สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการ Backpack ไปเกาหลีใต้คนเดียว

เมื่อวันที่ 11-14 ธ.ค. 2557 ได้ตั๋วถูกของแอร์เอเชียไปเกาหลีใต้ เห็นราคาถูกดีก็เลยรีบจอง อยากลองไปเที่ยวคนเดียวดูสักครั้ง
ไปมาแล้วก็อยากเล่าในสิ่งที่ได้ไปเห็นไปสัมผัสมา เผื่อจะเป็นประโยชน์สำหรับเพื่อน ๆ ที่อยาก Backpack ไปเองแบบไม่ง้อทัวร์ครับ

*** ข้อมูลนี้เป็นประสบการณ์ตรงที่ผมได้เจอในช่วงเวลาแค่ 4 วัน ที่อยากแชร์เพื่อประกอบการวางแผนการเดินทางของเพื่อน ๆ ในพันทิป แต่อาจจะมีข้อมูลในมุมอื่น ๆ ที่ผมอาจจะยังไปไม่ถึง ซึ่งต้องหาจากแหล่งอื่นประกอบครับ ***  

สัมภาระขึ้นเครื่อง AirAsiaX
ผมบินไฟล์ท XJ700 บินตรง ดอนเมือง-อินชอน มีสัมภาระติดตัวไปแค่ใบเดียว แต่ค่อนข้างใหญ่เมื่อเทียบกับผู้โดยสารท่านอื่น ๆ ซึ่งตอนบินไฟล์ทในประเทศก็เห็น Backpacker ชาวต่างชาติสะพานเป้แบบนี้ขึ้นบนเครื่องบ่อย ๆ ก็เลยลองเสี่ยงดูบ้าง (ตอนขากลับตัดสินใจโหลดใต้เครื่อง พบว่าน้ำหนักอยู่ที่ 9 กก.)



ถึงสนามบินดอนเมืองกะว่าจะลองไปถามที่เคาน์เตอร์เช็คอินว่าพอจะสะพายขึ้นเครื่องได้มั้ย แต่ไปถึงช้า แถมแถวยาวมาก เลยเปลี่ยนแผน เช็คอินกับตู้อัตโนมัติแล้วไปเสี่ยงดวงที่เกท...ปรากฏว่าได้ลุ้นครับ เพราะเจ้าหน้าที่ที่เกทเชิญมารอที่ด้านหลังเคาน์เตอร์แล้วซุบซิบๆกัน ประมาณว่าจะให้ขึ้นดีมั้ย รอ 5 นาที จนท.ก็ให้ผ่าน

สนามบินนานาชาติอินชอน
เป็นสนามบินที่ใหญ่ ตอนที่ไป หลังจากเครื่องเทียบอาคารผู้โดยสารเสร็จ ต้องเดินมาขึ้นรถไฟใต้ดินเพื่อไปอีกอาคารนึงเพื่อผ่านด่าน ตม. ด่านศุลกากร และรับกระเป๋า ....ยิ่งตอนขากลับ ไฟล์ทที่บินต่างประเทศออกในเวลาไล่เลี่ยกัน ผู้โดยสารที่รอผ่านเครื่องสแกนเยอะมาก แถมยังต้องนั่งรถไฟใต้ดินมาที่เกทอีก เกือบไม่ทันเครื่องออก ฉะนั้นควรเผื่อเวลาเยอะ ๆ ตอนขากลับ

จากสนามบินอินชอนเข้าไปกรุงโซล
หลังจากรับกระเป๋าแล้ว ถ้าจะนั่งรถไฟฟ้าเข้าเมือง ก็สังเกตป้าย KTX, Airport Railroad เพื่อไปที่จุดจำหน่ายตั๋วได้เลย มีทั้งแบบ Express คือจากสนามบินอินชอนไปจอดที่เดียวคือ Seoul Station กับแบบธรรมดาที่จอดทุกสถานี...แบบ Express ราคาอยู่ที่ 8,000 วอน (240 บาท) จ่ายเงินปุ๊บจะได้บัตรโดยสาร และสลิปที่บอกว่าต้องไปขึ้นที่ไหน เวลาเท่าไหร่ ที่นั่งอยู่ตู้ไหน เก้าอี้หมายเลขอะไร มีบอกไว้หมด....ที่สำคัญ รถออกตรงเวลาเป๊ะ ไม่ขาดไม่เกินแม้แต่นาทีเดียว...อ้อ ที่จุดขายตั๋วจะมีแผนที่เส้นทางรถไฟฟ้าของกรุงโซลที่เรียกว่า Subway ให้ด้วย หยิบมาด้วย จะช่วยได้เยอะ เพราะแผนที่ฉบับนี้จะมีหมายเลขสถานีกำกับไว้ด้วย ซึ่งสะดวกเวลาค้นหาปลายทางที่เราจะไป เพราะสถานี Subway ในกรุงโซลมีเยอะมาก



