สวัสดีค่ะ จากกระทู้เก่ากระทู้นี้ ---> สามขั้นตอนง่ายๆ ตรวจเชคคุณสามีเจ้าชู้แบบไม่เหนื่อยค่ะ
http://pantip.com/topic/33034979
ณ วันนึงที่ตั้งกระทู้นั้นขึ้นมา เราได้รับหลังไมค์มาปรึกษาปัญหาชีวิตจากคนๆหนึ่งค่ะ ว่าเค้ากำลังประสบปัญหาแบบนี้อยู่ และเค้าก็เข้าใจที่เราจะสื่อว่าควรทำอย่างไรเมื่อเจอเหตุการณ์สามีเจ้าชู้ ซึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เค้าไม่เข้าใจว่าวิธีการมันจะต้องจัดกระบวนความคิดอย่างไรให้ยอมรับได้ สิ่งที่เราโพสไปก่อนหน้ามันอาจจะดูเป็นมโนธรรม แต่ ณ เวลานั้นที่เราเจอเหตุการณ์แบบนั้น เราก็มีวิธีในการจัดความคิดที่เราคิดขึ้นมาเอง เพื่อใช้รับมือกับปัญหาต่างๆ ใครที่อ่านกระทู้นี้จบแล้ว ลองนำไปปรับใช้กับปัญหาอื่นๆ ที่เจอดูนะคะ เราจะดีใจมาก หากทุกคนได้พ้นทุกข์ที่เป็นอยู่ค่ะ
ถ้าคุณได้ย้อนกลับไปอ่านกระทู้เก่าของเรา จะเห็นว่าเราเหนื่อยมากแค่ไหนกับสิ่งที่ผ่านมา ถ้าใครยังอยู่ในระหว่างข้อที่ 1 และ 2 เราอยากให้คุณกระโดดมาข้อที่ 3 ตรงนี้เราจะบอกวิธีตั้งแต่เริ่มให้คุณได้ลองทำดูค่ะ และมันจะเป็นรูปธรรม เพราะการที่เราอ่านปรัชญา หรือฟังใครบอกตรรกะอะไรมาแบบมโนธรรม บางทีความคิดเรารู้ แต่ไม่ทำตามค่ะ นี่คือวิธีที่เราใช้กับตัวเองเสมอๆ อย่ามโน อย่าคิดว่าจะทำได้ แต่ให้ลงมือทำตามขั้นตอนนี้ดูค่ะ ดีกว่าเอาเวลาไประแวงสามีค่ะ
อุปกรณ์นะคะ
1. สมุดเปล่าๆ เอาเล่มกลางๆ ไม่ต้องใหญ่ เหมือนพ๊อคเกตบุค หากไม่มีออกไปช๊อบปิ้งเลยค่ะ การช๊อบปิ้ง ช่วยให้เราอารมณ์ดีค่ะ
2. ปากกาสวยๆ เอาให้สวยที่สุด ที่จะเป็น new you เลยค่ะ หากไม่มีก็แน่นอน ออกไปช๊อบปิ้งค่ะ
3. ปริ้นท์เตอร์ เอาไว้ปริ้นท์รูปถ่าย ไม่มีจะหาเรื่องเสียเงินดูก็ได้ค่ะ ถือซะว่ามีของเล่นใหม่ค่ะ
4. double tape เทปกาวสองหน้าค่ะ เอาไว้ติดรูปสะดวก
5. ต้นไม้น่ารักๆ ต้นนึง หรือ ตุ๊กตาตัวเล็กๆ โมเดล หรืออะไรก็ได้ที่คุณชอบ 1 ชิ้น ช่วยได้จริงๆ นะคะ
มาเริ่มทำตามขั้นตอนกันเลยค่ะ
