กระทู้เริ่มต้น เมื่อลูกสอบติดข้อเขียน ไทย-ญีปุ่น แต่เข้าใจผิดคิดว่าเรียนภาษาญีปุ่นเพียงปี 1. ปี 2.
http://pantip.com/topic/33029848
เมื่อมีผู้ถาม ว่าเลี้ยงเขาอย่างไร จึงเกิดกระทู้
http://pantip.com/topic/33036215
ส่วนกระทู้นี้ เป็นคำถามจากกระทู้ด้านบน ที่ถามได้ถูกใจถูกข้อมูลที่ผมมี เป็นการทำลายกำแพงที่ผมกลัวว่า เมื่อผมเล่าอย่างระเอียดแล้วผู้อ่านบางท่าน อาจเกิดอคติไปทางลบได้ จนเกิดผลกระทบกับลูกชายผมได้.
แต่เมื่อคำนึงถึงว่าอาจจะเป็นกรณีศึกษา ของพ่อแม่หรือผู้ปกครอง ที่มีบุตรหลาน ที่มีความบกพร่องการอ่านและการเขียน ได้พอมีแนวทาง มีความหวัง แม้ในขณะที่กำลังดูแลเด็กเป็น LD อยู่ ที่ยังไม่เห็นทางในอนาคตก็ตาม ดังที่ผมและภรรยาได้ประสบมาก่อน.
จากคำถามในกระทู้เก่าของคุณ simiach ที่ว่า
"อยากรู้เรื่องการเรียนภาษาที่2 และภาษาที่3 สร้างเสริมกันอย่างไรคะ"
ผมจะเล่าตั้งแต่เหตุเบื้องต้นเลยนะครับ คงเกิดจากที่ผมยอมแลก ให้เขาติดเกมส์ติดการ์ตูณญีปุ่น นั้นเองเพื่อแลกกับเวลาให้เขาอ่านหนังสือเรียน ตอน ป.3 เพื่อพัฒนาการเรียนขึ้นมา ซึ่งภรรยาผมค้านไม่เคยเห็นด้วย แต่ผมได้อ้างสิทธิ์ เมื่อให้ผมสอนการเรียนลูกที่ภรรยาไม่เอาแล้วไม่ไหวแล้ว ห้ามภรรยาก่าวข่ายในวิธีการสอนของผม ภรรยาผมจึงต้องถอย แต่ผมก็โดนภรรยาพูดกระทบเป็นระยะ เรื่องป่ลอยและส่งเสริมให้ลูกติดเกมส์
หมายเหตุ ยิ้มๆ.. ยังมีหลายเคสที่ผมปล่อย ที่สวนทางกับเด็กปกติ แต่มีบางอย่างที่ผมและภรรยาสอนให้ลูกแบบชึมชับไปเรื่อยๆ คือเรื่องศีลธรรม โดยที่เขาแทบไม่รู้สึกตัว แม้เขาจะต่อต้านบ้างตามประสาของเด็กที่มีความบกพร่องจนแม่เขาท้อ แต่ปัจจุบันแม้เขาจะอยู่ในดงผู้ที่เสบเช่นบุรี่ หรือที่ร้ายกว่านั้น เขาก็ไม่ไปยุ่งกับสิ่งเหล่านี้(แต่อนาคตยังไม่ทราบได้) และปัจจุบันเขาน่าสลายความบกพร่องที่เป็นป่มด้อยในวัยเด็กของเขาจนน่าจะหมดแล้ว.
ผมหาทั้งเครื่องคอมให้เป็นสิทธิ์ของเขา หาทั้งเกมส์ให้เขา ซึ่งเป็นเกมส์ง่ายๆ เขาเล่นเกมส์ง่ายๆ ก็ยังไม่ผ่านด่านที่ 1 เลย ส่วนพี่สาวเล่นผ่านด้านไปไกลจนจะหมดทุกด่าน ที่เขาน่าเจ็บใจตัวเองคือเพื่อนที่เป็นเด็กรุ่นน้องเล่นเกมส์ได้ผ่านด่านทั้งไกลแล้ว แม้จะยังไม่มีคอมที่บ้านเขา.
