ธารทิพย์ บทที่ 18

กระทู้สนทนา
ธารทิพย์

โดย อัศวรักษ์


ธารทิพย์ บทที่ 17 http://pantip.com/topic/33044190


            คณะเดินทางทั้งเจ็ดชีวิตและเจ้าพรีโม่ล้อมวงอยู่หน้าปากถ้ำ ไกรศักดิ์กางแผนที่ออกมาวางบนพื้นชี้นิ้วจี้อยู่ที่จุดหนึ่งบนแผนที่

                “ภูยม” ไกรศักดิ์เรียกชื่อแล้วเงยมองหน้าทีละคน

                “ดินแดนต้องห้าม ไม่เคยมีพรานหรือมนุษย์คนไหนกล้าเดินเข้าไป” เขากล่าวนำ

                “พี่ผาบอกให้ไปทางนั้น” เขาบอกสิ่งที่วิญญาณของพรานผาพูดไว้

                โจ พีและเหมียวไม่รู้สึกอะไรทั้งสามคนไม่เคยรู้จักและยังเชื่อมั่นในตัวลุงของพวกเขา ส่วนพรานโละกับแงซาถึงกับสะอึก ทั้งชีวิตของเขารับรู้ว่าภูยมนั้นมนุษย์ห้ามก้าวเท้าเข้าไปเด็ดขาดยิ่งนึกถึงภาพพญาจงอางแล้วทั้งสองเย็นวูบตั้งแต่กระหม่อมไปถึงปลายเท้า

                สร้อยแก้ว เธอมีเลือดกล้าหาญของพ่อแล่นอยู่ในกายทุกหยด เธอไม่ได้สะทกสะท้านอะไร แค่ไม่เข้าใจว่าจะต้องไปทำอะไรที่ภูยมเท่านั้น

                “ไปเพื่ออะไรจ๊ะท่านพ่อ”เธอถามมองหน้าพ่อไกรศักดิ์

                “ปู่ทวดให้ไปทำไมจ๊ะ” เธอถามต่อ

                “ไปยังดินแดนที่ไม่อยู่ในโลกมนุษย์ ชื่อวะสะธารา ลำธารแห่งวาสนา ไปช่วยแม่ กับอีกสามหรือสี่ชีวิต” ไกรศักดิ์พูดมองหน้าลูกแล้วหันมองทุกคนอย่างจริงจัง

                ทุกคนนิ่งเงียบไม่กล้าพูดหรือออกความเห็นใดๆ

                “ฉันต้องการความเห็น ว่าเราจะตัดจากที่นี่ไปหรือจะกลับไปส่งคนที่หมู่บ้านก่อน” ไกรศักดิ์พูดกับทุกคน

                “ไปแล้วช่วยแม่ได้รึจ๊ะท่านพ่อ” สร้อยแก้วถามพ่อไกรศักดิ์

                “พ่อไม่รู้หรอกนะเจ้าว่าจะช่วยแม่ได้อย่างไร แต่พ่อรู้ว่าจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น” ไกรศักดิ์ตอบลูก

                “ลูกจำไว้นะ ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร พ่อพร้อมจะแลกด้วยชีวิตพ่อ” ไกรศักดิ์บอกลูกอย่างหนักแน่น

                สร้อยแก้วยกมือขึ้นสัมผัสใบหน้าพ่ออย่างสนิทใจ เธอสวมกอดเขาไว้ด้วยความรู้สึกภูมิใจในตัวพ่อ

                “มันต่างกันยังไงครับระหว่างสองเส้นทาง” พีถามขึ้น

                “ฟังให้ดีนะ ถ้าเราเดินกลับไปตั้งหลักที่หมู่บ้าน” ไกรศักดิ์พูดชี้นิ้วลากบนแผนที่

                “เราจะเสียเวลามากขึ้น แต่ ดูบริเวณนี้ของภูยม” เขาชี้นิ้ววงบนแผนที่

                “ตามแผนที่จะเป็นที่ราบกว้าง เราสองคนจะเอาเรือบินลงจอดได้มั้ย”

                “เราเร่งเดินกลับทางที่เรารู้จัก แล้วใช้เรือบินบินไปซักครึ่งชั่วโมงก็ถึง”