Subway
ระบบรถไฟฟ้าของกรุงโซลที่เรียกว่า Subway ค่อนข้างครอบคลุมทั่วกรุงโซล แถมออกไปนอกเมืองด้วย มีหลายบริษัทที่เข้ามาลงทุนในระบบรถไฟฟ้า แต่ทุกบริษัทจะเชื่อมกันหมด ไม่ต้องกังวลว่ากำลังขึ้นรถของบริษัทอะไรแล้วจะต้องซื้อตั๋วใหม่ทุกครั้งมั้ยเวลาเปลี่ยนขบวน เพียงแค่เลือกปลายทาง ไม่ว่าจะเปลี่ยนกี่ขบวนก็ไปได้หมด



แผนที่ที่ได้จากสนามบิน ช่วยได้เยอะ เพราะมีหมายเลขสถานีกำกับไว้ ซึ่งตัวเลขนี้สำคัญ เพราะตัวเลขข้างหน้าหมายถึงสายรถ เช่น สถานี Hwagok หมายเลข 517 เป็นสถานีที่อยู่บนสาย 5 ส่วนที่เป็นสถานีเชื่อมหลายสาย จะเรียกว่าสถานี Transfer เราสามารถวางแผนได้เลยว่าปลายทางเราอยู่บนสายไหน จากจุดที่เราอยู่ จะไปที่นั่นได้ต้อง Transfer ที่สถานีไหนบ้าง



ที่สถานี Transfer จะมีหมายเลขและสีบอกไว้ว่าสายที่เราจะไปนั้น ต้องเดินไปขึ้นรถที่จุดไหน ซึ่งบางสถานีต้องเดินเปลี่ยนสายไกลมาก ไม่ใช่ลงรถปุ๊บแล้วจะเจอสายที่เราจะไปทันที บางสถานีเดินไม่ต่ำกว่า 400-500 เมตร ฉะนั้นควรเผื่อเวลาในการเดินทาง ถ้าต้องเปลี่ยนสายที่สถานี Transfer



บางสถานี เดินตามหมายเลขสายที่เราจะไปอยู่ดี ๆ ก็มีทางแยกออกเป็น 2 ทาง ซึ่งก็ต้องดูว่าสถานีที่เราจะไป ปลายทางคือสถานีไหน แต่บางทีป้ายจะไม่ได้ขึ้นชื่อสถานีปลายทาง แต่จะขึ้นเป็นชื่อสถานีสำคัญ ๆ ที่จะต้องผ่าน ก็สามารถดูจากแผนที่ในมือได้เลยว่าใช่สถานีในเส้นทางที่เราจะไปมั้ย เพราะถ้าหลงไปผิด ไปขบวนที่วิ่งทิศตรงข้ามกับที่เราจะไป ก็ต้องเสียเวลาย้อนกลับมาที่ทางแยกใหม่อีกรอบ ...อ้อ แล้วก็สังเกตชื่อสถานีดี ๆ นะครับ เพราะบางสถานีชื่อจะใกล้เคียงกันมาก เช่น สถานี Gangnam กับ Gangnam-gu office อยู่กันคนละเส้นเลย



ถ้าคิดว่าจะต้องใช้บริการ Subway บ่อย แนะนำให้ซื้อบัตร T-Money เพราะนอกจากใช้ได้กับ Subway แล้ว ยังใช้กับรถเมล์ แท็กซี่ และร้านค้าหลายแห่ง จะได้ไม่ต้องพกเงินสดเยอะ สะดวกดี

แต่ถ้าไม่ซื้อบัตร T-Money ก็ใช้เงินสดซื้อบัตรโดยสาร Subway ได้ที่ตู้อัตโนมัติ จะไม่มีพนักงานขายบัตรโดยสารตามสถานี ซึ่งราคาบัตรโดยสารจะประกอบด้วย 2 ส่วน คือค่าโดยสารประมาณ 1,000-1,500 วอน (ประมาณ 30-45 บาท) ขึ้นอยู่กับระยะทาง และค่าประกันบัตรอีก 500 วอน (ประมาณ 15 บาท) พอถึงสถานีปลายทางของเราแล้ว แค่แตะบัตรตรงที่กั้น (บางสถานีไม่มีที่กั้น) ก็นำบัตรโดยสารมาหยอดคืนที่ตู้ Deposit Refund Device ก็จะได้เงินประกันคืนมา


