เรื่องเล่าจากสาวเอ๋อ :: เมื่อฉันไปแสดงที่ญี่ปุ่นครั้งแรก

หูยยยยยยหายไปนานกว่าครึ่งปีกันเลยทีเดียว 5555

กลับมาแล้วค่า ไม่รู้จะยังจำกันได้อยู่หรือเปล่า แหะๆๆๆ วันนี้จะมาเล่าวีรกรรมสนุกสนานเมื่อ จขกท ได้มีโอกาสไปขึ้นเวทีที่ญี่ปุ่นกะเค้าบ้างค่ะ

เรื่องของเรื่องก็มาจากอีตาสนูปี้บอย (จะมีใครจำได้เหรอหล่อน 5555) อย่างที่เคยบอกไปแล้วว่าครอบครัวฮีมีโรงเรียนบัลเล่ต์เล็กๆเป็นของตัวเอง ซึ่งทุกๆครึ่งปีก็จะมีคอนเสิร์ตแสดงผลงานนักเรียนค่ะ โดยที่ในเดือนมิถุนา จะเป็นคอนเสิร์ตบัลเล่น์คลาสสิคล้วนๆ แต่ในเดือนธันวาจะมีพวกเธียเตอร์แดนซ์เข้ามาแจมด้วย ซึ่งปีนี้เป็นพิเศษหน่อยค่ะ เพราะแฟนพี่สาวของฮีเป็นนักเปียโน และ จขกท ซึ่งร้องเพลงได้...บ้าง ก็เลยได้รับเชิญมาเป็นศิลปินรับเชิญ (ดูดีเนอะ 5555)

แต่ความยุ่งยากมันเริ่มตั้งเค้ามาตั้งแต่เริ่มแล้วค่ะ เพราะวันนึง จู่ๆฮีก็มาถามว่าร้องเพลงคริสมาสได้มั้ยเธอ...ก็บอกฮีไปว่า ได้นะ ทำไมเหรอ ฮีเลยบอกว่า แม่ถาม จะชวนมาร้องในคอนเสิร์ต

โอ้พระเจ้าช่วยกล้วยทอดจ๊อด!!!!!!!!! ในไทยหญิงยังไม่ค่อยจะมีโอกาส นี่จะได้ไปรัองถึงญี่ปุ่นเลยเร้ออออออออ

เอ่อ...ดูยิ่งใหญ่ไป...จริงๆแล้ว จขกท เองซื้อตั๋วเอาไว้แล้วค่ะ เพราะกะว่ายังไงก็จะไปดูฮีแสดงอยู่แล้ว แต่พอเค้าชวนมาแบบนั้น เป็นใครจะไม่รับล่ะค้า 55555 จขกท ใช้เวลาคิดแค่ 0.00000001วินาที แล้วตอบตกลงในที่สุดค่ะ


หลังจากนั้น คุณชายก็บอก เดี๋ยวไปบอกแม่ก่อนนะว่าเธอโอเค แล้วเดี๋ยวจะมาคอนเฟิร์มอีกที...อะด๊ายยยยยยย

ตอนที่ถาม มันช่วงต้นเดือนตุลาคม จขกท ก็รอฮีคอนเฟิร์มมาซะที เพราะถ้าจะไปแสดง ก็คงต้องรีบหาคอสตูมกันหูตูบเลยทีเดียว เพราะหญิงไม่มีเดรสที่ดีพอสำหรับขึ้นเวทีเลยซักชุด =,.=

สุดท้าย หลังจากจิกถามทุกวัน ฮีก็คอนเฟิร์มมาใตที่สุดตอนต้นเดือนธันวา!!!! แม่เจ้า แล้วฉันจะซ้อมทันมั้ย!?! แล้วยิ่งกว่านั้น จะให้ฉันร้องเพลงอะไร!?!?!?!


