[บทความ] เว่ยชิวเย่ว : ปี 2014 บทพิสูจน์ตัวเอง

กระทู้ข่าว



หลังจากจบโอลิมปิก 2012  เว่ยชิวเย่วมีแผนคิดจะเลิกเล่นวอลเลย์บอล

ปีนั้นก่อนการแข่งขันลีกจีนจะเริ่ม  เธอก็ได้ปรึกษาตกลงกับสโมสรเทียนจินต้นสังกัดเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่าจะเล่นไปจนถึงกีฬาแห่งชาติจีนในปีถัดไป  จากนั้นก็จะให้เธอได้ออกไปเล่นต่างประเทศ  เว่ยชิวเย่วคิดจะใช้วิธีการแบบนี้ค่อยๆเฟดตัวเองออกมา

ซึ่งทุกอย่างก็ดำเนินไปด้วยดีตามที่ได้วางแผนไว้  แต่แล้วจู่ๆก็มีข่าวว่าหลางผิงจะมาเป็นโค้ชทีมชาติคนใหม่ในรอบโอลิมปิกที่ริโอ  
ทำให้เว่ยชิวเย่วจิตใจเริ่มหวั่นไหว  


“นักวอลเลย์ทุกคนต่างใฝ่ฝันอยากให้โค้ชหลางมาเป็นโค้ช  แต่ก็คิดไม่ถึงว่าโค้ชหลางจะมาเป็นโค้ชทีมชาติในช่วงเวลาเช่นนี้  
พอได้ยินข่าวโค้ชหลางจะมาคุมทีมชาติ  ก็จุดประกายความหวังของฉันขึ้นมา”

จากเดิมที่เตรียมใจพร้อมสำหรับการเลิกเล่นวอลเลย์มาเป็นขอเล่นต่ออีก 4 ปี  

“ฉันเองก็ไม่อยากเชื่อว่าในชั่วระยะเวลาสั้นๆจะตัดสินใจพลิกผันมากขนาดนี้ แต่เรื่องจริงก็คือนับแต่ฉันได้ยินข่าวโค้ชหลางคุมทีมชาติ
ใจฉันก็คิดอยากจะขอเริ่มต้นใหม่อีกสักครั้ง”  เว่ยชิวเย่วผู้ผ่านโอลิมปิกมาแล้ว 2 ครั้ง  แต่อยากขอโอกาสที่จะลบล้างความผิดหวังอีกครั้ง


ปีแรกที่โค้ชหลางคุมทีมชาติเว่ยชิวเย่วไม่มีชื่อเรียกติดแคมป์ทีมชาติ  ความหวังที่คุโชนกับความจริงที่เจ็บปวด  

“ไม่ใช่ว่าฉันรับมันไม่ได้  รู้ว่าทีมชาติต้องการสร้างผู้เล่นดาวรุ่ง  และอาการบาดเจ็บของฉันก็ยังมีอยู่  โค้ชหลางกังวลก็เป็นเรื่องถูกต้องแล้ว  แต่มาเกิดขึ้นเอาตอนที่ฉันคิดอยากติดทีมชาติแต่ไม่มีชื่อติด  รู้สึกปวดใจจริงๆ ”

คนในครอบครัว เพื่อนๆ และยังมี 4 พี่น้องที่เคยผ่านโอลิมปิกที่ลอนดอนมาด้วยกันต่างก็เข้ามาพูดปลอบใจเธอ แต่เห็นเธอไม่ได้ร้องไห้  เมื่อพูดถึงเรื่องทีมชาติก็ทำตัวปกติเหมือนไม่มีอะไร แต่พวกเขาก็ยังอดรู้สึกเป็นห่วงเธอไม่ได้


เธอคนเดียวแอบไปโรงหนังดูหนังเรื่อง 《 致青春 So Young 》 ที่กำลังดังอยู่ในตอนนั้น  ดูไปก็ร้องไห้ไป  พลอยให้คิดถึงตัวเอง
เธอไม่รู้ว่าการที่ไม่มีชื่อติดทีมชาติจะเท่ากับว่าชีวิตการเป็นนักวอลเลย์ของเธอจบสิ้นลงด้วยใช่หรือไม่ ?  