ผมก็เฝ้าดูพฤติกรรมเขาตลอด เมื่อเล่นเกมส์เดิมแล้วเล่นอีก ก็ไม่สามารถผ่านด้านได้ ผมก็ปล่อยเขาไปอย่างนั้น จนเขาไม่ไหวแล้วเขาก็จะร้องเรียกพ่อ หรือพี่ มาช่วยเล่นให้ผ่านด่านที แรกๆ ก็ไปช่วยเขาปกติ แต่บอกเขาว่าพ่อไม่มีเวลาทำให้นะ(ความจริงมีเวลาแหละ) ส่วนพี่สาวช่วยบ้างไม่ช่วยบ้างเพราะเขาโตเรียนมัธยมแล้ว ดังนั้นลูกชายต้องตกที่นั่งลำบาก คือหาคนช่วยให้เล่นเกมส์ผ่านด่านได้อยากนั้นเอง
เขาเล่นไม่ผ่านด่านจนเขาโมโหตัวเอง จนบ้างครั้งเขาโมโหร้องไห้แงๆ อยู่หน้าคอมนั้นเอง ก็เข้าไปช่วยเขาบ้างไม่ช่วยบ้างเพื่อเปิดโอกาสให้เขาสู้ต่อ ด้วยองค์ประกอบที่ได้เล่าไว้แล้วในกระทู้เก่า เขาก็ค่อยพัฒนาการเรียนที่ดีขึ้นจากที่โล่ ที่ละนิดที่ละหน่อย.
ปัญหาของเขาต่อไป คือได้เกมส์ใหม่มาแล้วเขาจะลงเกมส์ในคอมพิวเตอร์อย่างไร? ปีแรกๆ ก็ช่วยเขาลงเกมส์ให้ ซึ่งเป็นเกมส์ง่ายๆ ต่อมาก็ให้เขาลงเอง ก็บอกเขาว่า พ่อติดโน้นติดนี้ ไม่มีเวลาลูกทำเอง เขาก็เริ่มลงเองได้ แต่ปัญหาคอมพิวเตอร์นั้น ไม่ใช่ว่าลงเกมส์ในคอมได้หรือไม่ได้อย่างเดียว แม้ในสมัยที่ยังใช้โปรแกรม Dos อยู่ในสมัยนั้น ด้วยเพราะผมหาเครื่องคอมพิวเตอร์เก่าๆ ประกอบขึ้นมาให้ลูกเล่น ปัญหาจึงค่อยทยอยให้เขาได้รับทราบรับรู้เต็มเลยทีเดียว ทั้งเครืองแฮงค์(หยุดทำงาน) แผ่นดิสมีปัญหาบ้าง ไฟส์พังบ้าง ล้างอาร์ดิสไหม่ โดนไวรัสโจมตีบ้าง เขาจึงขัดใจ และร้อง แงๆ เป็นประจำ ให้พ่อให้พี่แก้ให้ที ส่วนแม่ช่วยอะไรไม่ได้เพราะไม่รู้เรื่อง แรกๆ ผมก็ช่วยแก้ให้ ต่อมาก็ทำเป็นไปช่วยบ้าง ให้รอบ้างเพื่อให้เขารู้จักอดทนและรอที่เป็นเวลายาวนานขึ้น จน 3 - 4 ปีต่อมาเขาพัฒนาลงเกมส์ได้เอง แก้ปัญหาเรื่องไฟล์ต่างๆ ได้เองล้างอาร์ดิสลงโปรแกรมใหม่ได้เอง แล้วกลายเป็นเด็กติดเกมส์ แบบเข้าเส้นนั้นเอง จนแม่เขาเริ่มกลัวมากเลยครับ แต่เล่นเฉพาะในบ้านเท่านั้นไม่ไปเล่นนอกบ้าน
แต่ปัญหาเรื่องคอมไม่ใช่มีเพียงเท่านี้ ยังมีปัญหาเกี่ยวกับอาร์ดแว หรือตัวเครื่องคอมพิวเตอรอีกมาก เช่น อาร์ดิส(ตัวเก็บข้อมูล)พังหรือไม่พอ การ์ดจอ(แผนวงจรที่แสดงผลทางจอภาพ)มีปัญหาหรือเสีย แรม(หน่วยเก็บความจำสำรอง)มีปัญหาบ้างเสียบ้าง ฯลฯ และการต้องการเล่นเกมส์ใหม่ ที่พัฒนาขึ้นและดีขึ้น จงเป็นเหตุหนึ่งที่ผมสามารถสอนให้เขารู้จักในการเก็บออมเงิน ให้ได้ส่วนหนึ่งแล้วอีกส่วนหนึงผมหรือภรรยาร่วมสมทบทุนให้ ดังนั้นจะได้แต่ละชิ้นแต่ละอย่างเขาก็ไม่ได้โดยง่ายๆ เลย.