และแล้ว...หลังจากทะเลาะ เถียง ร้องห่มร้องไห้ สุดท้ายก็ไฟนอลกันที่เพลง For The First Time In Forever จาก Frozen เพราะ จขกท เริ่มหมดความอดทนเพราะจนสัปดาห์สุดท้ายก่อนเดือนทาง ฮีก็ยังไม่บอกเพลงมา จนต้องขู่ว่า ถ้าเมิงไม่รีบๆสรุป กรูจะร้อง Let It Go (คือฮีเอียนเพลงนี้มากจนฟังไม่ลง) ฮีก็เลยบอกว่า ม่ายยยยยยยยย ร้องอีกเพลงได้มั้ย เพลงอันนาน่ะ

เอ้า ตกลงตามนั้น แล้วฮีก็บอกอีกว่า อีกเพลงด้วยมั้ย ร้องกับเปียโน ส่งโน้ตไปให้ทอมมี่เลย (ชื่อแฟนพี่สาวฮีที่เป็นนักเปียโนค่ะ) จขกท ก็เอ้า ตกลง เดี๋ยวหาแป๊บ

แต่หลังจากส่งโน้ตไปสองสามวัน จู่ๆคุณนักเปียโนก็บอกว่า เอ่อ...หาซีดีดนตรีเอาได้มั้ย คิดว่าซ้อมไม่ทันแน่ๆเลย

เอ้าเห้ย เหลืออีกสองวันซ้อมใหญ่แล้วนะเมิงงงงง แล้วพรุ่งนี้ตูมีซ้อมอีกงานทั้งวัน จะให้ทำยังง๊ายยยยยยย

แน่นอนค่ะ สรุปว่าเปลี่ยนเพลง ส่วนจะเปลี่ยนเป็นเพลงอะไร เช้าวันซ้อมใหญ่ค่อยว่ากัน!!!!!!


อีกปัญหาที่ปัญญาอ่อนมากจนอยากจะกรี๊ดออกมาเป็นภาษาญี่ปุ่นก็คือ...

เรา : ตัว แล้วร้องเพลงอันนาเพลงนั้น ใครจะเป็นเอลซ่าให้เก๊าล่ะ
ฮี : เอลซ่า? อ้อ มันร้องสองคนนี่นา
เรา : ช่าย ทำไงดีอะ
ฮี : งั้น...เธอร้องคนเดียวเป็นสองตัวได้มั้ย
เรา : .........
ฮี : งั้นตัดดนตรีทิ้ง
เรา : ลองตัดมาสิ เฟดให้งามๆเลยนะ
ฮี : (หลังจากหายไปลองทำซักพัก) ไม่เวิร์คอะ
เรา : งั้นให้แม่เธอเป็นเอลซ่าให้ชั้น
ฮี : (วิ่งไปถามแม่) แม่อยากร้อง แต่ซ้อมไม่ทันอะ มันกระชั้นเกินไป (เออสิ แกเพิ่งรู้เหรอ)
เรา : แล้วจะทำไงง่ะ
ฮี : ...เราร้องให้เอามั้ย?...

ร้องไห้แทนได้ป้ะ!!!!!!!!!!!

สุดท้าย หลังจากผ่านไปครึ่งคืน ก็ระลึกได้ว่ามีน้องสาวเพื่อนสนิทอยู่ที่โอซาก้า และที่สำคัญคือน้องเป็นนักเรียนดนตรี...ร้องเพลง!!!!!!!

เหมือนตายแล้วเกิดใหม่เลยจริงๆ 555555555

หลังจากที่นัดหมายน้องและโยนภาระการประสานงานให้ฮีไปจัดการเรียบร้อยแล้ว จขกท ก็เก็บกระเป๋าอย่างสบายใจเตรียมไปหนาวที่ญี่ปุ่นได้ในที่สุด


หลายสิบชั่วโมงผ่านไป....

ในที่สุด จขกท ก็มาถึงสนามบินคันไซจนได้ และอีตาผู้ชายผอมก้างคนเดิมก็เดินมารับ พร้อมทั้งแจกแจงยาวเหยียดส่าพรุ่งนี้เราต้องเข้าไปซ้อมที่โรงละครนะ บลาๆๆๆ จนเราต้องเหวี่ยงนิดๆว่า นี่ใจคอแกจะไม่แสดงความคิดถึงชั้นซักหน่อยเลยใช้ป้ะ!!


วันซ้อมใหญ่...