หน้าตาของตู้ Deposit Refund Device


สิ่งที่ชอบอย่างหนึ่งเวลาขึ้นไปบนรถ คือทุกตู้โดยสารจะมีที่นั่งสำรองไว้สำหรับผู้สูงอายุ เด็ก หญิงมีครรภ์ 6-8 ที่นั่ง ถึงตู้นั้นจะแน่นขนาดไหน ถ้าไม่ใช่ผู้สูงอายุ เด็ก หญิงมีครรภ์ ก็จะไม่มีใครนั่งเด็ดขาด (ใครมีโอกาสนั่ง Subway ถ้าไม่ใช่ประเภทที่ว่า ก็อย่าได้เผลอไปนั่ง จะถูกสายตาคนในตู้นั้นมองเหมือนตัวประหลาดครับ)

การขึ้นรถเมล์
ที่ป้ายรถเมล์จะมีข้อมูลบอกว่ามีรถเมล์สายไหนผ่านบ้าง แต่บางทีก็มีเฉพาะภาษาเกาหลี ต้องอาศัยคนเกาหลีช่วยอีกที ...พอรู้ว่าจะต้องขึ้นสายไหน ถ้ามีบัตร T-Money ขึ้นไปปุ๊บก็แตะบัตรที่เครื่องใกล้ ๆ คนขับได้เลย เครื่องก็จะหักค่าโดยสารจากบัตร แต่ถ้าไม่มีบัตร T-money ขึ้นไปก็สบตาคนขับนิดนึง แล้วแจ้งปลายทางและถามราคาค่าโดยสาร จากนั้นก็หยอดเงินสดในกล่องพลาสติกใสข้าง ๆ คนขับ ถ้าเงินที่เราหยอดไปเกินกว่าค่าโดยสาร คนขับก็จะกดที่เครื่อง เงินทอนก็จะไหลออกมาจากช่องใต้กล่องพลาสติกใส ฉะนั้นเวลาหยอดเงินใส่กล่อง ก็แจ้งคนขับนิดนึงว่าเราใส่ไปเท่าไหร่ ...ราคาค่าโดยสารจะอยู่ที่ประมาณ 1,000 วอน (ประมาณ 30 บาท)



การขึ้นแท็กซี่
คนขับแท็กซี่ในกรุงโซลสามารถสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษได้ในระดับที่พอเข้าใจกัน บางทีบอกแค่ชื่อสถานที่ที่เราจะไปก็รู้เรื่องละ ...อ้อ รถที่เกาหลีใต้จะวิ่งเลนขวา ตรงข้ามกับบ้านเรา



ราคาเริ่มต้นที่ 3,000 วอน หรือประมาณ 90 บาท นั่งไปแบบรถไม่ติด ประมาณ 20 นาที ค่าโดยสารไปอยู่ที่ 14,000 วอน หรือประมาณ 420 บาท แพงใช้ได้ ....จะจ่ายเงินสดก็ได้ หรือหักจากบัตร T-Money ก็ได้



รถไปต่างจังหวัด
หากใครจะไปนอกกรุงโซล ถ้าไกลหน่อยก็จะมีรถบัสโดยสารที่สถานี DongSeoul (คล้าย ๆ หมอชิตบ้านเรา) ที่ตั๋วจะระบุเวลาที่รถออก สามารถตรวจสอบได้ที่หน้ารถว่าตรงกับรอบเวลาที่เราจะไปมั้ย และต้องบอกว่า รถออกตรงเวลาเป๊ะ เลขนาทีเปลี่ยนมาเป็นเวลาที่กำหนดเมื่อไหร่ ล้อหมุนทันที ไม่มีจอดแช่รอผู้โดยสาร



การข้ามถนน
เวลาจะไปอีกฝั่งถนน ถ้าอยู่ใกล้สถานี Subway ก็สามารถเดินลงสถานีแล้วไปโผล่อีกฝั่งหนึ่งได้ หรือจะข้ามตรงทางม้าลายก็ได้ แต่ต้องรอสัญญาณไฟคนข้าม แต่ถ้าบางจุดไม่มีสัญญาณไฟ ก็รอจังหวะรถน้อยหน่อย แล้วให้สัญญาณมือกับรถที่กำลังวิ่งมา เขาก็ยินดีหยุดให้เราข้าม