แต่ปัญหาไม่หยุดเพียงแค่นั้น เพราะเกมส์รุ่นใหม่ในสมัยนั้นจะเป็นภาษาญีปุ่นเป็นส่วนใหญ่ ต้องรับกับสเป็คของอุปกรณ์ภายในเครื่องคอมที่สูงขึ้น แรกๆ ผมก็เปลี่ยนให้เขา แต่ภายหลังผมก็ปล่อยให้เขาทำเองเปลี่ยนเองเขาจึงเรียนรู้ในอีกระดับหนึ่ง
ก็คือเมื่อเรียนในระดับมัธยมต้น เรื่องคอมพิวเตอร์และลงโปรแกรมในเครื่องเขาก็เก่งพอตัวแต่ติดเกมส์หนึบ และเกมส์ก็เป็นภาษาญีปุ่นทั้งนั้น แต่ผลการเรียนของเขากลับดีกว่าตอนเรียนประถมมากคือ เกรดเฉลี่ย 2.5 ขึ้น บางเทอม 2.7 - 2.8 แต่เขาแข่วงอยู่ตามประสาก็เด็กยังมีความพกพร่องหลงเหลืออยู่บ้างบางเทอมก็ 2.4 บ้าง 2.3 แต่เมื่อเฉลียแล้วเขาได้ 2.56 ในมัธยมต้น ซึ่งวิทยาศาสตร์เขาก็ทำเกรดได้ดี 2.5 คณิตศาตร์ ประมาณ 2.0
พอจะขึ้นมัธยมปลาย เขาต้องเลือกเรียนแล้วว่าจะไปทางไหน ภรรยาอยากให้เรียนวิทย์เพราะกว้างมีมหาลัยรองรับเยอะ และตลาดแรงงานกว้างกว่า ผมก็ค้านว่าอย่าเลยเขาจะไปไม่ไหว ทั้งที่พ่อจบฟิสิกส์ ถ้าเขาได้ 2.75 ขึ้นไปก็น่าจะพอลุ้น ก็เห็นว่าเขามีประสบการณ์เรื่องคอมพิวเตอร์จากพ่อแล้วพอประมาณ ก็ให้เขาลงเรียนสายคอมพิวเตอร์ใน ม.4 ลูกชายก็ไม่ค้านอะไรเห็นดีด้วย
จึงเรียนสายคอมพิวเตอร์ เรียนประมาณหนึ่งอาทิตย์ เขาก็บอกว่าอยากไปเรียนภาษาญีปุ่น ตอนแรกผมก็ เอ...อย่างไรอยู่ แต่เมื่อเขาพูดซ้ำในวันต่อมา ผมก็ตามใจ ให้ไปถามอาจารย์ที่โรงเรียนว่าเปลี่ยนได้ไหม? ทางโรงเรียนก็ให้เปลี่ยนได้แล้วพ่อต้องไปทำการเปลี่ยนให้เขาที่โรงเรียน.