จขดท โดนจับยัดรถไปที่โรงละคร ไปนั่งอยู่ท่ามกลางเหล่านักบัลเล่ต์นับสิบ มีตั้งแต่สองขวบครึ่งไปยันรุ่นแม่อายุร่วมหกสิบ (เยอะด้วยค่ะ อายุบนเวทีรวมกันนี่เกือบพัน 555555) และแน่นอน ทุกคนเป็นคนญี่ปุ่นและสาวน้อยผู้ภาษาญี่ปุ่นไม่กระดิกเลยซักนิด ก็เข้าไปนั่งเอ๋ออย่างเดียว แต่ที่นี่ดีอย่าง นักเรียนส่วนใหญ่จะพูดภาษาอังกฤษได้ จนน้องสาวเพื่อนยังบอกว่า นี่ถือว่าเด็กๆพูดอังกฤษได้เยอะมากนะ ถึงขั้นสามารถสื่อสารได้แบบเข้าใจกันชิวๆเนี่ย และพูดได้เกือบทุกคนซะด้วย

ช่วงเที่ยงวันซ้อม จขกท ก็สุ่มเลือกเพลงขึ้นมาได้ O Holy Night โดยที่ยังไม่ได้ลองร้องอะไรนั้น เลือกคาราโอเกะได้ก็ทำซีดีเลย เดี๋ยวค่อยไปมั่วเอาบนเวทีละกัน(ฟะ)

แน่นอน...เละ TT_TT

การร้องกะน้องสาวเพื่อนเป็นอะไรที่ชิวมาก เพราะคนพี่สาวเป็นพาร์ทเนอร์ของ จขกท มาก่อนอยู่แล้ว และน้องสาวนี่ทั้งเสียงและคุณภาพการร้องไม่ทิ้งกันเลยซักนิด อัดออกมานึกว่าร้องกับคนพี่ ^^" เรียกว่างานนี้สบายไปหนึ่งเพลง 555555

ส่วนเรื่องชุด จขกท สั่งซื้อมาชุดนึงในเน็ต เป็นราตรียาวสีม่วง สวยใช้ได้ค่ะ แต่พลาดไปนิด...ใส่แล้วมันหลวม...อก

หลวมแค่ไหน...จขกท ยัดถุงเท้าแบบขนฟูๆเข้าไปได้สองคู่แล้วยังเหลือที่น่ะค่ะ ^^" นี่ไซส์Sแล้วจริงง่ะ?? แต่ตรงอื่นพอดีหมดเลยนะ หลวมที่เดียว แง~


และแล้ว วันแสดงก็มาถึง

...ถ้าคุณๆคิดว่าทุกอย่างจะชิวเหมือนวันซ้อม...ขอบอกว่าไม่เลยค่ะ เพราะ จขกท ดันเป็นหวัด =.,=

และมีแพลนเพิ่มเข้ามาเล็กน้อย เพราะจู่ๆท่านแม่ก็หอบหิ้วชุดราตรีเข้ามา2ชุด แล้วบอกว่า อ้ะ เธอ3คน (จขกท เพื่อนอีกคนมาจากนิวยอร์ค และน้องสาวเพื่อน) เลือกกันเอาเองว่าใครจะใส่ชุด แล้วออกไปเข้าฉากบัลเล่ต์

ห๊ะ!?!?! บัลเล่ต์ เข้าฉากโดยไม่ได้ซ้อมเนี่ยนะ แม่ค้าบบบบบบบบบบบบ!!!!!!

แน่นอนว่าน้องสาวเพื่อนส่ายหน้าดิก เพราะมันดันเป็นเกาะอกเปิดไหล่วาบหวิวโดยไม่มีผ้าคลุม ดังนั้น สุดท้าย จขกท ก็ต้องออกไปนั่งทำหน้าสวยอยู่ในชุดราตรีฟูฟ่อง นั่งเฉยๆเป็นเจ้าหญิงมาร่วมงานแต่งงานของเจ้าหญิงนิทรา โดยมีสาวญี่ปุ่นนักบัลเล่ต์คอยบอกบทให้แบบงงๆ คุณเธอแค่บอกว่า ทำตามชั้นไปละกันนะ

เอ่อ...จ้ะ ^^"

การนั่งเฉยๆอยู่เกือบครึ่งชั่วโมงหน้าเวทีนั่นไม่สนุกเลย เพราะมือก็ต้องสวย หน้าต้องยิ้มฉีกอยู่แบบนั้นตลอดเวลา แต่จะบ่นก็ไม่ได้ เพราะท่านแม่เองก็เล่นเป็นราชินี นั่งบัลลังก์อยู่ด้านหน้าเหมือนกัน เหอะๆ

และหลังจากพักครึ่ง ก็ได้เวลาร้องเพลงซะที ฟู่ววววววว

โชคดีมากจริงๆค่ะ มารู้จากแฟนพี่สาวคุณชายว่า ทีมที่ควบคุมระบบเสียงในงานนี้เป็นหนึ่งในสามทีมที่ดีที่สุดของโอซาก้า แต่ระบบการทำงานเค้าก็ดีจริงๆนะ และเสียงที่ออกมาก็งดงามได้ใจ จริงๆถ้าปรับเสียงร้องไม่ให้เพี้ยนได้เค้าคงทำให้แล้วค่ะ 555555

