อันที่จริงโดยส่วนตัวโชคดีได้บัตรรอบสื่อมาดูตั้งแต่วันที่ 29 ที่ผ่านมาแล้ว แต่ช่วงปลายปีแบบนี้กว่าจะสะสางงานเสร็จก็ลกยาวมาจนถึงวันนี้กันเลยทีเดียว
ก็เลยกะมารีวิวเผื่อให้เพื่อนสมาชิกท่านอื่นได้อ่านก่อนตัดสินใจไปดู ยังไงก็ขอฝากกตัวด้วยนะ มือใหม่หัดรีวิวจ้า
ชื่อภาพยนตร์: The One Ticket ตัวพ่อ...เรียกพ่อ
ประเภทภาพยนตร์: Comedy
ผู้กำกับ: ณภัทร ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา
แสดงนำโดย: แดน วรเวช ดานุวงศ์ น้องยูเค ณัฐธยาน์ องค์ศรีตระกูล นิว ปทิตตา อัธยาตมวิทยา
คะแนนความคุ้มค่าตั๋ว : 7.5/10
การเดินเรื่อง
ตัวหนังปูพื้นมาว่าป.ปลา อยู่กับโป้งผู้เป็นพ่อที่ไม่เอาไหนเพียงสองคน จากนั้นก็แจงให้เห็นว่าความงี่เง่าของโป้งนั้นมันมันเป็นปัญหายังไง
ทั้ง ๆ ที่มีโอกาสที่จะแก้ตัว (หาบัตรคอนเสิร์ต) หลายครั้งแต่กลับพลาดไปทุกที ซึ่งตรงนี้มีมุกตลกแทรกตลอด แต่ก็โอเคไม่ถึงกับฮาแตก มีทั้งมุกตลกที่ตั้งใจใส่เข้าไป มุกตลกที่คิดกันสด ๆ (เกือบ ๆ มีหลุดกันเอง) แต่ไม่ถึงขั้นฮาท้องคัดท้องแข็ง รวมทั้งยังมีมุกเสื่อมๆออกมาบ้าง ทีแรกดูจากหนังตัวอย่างคิดว่าจะแย่เสียอีก แต่เอาเข้าจริงหนังเรื่องนี้ก็มีอะไรให้สะกิดใจอยู่หลายๆฉาก
นักแสดง
เรื่องนี้โดยส่วนตัวให้น้องยูเคเป็นนักแสดงนำเลย เพราะน้องเล่นได้น่าเอ็นดู ฉากดราม่าก็เล่นถึงทำเอาเราถึงกับสงสารไปกับตัวละครด้วย
ซึ่งน้องอายุแค่นี้ แต่กลับเล่นได้แบบน่ารักและแอบดราม่า ผมว่าอาจจะต้องยกเครติดให้กับผู้กำกับเสียมากกว่า สำหรับแดนอันนี้ไม่ต้องห่วงเพราะบทกะล่อนตัวพ่อน่าจะตรงกับบุคลิกของเจ้าตัวอยู่แล้ว ในส่วนของฉากดราม่าทำได้ดี แต่ที่ทำได้ดีไม่แพ้น้องยูเค คือนิวที่มารับบท ณฐา สำหรับฉากอื่น ๆ ในเรื่องนี่ถือว่าธรรมดา สวย ๆ กันไป
จุดเด่นที่ชอบ
กลับไม่ใช่ความฮา แต่กลับเป็นความดราม่าที่เรียกได้ว่ามาแบบเซอร์ไพรส์ (เพราะไม่คาดคิดมาก่อนแล้ว) ยังชอบกราฟฟิกของเรื่องที่เป็นตัวการ์ตูน ทั้งในส่วนที่เป็นหนังสือที่โป้งแต่งหรือกราฟฟิกประกอบการเล่าเรื่องมันน่ารักดี
สรุป
หนังทำออกมาให้ได้เกินคาด (เพราะไม่ได้คาดหวัง ฮาาา) คือถ้าจะไปดูเพื่อเอาสนุก ดูแบบไม่คิดอะไร มันก็ขำ ๆ คลายเครียดได้ดี แต่ถ้าจะเอาสาระจากเรื่องนี้ก็เหมือนจะไม่มี เอ๊ะ ! หรือจะมี ผมมองว่าก็มีบางมุมที่จะสามารถนำมาปรับใช้ในชีวิตของเราได้บ้าง เพราะมีวลีเด็ดจากในหนังเรื่องนี้คือ "สีสันของชีวิต คือการใกล้ชิดอุปสรรค" มันจะมาจากใครลองไปดูแล้วกัน เรียกได้ว่ากับค่าตั๋วที่เสียไปถือว่าไม่เลว
ปล. ผมไม่เคยไปดูโรงมาสเตอร์การ์ดมาก่อน พอได้เข้าไปดู (ก็ในรอบนี้อ่ะแหล่ะ) แล้วติดใจแฮะ
