เพชรพระอุแมน[ยูไนเต็ด] ตอน สาลิกาดงมรณะ

รสบัสคันใหญ่หลายคันเคลื่อนผ่านประตูเหล็กมหึมาของสนามโอลด์แทรฟฟอร์ด
ก่อนที่บรรดานักเตะคณะเดินทางนามยูไนเต็ดจะค่อยๆลงมาทีละคนๆ
แววตาทุกคนดูมีประกายความหวังซ่อนอยู่ลึกๆ
แม้ว่านี่จะเป็นการเดินทางที่ไม่รู้จุดจบและชะตากรรมเลย ว่าสุดท้ายแล้วมันจะไปสิ้นสุดตรงไหน
แต่พวกเขาก็ยังคงมุ่งมั่นที่จะไป ตามจิตประสงค์ตั้งใจที่วาดฝันเอาไว้ตั้งแต่แรกเริ่ม



การเดินทางของพวกเราในปีนี้มีเป้าหมายหลักอยู่ที่เมืองมรกตสีเขียวไฮเนเก้น แห่งเทือกเขาแชมเปี้ยนส์ลีก
ที่ที่เป็นตำนานเล่าขานมาในหมู่คนเฒ่าคนแก่ ว่าการไปถึงที่นั่น นอกจากจะได้ชื่อเสียงเงินทองแล้ว
ยังสามารถเอาความสำเร็จของการบุกป่าฝ่าดงหฤโหดนี้ มาใช้คุยบลัฟคนอื่นๆที่ไม่มีโอกาสไปได้อีกด้วย
แต่ถึงกระนั้น ก็ยังมีนักเดินทางบางคณะ
ที่ตะเกียกตะกายด้วยระยะเวลา5-6ปีถึงจะได้มีโอกาสได้ไปกะเขาบ้างสักเพลาหนึ่ง
แต่ก็รีบทุรนทุรายกลับมายังโลกเบื้องล่าง ทั้งๆที่เพิ่งจะได้พบเจอกับถนนเส้นหลักบนยอดเขานั้นด้วยซ้ำ
อีกทั้งกลับลงมายังพิกลพิการ พูดจาไม่ได้สติ คำพูดที่เคยถากถางคณะเดินทางอื่นกลับเงียบกริบไปสิ้น
กลายเป็นว่าพูดถึงเรื่องอื่น พูดถึงคณะอื่นจากแคว้นอื่นๆแทบเพื่อกลบเกลื่อนความย่ำแย่ของคณะตนเอง

จากวิบากกรรมนี้ เรียกได้ว่า เส้นทางไปสู่เทือกเขาแห่งนี้  
เป็นเส้นทางอาถรรพ์ที่โหดร้ายเหนือคำบรรยายเสียจริง  เทือกเขานี้แมร่มเถื่อน ถ้าไม่แน่จริงอยู่ไม่ได้
คนที่ได้ไปลองของแล้วต่างรู้ซึ้งถึงข้อนี้กันทุกคน..

จอมพรานหนุ่มผู้นำคณะเดินทาง"ยูไนเต็ด" คว้าบุหรี่ขึ้นมาจุด พลางมองไปยังเบื้องหน้าอย่างเลื่อนลอย
ขณะนี้คณะได้เดินทางมาใกล้จะเขตแดนสุดท้ายของหมู่บ้านที่อยู่ห่างไกลโซนมนุษย์มากที่สุดแล้ว
ซึ่งเป็นจุดท้าย ชาวบ้านขนานนามบริเวณนี้กันว่า "สวนมรณะของหลวงพ่อเจมส์"
เป็นพื้นที่ที่เป็นป่าพรุ  อันเป็นป่าดิบชื้นชนิดหนึ่งในบริเวณlowland หรือที่ราบลุ่มนั่นเอง
และด้านล่างก็จะมีแหล่งน้ำจืดที่ค้างขังติดต่อกันเป็นเวลานาน มีชั้นดินที่เกิดจากการสะสมตัว
และทับถมกันของพวกorganic matter ย่อยสลายช้าๆจนกลายเป็นดินที่เป็นนุ่มๆประมาณฟองน้ำอินทรีย์นั่นเอง
[ใครอยากเห็นป่าพวกนี้ แนะนำให้ลงไปเที่ยวโซนภาคใต้ ไปกระบี่ก็ได้ไปดูครับ ตรงสระมรกตก็มี - ผู้เขียน]


