นายกฯไม่ต้องเป็น ส.ส. โดย หมัดเหล็ก ไทยรัฐออนไลน์ ... ดีจริงหรือ ? .../sao..เหลือ..noi

หลักการของ ระบอบประชาธิปไตย ไม่มีอะไรมากมาย เสียงข้างมาก คือผู้ตัดสิน
และจะต้องเป็นเสียงข้างมากที่มาจากการยอมรับของประชาชน จึงจะถือว่าเป็น
เสียงข้างมากที่ถูกต้อง เพราะฉะนั้นการที่ประชาชน เลือกนักการเมือง เลือก
พรรคการเมืองใดมามากที่สุด พรรคการเมืองนั้นก็จะต้องเข้ามาทำหน้าที่บริหาร
ประเทศต่อไป แต่ถ้าเข้ามาทำงานแล้วเกิดมีปัญหา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการ
ทุจริตคอร์รัปชัน บริหารงานล้มเหลว ประชาชนก็ใช้เสียงข้างมากให้อำนาจตัดสิน
อีกครั้งหนึ่งว่าจะให้บริหารประเทศต่อไป หรือจะไม่เลือกเข้ามาทำผิดซ้ำซาก

หัวใจของระบอบประชาธิปไตย จึงอยู่ที่การเลือกตั้ง ไม่ใช่ การแต่งตั้ง เพราะการ
เลือกตั้ง ไม่ได้มีความหมายแค่ เลือกบุคคลใด คณะบุคคลใดเข้ามาทำงาน แต่เป็น
การเปิดโอกาสให้ประชาชน เป็นผู้ตัดสิน ปัญหาและอนาคตของประเทศ หลาย
ประเทศมีการเลือกตั้งบ่อยครั้ง ตามกติกาของรัฐธรรมนูญ แต่ไม่มีการ ฉีกรัฐธรรมนูญ
เลยไม่ค่อยมีปัญหาความขัดแย้งมากนัก

อย่างประเทศญี่ปุ่น เมื่อรัฐบาลทำงานไปแล้วเกิดปัญหาด้านใดด้านหนึ่งและมีเสียง
สะท้อนจากประชาชนไม่ว่าจะเป็นคนกลุ่มไหน ก็ลาออก ไปสู่ระบบการเลือกตั้ง
ให้ประชาชนเป็นคนตัดสิน ถ้าเสียงส่วนใหญ่เห็นว่ายังทำงานได้ก็เลือกเข้ามา แต่ถ้า
ประชาชนเห็นว่าไม่มีน้ำยาก็เลือกพรรคการเมืองอื่นเข้ามาบริหารงานแทน

ทุกอย่างไปจบที่ประชาชน

แต่รัฐธรรมนูญบ้านเราที่กำลัง ร้อนวิชา กันอยู่ในขณะนี้ เริ่มจะถอยห่างจากคำว่า
ประชาธิปไตย โดยสมมติฐานที่ว่าประชาชนอ่อนแอ นักการเมืองสกปรก เลยตัดโอกาส
และอำนาจของประชาชนทุกวิถีทาง

ไม่มีการทำประชามติรัฐธรรมนูญ ส.ว.มาจากการสรรหา 200 คน การเลือกตั้ง ส.ส.
คำนึงถึงการแบ่งเขตเลือกตั้ง เพื่อสะท้อนคะแนนนิยมของประชาชน ที่จะแบ่งในพื้น
ที่เดียวกัน ไม่ใช่ทั้งประเทศ ซึ่งจะทำให้พรรคการเมืองพรรคเดียวครอบงำในสภาได้
รัฐธรรมนูญฉบับใหม่นี้จึงต่างจากรัฐธรรมนูญปี 2540 และ 2550 ที่จะให้พรรคเล็ก
ได้มีโอกาส และให้นักการเมืองมีโอกาส โดยมีอิสระไม่ต้องสังกัดพรรคได้

นี่คือความคิดอีกด้าน ของกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่ต้องการเห็นพรรคการเมือง
ขนาดเล็กและขนาดกลางมากขึ้น แต่ไม่มองในมุมกลับว่า ถ้า พรรคการเมืองไม่เข้มแข็ง
การต่อรองจาก นักการเมือง ทั้งอิสระและไม่อิสระจะมีมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องของ
ผลประโยชน์ที่เปิดช่องให้กับนักการเมือง ต่อรองได้มากกว่าเดิม ไม่มีความเป็นเอกภาพ

นั่นหมายถึงว่าการซื้อเสียงและการแข่งขันก็จะมากขึ้น ตามมาด้วย

ประเด็นสำคัญคือ การที่เคยกำหนดให้ นายกฯจะต้องมาจาก ส.ส. ก็เพราะคนที่ร่าง
รัฐธรรมนูญในยุคก่อนๆ มองว่า ถ้าไม่ปิดประตูเอาไว้ คนมีเงินถุงเงินถัง คนมีอำนาจ
บารมีในบ้านเมือง ก็จะตัดช่องน้อย เข้ามาเป็นนายกฯได้อย่างสบายๆ ขอให้ได้เสียง
ข้างมากในสภาสนับสนุนเป็นพอ ไม่ต้องไปลำบากหาเสียงพบประชาชนให้เมื่อยตุ้ม

มาวันนี้ รัฐธรรมนูญฉบับใหม่กำลังจะเปิดประตูรับคนนอกอีกครั้ง อ้างในยามเกิดวิกฤติ
จะได้ไม่มีปัญหาการหาตัวผู้นำประเทศ ซึ่งแต่ละวิธีการคิดของกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ
ยุคนี้ห่างไกลคำว่าประชาธิปไตยเข้าไปทุกที.

หมัดเหล็ก

http://www.thairath.co.th/content/471678

สาวแว่น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่