                “เราอาจจะส่งคนลงที่หมู่บ้านด้วยอย่างเช่นโละกับแงซา หรือใครที่ไม่ควรไปเสี่ยง” ไกรศักดิ์อธิบาย

                “แต่ถ้าเราตัดไปเลย ทุกคนต้องไปเสี่ยงด้วยกันหมดและเราต้องเดินเข้าดินแดนต้องห้ามตั้งแต่ก้าวแรก” เขาพูดจบแล้วมองไปที่ทุกคน

                โจกับพีก้มมองดูรายละเอียดบนแผนที่อีกครั้งพูดคุยเพื่อประเมินสภาพของที่ราบที่ลุงไกรพูดถึงครู่หนึ่ง

                “ลงได้แน่ แต่จะวิ่งขึ้นได้รึเปล่า” โจพูดหันไปมองหน้าพี

                “กูไม่สนใจเรื่องวิ่งขึ้นหรอก” พีพูดมีนัยสำคัญ

                “สำหรับกูน่ะ ไปให้ถึงแล้วเราจะรู้ทางกลับเอง ถ้าจะได้กลับนะ” เขาหันไปพูดกับโจอย่างเชื่อมั่น

                “ผมสองคนเห็นควรให้กลับหมู่บ้านไปเอาเป็ดน้ำครับ” โจบอกลุง

                “ตกลง ถ้าอย่างนั้นเรากลับ” ไกรศักดิ์สรุปแล้วเก็บแผนที่ใส่เป้หลัง

                ทุกคนลุกขึ้นขยับออกเดินเท้าเพื่อกลับไปยังหมู่บ้าน ไกรศักดิ์หันมายังเนินที่ฝังพรานผาชิดเท้าตรงแล้วทำวันทยาหัตถ์เพื่อแสดงความเคารพอีกครั้ง คนอื่นยกมือไหว้ตาม แล้วทั้งหมดจึงเริ่มออกเดินทางกลับ

                สร้อยแก้วย่ำน้ำมาเดินเคียงข้างพ่อไกรศักดิ์ขณะอยู่ในซอกโตรกเขา
    
            “ท่านพ่อจ๊ะ ปู่ทวดมาบอกท่านพ่อเยี่ยงไรจ๊ะ” เธอชวนพ่อคุย
    
            ไกรศักดิ์หันมายิ้ม
                “ในกรรมฐานลูก รู้จักกรรมฐานอยู่แล้วนี่ ปู่ผาคงสอนลูกแล้วใช่มั้ย” ไกรศักดิ์ตอบ สร้อยแก้วพยักหน้า

                “ท่านพ่อเคยเห็นแม่บ้างไหม ฉันหมายใจถึงวิญญาณจ้ะ” สร้อยแก้วถาม

                “เคย เมื่อคืนแม่ก็มา ลูกรู้อยู่แล้วนี่” ไกรศักดิ์ตอบ

                “แม่รักท่านพ่อมากสินะจ๊ะ” เธอพูด

                “พ่อก็รักแม่ของลูกมากเหมือนกันนะ” ไกรศักดิ์ยิ้มบอกลูก

                “ท่านพ่อจ๊ะ แม่ตายเยี่ยงไรจ๊ะ” สร้อยแก้วเริ่มถามสิ่งที่เธออยากรู้ที่สุด

                ไกรศักดิ์หันมามองลูก เขาฝืนยิ้มให้แล้วตอบ

                “ลูกจะได้รู้แน่ อีกไม่นาน” เขาเลี่ยงยังไม่ตอบลูกเวลานี้

                ไกรศักดิ์ยิ้มโอบไหล่ลูกสาวมาแนบตัวให้เดินลุยน้ำไปด้วยกัน สร้อยแก้วยิ้มเอียงศีรษะมาซบไหล่ท่านพ่อเธอรู้สึกอบอุ่น

