อย่างที่บอกว่าระบบ “ระบบการเลือกตั้งแบบสัดส่วนผสม” (Mixed-Member Proportional : MMP) จะถูกนำมาใช้ซึ่งจะบรรจุในร่างรัฐธรรมนูญฉบับต่อไป
เอาง่ายๆ ภาษาบ้านๆให้เข้าใจง่ายๆๆ มี สส 450 คน รวมทั้งระบบสัดส่วน และระบบเขต โดยเขตมี 250 สัดส่วนมี 200
ถือว่า 450 คน เท่ากับ 100 %
คราวนี้ระบบเดิมนั้นจะแยกกันไปเลย ระหว่างระบบสส และ บัญชีรายชื่อไม่ได้มีความสัมพันธ์กัน ดังนั้นคะแนนที่ให้พรรค กับ คะแนนที่ให้บุคคลจะไม่มีความสัมพันธ์กัน เพระาแยกกันคิดระหว่าง สส เขต และ สส บัญชีรายชื่อ แล้วเอาจำนวน สส มารวมกัน จะได้จำนวน สส ที่แท้จริง
แต่ระบบใหม่ จะให้ความสำพันธ์กับคะแนนเสียงของพรรค เพื่อคำนวณเป็นอัตตราส่วน ที่มีระดับความสำคัญเป็นอันดับแรก (ตามไอเดนมานะครับ อิอิ) ยกตัวอย่าง
คะแนน พรรค A ได้ 40 เปอร์เซนต์ ดูตะแนนพรคคนี้ก่อนเพราะสำคัญสุด มาคำนวนว่า สส A จะได้กี่คน
ก็เทียบบรรญัติไตรยาง (40*450)/100 = 180 คน
หรือคิดง่าย 1 % เท่ากับ 4.5 ที่นั่ง ดังนั้น 40 เปอร์เซนต์ ก็จะได้ 4.5 * 40 ก็จะได้ 180 คน
คราวนี้มันก็มีเงื่อนไข สามข้อ ที่ต้องเอามาคำนวน เพื่อเทียบกับ จำนวน สส ในสภาตามสัดส่วนที่ตัวเองจะได้ เพื่อยึดโยงทั้งคะแนนนิยมพรรค และ สส เขต โดยเสียงทุกเสียงมีความหมาย
กรณี ที่ 1 : ได้จำนวน สส เขต มากว่า สัดส่วนที่คำนวณได้
- ก็ให้ยึดจำนวน สส ในสภาตามจำนวน สส เขต เช่น พรรค A สส เขต ได้ 182 คน ก็ถือว่า สส ในสภา ได้ 182 คน ในระบบสัดส่วนจะไม่ได้ เนื่องจากจำนวน สส เมื่อดูตามจำนวนแล้ว สัดส่วน มากกว่าที่จะได้ เลยถือให้เอา สส เขตทีได้มากว่าเป็นจำนวน สส
กรณี ที่ 2 : ได้จำนวน สส เขต น้อยกว่าจำนวน สัดส่วน เช่น พรรค A ได้ สส เขตแค่ 100 ที่นั่ง แต่สัดส่วนมีจำนวน 180 คน ดังนั้น อีก 80 คนก็เอามาจากระบบสัดส่วน ให้ครบ 180 คน
กรณ๊ที่ 3 : ไม่ได้ สส เขตเลย แต่ได้จำนวน สัดส่วน เช่น มีสัดส่วน 10 เปอร์เซนต์ ก็จะได้ สส 45 คน ต่อให้ไม่ได้ สส เขตเลย แต่ได้ สส สัดส่วน 45 คน ก็ไปเอา สส ที่ลงไว้ในระบบสัดส่วน มาเป็น สส ได้ 45 คน ( ระบบนี้ดีกับพรรคเล็กที่ ในระบบเขตสู้เขาไม่ได้ แต่คะแนนเสียงมีความหมาย เมื่อรวมทั้งประเทศยังได้สัดส่วนที่เขาสนับสนุน ก็จะได้ สส เช่นกัน เห็นชูวิท ออกมาค้านปะ เพราะเขาได้ประโยชน์เต็มๆ อาจเป็นพรรคเนื้อหอมก็ได้)
คราวนี้เห็นภาพยังครับ ว่าทุกคะแนนเสียงไม่ว่าพรรคเล็กพรรคน้อยถ้าได้ สส สัดส่วน ถึง 1 เปอร์เซนต์ก็จะได้ สส ในสภาทั้งน้ัน (แต่ระบบแบบนี้ ผมว่ามีข้อเสียอย่างเดียวคือ พรรคจะเยอะ เพราะไม่ต้องง้อพรรคใหญ๋ แค่มีคะแนนเสียงในพื้นที่ตัวเอง ก็ได้เป็นสส แน่นอน ถ้าเขาการะบบสัดส่วน)
