสิทธิ์ของเรา
- การเดินทางไปที่พักของจขกท : นั่ง SkyBus จากสนามบินไปสุดที่ Southern Cross Station (18 AUD) และต้องต่อ train ไปลง Melbourne Central Station (อยากประหยัดค่า taxi เลยยอมเหนื่อย 555)
- การเดินทางกลับจากเมลเบิร์นมาไทย : นั่ง StarBus ซึ่ง จขกท เพิ่งรู้จักเลยโทรไป book ให้รถมารับที่บ้านไปส่งที่สนามบินเลย พบว่าต้นทุนถูกว่าวิธีขามาค่ะ เพราะ StarBus เที่ยวเดียว (จากส่วนไหนก็ได้ของ CBD ไปสนามบิน) ราคา 18 AUD จขกท ปลื้ม StarBus มาก เพราะตรงเวลาฝุดๆ นัด 10 โมง มา 10 โมงเป๊ะเว่อร์ และไม่ต้องต่อรถให้เสียตังและเหนื่อยเพิ่ม
หางาน (ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ของแต่ละคนและจังหวะค่ะ)
*ข้อแนะนำ*
- ถ้าเราภาษาได้ระดับนึงและมีความกล้าหน่อย ก็ทำงานกับฝรั่งได้ (และไม่จำเป็นต้องเป็นร้านอาหารก็ได้ค่ะ) (จขกทเคยขายพวก supports อุปกรณ์เอาฝุ่นออกจากเสื้อ และผ้าคลุมที่รีดผ้าที่ร้านคนดัตช์ และต่อมาก็เป็น Receptionist/Admin ที่ clinic กายภาพบำบัดของคนเมกัน….งานเหนื่อยและกดดัน 555 คือดูแลทุกอย่างในร้าน ตั้งแต่จัดห้องให้หมอ เก็บเงิน คีย์ข้อมูลในระบบซึ่งเป็นโปรแกรมที่ไม่รู้จักมาก่อน -*- ต้อนรับลูกค้า คุยโทรศัพท์กับลูกค้า หรือถ้าหมอจะส่งลูกค้าไปอีก clinic ก็ต้องโทรไป book ให้ การทำงานที่นี่บังคับให้เราต้องพยายามพูดและฟัง โดยเฉพาะโทรศัพท์นี่ยากมากกกกก ถ้าเราฟังไม่ทัน กลัวได้ (จขกท กลัวมากๆอะ 555) แต่อย่าไปอายค่ะ บอกปลายสายว่าช่วยพูดช้าลงนิด คนออสซี่ส่วนใหญ่ใจดีค่ะ เค้ารู้ว่ามีกะเหรี่ยงมาประเทศเค้าเยอะ 555 พอทำงานลักษณะนี้ไปเรื่อยๆ skill เราจะค่อยๆดีขึ้นค่ะ)
- ดูเว็บหางานบ่อยๆๆๆๆๆ ส่วนใหญ่เว็บหางานออสซี่ที่นิยม (และ จขกท ดูบ่อย) ก็
www.gumtree.com.au (จะเป็นงานทั่วๆไป เช่น งานเสริฟ เชฟ คลีน อื่นๆ จิปาถะ แต่ส่วนใหญ่ชอบ require ประสบการณ์ เฮ้ออออออ)
www.seek.com.au (มักเป็นงานออฟฟิศ ได้ยากหน่อย ส่วนใหญ่ชอบเอาคนท้องถิ่น)
- ตอนเริ่มทำงาน (แม้เพิ่งมาเทรนวันแรก) ก็ควรถามร้านเลยว่าค่าจ้างเท่าไหร่ มาเทรนก็ได้เงินด้วยใช่มั้ย (ตอน จขกท มาถึงเมลเบิร์นสองสามวันแรก ลองไปร้านเกาหลีค่ะ พอทำเสร็จเค้าบอกว่าวันนี้มาเทรนไม่จ่ายนะ พรุ่งนี้เทรนอีกวันก็จะไม่จ่ายเหมือนกัน เงิบบบบสิคะ วันรุ่งขึ้นเลยไม่ไปละ งอล 555 และอีกอย่างถึงทำจริงค่าจ้างก็ไม่ค่อยดีด้วย)