                จนกระทั่งคนทั้งหมดผ่านพ้นซอกโตรกออกมา ปืนที่สะพายไหล่ถูกปลดลงมาอยู่ในท่าเตรียมยิงขณะยังยืนอยู่ในแอ่งธาร ไกรศักดิ์ใช้กล้องส่องตรวจพื้นที่แล้วส่งสัญญาณมือโบกให้ขยับตัวแยกขยายออกจากกันไม่รวมกลุ่ม พรานโละก็ใช้กล้องส่องตรวจอีกด้านด้วยเช่นกัน ส่วนเหมียวเธอประทับไรเฟิลแล้วดึงลูกเลื่อนบรรจุกระสุนหรี่ตาเล็งตรวจพื้นที่ด้วยกล้องเล็งและพร้อมเหนี่ยวไก
    
            ไม่มีวี่แววของอันตรายใดๆ คนทั้งหมดจึงลุยน้ำมาขึ้นฝั่งที่พวกเขาเดินลงมาเมื่อวาน

                “น้ำเย็นมากเลยค่ะคุณลุง เราก่อไฟพักให้ตัวแห้งก่อนดีมั้ยคะ” เหมียวบอกลุงไกร เธอหนาวจนปากสั่น

                “นั่นล่ะถูกแล้วลูกเหมียว” ไกรศักดิ์ตอบเธอ

                “ขืนไปตอนนี้ได้ไข้จับตายกันมั่งล่ะ” เขาพูดต่อ

                “ถ้าไม่ติดเสือสองตัวนั่นแถวนี้ก็น่าพักสักคืนนะครับ” โจพูดกับลุง เขายังกังวลเรื่องเสือโคร่งสองตัวอยู่ไม่หาย

                “ว่ายังไงโละ” ไกรศักดิ์หันไปขอความเห็น

                “วันวานเราเหนื่อยกันมากจ้ะ พักเอาแรงสักคืนคงดีจ้ะ” พรานโละตอบ

                “แอ่งนี่ปลาชุมมาก เดี๋ยวฉันกับแงซาจับเผาให้กินกันจ้ะ” พรานโละบอก

                “เนินนั่นแล้วกันชัยภูมิเหมาะดี” ไกรศักดิ์พูดชี้มือไป

                “โละกับแงซาหาปลาไปนะ ฉันกับลูกๆจะวางค่ายให้เอง” เขาพูดแบ่งงานกันทำ

                เนินดินที่ห่างจากแอ่งธารเพียงไม่กี่ก้าวมีไม้ใหญ่หลายต้นเป็นกำบังและคลุมกันน้ำค้างให้ ทำเลนี้ยังสะดวกต่อการระวังภัยและยังได้ใช้ทั้งน้ำและอาหารจากลำธาร กองไฟสามกองถูกจุดขึ้น หนึ่งกองตรงกลางเพื่อใช้ประโยชน์และอีกสองกองห่างออกไปเพื่อล้อมพื้นที่ให้อุ่น

                สองสาวเหมียวและสร้อยแก้วได้สิทธิพิเศษให้พักผ่อนผิงตัวให้แห้งไปก่อนเธอทั้งสองถอดรองเท้าคว่ำบนไม้ที่ปักไว้ข้างๆกองไฟ โดยมีพ่อไกรศักดิ์นั่งอยู่ด้วย พีกับโจไปนั่งอยู่ที่โคนต้นไม้ระวังภัยให้พรานโละกับแงซาที่ไล่แทงปลาในแอ่งธารด้วยไม้เสี้ยมแหลมอยู่ เจ้าพรีโม่มันเดินไปเดินมารอบๆค่ายสูดกลิ่นลาดตระเวนอยู่ไม่ห่าง

                ไม่นานปลาจากลำธารตัวเขื่องสิบกว่าตัวก็ถูกเสียบไม้ย่างอยู่ข้างกองไฟความเหนื่อยและความหิวส่งผลให้ปลาย่างตัวเท่าศอกนั้นเลิศรสกว่าอะไรที่เคยกินมาและจำนวนที่จับได้ก็พอเพียงให้ทุกคนอิ่มสนิท เหมียวแกะเนื้อปลาให้เจ้าพรีโม่ที่นั่งเลียปากรอส่วนแบ่งของมัน บัดนี้มันรู้แล้วว่าในเวลากินมันควรนั่งอยู่ใกล้ๆนายคนที่สามของมัน