แต่ทำไม Identity ถึงบอกว่าให้ทำใจสำหรับใครที่หวังไว้ว่าระวังสิ่งที่หวังจะพังทลายนะเหรอครับ ก็เพราะระบบนี้ พรรคใหญ่ยากที่จะกุมเสียงข้างมากแบบเด็ดขาดในสภา ถ้าคะแนนนิยมไล่เลี่ยกัน
และเมื่อ 20 ก.ย. 2557 ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (กรุงเทพโพลล์) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน เรื่อง “คะแนนนิยมพรรคการเมืองไทย" โดย “หากวันนี้เป็นวันเลือกตั้งจะเลือกพรรคการเมืองใด” ร้อยละ 27.4 บอกว่าจะเลือกพรรคประชาธิปัตย์ (เพิ่มขึ้นจากผลสำรวจครั้งก่อนร้อยละ 8.4) รองลงมาร้อยละ 23.5 บอกว่าจะเลือกพรรคเพื่อไทย (ลดลงร้อยละ 5.8) และร้อยละ 2.8 บอกว่าจะเลือกพรรคชาติไทยพัฒนา (เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3)
ลองเอาคะแนนร้อยละไปคำนวณดูสิครับ ผมเลยบอกว่าระบบใหม่ อย่ามั่นใจอะไรนะคัรบ เส้นเลือดในสมองพวกที่คิดว่าตัวเองจะชนะอยู่ร่ำไปอาจ เส้นเลือดแตกได้ แต่ต่อให้พรรคไม่ชนะแต่เขารวมกลุ่มจัดตั้งรัฐบาลได้นั้น ก็ไม่มีบทบรรญัติใดห้ามไม่ให้พรรค ที่ไม่ได้คะแนนอันดับหนึ่งรวมตัวกันจัดตั้งรัฐบาล อ้าวพวกที่หวังไว้ก็แย่เลยหนะสิ คริคริ
แต่ออกตัวก่อนนะครับ Identity ไม่เห็นด้วยที่ นายกไม่ได้มากจากการเลือกตั้ง ถ้าจะให้มีนายกคนกลางต้องมาตอนช่วงมีปัญหาวิกฤตเท่านั้น อาจมีบทบัญญัติที่ชัดเจนว่า จะมีนายยกคนกลางเมื่อใด เมื่อประเทศไม่มีทางออกหรืออย่างไร(แต่เข้าใจว่าเขียนยากให้ครอบคลุม) แต่ก็ไม่ได้บอกว่าไม่ให้มีนายกคนกลาง(เฉพาะกรณีวิกฤต เพราะมีคนชอบอ้างกฏหมาย แต่ไม่ชอบทำตามกฏหมาย เหมือนที่ผ่านมา อยู่เพื่อรักษากติการ แต่ห้ามเอากติกามาใช้กับ ฉัน คริคริ)
เพราะฉะนั้น ก็ทำใจไว้นะครับ มันไม่มีอะไรแน่นอน ถ้าไม่ยึดมั่นถือมั่น ยึดติดพรรคตัวบุคคล ทิ้งอัตตา ขอให้คนที่เขามาทำเพื่อส่วนรวม แค่นี้ก็ไม่เส้นเลือดในสมองแตกละครับไม่ว่าพรรคไหนได้เป็น สำหรับเดนไม่แคร์ใครจะเป็นขอให้เข้ามาทำเพื่อส่วนรวม ประเทศชาติก็พอ อย่าลุแก่อำนาจ เอาผลประโยชน์พวกพ้องเป็นที่ตั้ง แค่นี้ก็บริหารไปให้ครบเถอะ แต่ถ้าทำเพื่อพวกพ้องผมก้ไม่สนับสนุน ไม่ว่าพรรคไหน
เข้าวัดเข้าวาฟังธรรมเรื่อง การไม่ยึดมั่นถือมั่น จะป้องกันโรคเส้นเลือดในสมองแตก กับ ความดันได้นะครับ เชื่อไอเดน คริคริ