1. จัดมุมโปรดสักมุมในบ้าน เป็นโต๊ะทำงานเล็ก วางต้นไม้ สมุด ปากกา double tape และปริ้นท์เตอร์ไว้จัดให้น่ารักๆ นะคะ คุณจะรู้สึกดีเมื่อคุณมีมุมน่ารักแม้ว่ามุมนี้จะสร้างความเศร้าให้คุณสักระยะนึงนะคะ ดังนั้น จัดให้น่ารัก
2. เปิดสมุดมา ตั้งชื่อสมุด เขียนด้านในหน้าแรก เป็นชื่อที่คุณรู้สึกว่าให้ความหวังได้ดีที่สุด เช่น "NEW .....(ชื่อคุณ).... '2015 ถือฤกษ์ต้นปีเลย
3. ลงวันที่ในบันทึกแรกที่คุณจะเขียน ในบันทึกแรกนั้นที่คุณจะเขียนนั้น เราได้ความคิดมาจากการทำงานของคอมพิวเตอร์ แนวคิดที่เราได้ใช้วิธีการเหล่านี้ เพราะเราเชื่อว่า สมองมีการทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกัน การจัดการกับอารมณ์และความคิด ควรจะจัดการกับข้อมูลก่อน (Hard disk) เคยเป็นมั้ยคะ เวลาเรามีเรื่องเครียดๆ มาก เราไม่สามารถสลัดความเครียดนั้นทิ้งไปได้ สมองยังคงวนเวียนวกวนคิดแต่เรื่องนั้น แม้บางทีจะเป็นเรื่องเล็กๆ เช่น ปิดไฟยังนะ ล๊อคประตูหรือยัง ล๊อครถหรือยัง ลืมจ่ายอะไรหรือเปล่า อยากกินขนมร้านนี้จะได้ผ่านไปวันไหน สิ่งเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้สมองยังคิดไม่เสร็จ ก็จะยังวนเวียนคิดอยู่อย่างนั้น
เรื่องความเครียดในความเจ้าชู้ของสามีก็เช่นกัน เค้าเคยไปที่นี่หรือเปล่า วันนั้นไปกินข้าวทำไมทำท่าแปลกๆ เข้าห้องน้ำนานแอบคุยโทรศัพท์กับใคร และอะไรต่อมิอะไรที่คุณคิด สมองก็วนเวียนคิดหมื่นแสนล้านเรื่องอยู่ในหัว หัวคุณจึงไม่ว่าง เกิดความเครียด ไม่โล่ง วนเวียน วกวน Defrag มันเลยค่ะ จัดเรียงความคิดวกวนในหัวสมองเสียใหม่ โดยการ....
เขียนทุกอย่างที่คุณสงสัย เป็นตัวหนังสือ ลงสมุด โดยการเขียนหนึ่งข้อ ต่อ 1 หน้า เขียนให้ละเอียด เช่น
- วันจันทร์ที่ผ่านมา ทำไมสามีไม่รับโทรศัพท์ ทั้งที่เป็นตอนเที่ยง และก็ไม่โทรกลับมาด้วย
- ตอนไปซื้อของร้าน .... สามีส่งยิ้มให้ผู้หญิงคนนั้นทำไม
- เมื่อคืนวันศุกร์ เวลาประมาณ ...... สามีอยู่บนห้องนอน เราดูซี่รี่ย์คนเดียวอยู่ข้างล่าง พอเวลา ........ เราเดินเข้าไปหาทำไมสามีรีบปิดหน้าจอ
เป็นต้น