และที่ดงมรณะนี้เอง มีนกชนิดหนึ่งคอยเฝ้าและรอที่จะล่าเหยื่อที่หลุดเข้ามาในพื้นที่แห่งนี้อยู่
ดูจากสภาพภายนอกของมันแล้ว ไม่มีท่าทีที่จะดุร้ายหรือทำร้ายคนเลย
"ถ้าหากมันเป็นนกธรรมดาที่เรารู้จัก"
แต่ที่นี่ มันไม่ธรรมดา เพราะว่าเป็นเขตแดนที่ไกลออกมาจากพื้นที่ถิ่นของมนุษย์
ระบบตรรกะ เหตุผล และสมมติฐานที่อยู่ในกรอบของวิทยาศาสตร์ทั้งหมด ต้องทิ้งเอาไว้ที่ข้างทางทั้งหมด
จอมพรานผู้นี้จำต้องอาศัยวิชั่นและไหวพริบของตนในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า
จากสิ่งที่วิทยาศาสตร์ไม่สามารถตอบได้เหล่านี้  และรวมถึงการตัดสินใจอันแน่วแน่และแม่นยำ
รวมถึงการยิงปืนที่หนักหน่วงและแม่นยำยังกะจับวาง ของพ่อพรานไพรใจฉกาจผู้นี้
ที่ถ้าหากให้โอกาสเขาแม้แต่เพียงแค่ครั้งเดียว ภายในเสี้ยววินาทีละก็
ไม่ว่าสัตว์ป่าที่ดุร้ายตัวไหน ก็มักจะโดนจอมพรานของเราเป่าหัวแสกหน้าดับกลางอากาศทุกตัวไป

จอมพรานผู้นำคณะยูไนเต็ดนี้ เขาคือ รบินทร์ วัลย์ไพรศรี แห่งโอลด์แทรฟฟอร์ดนั่นเอง



หนึ่งปีก่อนหน้าที่จะออกเดินทาง  หมู่บ้านที่รบินทร์อยู่ ได้ทำการค้าในอีกรูปแบบหนึ่ง
ได้ชื่อว่า โอลด์แทรฟฟอร์ดรีสอร์ทแอนด์สปา  แต่ดูเหมือนผลตอบรับจะไม่ค่อยดี ก็เลยเลิกทำ
แล้วก็ไล่ ผจก คนเก่าออกไปขุดทองอยู่ซิมบับเว่  ซึ่งเหมาะสมกว่า  เห็นเน้นเรื่องกำลังกายเหลือเกิน(ฮา)

วันนี้ คณะเดินทางของเราอยู่กันพร้อมหน้า และอยู่ในสภาวะที่คึกสุดขีด
เพราะระหว่างทาง ได้ฟันฝ่าอุปสรรคมาแล้วมากมาย  สัตว์ร้ายตัวแล้ว ตัวเล่า ผีตนแล้วตนเล่า
ได้ถูกคณะยูไนเต็ดกระซวกไส้ออกมากองกับพื้นพิภพกันเรียงหน้า ทั้งสิงห์และเสือก็ไม่รอด
แม้กระทั่งเป็ดไพรสีชาด แห่งหนองเป็ดหาย
ที่เค้าว่ากันว่าเทพนักเทพหนา ก็โดนรบินทร์ยิงจนตับแตกมาแล้ว คงเลิกร้องก๊าบๆไปอีกหลายปีทีเดียวเจียว

พวกเขาได้เดินทางมาถึงดงที่ว่านี้แล้ว  "สวนมรณะของหลวงพ่อเจมส์"