ทำไมถึงบอกว่าอย่าคาดหวังมาก อีกปีกว่าเดี่ยวเส้นเลือดในสมองจะแตก มาดูเหตุผล เรื่องระบบ สส ใหม่( By Identity Idea )
อย่างที่บอกว่าระบบ “ระบบการเลือกตั้งแบบสัดส่วนผสม” (Mixed-Member Proportional : MMP) จะถูกนำมาใช้ซึ่งจะบรรจุในร่างรัฐธรรมนูญฉบับต่อไป
เอาง่ายๆ ภาษาบ้านๆให้เข้าใจง่ายๆๆ มี สส 450 คน รวมทั้งระบบสัดส่วน และระบบเขต โดยเขตมี 250 สัดส่วนมี 200
ถือว่า 450 คน เท่ากับ 100 %
คราวนี้ระบบเดิมนั้นจะแยกกันไปเลย ระหว่างระบบสส และ บัญชีรายชื่อไม่ได้มีความสัมพันธ์กัน ดังนั้นคะแนนที่ให้พรรค กับ คะแนนที่ให้บุคคลจะไม่มีความสัมพันธ์กัน เพระาแยกกันคิดระหว่าง สส เขต และ สส บัญชีรายชื่อ แล้วเอาจำนวน สส มารวมกัน จะได้จำนวน สส ที่แท้จริง
แต่ระบบใหม่ จะให้ความสำพันธ์กับคะแนนเสียงของพรรค เพื่อคำนวณเป็นอัตตราส่วน ที่มีระดับความสำคัญเป็นอันดับแรก (ตามไอเดนมานะครับ อิอิ) ยกตัวอย่าง
คะแนน พรรค A ได้ 40 เปอร์เซนต์ ดูตะแนนพรคคนี้ก่อนเพราะสำคัญสุด มาคำนวนว่า สส A จะได้กี่คน
ก็เทียบบรรญัติไตรยาง (40*450)/100 = 180 คน
หรือคิดง่าย 1 % เท่ากับ 4.5 ที่นั่ง ดังนั้น 40 เปอร์เซนต์ ก็จะได้ 4.5 * 40 ก็จะได้ 180 คน
คราวนี้มันก็มีเงื่อนไข สามข้อ ที่ต้องเอามาคำนวน เพื่อเทียบกับ จำนวน สส ในสภาตามสัดส่วนที่ตัวเองจะได้ เพื่อยึดโยงทั้งคะแนนนิยมพรรค และ สส เขต โดยเสียงทุกเสียงมีความหมาย
กรณี ที่ 1 : ได้จำนวน สส เขต มากว่า สัดส่วนที่คำนวณได้
- ก็ให้ยึดจำนวน สส ในสภาตามจำนวน สส เขต เช่น พรรค A สส เขต ได้ 182 คน ก็ถือว่า สส ในสภา ได้ 182 คน ในระบบสัดส่วนจะไม่ได้ เนื่องจากจำนวน สส เมื่อดูตามจำนวนแล้ว สัดส่วน มากกว่าที่จะได้ เลยถือให้เอา สส เขตทีได้มากว่าเป็นจำนวน สส
กรณี ที่ 2 : ได้จำนวน สส เขต น้อยกว่าจำนวน สัดส่วน เช่น พรรค A ได้ สส เขตแค่ 100 ที่นั่ง แต่สัดส่วนมีจำนวน 180 คน ดังนั้น อีก 80 คนก็เอามาจากระบบสัดส่วน ให้ครบ 180 คน
กรณ๊ที่ 3 : ไม่ได้ สส เขตเลย แต่ได้จำนวน สัดส่วน เช่น มีสัดส่วน 10 เปอร์เซนต์ ก็จะได้ สส 45 คน ต่อให้ไม่ได้ สส เขตเลย แต่ได้ สส สัดส่วน 45 คน ก็ไปเอา สส ที่ลงไว้ในระบบสัดส่วน มาเป็น สส ได้ 45 คน ( ระบบนี้ดีกับพรรคเล็กที่ ในระบบเขตสู้เขาไม่ได้ แต่คะแนนเสียงมีความหมาย เมื่อรวมทั้งประเทศยังได้สัดส่วนที่เขาสนับสนุน ก็จะได้ สส เช่นกัน เห็นชูวิท ออกมาค้านปะ เพราะเขาได้ประโยชน์เต็มๆ อาจเป็นพรรคเนื้อหอมก็ได้)