                “ภูยมนี่กว้างมากนะครับ” พีชวนคุยเมื่อเขากางแผนที่ออกดู

                “ประมาณห้าสิบกว่าตารางกิโลเมตรถ้าดูจากแผนที่” ไกรศักดิ์บอก

                “มีภูเขาสี่ห้าลูกทับซ้อนกันอยู่ทำให้ โตรกเขาช่องหน้าผาลำธารเต็มไปหมด ที่ราบมีแค่ผืนเดียว ที่เคยเห็นจากทางอากาศนะ” ไกรศักดิ์บรรยาย

                “เลยทำให้แถบนั้นดูลึกลับซับซ้อน ประกอบกับความเชื่อตั้งแต่โบราณเลยไม่มีผู้คนกล้าย่างเท้าเข้าไป” เขาพูด

                “คำว่ายมนี่คงไม่ได้หมายถึง...” โจพูดค้างไว้ไม่กล้าพูดต่อ

                “ใช่ อย่างที่เราคิดนั่นล่ะ องค์พญายมราช” ไกรศักดิ์พูดเสียงเรียบ

                โจหันมองหน้ากับพี

                “คุณลุงเคยพบอะไรที่เอ่อ..แถวนั้นบ้างมั้ยครับ” พีถามลุง

                ไกรศักดิ์ยิ้มๆไม่ได้มองหน้า แงซาซึ่งนั่งฟังอยู่ด้วยรีบบอกว่าเขาเคยเห็นแล้วรีบเล่าเรื่องสิ่งที่เขาได้เห็นด้วยสองตาของเขาจนตกใจถึงขนาดหมดสติ แงซาชักชวนให้พรานโละช่วยกันเล่าถึงวีรกรรมของโส่ยพรานใหญ่ในเช้าวันนั้นให้ทุกคนฟัง ไกรศักดิ์ฟังแล้วหันมาลูบหัวลูกสาวเพื่อบอกว่าภูมิใจ

            เหมียว โจและพีหันไปมองสร้อยแก้วด้วยความทึ่งระคนกับอึ้งต่อเรื่องของพญาจงอาง

                “ขอบใจมากนะแงซา เป็นกำลังใจให้มากเลย” ไกรศักดิ์ยิ้มพูดหัวเราะหึหึอยู่ในลำคอ

                โจและพี กลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว เหมียวจับมือโจบีบไม่รู้ตัวเหมือนกัน ความรู้สึกสยองขวัญขึ้นมาจับหัวใจ

                “นั่นที่ปากทางเข้าเหรอครับ” โจตาลอยถาม
    
            ไม่มีเสียงตอบ ไม่มีใครอยากพูดถึง

                “เอาเป็นว่ากลับถึงหมู่บ้านแล้วพวกเราแต่ละคนค่อยตัดสินใจอีกที่ก็แล้วกันนะ” ไกรศักดิ์ตัดบท

                “ท่านพ่อจ๊ะ สร้อยแก้วอยากฟังท่านพ่อเล่าเรื่องแม่จ้ะ” สร้อยแก้วเกาะแขนบอกพ่อไกรศักดิ์

                “อืม จริงสินะ ก็ได้” ไกรศักดิ์ขยับตัว

                ทุกคนเลิกคิดเรื่องภูยมแล้วหันกลับมาตั้งใจฟังต่อ

                “หลังจากที่พากันกลับมาอยู่ที่บ้านพี่ผาแล้วก็อยู่กันอย่างนั้น พ่อกับพี่ผาก็อยู่บ้านบ้างออกป่าบ้าง เวลาออกป่าก็จะไปนานๆ สี่ปีหลังจากนั้น” ไกรศักดิ์เล่า

                บัดนี้สาวรุ่นลอยากลายเป็นสาวสะพรั่งวัยสิบเก้าปีแล้ว เธอใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ลำพังกับพรานโละพี่ชายเพียงสองคน นานๆจึงจะเข้าหมู่บ้านเพื่อพบปะผู้คนเสียที เธอหน้าตาสวยสะเป็นที่หมายปองของหนุ่มๆในหมู่เผ่า หนุ่มเหล่านั้นจึงแวะเวียนมาเยี่ยมเยือนพร้อมกับของฝากในมืออยู่เนืองๆ แต่ลอยาไม่มีการตอบรับให้เขาเหล่านั้น