เขียนให้ละเอียดเท่าที่นึกออก เพื่อให้สมองดึงเหตุการณ์เหล่านั้นแบบเฉพาะเจาะจงออกมา ถ้าเราเขียนไม่ละเอียดเขียนกว้างๆ ไอ้สิ่งที่ค้างอยู่ในสมองตรงจุดนั้น มันก็ยังค้างอยู่แบบนั้นล่ะค่ะ เพราะมันเป็นเหตุการณ์ที่กว้างเกินไป สมองไม่รู้อันไหนแน่ เขียนให้ยาว ให้เยอะที่สุด นั่งเขียนไปเรื่อยๆ เขียนหนึ่งข้อต่อหนึ่งหน้าทำไปเรื่อยๆ เท่าที่คุณนึกออก ถ้าเยอะมาก หมดเล่ม ไปซื้อเล่มใหม่ ไม่ต้องเสียดายกระดาษ เว้นพื้นที่ในหน้ากระดาษไว้ หากนึกอะไรออกเมื่อไหร่ก็มาเพิ่มได้ตลอดเวลา เขียนเฉพาะเรื่องที่คุณคาใจหรือระแวงคุณสามีนะคะ ถ้าใครจะประยุกต์ไปใช้กับปัญหาชีวิตอื่นๆ ก็ได้เลยค่ะ
4. เมื่อเขียนเสร็จแล้ว ย้อนมาอ่าน บางคนอาจจะเยอะ บางคนอาจจะน้อย คนที่เขียนได้เยอะ อย่าคิดว่าปัญหาตัวเองเยอะ ให้คิดว่าเรามองปัญหานั้นได้ชัดเจนขึ้น เขียนแค่เรื่องเดียวอย่าเอาเรื่องอื่นมาปน เช่น จะทำใจกับสามีเจ้าชู้ก็เขียนเฉพาะเรื่องสามี อย่าเอาปัญหาเรื่องอื่น เช่นการเงิน ลูก ความสัมพันธ์กับพ่อแม่หรือเพื่อน หรืออะไรก็ตามมาปน เขียนแล้วให้มาเปิดดูทีละหน้า ว่าหน้าไหนเราแก้ได้ เช่น เมื่อวานโทรหาสามีไม่รับไปไหนมา เดินไปถามค่ะ ถ้ากลัวสามีว่าจุกจิกก็สร้างเรื่องซะหน่อย ตะเอง เออ เมื่อวานเค้าไปเปิดทีวีเจอข่าวอันนีง แถวๆ ที่ทำงานตะเองเลย เลยจะโทรเล่าให้ฟัง แต่ตะเองไม่รับอ่ะ ติดงานเหรอ ถ้าเค้าตอบ เอามาลงสมุดค่ะ เค้าจะโกหก ก็เรื่องของเค้านะคะ อย่าไปสนใจ เอามาจดลงสมุดค่ะ เช่น สามีติดประชุม
เขียนลงไปเลย สามีติดประชุม ถ้าเค้าบอกมามากกว่านั้นเช่น ประชุมถึงห้าโมงเย็น ก็เขียนลงไป สามีติดประชุมถึงห้าโมงเย็น เขียนดาวไว้ตามความพึงพอใจในคำตอบของเรา เช่น โกหกชัวร์ เขียนดาวไว้ 1 ดาว หรือ เชื่อเลยว่าประชุมจริง เขียนไว้ 5 ดาว หน้านี้ได้คำตอบจากสามี ทำแค่นี้พอค่ะ ไปหน้าต่อไป
อาจจะเป็นเหตุการณ์ที่ไปถามไม่ได้หรือไม่ควรถามเช่น วันนั้นไปร้านอาหารเค้ายิ้มให้ผู้หญิงคนนึง ไม่อยากไปถามเดี๋ยวเป็นเรื่อง ปริ้นท์รูปเลยค่ะ คุณกับสามีถ่ายคู่กันยิ้มแย้มแจ่มใส น่ารัก ไปเที่ยวไหนสักที่ อะไรก็ได้ที่คุณชอบ เอากาวแปะรูป แปะลงไปในหน้านั้นแทนคำตอบ
