5 สิ่งที่ฟุตบอลไทยควรพัฒนาจากมุมมองชาวต่างชาติ
วงการฟุตบอลไทยตบเท้าส่งท้ายปี 2014 และโอบรับปี 2015 อย่างสวยหรูโดยโค้ชซิโก้ 'เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง' พาทีมช้างศึกเถลิงแชมป์เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพสมัยที่ 4 มาครองได้อย่างสะใจคนทั้งชาติ
Paul Murphy กูรูฟุตบอลอิสระชาวอังกฤษซึ่งอาศัยอยู่ในประเทศไทยมากว่า 7 ปี ได้พูดถึง 5 ความหวังที่วงการฟุตบอลไทยอยากจะเห็นในปี 2015 ผ่านทาง ESPN Asia เราลองมาอ่านกันว่าในสายตาชาวต่างชาติ พวกเขาเห็นอย่างที่พวกเราเห็นกันหรือไม่
ทีมช้างศึกรุ่นหนุ่มเล่นฟุตบอลเน้นเกมรุก เปี่ยมไปด้วยทักษะและทำประตูที่สวยงามได้มากมาย แต่สิ่งที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือแนวทางการตอบสนองต่อความยากลำบากที่พวกเขาประสบพบเจอ
ทีมชาติไทยเมื่อในอดีต มีแนวโน้มที่จะสูญเสียระเบียบวินัยในเกมการเล่นเมื่อสิ่งต่างๆไม่เป็นไปตามแนวทางของพวกเขา แต่กับทีมชุดปี 2014 พวกเขาสู้กันสุดใจ คว้าผลการแข่งขันสำคัญในช่วงท้ายเกม ซึ่งที่น่าจดจำที่สุดก็คือรอบชิงชนะเลิศที่แข่งขันกับมาเลเซีย อย่างไรก็ตาม เกมการแข่งขันภายในประเทศยังต้องพบเจอกับบททดสอบอีกมากมายทั้งจำนวนที่ลดน้อยลงของแฟนบอลที่เข้าชม
การบริหารจัดการที่ผิดพลาดและความน่าสิ้นหวังของผู้ตัดสิน มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องได้รับการพัฒนา และด้วยความสำเร็จของทีมชาติไทย คงต้องหวังว่าจะช่วยเป็นแรงกระตุ้นทำให้ปี 2015 กลายเป็นปีที่ดีขึ้น
วงการฟุตบอลไทยควรจะเดินไปในทิศทางไหนต่อจากนี้ ?
นี่คือ 5 พรความหวังสำหรับวันปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงของพวกเขา
1.ต่อยอดสร้างผลงานที่น่าประทับใจในเกมการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก
หลังเรียกศรัทธาจากแฟนบอลทีมชาติไทยจำนวนมากกลับมาได้ นักเตะต้องไม่ตกเป็นเหยื่อของเสียงชื่นชมแซ่ซ้อง แม้ว่าทีมช้างศึกจะเป็นราชาแห่งเอเชียอาคเนย์ แต่สิ่งที่จำเป็นต่อจากนี้ก็คือพัฒนาการที่ยั่งยืนสำหรับการแข่งขันเกมคัดเลือกฟุตบอลโลก 2018 ซึ่งจะเริ่มต้นขึ้นในเดือนมิถุนายน
เกียรติศักดิ์ต้องทำให้แน่ใจว่าชื่อเสียงที่โด่งดังเป็นพลุแตกของนักเตะอย่างเช่นชนาธิป สรงกระสินธ์ เจ้าของฉายา "เมสซี่ เจ" และชาริล ชัปปุยส์ ไม่กลายเป็นดาบสองคมเล่นงานพวกเขา