เพลงแรกผ่านไปได้ด้วยดี เดินกลับมาหลังเวที เด็กๆเรียก อันนาๆๆๆๆ ^^" น้องสาวเพื่อนมองหน้าแล้วบอก "พี่ หนูรู้สึกเหมือนเป็นไอดอลเด็กไปแป๊บนึงอะ เดินไปไหนในโรงละครก็มีแต่เด็กเรียกเอลซ่าๆ

ฮาาาาาาาา เท่ป้ะล่ะ


เพลงที่สอง ที่เพิ่งเลือกกันเช้าวันซ้อมใหญ่...เราจะไม่พูดถึงมัน 5555555555

หลังจบงาน ตามปกติก็จะมีอาฟเตอร์ปาร์ตี้ แต่จขกท ได้กลิ่นตุๆตั้งแต่เห็นท่านแม่ลากชุดราตรียาวเดินไปเดินมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะเค้าเป็นเจ้าของงานก็ต้องสวยหน่อย ดังนั้น จขกท น้องสาวเพื่อน และเพื่อนสาว ก็เลยจัดเสื้อยืดกางเกงยีนส์กันอย่างพร้อมเพรียง เพราะถามคุณชายแล้ว คุณชายบอกว่า...ไม่รู้เหมือนกัน

ระหว่างทาง พวกเราโดนจับยัดขึ้นรถแท็กซี่มากะพี่สาวอีกคนที่เป็นนักบัลเล่ต์ ซึ่งพี่ก็บอกว่า ยังไม่รู้จักสถานที่จัดงานเลยเหมือนกัน ก็กูเกิ้ลดู จากนั้นก็ส่งโทรศัพท์มาให้เพื่อนอ่าน เพื่อนอ่านแล้วก็เงียบไปอึดใจนึง ก่อนจะหันมาบอกเสียงเรียบๆว่า มันคือสถานที่จัดงานแต่งงาน และพวกเรากำลังจะไปร่วมงานแต่งงาน

เฮ้ยยยยยยยยยยย!!!!!!

จริงๆต้องเท้าความเล็กน้อยว่าพี่สาวคุณชายกำลังจะแต่งงาน ซึ่งเดิมงานแต่งงานจะถูกจัดในวันก่อนแสดง ซึ่งหมายความว่า แต่งเสร็จปุ๊บก็เปลี่ยนชุดไปซ้อมต่อที่โรงละครเลย แต่ด้วยความวุ่นวายและตารางเวลาที่ค่อนข้างแน่นจนกระดิกไม่ได้ งานจึงถูกเลื่อนออกไปก่อน แต่ก็จะยังมีปาร์ตี้อยู่หลังจบแสดง

แล้วทำไมอิฉันไม่รู้ววววววววว

เมื่อไปถึง ทุกคนอยู่ในชุดเดรสสวยงาม พวกเราสามหน่อจึงประชุมกันอย่างด่วนๆ และสรุปที่ว่าเราจะเข้าไปดูชุดทั้งหลายที่มีว่าจะทำอะไรกับมันได้บ้าง (จขกท ลากกระเป๋าใส่ชุดที่ใช้แสดงไปด้วยค่ะ)

สุดท้าย จขกท ใส่ชุดที่ใช้ร้องเพลงนั่นแหละ เพราะเป็นชุดเดียวที่จขกท ใส่ได้ และคนอื่นไม่มีใครใส่ได้

น้องสาวเพื่อนใส่ชุดอีกชุดที่ จขกท เตรียมไปเผื่อ เป็นราตรีเกาะอกยาว สีม่วง อลังมาก 5555 ซึ่งขนาดที่ต่างกันทำให้น้องโดนรัดซะซี่โครงแทบหัก

เพื่อนสาวซึ่งไม่มีชุดราตรีใส่กะเค้า (เพราะอีชุดที่ใส่บนเวทีนั่นเป็นคอสตูม) ก็เลยต้องใช้วิชามาร มิกซ์แอนด์ไม่แมทช์ จับนู่นผสมนี่ ลงท้ายด้วยชุดเดรสของน้อง เอามาใส่เป็นกระโปรงหาเสื้อสายเดี่ยวมาใส่ทับ โชคดีที่สีดำเหมือนกัน ก็เลยเนียนๆไปได้ และใช้รองเท้าน้อง เพราะทางนั้นใส่ราตรียาว ก็เลยใส่บู๊ทไว้ข้างในแทน