ทราบภายหลังว่าทำไม ? เขาอยากเรียนภาษาญีปุ่น
(ส่งข้อมูลที่พิมพ์ค้างเพียงแค่นี้ก่อน เพราะใช้เวลาพิมพ์ และจัดเรื่องเล่ามาหลายชั่วโมงแล้วด้วยติดพักเทียง เดียวค่อยๆ คิดค่อยๆ ทบทวนแล้วพิมพ์ส่งต่อ)
เมื่อเด็ก LD หรือเด็กที่ได้ชื่อว่า "เด็กโง่" ที่เรียนดีขึ้น แล้วพัฒนาด้วยตัวเอง จนเป็นเด็กเก่งทางภาษาญีปุ่นของโรงเรียน
http://pantip.com/topic/33029848
เมื่อมีผู้ถาม ว่าเลี้ยงเขาอย่างไร จึงเกิดกระทู้
http://pantip.com/topic/33036215
ส่วนกระทู้นี้ เป็นคำถามจากกระทู้ด้านบน ที่ถามได้ถูกใจถูกข้อมูลที่ผมมี เป็นการทำลายกำแพงที่ผมกลัวว่า เมื่อผมเล่าอย่างระเอียดแล้วผู้อ่านบางท่าน อาจเกิดอคติไปทางลบได้ จนเกิดผลกระทบกับลูกชายผมได้.
แต่เมื่อคำนึงถึงว่าอาจจะเป็นกรณีศึกษา ของพ่อแม่หรือผู้ปกครอง ที่มีบุตรหลาน ที่มีความบกพร่องการอ่านและการเขียน ได้พอมีแนวทาง มีความหวัง แม้ในขณะที่กำลังดูแลเด็กเป็น LD อยู่ ที่ยังไม่เห็นทางในอนาคตก็ตาม ดังที่ผมและภรรยาได้ประสบมาก่อน.
จากคำถามในกระทู้เก่าของคุณ simiach ที่ว่า
"อยากรู้เรื่องการเรียนภาษาที่2 และภาษาที่3 สร้างเสริมกันอย่างไรคะ"
ผมจะเล่าตั้งแต่เหตุเบื้องต้นเลยนะครับ คงเกิดจากที่ผมยอมแลก ให้เขาติดเกมส์ติดการ์ตูณญีปุ่น นั้นเองเพื่อแลกกับเวลาให้เขาอ่านหนังสือเรียน ตอน ป.3 เพื่อพัฒนาการเรียนขึ้นมา ซึ่งภรรยาผมค้านไม่เคยเห็นด้วย แต่ผมได้อ้างสิทธิ์ เมื่อให้ผมสอนการเรียนลูกที่ภรรยาไม่เอาแล้วไม่ไหวแล้ว ห้ามภรรยาก่าวข่ายในวิธีการสอนของผม ภรรยาผมจึงต้องถอย แต่ผมก็โดนภรรยาพูดกระทบเป็นระยะ เรื่องป่ลอยและส่งเสริมให้ลูกติดเกมส์
หมายเหตุ ยิ้มๆ.. ยังมีหลายเคสที่ผมปล่อย ที่สวนทางกับเด็กปกติ แต่มีบางอย่างที่ผมและภรรยาสอนให้ลูกแบบชึมชับไปเรื่อยๆ คือเรื่องศีลธรรม โดยที่เขาแทบไม่รู้สึกตัว แม้เขาจะต่อต้านบ้างตามประสาของเด็กที่มีความบกพร่องจนแม่เขาท้อ แต่ปัจจุบันแม้เขาจะอยู่ในดงผู้ที่เสบเช่นบุรี่ หรือที่ร้ายกว่านั้น เขาก็ไม่ไปยุ่งกับสิ่งเหล่านี้(แต่อนาคตยังไม่ทราบได้) และปัจจุบันเขาน่าสลายความบกพร่องที่เป็นป่มด้อยในวัยเด็กของเขาจนน่าจะหมดแล้ว.
ผมหาทั้งเครื่องคอมให้เป็นสิทธิ์ของเขา หาทั้งเกมส์ให้เขา ซึ่งเป็นเกมส์ง่ายๆ เขาเล่นเกมส์ง่ายๆ ก็ยังไม่ผ่านด่านที่ 1 เลย ส่วนพี่สาวเล่นผ่านด้านไปไกลจนจะหมดทุกด่าน ที่เขาน่าเจ็บใจตัวเองคือเพื่อนที่เป็นเด็กรุ่นน้องเล่นเกมส์ได้ผ่านด่านทั้งไกลแล้ว แม้จะยังไม่มีคอมที่บ้านเขา.