โค้ชคนนี้ได้สร้างความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวและสปิริตที่น่าเกรงขามของทีมชาติไทยในการแข่งขันซูซูกิ คัพซึ่งแฟนบอลทุกๆคนสามารถมองเห็นได้ ไม่มีอีกแล้วกับความยึดถือตัวเองเป็นศูนย์กลางของนักเตะเหมือนเมื่อในอดีต หรือว่าการเล่นตบตาผู้ตัดสินอย่างที่กำลังเกิดขึ้นในการแข่งขันไทย พรีเมียร์ ลีก เหล่าแข้งวัยรุ่นมากพรสวรรค์ยืนหยัดต่อสู้กับการเล่นเกมหนักจากคู่ต่อสู้ที่มีประสบการณ์มากกว่าโดยไม่ตกเป็นเหยื่อของศาสตร์มืดเหล่านั้น นี่คือชัยชนะสำหรับผู้เล่นที่มีระเบียบวินัยอย่างแท้จริง ยามที่พวกเขาได้ชูถ้วยแชมป์ในรอบชิงชนะเลิศของฟุตบอลเอเอฟเอฟ
สิ่งเหล่านี้คือจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก แต่สิ่งที่สำคัญก็คือนักเตะจะต้องทำงานหนัก พัฒนาตัวเองอยู่เสมอ หลังความสำเร็จจากการแข่งขันซูซูกิ คัพ ชนาธิปได้เปิดเผยถึงความทะเยอทะยานที่จะได้ไปค้าแข้งในประเทศญี่ปุ่นหรือเกาหลีใต้ แนวทางความคิดสมัยใหม่คือกุญแจสำคัญเพื่อจะพัฒนานักเตะพวกนี้ ต้องขอบคุณอยู่อย่าง คือหลังจากที่ตัวเขาเองนั้นก็ค้าแข้งอยู่ในต่างประเทศมาแทบจะตลอดอาชีพการค้าแข้ง เกียรติศักดิ์ดูจะเป็นคนที่มีทัศนะคติที่เหมาะสมที่สุดในการรับมือเรื่องเหล่านี้
ซูซูกิ คัพเป็นการผจญภัยที่ยอดเยี่ยมสำหรับทีมชาติไทย แต่การทำงานหนักต้องเริ่มขึ้นตั้งแต่บัดนี้
2.ระบบการจัดการที่ดีขึ้น
สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยและไทย พรีเมียร์ ลีกมีปัญหาในเรื่องการขาดความสามารถภายในองค์กร ซึ่งสิ่งดังกล่าวส่งผลเสียต่อการพัฒนาที่ต่อเนื่องของเกมลูกหนัง
ในเดือนเมษายนปี 2013 นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์เดอะ เนชั่นเอาไว้ว่า
"ในขณะที่นักเตะและสโมสรพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ฝ่ายบริหารของทั้งสององค์กรยังไม่มีความเป็นมืออาชีพและไม่มีความโปร่งใส"
แม้ว่าเนวินอาจจะไม่ได้เป็นที่ถูกอกถูกใจของคนทุกคน แต่คงมีคนไม่กี่คนที่กล้าเถียงว่าคำพูดดังกล่าวของเขาไม่ใช่ความจริง 21 เดือนผ่านไปหากว่ามีอะไรพัฒนาขึ้นมาสักอย่างมันคงเป็นสิ่งที่เล็กน้อยมากๆ
ในฤดูกาลที่ผ่านมา เนวินขู่ว่าจะตั้งลีกการแข่งขันขึ้นมาเองเพื่อเป็นการผลักดันให้มีการเปลี่ยนแปลงภายในสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยและไทย พรีเมียร์ ลีก แต่ไม่มีทีท่าว่าสโมสรอื่นๆจะร่วมวงเอาด้วยกับเขา ฟุตบอลไทยยังคงตีมึนเล่นกันต่อไป และหลายๆทีมเจอกับบทลงโทษปรับเงินจากข้อหาความประพฤติที่ย่ำแย่ของแฟนบอลและนักเตะ โดยไม่มีกระบวนการที่ชัดเจนในการพิสูจน์ความโปร่งใสเหล่านี้ เมื่อมีการทำผิด บทลงโทษที่เกิดขึ้นไม่ได้มีการคิดวิธีการป้องกันในระยะยาวเข้าไปด้วย ยกตัวอย่างก็เช่นทำไมไม่พัฒนาระบบรักษาความปลอดภัย หรือให้ความรู้และคำแนะนำกับเหล่าแฟนบอล ?