- เรซูเม่ ไม่ต้องปริ๊นมาเยอะก็ได้ ถ้าเกิดไม่พอจริงๆ มันจะมีร้านปริ๊น (ร้านที่ จขกท ใช้บริการ ราคา 20 เซ็นต่อแผ่น) (ส่วนใหญ่ จขกท ส่งเรซูเม่ไปตาม gumtree หรือ seek พอเค้าเรียก เราก็ค่อยไปปริ๊นเอา อีกอย่างพอเรามีประสบการณ์เพิ่มขึ้น อยากเปลี่ยนงาน ก็ต้องแก้ไขเรซูเม่และปริ๊นใหม่อยู่ดี)
- ที่นี่ไม่มีงานไหนสบาย (ต้อง alert ตลอดเวลา) อย่างงานเสริฟ ที่อาจมีคนคิดว่าก็แค่เดินชิวๆไปวางอาหาร มันไม่ใช่! นอกจากต้องเทคออเดอร์กับลูกค้าหลายคนที่เรื่องมาก (เอาอันนี้ ไม่ใส่อันนี้) ยังต้องเดินจ้ำ (ย้ำ จ้ำ) ไปเสริฟอาหารด้วย (หลายคนบอกปวดขาไปเลย ถ้าลูกค้าเยอะ) และอาจต้องวางจาน 2-3 ใบบนแขน (ถ้าแขนยาว) ส่วนงานในครัว เชฟ หรือ kitchen hand ก็ต้องอาศัยความถึกเช่นกัน และคนตัวใหญ่หรือตัวสูงค่อนข้างได้เปรียบ (อันนี้ไม่มีประสบการณ์ตรงนะคะ ฟังเค้าเล่ามา)
- ถ้าตั้งใจจะมาทำร้านไทย ควรหาเพื่อนไทยไว้เยอะๆ เพราะงานมักจะมาจากปากต่อปาก
- ถ้าหางานยังไม่ได้ อย่าท้อ หาต่อไป (ส่งเรซูเม่ทุกวันเป็นกิจวัตรเลยค่ะ)
- งานส่วนใหญ่ที่เห็นเด็ก WAH ทำกันมักเป็นงาน part time ก็อาศัยทำหลายๆ งานเอา และไม่มีความแน่นอนเหมือนงานออฟฟิศ (บางทีถ้าเจ้าของร้านขาดคนในวันที่ไม่ใช่ชิฟของเรา เค้าก็อาจเรียกเราให้ไปทำได้)
อื่นๆ ที่เมลเบิร์น
- สิ่งที่ จขกท ไม่ชอบที่สุด คือ อากาศ ค่ะ -*- วันนึงมีหลายฤดูอย่างที่หลายคนพูด ควรเอาเสื้อมาหลายๆแบบค่ะ แบบใส่วันอากาศร้อน อากาศอุ่น อากาศเย็น อากาศเย็นมาก อากาศหนาว อากาศหนาวมาก 5555 ตื่นเช้ามา เช็คพยากรณ์อากาศเลยนะคะ เพราะของเค้าแม่นจริงๆ…อีกอย่าง ที่นี่แดดแรงมากกกก (แต่ถ้าอากาศหนาวแล้วแดดแรงอย่างงี้ ก็ชอบนะคะ จขกท ยังไปนั่งตากแดดบ่อยๆ ดำเลย 555)
- สำเนียงออสซี่แอบฟังยาก (อย่างที่หลายคนบอก -*-) แต่ถ้าอยู่ไปนานๆ ก็น่าจะดีขึ้น
- ไม่มีสายฉีดชำระ (หรือถ้ามีก็หายากกกกก)
- คนสูบบุหรี่กันเยอะจุง (ผู้หญิงแก่ๆก็ยังสูบ)
- อาหารทั่วไป จานนึงราคาราวๆ 10 AUD บวกลบนิดหน่อย ถ้าซื้อวัตถุดิบมาทำเองจะถูกกว่าเยอะ (และบริหารเสน่ห์ปลายจวักด้วยนะเออ ป.ล. จขกทแอบภูมิใจที่หุงข้าวโดยใช้หม้อธรรมดาได้ >_<)
- น้ำเปล่าแพงกว่านม (บ้าน จขกท กินน้ำจากก๊อกค่ะ ประหยัดดี แต่บางบ้านเค้าบอกว่าบ้านเค้ากินไม่ได้เพราะมีกลิ่น)