เป็นป่าพรุอย่างที่บอก  จอมพรานก็ไม่รู้หรอกว่าทำไม เค้าถึงเรียกที่นี่ด้วยคำว่ามรณะแบบนี้
.. ชั่ววินาที วูบเดียวที่เขาคิดแบบนั้น  พลันขาของรบินทร์ ก็เหยียบเอาสิ่งที่นิ่มๆหยุ่นๆ
มีเสียงแจ๊ะๆลอยมาตามลม พร้อมด้วยกลิ่นสาบสางเน่าๆเหมือนปลาเค็มค้างปีจนหนอนชอนไช
เขารู้ได้ทันทีว่า  คณะยูไนเต็ดได้เดินทางมาถึงครึ่งทางสู่เทือกเขาแชมเปี้ยนส์ลีกแล้ว
และทันใดนั้นเอง เหมือนสายฟ้าฟาด  กอหญ้าริมทาง  ใบไม้เน่าบนพื้น
ยังไม่ทันจะได้ขยับหรือปลิดปลิวตามแรงลม
ภายในเสี้ยววินาทีเดียวกัน เหมือนมีระบบตรวจจับที่ไวยิ่งกว่าอะไรบนโลกนี้
ถ้าให้เปรียบ นี่คือเซนเซอร์ของโคตรอภิมหาซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ ที่ไวที่สุดเท่าที่โลกนี้จะมี

ทันทีที่มีสิ่งมีชีวิตเดินเข้ามาติดกับดักบนป่าพรุแห่งนี้  พลันรอบกายก็เต็มไปด้วยสีดำทะมึน
พุ่งออกมาจากทุกทิศทางของป่าบริเวณนั้น

รบินทร์ร้องเสียงหลง และรีบตะโกนบอกให้คณะเดินทางทุกคนเตรียมตัวหยิบปืนทุกอย่างเท่าที่มีออกมากระชับไว้ข้างกายอย่างเร็วที่สุด

และจังหวะนั้นเอง รบินทร์รีบหันไปมองกับคุณหมอราชนิกุลสาว ผู้เป็นที่รักของรบินทร์ ว่าเป็นยังไงบ้าง
เพราะช่วงการเดินทางที่ผ่านมา เธอได้รับบาดเจ็บอยู่  จึงเข้าไปหลบอยู่ในซุ้มบนเกวียน ไม่ได้ลงมาเดินข้างล่าง
.. คุณหญิงดาลิน บลินด์วราฤทธิ์ที่กำลังเอนกายผล็อยหลับอยู่ด้วยพิษอาการบาดเจ็บ


เธอรับรู้ได้ด้วยอิมพัลส์ระดับเต่าญี่ปุ่นทันทีว่า  กำลังมีสัตว์ร้ายเข้ามาโจมตีคณะเดินทางของเธอ
แม้ก่อนหน้านี้ใจเธอจะเป็นห่วงพี่ชายใหญ่ของเธอมาก ที่ตอนนี้ไม่ได้เดินทางมาด้วยกัน
แต่ไปกับคณะเชลซีที่มาจากลันดั้น..
พี่เชษฐ์ วราบริกัศน์  พี่ชายคนละนามสกุลของดาลิน
แต่ตอนนี้ เธอรู้สึกได้ถึงเส้นแบ่งเล็กๆระหว่าง ความตายตรงหน้า กับดินสอกดร็อตติ้ง
ว่ามันไม่ได้แตกต่างกันเลยหากละเลยวางไว้เพียงชั่วพริบตาเดียว มันจะหายไปทันที

"คุณหญิง(ดา)ลี่!!!!!!!!!"   รบินทร์ร้องเสียงหลบ ก่อนที่จะรีบพุ่งตรงเข้าไปยังเกวียนหลักหลังนั้น

"ไม่เป็นไรนายพราน!  รีบสั่งการคณะของเราให้เตรียมสู้กับฝูงนกเหล่านี้โดยเร็วเลย!!!"

ทันทีที่รบินทร์รู้ว่า คุณหญิงลี่ไม่เป็นอะไรแน่แล้ว  เขาก็จัดแจงยิงสกัดฝูงนกเหล่านั้นทิ้งก่อนสี่ห้าตัว
กระสุนทุกดอก เข้าจุดตายบนนกแต่ละตัวอย่างจับวาง  
ทุกคนที่กำลังตื่นตะลึง และทึ่งกับความแม่นของจอมพรานอย่างยิ่งยวด..