นายวรวีร์ มะกูดี เป็นผู้มีอำนาจกับตำแหน่งประธานสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย และดูเหมือนว่าเขาจะไม่ยอมปล่อยมือออกไปง่ายๆแม้จะมีการประท้วงกับบทบาทของเขาอยู่บ่อยครั้ง ไทย พรีเมียร์ ลีกเองก็หมางเมินไม่ได้ใส่ใจเหล่าแฟนบอลกับการกำหนดตารางการแข่งขันสุดแสนจะล่าช้าหรือการเปลี่ยนแปลงสนามแข่งขัน โดยพวกเขาไม่ได้คำนึงถึงผลกระทบที่จะมีต่อกลุ่มบุคคลที่สำคัญที่สุดในเกมการแข่งขันนั้นๆเลย
สิ่งที่จำเป็นจะต้องเกิดขึ้นคือการยกเครื่องจัดการระบบการบริหารใหม่หมด สอดใส่แนวทางความเป็นมืออาชีพเข้าไปให้มากขึ้น แต่โชคไม่ดีนักที่เหล่าผู้บริหารขององค์กรไม่อยากจะเจอกับการตรวจสอบอย่างละเอียดหรือคำวิจารณ์ แต่พวกเขากลับต้องการรั้งตำแหน่งตัวเองเอาไว้
การเริ่มต้นฤดูกาลใหม่ของไทยพรีเมียร์ ลีกได้มีการเปลี่ยนแปลงไปแล้วเนื่องมาจากโปรแกรมการแข่งขันฟุตบอลคิงส์ คัพในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งสิ่งดังกล่าวไม่ใช่สัญญาณที่ดีนัก
3.ไทย พรีเมียร์ ลีกควรมีการแข่งขันที่เข้มข้นมากขึ้น
มีเพียงแค่ 2 ทีมที่คว้าแชมป์ลีกสูงสุดได้ใน 7 ฤดูกาลที่ผ่านมา บุรีรัมย์ ยูไนเต็ดและเมืองทอง ยูไนเต็ดคงจะออกสตาร์ทฤดูกาลใหม่โดยเป็นตัวเต็งที่จะคว้าแชมป์อีกครั้ง อย่างไรก็ตามช่วงปิดฤดูกาลทั้งสองทีมยังไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรกันมากนัก
โดยทางบุรีรัมย์คว้าตัวประกิต ดีพร้อม มิดฟิลด์ตัวรุกของทีโอที ซึ่งน่าจะเป็นนักเตะที่มีชื่อเสียงมากที่สุดจนถึงขณะนี้ ส่วนเมืองทอง ยูไนเต็ด คว้าตัวนักเตะชื่อดังหลายคนในช่วงหลายปีหลัง แต่กลับไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ทั้งร็อบบี้ ฟาวเลอร์, โรแลนด์ ลินซ์และฤดูกาลที่ผ่านมาเป็นนักเตะดังอย่างเจย์ โบธรอยด์ บางทีในปีนี้ "กิเลนผยอง" อาจจะเน้นมองหานักเตะที่นำมาใช้งานได้จริงมากกว่า
ชลบุรีสถาปนาตัวเองมาเป็นทีมลุ้นแชมป์เต็มตัวในปี 2014 และอาจจะโต้เถียงได้ว่าจังหวะการตัดสินที่มีปัญหาของผู้ตัดสินหนึ่งครั้งทำให้พวกเขาพลาดการคว้าแชมป์ลีกครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2007 คาดว่าในฤดูกาลใหม่พวกเขาจะกดดันไล่ล่าแชมป์แข่งกับบุรีรัมย์ และเมืองทองได้อีกครั้ง ซึ่งการคว้าตัวเบรนท์ แม็คกรัธ กองหน้าชาวออสเตรเลียมาจากศรีสะเกษดูจะเป็นการตัดสินใจที่หลักแหลม