- เราสามารถเดินรอบ CBD เมลเบิร์นได้ชิวๆ (เพราะไม่ร้อน เพลินดีนะคะ ลองดู) แต่ถ้าไม่อยากเดินและต้องการเซฟเงิน เค้าก็มีแทรมฟรี (City Circle) วนรอบ CBD ใครเพิ่งมาก็ลองนั่งดูค่ะ ในแทรมจะมีอธิบายสถานที่ต่างๆ ที่แทรมวิ่งผ่าน แต่คนอาจแน่นหน่อย เพราะมีทั้งนักท่องเที่ยวและออสซี่เบียดๆกันไป
- ตามถนนจะมีคนมาเล่นดนตรีหรือแสดงอะไรแปลกๆให้ดู พวกที่แสดงดนตรีก็จะมี CD ของตัวเองวางขาย (ราคาแผ่นละ 10-20 AUD) ถ้าเราชอบก็ซื้อได้เลย (จขกท ชอบไปนั่งฟังเพลงที่ Bourke street ค่ะ และแอบซื้อ CD ของวง Amistat มาด้วย)
- ร้านอาหารจีน ญี่ปุ่น เกาหลีเยอะ (ถ้าได้ภาษาจีน ญี่ปุ่น หรือเกาหลีด้วยจะได้เปรียบในการหางานร้านพวกนี้ค่ะ จขกท อยากสมัครร้านชาไข่มุก แต่กลายเป็นว่าต้องพูดจีนได้ จบเลย 555)
- เมลเบิร์นมีรถสามล้อรับผู้โดยสารเหมือนบ้านเรา (O_O)
- ไป Crown Casino ครั้งแรก เค้าจะให้คูปองไปแลกชิพลองเล่นฟรี (2 ชิพ ชิพละ 5 AUD) ถ้าอยากเล่นก็เล่น แต่ถ้าไม่อยาก เราก็เอาชิพนั้นไปแลกเป็นเงินสดได้ (ก็จะได้ 10 AUD มาฟรีๆ อิอิ)
- วันคริสต์มาส หัวดำเดินกันเต็มเมือง หัวทองอยู่บ้าน (ห้างปิดหมด ไม่ครึ้กครื้นเหมือนบ้านเราเลย 555)
- จขกท ดีใจมากที่มาเมลเบิร์นตอน Les Misérables แสดงที่ Her Majesty’s Theatre พอดี ดูจบฟินไปหลายวันนนนนน (ต้นปี 2015 เค้าจะไปแสดงที่ Perth และตามด้วย Sydney ค่ะ เพื่อนๆที่อยู่ทั้งสองเมืองอย่าลืมไปดูกันนะคะ เพลงเพราะ และ cast ก็แบบว่ามันใช่อะ!!!)
จขกท แอบเสียดายที่ได้อยู่เมลเบิร์นแค่ 3 เดือน แต่ก็รู้สึกว่าเป็นประสบการณ์ที่คุ้มค่า และอยากแนะนำให้เพื่อนๆลองมา WAH กันค่ะถ้ามีโอกาส แม้ว่าชีวิตที่นี่อาจไม่ได้สวยอะไรขนาดนั้น มีทั้งด้านสว่างและด้านมืด แต่อย่างน้อยที่สุดประสบการณ์จะสอนให้เรามองโลกกว้างขึ้น รู้จักตัวเองมากขึ้น และเราจะภูมิใจว่าเราก็สามารถทำอะไรที่ไม่คิดว่าตัวเองทำได้ได้เหมือนกัน
สุดท้ายขอขอบคุณเพื่อนๆทุกคนนะคะที่เข้ามาอ่าน ใครจะกดโควตาออสปี 2015 ขอให้โชคดีกันทุกคนค่า ^^
แชร์ข้อแนะนำและประสบการณ์ไป Work and Holiday ออสเตรลียค่ะ
วันนี้จะมาแชร์ประสบการณ์และข้อแนะนำสำหรับคนที่จะไป Work and Holiday (WAH) ออสเตรเลียค่ะ ^^ (ป.ล. จขกท มา WAH 2014 ที่เมลเบิร์นค่ะ ตอนแรกตั้งใจว่าจะมา WAH ปีนึงแล้วค่อยไปเรียนต่อ แต่กลายเป็นว่าแผนเปลี่ยนซะงั้น… มา WAH แค่ 3 เดือน แล้วจะเรียนต่อที่บริสเบนเลย ก็เลยเป็นประสบการณ์ในช่วงเวลาสั้นๆที่เอามาเล่านะคะ ขอออกตัวก่อนว่าเป็นประสบการณ์ส่วนตัว ซึ่งอาจไม่ตรงกับของใครหลายๆคน และเป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นค่ะ เพื่อนๆคนไหนมีประสบการณ์อะไรเพิ่มเติม มาแชร์กันค่ะ ^^)