ฉายา "โรบิ้นผู้ฆ่านกแห่งไฮบิวรี่" ไม่ได้ได้มาง่ายๆจริงๆ ..

ในขณะที่เขากำลังยิงนั้น รบินทร์ก็ทำการวิเคราะห์ดูภายในตอนนั้นเอง
ว่าเจ้านกที่ว่านี้ มันคือนกอะไร ..
ตัวเป็นสีดำ สลับขาวลายทาง เหมือนกับเป็นม้าลายแห่งฟากฟ้ายังไงยังงั้น
และเขาก็ค้นพบว่า มันคือ นกกางเขนบ้านนั่นเอง มีสีขาวสลับดำลายทาง
แต่ว่า ไม่รู้ว่าทำไม ชาวบ้านละแวกนั้นมักเรียกมันว่า สาลิกาดง  ก็ไม่อาจทราบได้


แต่ที่แน่ๆ สิ่งที่พวกเขาเผชิญอยู่นี้ คือฝูงกองทัพนกนับเป็นหมื่นๆเป็นแสนๆตัวที่มาบนรอบคณะเดินทาง
และพุ่งเข้ามาจิกโจมตีราวกับห่าฝนที่ตกอย่างบ้าคลั่งกลางสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้ายังไงยังงั้น

"สาลิกาดงมรณะ"  รบินทร์คิดในใจ

เมื่อรู้แน่ชัดแล้วว่า นกตัวนี้มันคือตัวอะไร
รบินทร์จัดให้คณะเดินทางยูไนเต็ด  เรียงformationเป็นแบบ 3-5-2
ที่พวกเขาได้ค่อยๆฝึกมาตั้งแต่เริ่มเดินทางโดยใช้แก๊สLVG (Love Victory Gas)เป็นเชื้อเพลิงครั้งนี้
เมื่อคณะเดินทางตั้งลำได้  เสียงปืนจากแต่ละกระบอกของคณะเดินทาง พรานพื้นเมืองลูกทีมของรบินทร์
และเหล่าลูกหาบที่พอจะมีฝีมือทั้งหมด ช่วยกันระเบิดเปลวไฟออกจากปลายปืนกันอย่างบ้าคลั่งและระห่ำที่สุด
เหมือนกับว่า วันพรุ่งนี้พวกเขาจะไม่มีชีวิตกันอีกแล้ว  
ทุกคนปฏิบัติตามคำสั่งของจอมพรานอย่างเคร่งครัด และแม่นยำสุดๆ
การเข้าทำสวยงามสุดๆ เรียกได้ว่า ฝีมือในการบุกของคณะเดินทางนี้ เข้าขั้นสุดยอด
การยิงแม่นยำ เข้าเป้า คมกริบ และใช้โอกาสน้อยมากในการยิงแต่ละครั้ง  เจาะหัวศัตรูheadshotตลอด
ถ้าเป็นเค้าเตอร์สไตรค์  โผล่มาเจอหน้ากันสองวิฯ ศัตรูก็ลงไปนอนคุยกับรากไม้โดยที่ยังไม่ทันคลิกเม้าส์ยิงด้วยซ้ำ

การระดมยิงผ่านไปด้วยระยะเวลา 3หม้อข้าวไฟฟ้าเดือด ก็ราวๆ90นาที
ในที่สุด สาลิกาดงตัวสุดท้าย ก็โดนลูกปืนจากรบินทร์ ยิงเจาะจงอยปากแตกเป็นเสี่ยงๆ
แล้วร่วงหล่นจมลงไปในดินข้างใต้ป่าพรุที่นั้นเอง ..  
พวกเขาชนะแล้ว  ชนะสาลิกาดง และชนะดงมรณะนี้ได้ในที่สุด

พรานพื้นเมืองลูกมือของรบินทร์ ต่างเป่าปากหายใจกันอย่างแช่มชื่นเป็นที่สุด
และยิ่งตื่นเต้นยิ่งขึ้น เมื่อรู้ว่าวันนั้นตรงกับวันที่25 ธันวาคม  
พวกเขาก็เหมือนกับได้ทำภารกิจนี้เพื่อเป็นของขวัญวันคริสต์มาสต์ให้กับนายจ้างนั่นเอง