เธอคิดหลีกหนีไม่อยากรับรู้ข่าวคราวเกี่ยวกับทีมชาติ  แต่ก็ห้ามใจตัวเองไม่ได้  อักษรแต่ละตัวเป็นเหมือนเข็มทิ่มแทงใจ  
เจิงชุนเหล่ยสวมเสื้อหมายเลข 8 นี้มา 4 ปี  ที่แท้หมายเลข 8 ที่เป็นกัปตันทีมถูกย้ายไปอยู่ที่หมายเลข 4 ฮุ่ยรั่วฉี


“พอเห็นภาพแล้วก็อดหวนนึกถึงอดีตไม่ได้  เห็นบทความพวกนี้แล้ว ให้รู้สึกอิจฉาพวกเธอจริงๆ  มโนว่าถ้าเป็นตัวเองอยู่ในสนามบ้างจะมีท่าทางเป็นยังไงนะ”  เว่ยชิวเย่วเป็นคนจิตใจอ่อนไหว  แต่ก็น้อยครั้งที่เธอจะพูดถึงความรู้สึกที่อยู่ในใจออกมา

“ฉันเสียใจมาก  พ่อแม่และเพื่อนฝูงต่างก็รู้ดี  แต่น้อยครั้งมากที่ฉันจะพูดระบายให้พวกเขาฟัง  ส่วนใหญ่แล้วจะปล่อยให้มลายหายไปเอง
ในใจคิดว่านี่คือเรื่องจริงที่เกิดขึ้น  ต้องรับมันให้ได้  ฉันไม่อยากให้คนอื่นเห็นด้านที่อ่อนแอของฉัน เพราะฉะนั้น .....”  

เพราะฉะนั้น  แม้จะอยู่ต่อหน้าพ่อแม่  เธอก็แสร้งทำทีว่าตัวเองเข้มแข็ง



หลังจบกีฬาแห่งชาติจีน  เว่ยชิวเย่วก็เก็บกระเป๋าเตรียมตัวไปเล่นที่อาเซอร์ไบจัน  

“ก่อนหน้านั้นฉันฝันมาตลอดว่าอยากออกไปเล่นต่างประเทศ  เหตุผลสำคัญคืออยากไปเห็นลีกต่างประเทศ  ส่วนจะได้เล่นหรือไม่  จะเล่นได้ดีหรือเปล่าถือเป็นเรื่องรอง  คือถ้าไม่มีโอกาสได้ไปเปิดหูเปิดตา  ก็รู้สึกว่าชีวิตนักวอลเลย์เราดูจะขาดอะไรไป”  

จนเมื่อถึงตอนออกเดินทางไปจริงๆ  ในใจเธอกลับคิดมากกว่าที่ตั้งใจไว้ในตอนแรก  
“เป็นเพราะคิดอยากจะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง  แต่กลับไม่มีชื่อติดทีมชาติ ดังนั้นจึงคิดอยากแสดงความสามารถของตัวเองให้โค้ชหลางได้ประจักษ์  แต่นี่ก็เป็นเรื่องท้าทายสำหรับฉันเป็นอย่างมาก “  

ตอนที่เพิ่งมาถึงอาเซอร์ไบจัน  เว่ยชิวเย่วตั้งใจอยากปะทะฝีมือในเวทียุโรป  แต่ไม่นานเธอก็พบว่า ”พระจันทร์ที่เมืองนอก ก็ไม่ได้กลมเหมือนอย่างที่คิดไว้”  โดยเฉพาะเมื่อทีมของเธอไม่สามารถเข้ารอบถ้วยยุโรปได้  เจ้าของสโมสรละเมิดสัญญา  ทำให้เธอรู้ว่าบากูไม่ใช่ที่ที่เธอจะอยู่ได้นาน  