ขอเกริ่นนิดนึงสำหรับโครงการ WAH ค่ะ
Work and Holiday (WAH) เป็นโครงการที่ให้โอกาสเยาวชนไทยอายุไม่เกิน 30 ปี (ที่จบป.ตรีแล้ว) จำนวน 500 คน ไปใช้ชีวิตในออสเตรเลียเป็นระยะเวลา 1 ปี โดยสามารถทำงานได้และกี่งานก็ได้ แต่มีข้อแม้ว่าต้องทำไม่เกิน 6 เดือนต่อหนึ่งนายจ้าง หรืออาจเที่ยวอย่างเดียวไม่ทำงานเลยก็ยังได้นะคะถ้าทุนหนา 555 (โครงการนี้ให้สิทธิ์ในการไปอยู่ออสเฉยๆค่ะ เราต้องออกแบบชีวิตเราเองไม่ว่าจะเป็นวันเดินทาง ที่อยู่ งาน หรือด้านอื่นๆ)
รายละเอียดเกี่ยวกับ WAH เพิ่มเติมสามารถดูได้ที่
http://www.thaiwahclub.com (พี่เกมส์จาก Beyond Study เป็นผู้ดูแลเว็บค่ะ ในเว็บจะมีการอัพเดตข่าวสารต่างๆที่มีประโยชน์และเกี่ยวกับ WAH นอกจากนี้ ยังมีเว็บบอร์ดซึ่งหากเรามีคำถามก็สามารถโพสต์ไว้ แล้วพี่เกมส์จะมาตอบให้ค่ะ)
http://www.opp.go.th/information_australia.php (เว็บไซต์ของ สท ซึ่งเป็นหน่วยงานไทยที่รับผิดชอบในการออกใบรับของคุณสมบัติของผู้เข้าโครงการ WAH จะมีรายละเอียดอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับโครงการ และเวลาสมัครก็จะสมัครในเว็บนี้ค่ะ)
กดโควตามหาโหดในวันรับสมัคร (ประมาณวันที่ 1-3 กรกฎาของทุกปี แต่แค่สองสามชั่วโมงแรกของวันแรกก็เต็มแล้วค่ะ -*-)
*ข้อแนะนำ*
- ติดตามข้อมูลข่าวสารจากเว็บไซต์ Thaiwahclub และ สท ก่อนวันรับสมัครตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อเตรียมเอกสารสมัคร เช่น ผล IELTS (ไม่ต่ำกว่า 4.5) (แต่ถ้าเรียนหลักสูตร Inter มาไม่ต่ำกว่า 2 ปี ก็ไม่ต้องใช้ค่ะ)
- ฝึกวิทยายุทธ์พิมพ์ให้เร็วก่อนวันกดโควตา หรืออีกวิธีคือพิมพ์รายละเอียดตัวเองเก็บไว้ แล้วพอตอนกรอกข้อมูลวันจริง ก็ copy paste เอา (เป็นวิธีที่หลายคนใช้)
- หาเพื่อนที่จะกดโควตาด้วยกัน ถ้าเพื่อนกดได้ แล้วเรายังกดไม่ได้ (เพราะคอมดันช้าหรือเข้าเว็บไม่ได้) ก็อาจให้เพื่อนช่วยกดให้ (จขกทได้โควตาเพราะเพื่อนกดให้ค่ะ T^T)
- ถ้าไม่มีเพื่อนกด แต่มี laptop หลายเครื่องที่บ้าน (รวมทั้งมือถือ) ก็เปิดให้หมดเลยค่ะ เครื่องไหนเข้าได้ก็เครื่องนั้นแหละ (จขกท เปิด laptop 2 เครื่อง มือถืออีกหนึ่ง แต่ไม่รอดซักอัน)