เรื่องราวที่น่าสนใจที่สุดอาจจะเป็นการติดตามผลงานของทีมน้องใหม่อย่างนครราชสีมา สโมสรนี้ตกเป็นข่าวลือกับนักเตะชื่อดังระดับโลกทั้งเอดูอาร์โด้ ดา ซิลวา, เธียรี่ อองรี (ก่อนการประกาศแขวนสตั๊ด) และนิโกล่าส์ อเนลก้า จนถึงบัดนี้ นักเตะที่มีชื่อเสียงมากที่สุดที่พวกเขาคว้าตัวเข้ามาได้เป็นบียอร์น ลินเดมันน์ มิดฟิลด์ชาวเยอรมันจากทีมสุพรรณบุรี เอฟซี
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แฟนบอลผู้ติดตามฟุตบอลไทยหลายๆคนคงต้องการให้หมดยุคของทีมบิ๊กทูทั้งบุรีรัมย์ และเมืองทอง ยูไนเต็ดไปเสียที
4.จุดจบของการตบตาเล่นละครและการวอล์คเอ้าท์ออกจากสนาม
หลายๆเกมการแข่งขันเราจะได้เห็นผู้รักษาประตูแกล้งเจ็บล้มลงไปกองกับพื้น นักเตะในตำแหน่งนี้หลายๆคนเลือกใช้วิธีการเหล่านี้ซึ่งมันเหมือนโรคร้ายที่กำลังระบาดแต่ไม่มีใครสนใจจะหาวิธีแก้ไขให้หมดไป ทีมที่มีสกอร์นำควรจะเรียนรู้วิธีการครอบครองบอลและลดความกดดันจากฝั่งตรงข้าม ไม่ใช่คิดแต่จะก่อกวนเกมการแข่งขันหาเรื่องถ่วงเวลาไปเรื่อยๆ วงการฟุตบอลไทยจำเป็นต้องมีภาพที่น่าดูชมกว่านี้ ซึ่งมันคงไม่อาจเกิดขึ้นได้หากแต่ละฝ่ายคิดแต่จะหาวิธีเอาชนะโดยไม่ผิดกติกา
การโวยวายแบบเด็กๆก็เป็นเรื่องปกติของวงการฟุตบอลไทยเมื่อผลการตัดสินตรงข้ามกับฝ่ายตัวเอง แม้ว่ามาตรฐานของผู้ตัดสินที่ลงทำหน้าที่จะย่ำแย่อย่างไม่ต้องสงสัย แต่การนำพานักเตะออกนอกสนามเพื่อประท้วงก็คงแก้ไขอะไรไม่ได้ สิ่งดังกล่าวดูเป็นการกระทำเพื่อใช้ข่มขู่ซะมากกว่า ผู้เป็นโค้ชหรือกัปตันควรรักษาศักดิ์ศรีของตัวเองให้มากกว่านี้
5.การพัฒนาผู้ตัดสิน
รายการที่แฟนบอลคาดหวังอยากจะได้เห็นจะสมบูรณ์ไปไม่ได้หากไร้ซึ่งการร้องขอให้มีพัฒนาการในมาตรฐานของผู้ตัดสิน ปัญหาเรื่องการคอร์รัปชั่นเป็นสิ่งที่ปกคลุมไปทั่วสังคมในประเทศไทย ฉะนั้นไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไรยามที่ผู้ตัดสินเป่าพลาดก็จะถูกยกไปเป็นประเด็นความเป็นไปได้ว่าจะมีใครสักคนเข้ามาครอบงำ
เราลองยกความน่าสงสัยข้อนี้เอาไว้ข้างๆซะก่อน แต่ก็ยังชัดเจนว่าผู้ตัดสินไทยจำเป็นต้องเข้มงวดมากขึ้นในเรื่องของการถ่วงเวลา, ต้องกล้าหาญมากขึ้นเมื่อต้องตัดสินจังหวะสำคัญๆ และเลิกจุกจิกจู้จี้กับเรื่องเล็กๆน้อยๆ การเข้าปะทะที่อาจทำให้อีกฝ่ายขาหักมักถูกมองข้ามไม่โดนลงโทษอะไร แต่การเข้าปะทะที่ไม่มีพิษมีภัยกลับได้รับใบเหลืองซะอย่างนั้น