ช่วงเทศกาลคริสมาสต์หยุดพักการแข่งขันเธอเดินทางกลับประเทศและก็ไม่กลับไปอาเซอร์ไบจันอีก สร้างความประหลาดใจให้กับทุกคน

“กลับมาเทียนจิน  ครั้งแรกที่ฉันเข้าไปสนามดูการแข่งขันลีกจีน ยังสวมสเว็ตเตอร์เหมือนๆกับคนดู  นัดที่สองก็ไปดูอีกคราวนี้ได้ลงไปพูดคุย   ตอนนั้นสโมสรเทียนจินกำลังประสบปัญหาหนัก  โค้ชหวางและผู้บริหารต่างก็หวังให้ฉันกลับมาช่วยพาทีมฝ่าพ้นวิกฤติ  

จึงตัดสินใจทันที  ขอยกเลิกสัญญากับทางอาเซอร์ไบจัน  และลงทะเบียนนักกีฬากับสมาคมวอลเลย์จีน   ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วมากเหมือนว่ากำลังฝันอยู่  “


ก่อนที่จะมาเล่นให้กับเทียนจินอีกครั้ง  ไม่รู้ว่ามีอะไรมากระตุ้น  ที่เก็บอั้นในใจมา 8 เดือนในที่สุดเว่ยชิวเย่วก็ปลุกความกล้าส่งข้อความไปหาโค้ชหลาง   นี่เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ไม่ติดทีมชาติที่เธอบอกถึงความปรารถนาอยากเล่นทีมชาติให้โค้ชหลางรับรู้

“ก่อนหน้านั้นตอนที่นักข่าวมาสัมภาษณ์ฉันเคยพูดว่าอยากจะทำอะไรเพื่อทีมชาติ  แต่ก็ยังไม่เคยพูดกับโค้ชหลางตรงๆ”  
เพื่อนๆก็พูดชวนฉันตลอดว่าให้ติดต่อไป  บอกว่าจะกลัวไปทำไม ?  ถามโค้ชหลางตรงๆไปเลยว่าทำไมไม่เรียกเธอ?  

แต่ฉันคิดว่านั่นมันไม่ใช่วิธีในแบบของฉัน  ฉันอยากจะใช้ความสามารถที่มีของตัวเองแสดงให้โค้ชหลางเห็น”

เว่ยชิวเย่วได้รับข้อความตอบกลับจากโค้ชหลางอย่างรวดเร็ว  เธอบอกว่าโค้ชหลางให้กำลังใจฉัน  ทำให้เธอรู้สึกมีความมั่นใจในการพยายามขอพิสูจน์ตัวเอง



ช่วงนั้นรู้สึกอึดอัดมาก ฉันรู้ว่าแฟนวอลเลย์หวังดีต่อฉัน ให้การสนับสนุนฉัน แต่นั่นก็ทำให้ฉันไม่รู้จะวางตัวยังไงเมื่ออยู่ต่อหน้าโค้ชหลาง

เมื่อโค้ชหลางคุมสโมสรเหิงต้าเดินทางมาแข่งที่เทียนจินวันนั้น  

“ก่อนแข่งฉันเดินเข้าไปสวัสดีทักทายโค้ชหลาง   จริงๆมีคำพูดมากมายที่อยากจะพูด แต่ตอนนั้นไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร อย่างไร เพื่อให้คลายบรรยากาศอึดอัด ”  

เจอหน้าโค้ชหลาง  เว่ยชิวเย่วทำอะไรไม่ถูก   “ แต่แม่ฉันกลับมีท่าทีสบายๆ   แม่ฉันเป็นแฟนคลับโค้ชหลางตัวยง  นับตั้งแต่โค้ชหลางพาเหิงต้าขึ้นมาเล่นลีกสูงสุด   ทุกปีที่มาเยือนเทียนจินแม่ฉันต้องแต่งหน้าทำผมเต็มที่เพื่อมาเจอหน้าโค้ชหลาง     แม่บอกว่าเธอก็ส่วนเธอ  ฉันก็ส่วนฉัน  โค้ชหลางมาทั้งทีฉันต้องตามกรี๊ดสักหน่อย”