ที่นั่งกว้างยืดขาได้ถนัดดี แต่ไม่รู้ถ้าซื้อบัตรเองจะแพงหรือเปล่า
[SR] รีวิวตัวพ่อเรียกพ่อ - เฮ้ยมันดีกว่าที่คิดนะ
ก็เลยกะมารีวิวเผื่อให้เพื่อนสมาชิกท่านอื่นได้อ่านก่อนตัดสินใจไปดู ยังไงก็ขอฝากกตัวด้วยนะ มือใหม่หัดรีวิวจ้า
ชื่อภาพยนตร์: The One Ticket ตัวพ่อ...เรียกพ่อ
ประเภทภาพยนตร์: Comedy
ผู้กำกับ: ณภัทร ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา
แสดงนำโดย: แดน วรเวช ดานุวงศ์ น้องยูเค ณัฐธยาน์ องค์ศรีตระกูล นิว ปทิตตา อัธยาตมวิทยา
คะแนนความคุ้มค่าตั๋ว : 7.5/10
การเดินเรื่อง
ตัวหนังปูพื้นมาว่าป.ปลา อยู่กับโป้งผู้เป็นพ่อที่ไม่เอาไหนเพียงสองคน จากนั้นก็แจงให้เห็นว่าความงี่เง่าของโป้งนั้นมันมันเป็นปัญหายังไง
ทั้ง ๆ ที่มีโอกาสที่จะแก้ตัว (หาบัตรคอนเสิร์ต) หลายครั้งแต่กลับพลาดไปทุกที ซึ่งตรงนี้มีมุกตลกแทรกตลอด แต่ก็โอเคไม่ถึงกับฮาแตก มีทั้งมุกตลกที่ตั้งใจใส่เข้าไป มุกตลกที่คิดกันสด ๆ (เกือบ ๆ มีหลุดกันเอง) แต่ไม่ถึงขั้นฮาท้องคัดท้องแข็ง รวมทั้งยังมีมุกเสื่อมๆออกมาบ้าง ทีแรกดูจากหนังตัวอย่างคิดว่าจะแย่เสียอีก แต่เอาเข้าจริงหนังเรื่องนี้ก็มีอะไรให้สะกิดใจอยู่หลายๆฉาก
นักแสดง
เรื่องนี้โดยส่วนตัวให้น้องยูเคเป็นนักแสดงนำเลย เพราะน้องเล่นได้น่าเอ็นดู ฉากดราม่าก็เล่นถึงทำเอาเราถึงกับสงสารไปกับตัวละครด้วย
ซึ่งน้องอายุแค่นี้ แต่กลับเล่นได้แบบน่ารักและแอบดราม่า ผมว่าอาจจะต้องยกเครติดให้กับผู้กำกับเสียมากกว่า สำหรับแดนอันนี้ไม่ต้องห่วงเพราะบทกะล่อนตัวพ่อน่าจะตรงกับบุคลิกของเจ้าตัวอยู่แล้ว ในส่วนของฉากดราม่าทำได้ดี แต่ที่ทำได้ดีไม่แพ้น้องยูเค คือนิวที่มารับบท ณฐา สำหรับฉากอื่น ๆ ในเรื่องนี่ถือว่าธรรมดา สวย ๆ กันไป
จุดเด่นที่ชอบ
กลับไม่ใช่ความฮา แต่กลับเป็นความดราม่าที่เรียกได้ว่ามาแบบเซอร์ไพรส์ (เพราะไม่คาดคิดมาก่อนแล้ว) ยังชอบกราฟฟิกของเรื่องที่เป็นตัวการ์ตูน ทั้งในส่วนที่เป็นหนังสือที่โป้งแต่งหรือกราฟฟิกประกอบการเล่าเรื่องมันน่ารักดี
สรุป
หนังทำออกมาให้ได้เกินคาด (เพราะไม่ได้คาดหวัง ฮาาา) คือถ้าจะไปดูเพื่อเอาสนุก ดูแบบไม่คิดอะไร มันก็ขำ ๆ คลายเครียดได้ดี แต่ถ้าจะเอาสาระจากเรื่องนี้ก็เหมือนจะไม่มี เอ๊ะ ! หรือจะมี ผมมองว่าก็มีบางมุมที่จะสามารถนำมาปรับใช้ในชีวิตของเราได้บ้าง เพราะมีวลีเด็ดจากในหนังเรื่องนี้คือ "สีสันของชีวิต คือการใกล้ชิดอุปสรรค" มันจะมาจากใครลองไปดูแล้วกัน เรียกได้ว่ากับค่าตั๋วที่เสียไปถือว่าไม่เลว
ปล. ผมไม่เคยไปดูโรงมาสเตอร์การ์ดมาก่อน พอได้เข้าไปดู (ก็ในรอบนี้อ่ะแหล่ะ) แล้วติดใจแฮะ
ที่นั่งกว้างยืดขาได้ถนัดดี แต่ไม่รู้ถ้าซื้อบัตรเองจะแพงหรือเปล่า