ผู้ตัดสินมักเลือกที่จะตัดสินใจเมื่อไม่มีความเสี่ยงที่จะทำให้เกมเดือด ชัดเจนว่าพวกเขาเกิดความไม่เต็มใจที่จะลงโทษแจกใบแดง หากว่าไม่ใช่การฟาล์วที่น่าเกลียดโจ่งแจ้ง มิเช่นนั้นแล้วคงไม่มีอะไรสามารถรับประกันได้
ผู้ตัดสินต่างชาติถูกนำมาใช้ในเกมใหญ่ๆของการแข่งขันไทย พรีเมียร์ ลีกเพื่อเป็นการลดความอคติหรือความลำเอียง อย่างไรก็ตามสิ่งดังกล่าวไม่ใช่คำตอบที่แท้จริง การอบรมให้ความรู้ที่ดีขึ้นและสม่ำเสมอมากขึ้นเป็นสิ่งที่จำเป็นในการพัฒนาให้ผู้ตัดสินทำผลงานได้ดีขึ้นไปอีกระดับและเป็นการลดข้อกล่าวหาในเรื่องการคอร์รัปชั่น
แปล: น้าลูกอม
http://www.ssballthai.in.th/boards/topic/1170366
Author : Paul Murphy
Source :
http://www.espnfc.com/blog/football-asia/153/post/2219321/onwards-and-upwards-five-2015-wishes-for-thai-football
5 สิ่งที่ฟุตบอลไทยควรพัฒนาจากมุมมองชาวต่างชาติ
Paul Murphy กูรูฟุตบอลอิสระชาวอังกฤษซึ่งอาศัยอยู่ในประเทศไทยมากว่า 7 ปี ได้พูดถึง 5 ความหวังที่วงการฟุตบอลไทยอยากจะเห็นในปี 2015 ผ่านทาง ESPN Asia เราลองมาอ่านกันว่าในสายตาชาวต่างชาติ พวกเขาเห็นอย่างที่พวกเราเห็นกันหรือไม่
ทีมช้างศึกรุ่นหนุ่มเล่นฟุตบอลเน้นเกมรุก เปี่ยมไปด้วยทักษะและทำประตูที่สวยงามได้มากมาย แต่สิ่งที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือแนวทางการตอบสนองต่อความยากลำบากที่พวกเขาประสบพบเจอ
ทีมชาติไทยเมื่อในอดีต มีแนวโน้มที่จะสูญเสียระเบียบวินัยในเกมการเล่นเมื่อสิ่งต่างๆไม่เป็นไปตามแนวทางของพวกเขา แต่กับทีมชุดปี 2014 พวกเขาสู้กันสุดใจ คว้าผลการแข่งขันสำคัญในช่วงท้ายเกม ซึ่งที่น่าจดจำที่สุดก็คือรอบชิงชนะเลิศที่แข่งขันกับมาเลเซีย อย่างไรก็ตาม เกมการแข่งขันภายในประเทศยังต้องพบเจอกับบททดสอบอีกมากมายทั้งจำนวนที่ลดน้อยลงของแฟนบอลที่เข้าชม
การบริหารจัดการที่ผิดพลาดและความน่าสิ้นหวังของผู้ตัดสิน มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องได้รับการพัฒนา และด้วยความสำเร็จของทีมชาติไทย คงต้องหวังว่าจะช่วยเป็นแรงกระตุ้นทำให้ปี 2015 กลายเป็นปีที่ดีขึ้น
วงการฟุตบอลไทยควรจะเดินไปในทิศทางไหนต่อจากนี้ ?