- สวดมนต์ไหว้พระ เพราะมันขึ้นกะดวงล้วนๆๆๆ
ยื่นเอกสารหลังจากได้โควตา (ขอไม่พูดถึงรายละเอียดว่าต้องใช้เอกสารอะไรบ้างนะคะ สามารถติดตามได้ทางเว็บไซต์ที่ให้ไว้ด้านบน)
*ข้อแนะนำ*
- ค่อยๆ เตรียมเอกสารให้ครบ อุดรูโหว่ทุกอย่าง (เช่น ที่มาของแหล่งเงินที่เราต้องอธิบายให้สถานทูตเข้าใจ) เพราะถ้าใจร้อนรีบยื่นวีซ่าตามเพื่อนแต่เอกสารไม่เรียบร้อย ก็อาจโดนปฏิเสธวีซ่าได้ (ถ้าโดนปฏิเสธ สามารถยื่นอีกได้ค่ะ แต่ก็แอบเสียดายค่าวีซ่านะ แพง แล้วครั้งต่อไปอาจได้ยากขึ้น)
หาที่พัก (แล้วแต่ชอบเลยค่ะ บางคนชอบอยู่ในเมือง บางคนอยู่นอกเมืองได้…ส่วนใหญ่แล้วร้านอาหารไทยในเมลเบิร์นมักอยู่นอกเมืองค่ะ ถ้าเราอยู่ในเมืองแล้วทำงานร้านไทยก็ต้องนั่งแทรมหรือบัสออกไป แต่ก็ไม่นานค่ะ ซัก 15-20 นาที)
*ข้อแนะนำ*
- จขกท หาบ้านใน www.aussietip.com ค่ะ
- ที่พักส่วนใหญ่เป็นแบบชายหญิงปนกัน (ถ้าเฉพาะห้องนอนจะ ช-ช ญ-ญ หรืออาจเป็นแฟนมาด้วยกัน) แต่ก็มีแบบหญิงล้วนค่ะ ซึ่งนานๆจะเจอซักที่
- ราคาที่พักอาจจ่ายเป็นราย 2 วีค หรือเดือน (แต่เวลาเค้าบอกค่าเช่า จะบอกเป็นรายวีค) ราคามีหลากหลาย ส่วนใหญ่ที่เห็นเด็ก WAH เช่าก็อยู่ในช่วง 100-165 AUD ต่อวีค มีแบบนอนในห้องนอนและนอนที่ living (โซนห้องนั่งเล่นนั่นแหละ เจ้าของห้องอาจเอาอะไรมากั้นเพื่อความเป็นส่วนตัวนิดนึง เราอาจต้องทนเสียงหรือกลิ่นกับข้าวนิดหน่อยค่ะ แต่ราคามักถูก)
- ควรถามเจ้าของห้องว่า ราคาห้องรวมบิลหรือยัง (รวมบิลคือ รวมค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเน็ต แต่ก็ต้องถามค่ะว่ารวมอะไรบ้าง ให้ชัดๆไปเลย) บางที่ค่าห้องถูกแต่ไม่รวมบิล ไปๆมาๆ ก็ราคาใกล้ๆกับแบบรวมบิลนั่นแหละ
- เครื่องซักผ้า เครื่องอบผ้า มีให้มั้ย ฟรีมั้ย (บางที่ต้องใช้รวมกับคนอื่นในอพาร์ตเม้นต์ และเป็นแบบหยอดเหรียญ เคยเห็นที่ซักผ้าครั้งนึงต้องหยอด 3 AUD อบผ้า 4 AUD ซึ่งแพงมากกกก) อ้อ แล้วถามเจ้าของห้องหน่อยก็ดีค่ะ ว่ามีระเบียงตากผ้าด้วยหรือเปล่า บางทีเราซักอะไรเล็กๆน้อยๆ ขี้เกียจไปอบน่ะ
- ถ้าใครมีเพื่อนอยู่ไม่ไกลจากที่พักที่เล็งไว้ อาจขอให้เพื่อนไปดูให้หน่อยว่า สภาพโอเคหรือเปล่า มีกลิ่นอับมั้ย เพราะบางทีรูปที่เจ้าของห้องส่งให้ดูอาจดีกว่าของจริง หรือเราอาจเลือกที่จะพัก hostel ก่อน แล้วค่อยๆดูห้องไปเองก็ได้ค่ะ (ส่วนจขกทเสี่ยงดวงค่ะ จองจากไทยไปเลย 555)