แค่นี้ก็เหนื่อยแล้ว T_T

งานเลี้ยงเป็นแบบบุฟเฟ่ต์ตักๆ จขกท ว่าก็อร่อยใช้ได้ค่ะ จะมีมึนๆก็เวลาเดินไปไหนคนก็จะมองๆแล้วซุบซิบกัน จนพอไปบ่นให้น้องฟังน้องบอกว่า เอาน่ะ เซเลบๆ

ไม่ชวนให้ยืดเลยซักนิด ="=

สาเหตุที่คนมอง ก็เพราะไอ้เราก็ดันเป็นแฟนกะลูกชายเจ้าของงาน และเวลาถ่ายรูปครอบครัวก็โดนลากไปถ่ายรวมๆด้วยหลายครั้ง จนคนมาแซวคุณชายว่า งานต่อไปก็เตรียมตัวเอาไว้นะลูก แอร๊กกกกกกกกกก

จำได้ว่าโดนแซวมากๆ คุณชายก็ได้แต่สาวหน้าอย่างเดียว จนไอ้เราก็เริ่มงอนเล็กๆ ก็เลยเดินชิ่งหนีมานั่งกะเพื่อนแทน สุดท้าย ฮีมาง้อโดยการบอกให้เพื่อนถ่ายรูปให้หน่อย ซึ่ง จขกท ก็ทำเนียนโดยการไล่ให้เพื่อนไปถ่ายกะฮีแทนแล้วเราเป็นตากล้อง พอถ่ายเสร็จ ฮีเดินมาดึงแขน แล้วขอถ่ายรูปคู่กัน ถ่ายไปถ่ายมา ฮีช้อนตัวอุ้มขึ้นมาซะงั้น แล้วก็ให้เพื่อนถ่ายต่อ และแน่นอน คนในงานก็กรูกันเข้ามาถ่ายอย่างเมามันส์ นัยว่าเป็นภาพหายากแห่งปีกันเลยก็ว่าได้ แต่เอาจริงๆนะ...จขกท กลัวตกง่ะ

จะว่าไป นี่ก็เป็นสามวันแรกที่ จขกท แทบไม่ได้คุยกับคุณชายเท่าไหร่เลย เพราะเรื่องงานทำให้แทบไม่มีเวลากันเลย และสุดท้าย พวกเราก็ต้องขึ้นรถไฟกลับโรงแรมกันสามคน แง่วววววววว ไปส่งเค้าหน่อยเสะ

แต่หลังจากหมดงานแสดงแล้ว ก็เป็นเวลาพักผ่อนในที่สุดค่ะ จขกท ยังมีเวลาอีกหลายวัน 55555

เดี๋ยวจะมาเล่าต่อนะคะ ว่าเราไปก่อวีรกรรมอะไรไว้บ้าง วันนี้ขอชิ่งแต่เพียงเท่านี้ 55555

เต้นบัลเล่ต์ออกฉากไปแบบเนียนๆ (อีกแล้ว)

เม่าบัลเล่ต์เม่าบัลเล่ต์เม่าบัลเล่ต์

ปล. แถมรูป 5555 (ใครเค้าขอแก?)



ถ่ายกะท่านพ่อค่ะ





ท่านแม่ สวยเนาะ >_<





ปิดท้ายด้วยรูปฮาแห่งปีค่ะ 55555555


ไปจริงๆแล้ว แว้บบบบบบบบบบ

แวะมาอัพเดทค่ะ แอบตกใจนิดนึง คนแชร์เยอะเลย >_< เอาคลิปมาส่งค่ะ พอดีคลิปอย่างเป็นทางการยังไม่ได้ ก็เลยเอาคลิปแอบถ่ายมาฝากกันเรียกน้ำย่อยค่ะ 5555 แล้วเดี๋ยวจะอัพกระทู้เพิ่มน๊า ^^

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ


ไม่ต้องบอกก็พอจะเดาได้ใช่ไหมคะว่าใครถ่าย อิอิ

ปลล. จขกท ไม่ได้เก่งอะไรนักเน้อ นี่งานในครอบครัวอย่างแท้จริง ^^"
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่