นี่คือ 5 พรความหวังสำหรับวันปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงของพวกเขา
1.ต่อยอดสร้างผลงานที่น่าประทับใจในเกมการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก
หลังเรียกศรัทธาจากแฟนบอลทีมชาติไทยจำนวนมากกลับมาได้ นักเตะต้องไม่ตกเป็นเหยื่อของเสียงชื่นชมแซ่ซ้อง แม้ว่าทีมช้างศึกจะเป็นราชาแห่งเอเชียอาคเนย์ แต่สิ่งที่จำเป็นต่อจากนี้ก็คือพัฒนาการที่ยั่งยืนสำหรับการแข่งขันเกมคัดเลือกฟุตบอลโลก 2018 ซึ่งจะเริ่มต้นขึ้นในเดือนมิถุนายน
เกียรติศักดิ์ต้องทำให้แน่ใจว่าชื่อเสียงที่โด่งดังเป็นพลุแตกของนักเตะอย่างเช่นชนาธิป สรงกระสินธ์ เจ้าของฉายา "เมสซี่ เจ" และชาริล ชัปปุยส์ ไม่กลายเป็นดาบสองคมเล่นงานพวกเขา
โค้ชคนนี้ได้สร้างความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวและสปิริตที่น่าเกรงขามของทีมชาติไทยในการแข่งขันซูซูกิ คัพซึ่งแฟนบอลทุกๆคนสามารถมองเห็นได้ ไม่มีอีกแล้วกับความยึดถือตัวเองเป็นศูนย์กลางของนักเตะเหมือนเมื่อในอดีต หรือว่าการเล่นตบตาผู้ตัดสินอย่างที่กำลังเกิดขึ้นในการแข่งขันไทย พรีเมียร์ ลีก เหล่าแข้งวัยรุ่นมากพรสวรรค์ยืนหยัดต่อสู้กับการเล่นเกมหนักจากคู่ต่อสู้ที่มีประสบการณ์มากกว่าโดยไม่ตกเป็นเหยื่อของศาสตร์มืดเหล่านั้น นี่คือชัยชนะสำหรับผู้เล่นที่มีระเบียบวินัยอย่างแท้จริง ยามที่พวกเขาได้ชูถ้วยแชมป์ในรอบชิงชนะเลิศของฟุตบอลเอเอฟเอฟ
สิ่งเหล่านี้คือจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก แต่สิ่งที่สำคัญก็คือนักเตะจะต้องทำงานหนัก พัฒนาตัวเองอยู่เสมอ หลังความสำเร็จจากการแข่งขันซูซูกิ คัพ ชนาธิปได้เปิดเผยถึงความทะเยอทะยานที่จะได้ไปค้าแข้งในประเทศญี่ปุ่นหรือเกาหลีใต้ แนวทางความคิดสมัยใหม่คือกุญแจสำคัญเพื่อจะพัฒนานักเตะพวกนี้ ต้องขอบคุณอยู่อย่าง คือหลังจากที่ตัวเขาเองนั้นก็ค้าแข้งอยู่ในต่างประเทศมาแทบจะตลอดอาชีพการค้าแข้ง เกียรติศักดิ์ดูจะเป็นคนที่มีทัศนะคติที่เหมาะสมที่สุดในการรับมือเรื่องเหล่านี้
ซูซูกิ คัพเป็นการผจญภัยที่ยอดเยี่ยมสำหรับทีมชาติไทย แต่การทำงานหนักต้องเริ่มขึ้นตั้งแต่บัดนี้
2.ระบบการจัดการที่ดีขึ้น
สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยและไทย พรีเมียร์ ลีกมีปัญหาในเรื่องการขาดความสามารถภายในองค์กร ซึ่งสิ่งดังกล่าวส่งผลเสียต่อการพัฒนาที่ต่อเนื่องของเกมลูกหนัง