                ไม่มีใครแม้แต่พรานโละพี่ชายและพ่อพรานผารู้ว่า หัวใจของหญิงสาวได้มอบไว้ให้กับบุรุษผู้สง่างามตั้งแต่วันแรกที่เขาอุ้มเธอให้รอดพ้นจากภัยมา การเข้าป่าครั้งนี้ของเขาและพ่อพรานผาก็นานมาก กว่าเดือนแล้วที่ทั้งสองยังไม่กลับ ลอยากระวนกระวายไม่เป็นอันทำอะไรมาหลายวันแล้ว

                ตะวันสาย ขณะที่ลอยากำลังทำความสะอาดชานเรือนอยู่ เธอสังเกตเห็นความเคลื่อนไหวไกลริบๆทางที่พรานผาเดินกลับมาอยู่ประจำ เธอยืนมองจนแน่ใจว่ามีคนสองคนกำลังเดินเข้ามาจึงรีบผลุนผลันลงบันไดวิ่งออกไป
    
            พันโทไกรศักดิ์ ยศที่เพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปกับพรานผาสหายรุ่นพี่ หยุดยืนมองสาวลอยาที่วิ่งเข้ามาหา

                เธอมาหยุดยืนหอบตัวโยนอยู่ตรงหน้าพูดอะไรไม่ออกแล้วทรุดตัวลงนั่ง ไกรศักดิ์และพรานผายิ้มมองหน้ากัน

                “วิ่งมาทำไมลอยา”ไกรศักดิ์นั่งลงจับไหล่ลูบหัวเธอ

                “เอ้า เอ้า เดี๋ยวก็เหนื่อยตายล่ะ” เขาพูดแล้วปลดกระติกน้ำส่งให้

                ลอยาเงยหน้ายิ้มให้แล้วรับมาดื่ม

                “ฉันอยากมารับจ้ะ” ลอยาพูดเสียงเหนื่อยหอบ

                “แล้วถ้าเหนื่อยตายพี่จะได้เห็นหน้าลอยามั้ยล่ะ” ไกรศักดิ์พูดไม่ได้คิดอะไร
    
            ไกรศักดิ์ไม่ได้คิด แต่สำหรับสาวลอยาแล้ว คำพูดนี้กำซาบเข้าไปถึงกลางหัวใจเธอ

                “พ่อล่วงไปก่อนนะเจ้า” พรานผาบอกลอยา เขายิ้มส่ายหน้าอย่างเอ็นดูแล้วออกเดินไปก่อน

                ไกรศักดิ์ยังนั่งอยู่เป็นเพื่อน เขายิ้มให้เธออย่างมีเมตตา

                “ทีหลังอย่าวิ่งแบบนี้อีกนะ เดี๋ยวเหนื่อยหายใจไม่ออกตายเลย” เขาวางมือไว้บนหัวบอก

                “ก็ท่านพี่ไปนานจนลอยากลัว” เธอบอกเขา

            “กลัวพี่ตายในป่าไม่กลับมาล่ะซิ” เขาถามยิ้มๆ

                “ท่านพี่อย่าพูดเยี่ยงนั้นอีกนะจ๊ะ”ลอยาพูดหน้าตื่น เธอกลัวสิ่งที่เขาพูด

                นายทหารหนุ่มดึงเธอมากอดไว้เบาๆ เขารู้ว่าเธอกลัวจริงๆ เขาจ้องตาลูบหน้าลูบผมเธอด้วยสองฝ่ามือเพื่อปลอบใจ ความรู้สึกปฏิพัทธ์มีอยู่ในใจของเขาอยู่เหมือนกันแต่พยายามซ่อนเอาไว้ด้วยเหตุผลบางอย่าง ใบหน้าที่ประคองอยู่ขณะนี้ก็งามหนักหนาจนเขาต้องจรดปลายจมูกหอมที่กระหม่อมแล้วจูบหน้าผากเบาๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่