คราวนี้เห็นภาพยังครับ ว่าทุกคะแนนเสียงไม่ว่าพรรคเล็กพรรคน้อยถ้าได้ สส สัดส่วน ถึง 1 เปอร์เซนต์ก็จะได้ สส ในสภาทั้งน้ัน (แต่ระบบแบบนี้ ผมว่ามีข้อเสียอย่างเดียวคือ พรรคจะเยอะ เพราะไม่ต้องง้อพรรคใหญ๋ แค่มีคะแนนเสียงในพื้นที่ตัวเอง ก็ได้เป็นสส แน่นอน ถ้าเขาการะบบสัดส่วน)
แต่ทำไม Identity ถึงบอกว่าให้ทำใจสำหรับใครที่หวังไว้ว่าระวังสิ่งที่หวังจะพังทลายนะเหรอครับ ก็เพราะระบบนี้ พรรคใหญ่ยากที่จะกุมเสียงข้างมากแบบเด็ดขาดในสภา ถ้าคะแนนนิยมไล่เลี่ยกัน
และเมื่อ 20 ก.ย. 2557 ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (กรุงเทพโพลล์) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน เรื่อง “คะแนนนิยมพรรคการเมืองไทย" โดย “หากวันนี้เป็นวันเลือกตั้งจะเลือกพรรคการเมืองใด” ร้อยละ 27.4 บอกว่าจะเลือกพรรคประชาธิปัตย์ (เพิ่มขึ้นจากผลสำรวจครั้งก่อนร้อยละ 8.4) รองลงมาร้อยละ 23.5 บอกว่าจะเลือกพรรคเพื่อไทย (ลดลงร้อยละ 5.8) และร้อยละ 2.8 บอกว่าจะเลือกพรรคชาติไทยพัฒนา (เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3)
ลองเอาคะแนนร้อยละไปคำนวณดูสิครับ ผมเลยบอกว่าระบบใหม่ อย่ามั่นใจอะไรนะคัรบ เส้นเลือดในสมองพวกที่คิดว่าตัวเองจะชนะอยู่ร่ำไปอาจ เส้นเลือดแตกได้ แต่ต่อให้พรรคไม่ชนะแต่เขารวมกลุ่มจัดตั้งรัฐบาลได้นั้น ก็ไม่มีบทบรรญัติใดห้ามไม่ให้พรรค ที่ไม่ได้คะแนนอันดับหนึ่งรวมตัวกันจัดตั้งรัฐบาล อ้าวพวกที่หวังไว้ก็แย่เลยหนะสิ คริคริ
แต่ออกตัวก่อนนะครับ Identity ไม่เห็นด้วยที่ นายกไม่ได้มากจากการเลือกตั้ง ถ้าจะให้มีนายกคนกลางต้องมาตอนช่วงมีปัญหาวิกฤตเท่านั้น อาจมีบทบัญญัติที่ชัดเจนว่า จะมีนายยกคนกลางเมื่อใด เมื่อประเทศไม่มีทางออกหรืออย่างไร(แต่เข้าใจว่าเขียนยากให้ครอบคลุม) แต่ก็ไม่ได้บอกว่าไม่ให้มีนายกคนกลาง(เฉพาะกรณีวิกฤต เพราะมีคนชอบอ้างกฏหมาย แต่ไม่ชอบทำตามกฏหมาย เหมือนที่ผ่านมา อยู่เพื่อรักษากติการ แต่ห้ามเอากติกามาใช้กับ ฉัน คริคริ)
เพราะฉะนั้น ก็ทำใจไว้นะครับ มันไม่มีอะไรแน่นอน ถ้าไม่ยึดมั่นถือมั่น ยึดติดพรรคตัวบุคคล ทิ้งอัตตา ขอให้คนที่เขามาทำเพื่อส่วนรวม แค่นี้ก็ไม่เส้นเลือดในสมองแตกละครับไม่ว่าพรรคไหนได้เป็น สำหรับเดนไม่แคร์ใครจะเป็นขอให้เข้ามาทำเพื่อส่วนรวม ประเทศชาติก็พอ อย่าลุแก่อำนาจ เอาผลประโยชน์พวกพ้องเป็นที่ตั้ง แค่นี้ก็บริหารไปให้ครบเถอะ แต่ถ้าทำเพื่อพวกพ้องผมก้ไม่สนับสนุน ไม่ว่าพรรคไหน
เข้าวัดเข้าวาฟังธรรมเรื่อง การไม่ยึดมั่นถือมั่น จะป้องกันโรคเส้นเลือดในสมองแตก กับ ความดันได้นะครับ เชื่อไอเดน คริคริ