- ส่วนใหญ่จะต้องทำสัญญากับเจ้าของห้องว่าจะอยู่ขั้นต่ำกี่เดือน (ที่เคยเห็นมักราวๆ 3-4 เดือน)
- เครื่องนอนมีให้ครบมั้ย (เผื่อจะได้ไม่ต้องแบกไปหรือซื้อใหม่)
- อยู่กันกี่คน ใครเป็น roommate เรา ห้องน้ำกี่ห้อง จะไปที่พักยังไง เจ้าของห้องมารับที่สนามบินมั้ย นึกไรออก ก็ถามไปเลยค่ะ เป็นสิทธิ์ของเรา
- การเดินทางไปที่พักของจขกท : นั่ง SkyBus จากสนามบินไปสุดที่ Southern Cross Station (18 AUD) และต้องต่อ train ไปลง Melbourne Central Station (อยากประหยัดค่า taxi เลยยอมเหนื่อย 555)
- การเดินทางกลับจากเมลเบิร์นมาไทย : นั่ง StarBus ซึ่ง จขกท เพิ่งรู้จักเลยโทรไป book ให้รถมารับที่บ้านไปส่งที่สนามบินเลย พบว่าต้นทุนถูกว่าวิธีขามาค่ะ เพราะ StarBus เที่ยวเดียว (จากส่วนไหนก็ได้ของ CBD ไปสนามบิน) ราคา 18 AUD จขกท ปลื้ม StarBus มาก เพราะตรงเวลาฝุดๆ นัด 10 โมง มา 10 โมงเป๊ะเว่อร์ และไม่ต้องต่อรถให้เสียตังและเหนื่อยเพิ่ม
หางาน (ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ของแต่ละคนและจังหวะค่ะ)
*ข้อแนะนำ*
- ถ้าเราภาษาได้ระดับนึงและมีความกล้าหน่อย ก็ทำงานกับฝรั่งได้ (และไม่จำเป็นต้องเป็นร้านอาหารก็ได้ค่ะ) (จขกทเคยขายพวก supports อุปกรณ์เอาฝุ่นออกจากเสื้อ และผ้าคลุมที่รีดผ้าที่ร้านคนดัตช์ และต่อมาก็เป็น Receptionist/Admin ที่ clinic กายภาพบำบัดของคนเมกัน….งานเหนื่อยและกดดัน 555 คือดูแลทุกอย่างในร้าน ตั้งแต่จัดห้องให้หมอ เก็บเงิน คีย์ข้อมูลในระบบซึ่งเป็นโปรแกรมที่ไม่รู้จักมาก่อน -*- ต้อนรับลูกค้า คุยโทรศัพท์กับลูกค้า หรือถ้าหมอจะส่งลูกค้าไปอีก clinic ก็ต้องโทรไป book ให้ การทำงานที่นี่บังคับให้เราต้องพยายามพูดและฟัง โดยเฉพาะโทรศัพท์นี่ยากมากกกกก ถ้าเราฟังไม่ทัน กลัวได้ (จขกท กลัวมากๆอะ 555) แต่อย่าไปอายค่ะ บอกปลายสายว่าช่วยพูดช้าลงนิด คนออสซี่ส่วนใหญ่ใจดีค่ะ เค้ารู้ว่ามีกะเหรี่ยงมาประเทศเค้าเยอะ 555 พอทำงานลักษณะนี้ไปเรื่อยๆ skill เราจะค่อยๆดีขึ้นค่ะ)
- ดูเว็บหางานบ่อยๆๆๆๆๆ ส่วนใหญ่เว็บหางานออสซี่ที่นิยม (และ จขกท ดูบ่อย) ก็
www.gumtree.com.au (จะเป็นงานทั่วๆไป เช่น งานเสริฟ เชฟ คลีน อื่นๆ จิปาถะ แต่ส่วนใหญ่ชอบ require ประสบการณ์ เฮ้ออออออ)
www.seek.com.au (มักเป็นงานออฟฟิศ ได้ยากหน่อย ส่วนใหญ่ชอบเอาคนท้องถิ่น)