อินเตอร์เน็ต
นอกจากฟรี Wi-Fi ตามโรงแรม ร้านอาหาร แล้ว สามารถซื้อ package Wi-Fi ที่ถูกปล่อยออกมาทั่วกรุงโซลได้ โดยเลือกเชื่อมต่อกับสัญญาณที่แรงแล้วเข้าไปซื้อในหน้าเว็บไซต์ ตัดเงินผ่านบัตรเครดิตก็ได้ หรือจะซื้อรหัสที่ร้านสะดวกซื้อก็ได้ package จะมีทั้งรายชั่วโมง, 3 ชั่วโมง, 1 วัน ราคาเริ่มต้นที่ชั่วโมงละ 3,000 วอน หรือ 90 บาท แต่ถ้า 1 วันก็จะถูกหน่อย ประมาณ 9,000 วอน หรือ 270 บาท





ถึงจะมีทั่วกรุงโซล แต่สัญญาณก็ไม่ได้แรงทุกจุด เดิน ๆ ไปบางทีก็หลุด บางจุดก็ไม่มีสัญญาณ ถ้าใครชอบแบบ Anytime Anywhere แนะนำเช่า Wi-Fi Router หรือเปิด Data Roaming ดีกว่า

ปลั๊กไฟ
ที่เกาหลีใต้เป็นเต้ารับแบบหัวกลม ถ้าเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เอาไปเป็นขากลมๆ ก็ใช้ได้ แต่ถ้าเป็นขาแบนก็ต้องเตรียมปลั๊ก Universal ไปด้วย



เขตปลอดบุหรี่
ตามจุดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ หรือจุดที่คนอยู่รวมกันเยอะ ๆ จะมีป้ายเขตปลอดบุหรี่เด่นชัด ซึ่งเท่าที่สังเกตดู ก็ไม่มีใครฝ่าฝืน ทุกคนปฏิบัติตามหมดเลย









ปอดโล่งมากเวลาไปสถานที่ที่เป็นเขตปลอดบุหรี่แบบนี้

การช่วยเหลือนักท่องเที่ยวของคนเกาหลีใต้
ไม่ว่าจะเป็นคนที่เดินผ่านไปมาริมถนน คนที่รอรถเมล์ คนที่รอขึ้น Subway พนักงานในร้านอาหาร ตำรวจ เจ้าหน้าที่ในแหล่งท่องเที่ยว ฯลฯ ผมสัมผัสได้ถึงความเอาใจใส่นักท่องเที่ยว เราไม่เข้าใจตรงไหน อยากรู้ข้อมูลอะไร เดินเข้าไปถามได้ทุกคน แม้บางคนจะสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษไม่ถนัด ก็จะหาทางช่วยเหลือเรา ไม่วิธีใดก็วิธีหนึ่ง บางคนถึงกับเดินไปส่งขึ้นรถเมล์ คุยกับคนขับเพื่อให้เราไปถึงจุดหมายได้ถูกต้อง บางคนช่วยในสิ่งที่เราต้องการไม่ได้ ก็ยังจะแนะนำว่าควรไปถามใครที่จะช่วยเหลือเราได้

ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว
หากถามคนแถว ๆ นั้นแล้วยังไม่ได้คำตอบ หรือบางทีข้อมูลที่เราดูไปในเน็ตอาจจะเป็นข้อมูลเก่า สามารถสอบถามข้อมูลหรือตรวจสอบข้อมูลล่าสุดได้ที่ศูนย์ข้อมูลบริการนักท่องเที่ยวโทร 1330 เป็นคอลเซ็นเตอร์ที่บริการนักท่องเที่ยวในเกาหลีใต้ทุกเรื่อง ที่พัก ที่กิน ที่เที่ยว การเดินทาง ดินฟ้าอากาศ ฯลฯ โทรได้ทั้งโทรศัพท์สาธารณะและมือถือ

สุดท้าย การเที่ยวแบบไม่ง้อทัวร์ และไปคนเดียว ทำให้เราได้เรียนรู้การเอาตัวรอดในที่ที่เราไม่คุ้นเคยได้ดีทีเดียว ทำให้เราละเอียดรอบคอบขึ้น รู้จักวางแผน บริหารจัดการชีวิตตัวเอง แต่บางทีสิ่งที่เราวางแผนไปก็ใช้ว่าจะเป็นตามนั้นเป๊ะ ๆ เรื่องหลงเรื่องงงเกิดขึ้นได้ประจำ ทำให้เราต้องพูดคุยกับคนท้องถิ่น ได้รู้นิสัยใจคอและการใช้ชีวิตของเขาด้วย บางทีอาจจะได้เพื่อนกลับมาด้วยครับ

อมยิ้ม04
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่