ปลัดคาริก ผู้ร่วมเดินทางมากับคณะยูไนเต็ด สามารถสอยนกร่วงได้ราวกับยิงปืนเป้าในงานวัดแบบง่ายๆ
การยิงปืนที่แม่นยำ  ดูเรียบง่ายแต่เหนือชั้น  ทำให้คณะเดินทางยูไนเต็ดนั้นเอาตัวรอดได้สบายๆเสมอ
เรียกได้ว่า เป็นมือปืนที่มากประสบการณ์สุดๆ ที่ใครที่อยากปลอดภัย จะต้องมาเดินใกล้ๆเขา
รับรองว่าสัตว์ร้ายเข้ามาก็จั่วลมแน่นอน

พรานพื้นเมืองสูงอายุนามว่า บุญโต  ผู้ที่เท้าซ้ายพิการ ก็ยังช่วยงานรบินทร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ..
คือถึงแม้ว่า อายุอานามของ บุญโต จะไม่มากอะไร แต่หน้าของบุญโตแก่มาก แถมไม่ค่อยยิ้ม
ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดตลอดเวลา  เพื่อนๆพรานจึงพร้อมใจกันเรียกแกว่า ลุงบุญโต กันทุกๆคน ทั้งๆที่อายุเท่ากัน (ฮา)

พรานหมู เจ้าของฉายาสุกรโลกันตร์  เป็นพรานเจ้าเนื้อผิวขาว
แต่ฝีมือการยิงปืนใกล้เคียงกับรบินทร์มากที่สุดในหมู่บรรดาพรานพื้นเมือง
ถ้าให้เทียบจริงๆแล้ว พรานหมูน่าจะนับเป็น คู่หู  มากกว่าลูกน้องของรบินทร์ซะด้วยซ้ำ
วันนี้ก็ยังคงทำผลงานได้ยอดเยี่ยมเช่นเคย  ซัลโวสาลิกาเน่าไม่รู้กี่สิบกี่ร้อยตัว
รังเพลินของพรานหมูยังคงร้อนระอุอย่างต่อเนื่องตลอดการเดินทาง  
คราบเขม่าและกลิ่นดินปืนสดๆคือสิ่งที่อยู่คู่กับพรานหมูทุกเวลา  
ด้วยเทคนิคการยิงที่ยอดเยี่ยม  พลังที่ไม่เคยหมดถัง  
ทำให้พรานหมูคนนี้ติดอันดับจอมซัลโวในป่าพื้นที่ระหว่างภาคตะวันตกของประเทศไทย และแนวเทือกเขาของพม่าจริงๆ

เรียกได้ว่าคณะเดินทางเก็บงานกันได้อย่างยอดเยี่ยมอีกครั้งอย่างชื่นมื่น
พรานไพรใจฉกาจเป่าปากเล็กน้อย  และก็หยิบเอาหมวกหนังเสือของเขามาครอบปิดหัวเอาไว้อย่างปกตินิสัย
พร้อมด้วยความหวังที่มุ่งมั่น และความมั่นใจในฝีมือการยิงปืน(โดยเฉพาะยิงนก)
ว่าไม่เป็นสองรองใครอย่างแน่นอน  และเขาคิดว่า เทือกเขาแชมเปี้ยนส์ลีกนี่ น่าจะเป็นของตายแล้ว
เขาสามารถพาคณะยูไนเต็ดขึ้นไปถึงเทือกนั้นแน่นอน  ไม่มีอะไรต้านทานเขาได้


แต่ในวินาทีนั้นเอง ขณะที่ทุกคนกำลังสบายใจว่า ผ่านอุปสรรคมาได้แล้ว
พลันเสียงกรีดร้องแสบแก้วหูก็ดังขึ้น พร้อมด้วยเงาสีดำทะมึนใหญ่ แววตาสีแดงฉาน
กำลังพุ่งเข้ามาจากความมืดในป่าด้านหน้า ..   สิ่งนั้นมันต้องเป็นนกอย่างแน่นอน

และก็ไม่ใช่นกธรรมดาซะด้วยสิ..
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่