ผมก็เฝ้าดูพฤติกรรมเขาตลอด เมื่อเล่นเกมส์เดิมแล้วเล่นอีก ก็ไม่สามารถผ่านด้านได้ ผมก็ปล่อยเขาไปอย่างนั้น จนเขาไม่ไหวแล้วเขาก็จะร้องเรียกพ่อ หรือพี่ มาช่วยเล่นให้ผ่านด่านที แรกๆ ก็ไปช่วยเขาปกติ แต่บอกเขาว่าพ่อไม่มีเวลาทำให้นะ(ความจริงมีเวลาแหละ) ส่วนพี่สาวช่วยบ้างไม่ช่วยบ้างเพราะเขาโตเรียนมัธยมแล้ว ดังนั้นลูกชายต้องตกที่นั่งลำบาก คือหาคนช่วยให้เล่นเกมส์ผ่านด่านได้อยากนั้นเอง
เขาเล่นไม่ผ่านด่านจนเขาโมโหตัวเอง จนบ้างครั้งเขาโมโหร้องไห้แงๆ อยู่หน้าคอมนั้นเอง ก็เข้าไปช่วยเขาบ้างไม่ช่วยบ้างเพื่อเปิดโอกาสให้เขาสู้ต่อ ด้วยองค์ประกอบที่ได้เล่าไว้แล้วในกระทู้เก่า เขาก็ค่อยพัฒนาการเรียนที่ดีขึ้นจากที่โล่ ที่ละนิดที่ละหน่อย.
ปัญหาของเขาต่อไป คือได้เกมส์ใหม่มาแล้วเขาจะลงเกมส์ในคอมพิวเตอร์อย่างไร? ปีแรกๆ ก็ช่วยเขาลงเกมส์ให้ ซึ่งเป็นเกมส์ง่ายๆ ต่อมาก็ให้เขาลงเอง ก็บอกเขาว่า พ่อติดโน้นติดนี้ ไม่มีเวลาลูกทำเอง เขาก็เริ่มลงเองได้ แต่ปัญหาคอมพิวเตอร์นั้น ไม่ใช่ว่าลงเกมส์ในคอมได้หรือไม่ได้อย่างเดียว แม้ในสมัยที่ยังใช้โปรแกรม Dos อยู่ในสมัยนั้น ด้วยเพราะผมหาเครื่องคอมพิวเตอร์เก่าๆ ประกอบขึ้นมาให้ลูกเล่น ปัญหาจึงค่อยทยอยให้เขาได้รับทราบรับรู้เต็มเลยทีเดียว ทั้งเครืองแฮงค์(หยุดทำงาน) แผ่นดิสมีปัญหาบ้าง ไฟส์พังบ้าง ล้างอาร์ดิสไหม่ โดนไวรัสโจมตีบ้าง เขาจึงขัดใจ และร้อง แงๆ เป็นประจำ ให้พ่อให้พี่แก้ให้ที ส่วนแม่ช่วยอะไรไม่ได้เพราะไม่รู้เรื่อง แรกๆ ผมก็ช่วยแก้ให้ ต่อมาก็ทำเป็นไปช่วยบ้าง ให้รอบ้างเพื่อให้เขารู้จักอดทนและรอที่เป็นเวลายาวนานขึ้น จน 3 - 4 ปีต่อมาเขาพัฒนาลงเกมส์ได้เอง แก้ปัญหาเรื่องไฟล์ต่างๆ ได้เองล้างอาร์ดิสลงโปรแกรมใหม่ได้เอง แล้วกลายเป็นเด็กติดเกมส์ แบบเข้าเส้นนั้นเอง จนแม่เขาเริ่มกลัวมากเลยครับ แต่เล่นเฉพาะในบ้านเท่านั้นไม่ไปเล่นนอกบ้าน
แต่ปัญหาเรื่องคอมไม่ใช่มีเพียงเท่านี้ ยังมีปัญหาเกี่ยวกับอาร์ดแว หรือตัวเครื่องคอมพิวเตอรอีกมาก เช่น อาร์ดิส(ตัวเก็บข้อมูล)พังหรือไม่พอ การ์ดจอ(แผนวงจรที่แสดงผลทางจอภาพ)มีปัญหาหรือเสีย แรม(หน่วยเก็บความจำสำรอง)มีปัญหาบ้างเสียบ้าง ฯลฯ และการต้องการเล่นเกมส์ใหม่ ที่พัฒนาขึ้นและดีขึ้น จงเป็นเหตุหนึ่งที่ผมสามารถสอนให้เขารู้จักในการเก็บออมเงิน ให้ได้ส่วนหนึ่งแล้วอีกส่วนหนึงผมหรือภรรยาร่วมสมทบทุนให้ ดังนั้นจะได้แต่ละชิ้นแต่ละอย่างเขาก็ไม่ได้โดยง่ายๆ เลย.