- ตอนเริ่มทำงาน (แม้เพิ่งมาเทรนวันแรก) ก็ควรถามร้านเลยว่าค่าจ้างเท่าไหร่ มาเทรนก็ได้เงินด้วยใช่มั้ย (ตอน จขกท มาถึงเมลเบิร์นสองสามวันแรก ลองไปร้านเกาหลีค่ะ พอทำเสร็จเค้าบอกว่าวันนี้มาเทรนไม่จ่ายนะ พรุ่งนี้เทรนอีกวันก็จะไม่จ่ายเหมือนกัน เงิบบบบสิคะ วันรุ่งขึ้นเลยไม่ไปละ งอล 555 และอีกอย่างถึงทำจริงค่าจ้างก็ไม่ค่อยดีด้วย)
- เรซูเม่ ไม่ต้องปริ๊นมาเยอะก็ได้ ถ้าเกิดไม่พอจริงๆ มันจะมีร้านปริ๊น (ร้านที่ จขกท ใช้บริการ ราคา 20 เซ็นต่อแผ่น) (ส่วนใหญ่ จขกท ส่งเรซูเม่ไปตาม gumtree หรือ seek พอเค้าเรียก เราก็ค่อยไปปริ๊นเอา อีกอย่างพอเรามีประสบการณ์เพิ่มขึ้น อยากเปลี่ยนงาน ก็ต้องแก้ไขเรซูเม่และปริ๊นใหม่อยู่ดี)
- ที่นี่ไม่มีงานไหนสบาย (ต้อง alert ตลอดเวลา) อย่างงานเสริฟ ที่อาจมีคนคิดว่าก็แค่เดินชิวๆไปวางอาหาร มันไม่ใช่! นอกจากต้องเทคออเดอร์กับลูกค้าหลายคนที่เรื่องมาก (เอาอันนี้ ไม่ใส่อันนี้) ยังต้องเดินจ้ำ (ย้ำ จ้ำ) ไปเสริฟอาหารด้วย (หลายคนบอกปวดขาไปเลย ถ้าลูกค้าเยอะ) และอาจต้องวางจาน 2-3 ใบบนแขน (ถ้าแขนยาว) ส่วนงานในครัว เชฟ หรือ kitchen hand ก็ต้องอาศัยความถึกเช่นกัน และคนตัวใหญ่หรือตัวสูงค่อนข้างได้เปรียบ (อันนี้ไม่มีประสบการณ์ตรงนะคะ ฟังเค้าเล่ามา)
- ถ้าตั้งใจจะมาทำร้านไทย ควรหาเพื่อนไทยไว้เยอะๆ เพราะงานมักจะมาจากปากต่อปาก
- ถ้าหางานยังไม่ได้ อย่าท้อ หาต่อไป (ส่งเรซูเม่ทุกวันเป็นกิจวัตรเลยค่ะ)
- งานส่วนใหญ่ที่เห็นเด็ก WAH ทำกันมักเป็นงาน part time ก็อาศัยทำหลายๆ งานเอา และไม่มีความแน่นอนเหมือนงานออฟฟิศ (บางทีถ้าเจ้าของร้านขาดคนในวันที่ไม่ใช่ชิฟของเรา เค้าก็อาจเรียกเราให้ไปทำได้)
อื่นๆ ที่เมลเบิร์น
- สิ่งที่ จขกท ไม่ชอบที่สุด คือ อากาศ ค่ะ -*- วันนึงมีหลายฤดูอย่างที่หลายคนพูด ควรเอาเสื้อมาหลายๆแบบค่ะ แบบใส่วันอากาศร้อน อากาศอุ่น อากาศเย็น อากาศเย็นมาก อากาศหนาว อากาศหนาวมาก 5555 ตื่นเช้ามา เช็คพยากรณ์อากาศเลยนะคะ เพราะของเค้าแม่นจริงๆ…อีกอย่าง ที่นี่แดดแรงมากกกก (แต่ถ้าอากาศหนาวแล้วแดดแรงอย่างงี้ ก็ชอบนะคะ จขกท ยังไปนั่งตากแดดบ่อยๆ ดำเลย 555)
- สำเนียงออสซี่แอบฟังยาก (อย่างที่หลายคนบอก -*-) แต่ถ้าอยู่ไปนานๆ ก็น่าจะดีขึ้น
- ไม่มีสายฉีดชำระ (หรือถ้ามีก็หายากกกกก)
- คนสูบบุหรี่กันเยอะจุง (ผู้หญิงแก่ๆก็ยังสูบ)