แม้ว่าเนวินอาจจะไม่ได้เป็นที่ถูกอกถูกใจของคนทุกคน แต่คงมีคนไม่กี่คนที่กล้าเถียงว่าคำพูดดังกล่าวของเขาไม่ใช่ความจริง 21 เดือนผ่านไปหากว่ามีอะไรพัฒนาขึ้นมาสักอย่างมันคงเป็นสิ่งที่เล็กน้อยมากๆ
นายวรวีร์ มะกูดี เป็นผู้มีอำนาจกับตำแหน่งประธานสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย และดูเหมือนว่าเขาจะไม่ยอมปล่อยมือออกไปง่ายๆแม้จะมีการประท้วงกับบทบาทของเขาอยู่บ่อยครั้ง ไทย พรีเมียร์ ลีกเองก็หมางเมินไม่ได้ใส่ใจเหล่าแฟนบอลกับการกำหนดตารางการแข่งขันสุดแสนจะล่าช้าหรือการเปลี่ยนแปลงสนามแข่งขัน โดยพวกเขาไม่ได้คำนึงถึงผลกระทบที่จะมีต่อกลุ่มบุคคลที่สำคัญที่สุดในเกมการแข่งขันนั้นๆเลย
สิ่งที่จำเป็นจะต้องเกิดขึ้นคือการยกเครื่องจัดการระบบการบริหารใหม่หมด สอดใส่แนวทางความเป็นมืออาชีพเข้าไปให้มากขึ้น แต่โชคไม่ดีนักที่เหล่าผู้บริหารขององค์กรไม่อยากจะเจอกับการตรวจสอบอย่างละเอียดหรือคำวิจารณ์ แต่พวกเขากลับต้องการรั้งตำแหน่งตัวเองเอาไว้
การเริ่มต้นฤดูกาลใหม่ของไทยพรีเมียร์ ลีกได้มีการเปลี่ยนแปลงไปแล้วเนื่องมาจากโปรแกรมการแข่งขันฟุตบอลคิงส์ คัพในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งสิ่งดังกล่าวไม่ใช่สัญญาณที่ดีนัก
3.ไทย พรีเมียร์ ลีกควรมีการแข่งขันที่เข้มข้นมากขึ้น
โดยทางบุรีรัมย์คว้าตัวประกิต ดีพร้อม มิดฟิลด์ตัวรุกของทีโอที ซึ่งน่าจะเป็นนักเตะที่มีชื่อเสียงมากที่สุดจนถึงขณะนี้ ส่วนเมืองทอง ยูไนเต็ด คว้าตัวนักเตะชื่อดังหลายคนในช่วงหลายปีหลัง แต่กลับไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ทั้งร็อบบี้ ฟาวเลอร์, โรแลนด์ ลินซ์และฤดูกาลที่ผ่านมาเป็นนักเตะดังอย่างเจย์ โบธรอยด์ บางทีในปีนี้ "กิเลนผยอง" อาจจะเน้นมองหานักเตะที่นำมาใช้งานได้จริงมากกว่า
ชลบุรีสถาปนาตัวเองมาเป็นทีมลุ้นแชมป์เต็มตัวในปี 2014 และอาจจะโต้เถียงได้ว่าจังหวะการตัดสินที่มีปัญหาของผู้ตัดสินหนึ่งครั้งทำให้พวกเขาพลาดการคว้าแชมป์ลีกครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2007 คาดว่าในฤดูกาลใหม่พวกเขาจะกดดันไล่ล่าแชมป์แข่งกับบุรีรัมย์ และเมืองทองได้อีกครั้ง ซึ่งการคว้าตัวเบรนท์ แม็คกรัธ กองหน้าชาวออสเตรเลียมาจากศรีสะเกษดูจะเป็นการตัดสินใจที่หลักแหลม