แต่ปัญหาไม่หยุดเพียงแค่นั้น เพราะเกมส์รุ่นใหม่ในสมัยนั้นจะเป็นภาษาญีปุ่นเป็นส่วนใหญ่ ต้องรับกับสเป็คของอุปกรณ์ภายในเครื่องคอมที่สูงขึ้น แรกๆ ผมก็เปลี่ยนให้เขา แต่ภายหลังผมก็ปล่อยให้เขาทำเองเปลี่ยนเองเขาจึงเรียนรู้ในอีกระดับหนึ่ง
ก็คือเมื่อเรียนในระดับมัธยมต้น เรื่องคอมพิวเตอร์และลงโปรแกรมในเครื่องเขาก็เก่งพอตัวแต่ติดเกมส์หนึบ และเกมส์ก็เป็นภาษาญีปุ่นทั้งนั้น แต่ผลการเรียนของเขากลับดีกว่าตอนเรียนประถมมากคือ เกรดเฉลี่ย 2.5 ขึ้น บางเทอม 2.7 - 2.8 แต่เขาแข่วงอยู่ตามประสาก็เด็กยังมีความพกพร่องหลงเหลืออยู่บ้างบางเทอมก็ 2.4 บ้าง 2.3 แต่เมื่อเฉลียแล้วเขาได้ 2.56 ในมัธยมต้น ซึ่งวิทยาศาสตร์เขาก็ทำเกรดได้ดี 2.5 คณิตศาตร์ ประมาณ 2.0
พอจะขึ้นมัธยมปลาย เขาต้องเลือกเรียนแล้วว่าจะไปทางไหน ภรรยาอยากให้เรียนวิทย์เพราะกว้างมีมหาลัยรองรับเยอะ และตลาดแรงงานกว้างกว่า ผมก็ค้านว่าอย่าเลยเขาจะไปไม่ไหว ทั้งที่พ่อจบฟิสิกส์ ถ้าเขาได้ 2.75 ขึ้นไปก็น่าจะพอลุ้น ก็เห็นว่าเขามีประสบการณ์เรื่องคอมพิวเตอร์จากพ่อแล้วพอประมาณ ก็ให้เขาลงเรียนสายคอมพิวเตอร์ใน ม.4 ลูกชายก็ไม่ค้านอะไรเห็นดีด้วย
จึงเรียนสายคอมพิวเตอร์ เรียนประมาณหนึ่งอาทิตย์ เขาก็บอกว่าอยากไปเรียนภาษาญีปุ่น ตอนแรกผมก็ เอ...อย่างไรอยู่ แต่เมื่อเขาพูดซ้ำในวันต่อมา ผมก็ตามใจ ให้ไปถามอาจารย์ที่โรงเรียนว่าเปลี่ยนได้ไหม? ทางโรงเรียนก็ให้เปลี่ยนได้แล้วพ่อต้องไปทำการเปลี่ยนให้เขาที่โรงเรียน.
ทราบภายหลังว่าทำไม ? เขาอยากเรียนภาษาญีปุ่น
(ส่งข้อมูลที่พิมพ์ค้างเพียงแค่นี้ก่อน เพราะใช้เวลาพิมพ์ และจัดเรื่องเล่ามาหลายชั่วโมงแล้วด้วยติดพักเทียง เดียวค่อยๆ คิดค่อยๆ ทบทวนแล้วพิมพ์ส่งต่อ)