- อาหารทั่วไป จานนึงราคาราวๆ 10 AUD บวกลบนิดหน่อย ถ้าซื้อวัตถุดิบมาทำเองจะถูกกว่าเยอะ (และบริหารเสน่ห์ปลายจวักด้วยนะเออ ป.ล. จขกทแอบภูมิใจที่หุงข้าวโดยใช้หม้อธรรมดาได้ >_<)
- น้ำเปล่าแพงกว่านม (บ้าน จขกท กินน้ำจากก๊อกค่ะ ประหยัดดี แต่บางบ้านเค้าบอกว่าบ้านเค้ากินไม่ได้เพราะมีกลิ่น)
- เราสามารถเดินรอบ CBD เมลเบิร์นได้ชิวๆ (เพราะไม่ร้อน เพลินดีนะคะ ลองดู) แต่ถ้าไม่อยากเดินและต้องการเซฟเงิน เค้าก็มีแทรมฟรี (City Circle) วนรอบ CBD ใครเพิ่งมาก็ลองนั่งดูค่ะ ในแทรมจะมีอธิบายสถานที่ต่างๆ ที่แทรมวิ่งผ่าน แต่คนอาจแน่นหน่อย เพราะมีทั้งนักท่องเที่ยวและออสซี่เบียดๆกันไป
- ตามถนนจะมีคนมาเล่นดนตรีหรือแสดงอะไรแปลกๆให้ดู พวกที่แสดงดนตรีก็จะมี CD ของตัวเองวางขาย (ราคาแผ่นละ 10-20 AUD) ถ้าเราชอบก็ซื้อได้เลย (จขกท ชอบไปนั่งฟังเพลงที่ Bourke street ค่ะ และแอบซื้อ CD ของวง Amistat มาด้วย)
- ร้านอาหารจีน ญี่ปุ่น เกาหลีเยอะ (ถ้าได้ภาษาจีน ญี่ปุ่น หรือเกาหลีด้วยจะได้เปรียบในการหางานร้านพวกนี้ค่ะ จขกท อยากสมัครร้านชาไข่มุก แต่กลายเป็นว่าต้องพูดจีนได้ จบเลย 555)
- เมลเบิร์นมีรถสามล้อรับผู้โดยสารเหมือนบ้านเรา (O_O)
- ไป Crown Casino ครั้งแรก เค้าจะให้คูปองไปแลกชิพลองเล่นฟรี (2 ชิพ ชิพละ 5 AUD) ถ้าอยากเล่นก็เล่น แต่ถ้าไม่อยาก เราก็เอาชิพนั้นไปแลกเป็นเงินสดได้ (ก็จะได้ 10 AUD มาฟรีๆ อิอิ)
- วันคริสต์มาส หัวดำเดินกันเต็มเมือง หัวทองอยู่บ้าน (ห้างปิดหมด ไม่ครึ้กครื้นเหมือนบ้านเราเลย 555)
- จขกท ดีใจมากที่มาเมลเบิร์นตอน Les Misérables แสดงที่ Her Majesty’s Theatre พอดี ดูจบฟินไปหลายวันนนนนน (ต้นปี 2015 เค้าจะไปแสดงที่ Perth และตามด้วย Sydney ค่ะ เพื่อนๆที่อยู่ทั้งสองเมืองอย่าลืมไปดูกันนะคะ เพลงเพราะ และ cast ก็แบบว่ามันใช่อะ!!!)
จขกท แอบเสียดายที่ได้อยู่เมลเบิร์นแค่ 3 เดือน แต่ก็รู้สึกว่าเป็นประสบการณ์ที่คุ้มค่า และอยากแนะนำให้เพื่อนๆลองมา WAH กันค่ะถ้ามีโอกาส แม้ว่าชีวิตที่นี่อาจไม่ได้สวยอะไรขนาดนั้น มีทั้งด้านสว่างและด้านมืด แต่อย่างน้อยที่สุดประสบการณ์จะสอนให้เรามองโลกกว้างขึ้น รู้จักตัวเองมากขึ้น และเราจะภูมิใจว่าเราก็สามารถทำอะไรที่ไม่คิดว่าตัวเองทำได้ได้เหมือนกัน
สุดท้ายขอขอบคุณเพื่อนๆทุกคนนะคะที่เข้ามาอ่าน ใครจะกดโควตาออสปี 2015 ขอให้โชคดีกันทุกคนค่า ^^