เรื่องราวที่น่าสนใจที่สุดอาจจะเป็นการติดตามผลงานของทีมน้องใหม่อย่างนครราชสีมา สโมสรนี้ตกเป็นข่าวลือกับนักเตะชื่อดังระดับโลกทั้งเอดูอาร์โด้ ดา ซิลวา, เธียรี่ อองรี (ก่อนการประกาศแขวนสตั๊ด) และนิโกล่าส์ อเนลก้า จนถึงบัดนี้ นักเตะที่มีชื่อเสียงมากที่สุดที่พวกเขาคว้าตัวเข้ามาได้เป็นบียอร์น ลินเดมันน์ มิดฟิลด์ชาวเยอรมันจากทีมสุพรรณบุรี เอฟซี
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แฟนบอลผู้ติดตามฟุตบอลไทยหลายๆคนคงต้องการให้หมดยุคของทีมบิ๊กทูทั้งบุรีรัมย์ และเมืองทอง ยูไนเต็ดไปเสียที
4.จุดจบของการตบตาเล่นละครและการวอล์คเอ้าท์ออกจากสนาม
การโวยวายแบบเด็กๆก็เป็นเรื่องปกติของวงการฟุตบอลไทยเมื่อผลการตัดสินตรงข้ามกับฝ่ายตัวเอง แม้ว่ามาตรฐานของผู้ตัดสินที่ลงทำหน้าที่จะย่ำแย่อย่างไม่ต้องสงสัย แต่การนำพานักเตะออกนอกสนามเพื่อประท้วงก็คงแก้ไขอะไรไม่ได้ สิ่งดังกล่าวดูเป็นการกระทำเพื่อใช้ข่มขู่ซะมากกว่า ผู้เป็นโค้ชหรือกัปตันควรรักษาศักดิ์ศรีของตัวเองให้มากกว่านี้
5.การพัฒนาผู้ตัดสิน
เราลองยกความน่าสงสัยข้อนี้เอาไว้ข้างๆซะก่อน แต่ก็ยังชัดเจนว่าผู้ตัดสินไทยจำเป็นต้องเข้มงวดมากขึ้นในเรื่องของการถ่วงเวลา, ต้องกล้าหาญมากขึ้นเมื่อต้องตัดสินจังหวะสำคัญๆ และเลิกจุกจิกจู้จี้กับเรื่องเล็กๆน้อยๆ การเข้าปะทะที่อาจทำให้อีกฝ่ายขาหักมักถูกมองข้ามไม่โดนลงโทษอะไร แต่การเข้าปะทะที่ไม่มีพิษมีภัยกลับได้รับใบเหลืองซะอย่างนั้น
ผู้ตัดสินมักเลือกที่จะตัดสินใจเมื่อไม่มีความเสี่ยงที่จะทำให้เกมเดือด ชัดเจนว่าพวกเขาเกิดความไม่เต็มใจที่จะลงโทษแจกใบแดง หากว่าไม่ใช่การฟาล์วที่น่าเกลียดโจ่งแจ้ง มิเช่นนั้นแล้วคงไม่มีอะไรสามารถรับประกันได้
ผู้ตัดสินต่างชาติถูกนำมาใช้ในเกมใหญ่ๆของการแข่งขันไทย พรีเมียร์ ลีกเพื่อเป็นการลดความอคติหรือความลำเอียง อย่างไรก็ตามสิ่งดังกล่าวไม่ใช่คำตอบที่แท้จริง การอบรมให้ความรู้ที่ดีขึ้นและสม่ำเสมอมากขึ้นเป็นสิ่งที่จำเป็นในการพัฒนาให้ผู้ตัดสินทำผลงานได้ดีขึ้นไปอีกระดับและเป็นการลดข้อกล่าวหาในเรื่องการคอร์รัปชั่น
แปล: น้าลูกอม http://www.ssballthai.in.th/boards/topic/1170366
Author : Paul Murphy
Source : http://www.espnfc.com/blog/football-asia/153/post/2219321/onwards-and-upwards-five-2015-wishes-for-thai-football