พูดถึงความชื่นชอบที่แม่มีต่อโค้ชหลาง   เว่ยชิวเย่วพูดเสริมว่า  ปีที่ส่งเธอไปเรียนวอลเลย์นั้น ก็เพราะว่าแม่ชอบโค้ชหลางมาก  โค้ชโรงเรียนกีฬาจับเธอมาฝึกเล่นเป็นมือเซ็ต  ปฏิกิริยาแรกของแม่ฉันคือ ทำไมไม่เล่นเป็นตัวตบหัวเสา ?  



ในห้องแถลงข่าวหลังจบการแข่งขันลีกในวันนั้น  สื่อเทียนจินถามโค้ชหลางว่าคิดจะเรียกเว่ยชิวเย่วหวนกลับทีมชาติหรือไม่ ?
หลางผิงพูดขึ้นมาประโยคหนึ่ง “แฟนวอลเลย์ก็มีความคิดของแฟนวอลเลย์  ทีมชาติก็มีความต้องการของทีมชาติ”  สร้างกระแสฮือฮาให้ผู้คนเก็บไปคิด  เว่ยชิวเย่วคิดทบทวนกลับไปกลับมาถึงความหมายที่อยู่ในคำพูดนั้น  


เผลอแป๊ปเดียวก็ถึงเดือนมีนาคม   ลีกจีนเข้าสู่ช่วงท้ายของการแข่งขัน
อาทิตย์ก่อนนัดชิงแชมป์ลีก  เว่ยชิวเย่วกับเพื่อนไปทานอาหารกัน ขณะที่ทุกคนกำลังคุยกันออกรส  มือถือของเว่ยชิวเย่วก็ดังขึ้น  
เธอเหลือบไปมอง  เป็นข้อความจากโค้ชหลาง !


“ฉันคิดว่าคงจะเป็นเรื่องดี  รู้สึกใจเต้นแรง  โค้ชหลางบอกให้ฉันโทรกลับเมื่อสะดวก ฉันรีบโทรกลับหาโค้ชหลาง

จนถึงตอนนี้เว่ยชิวเย่วยังจำรายละเอียดต่างๆที่เกิดขึ้นในตอนนั้นได้ โค้ชหลางถามฉันว่าช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง ?  
การบาดเจ็บเป็นยังไงแล้วบ้าง ?   ต่อไปคิดอ่านยังไงต่อ  

ฉันบอกเล่าสภาพการบาดเจ็บ จากนั้นก็พูดอย่างอ่อนน้อมและจริงจังว่าฉันอยากจะเล่นวอลเลย์ต่อ อยากจะเล่นทีมชาติ  ครั้งก่อนส่งเป็นข้อความ  มาครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ได้พูดกับโค้ชหลางถึงความปรารถนาของฉัน  

แต่โค้ชหลางไม่ได้ตอบฉันตรงๆ  เธอบอกแต่เพียงว่าแคมป์ทีมชาติปีนี้จะมีนักกายภาพบำบัดชาวอเมริกันมาร่วมทีมด้วย  และมั่นใจว่าจะช่วยฉันในเรื่องการควบคุมดูแลบาดเจ็บได้  

เว่ยชิวเย่วมั่นใจว่าเข้าใจความหมายที่โค้ชหลางต้องการสื่อ   เธอรีบโทรศัพท์ไปหาพ่อแม่  บอกพวกท่านว่าระยะเวลาอันยาวนานที่ผ่านมากับการที่ไม่ย่อท้อยอมแพ้   และแล้วโค้ชหลางก็เห็นฝีมือของตัวเองแล้ว !!  


** ยังมีต่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่