5. ทำใจยอมรับในความเจ้าชู้ของสามี ข้อนี้เราถือว่ายากสุด แต่ถ้าผ่านกระบวนการจัดเรียงความคิดมาแล้ว ข้อนี้จะทำได้อย่างใจเย็นขึ้นอย่างแน่นอนค่ะ นั่นคือยอมรับความเจ้าชู้ ถ้าคุณรบราฆ่าฟันตามประหัตประหารบรรดากิ๊กของสามี จนเหนื่อย ให้คุณยอมรับมัน และคิดซะว่า สามีไปช๊อบปิ้ง
วิธีการนี้ไม่ได้ให้คุณไปชี้โพรงให้กระรอกนะคะ แต่จริงๆ การชี้โพรงให้กระรอกเนี่ย เป็นวิธีหักดิบที่ดีที่สุดค่ะ แต่อยากจะแนะนำขั้นซอฟท์ก่อน ก็คือ สมุดเล่มเดิม วันนี้รู้สึกระแวงสามีอีกแล้ว จดเลยลงวันนี้ระแวงเรื่องอะไร เปลี่ยนจากการไปถามแล้วมาให้ดาว หรือติดรูปปลอบใจตัวเอง มาเป็น (ตัวอย่าง)
29.12.2014 ---> สามีบอกว่าเอารถไปเชคน้ำมันเครื่องแปบเดี๋ยวมา แต่ไปสามชั่วโมงละ ติดต่อไม่ได้ มือถือปิด ---> ไปอาบอบนวดแล้วละดีจัง กลับมาเค้าคงอารมณ์ดี งั้นเดี๋ยวเราไปช๊อบปิ้งดีกว่า ซื้ออะไรเค้าก็คงไม่บ่นหรอก เพราะอารมณ์ดี
จะเขียนทั้งน้ำตาก็ได้ แต่ทำไปเหอะค่ะ คุณทำแบบนี้ไปสักพัก สมองคุณจะรับได้เอง และปรับพฤติกรรมและอารมณ์ของคุณให้เย็นลงได้ เราเขียนเพื่อตอกย้ำให้สมองเราจำ
6. วิธีการนี้เป็นวิธีการหักดิบ หากใครพอใจแค่ข้อ 5 ก็พอแต่เพียงข้อนั้น แต่หากใครกลัวว่าสามีจะไปมีบ้านเล็ก มีลูก และเป็นปัญหายุ่งยากตามมา และสามีก็เจ้าชู้มากจริงๆ คือมีเรื่องนี้มาอยู่ตลอด บอกกับเค้าเลยค่ะ ให้รางวัลเค้า ตะเอง เนี่ย เค้าขออย่างดิ อย่าไปมีเล็กมีน้อยได้ป่ะ เค้าให้ตะเองไปอาบอบนวดได้อาทิตย์ละคืน เค้าไม่บ่นเลย แต่อย่ามีบ้านเล็กได้ป่ะ เค้าไม่อยากเป็นคนงี่เง่าให้สายตาคนอื่นอ่ะ เค้าไม่อยากให้ตะเองไปทำใครบาปด้วย เนี่ยไปอาบอบนวดเลย สวยๆ ทั้งนั้น ได้มั้ย <--------ข้อนี้เฉพาะคนที่เจ้าชู้มากๆ และเอาไม่อยู่จริงๆ นะคะ จากประสบการณ์ตรง เราลองใจตัวเราเองค่ะ เคยทำมาแล้ว และขับรถไปส่งเค้าด้วย ที่อาบอบนวดเลย กลางวันนี่แหละ (กลางวันกลางคืนก็ได้หมดละสามีเรา) เราไปส่งเค้าแล้วก็บอกเค้าว่าเดี๋ยวมารับไปช๊อบปิ้งก่อน เสร็จแล้วโทรมานะ ครั้งแรกที่ทำแบบนี้ เราผ่านห้าข้อนั้นมาแล้ว มันไม่ค่อยรู้สึกอะไรจริงๆ นะคะ เราก็ไปช๊อบปิ้งตามปรกติ สักพักเค้าก็โทรมาว่ามารับหน่อย พอไปเจอเค้าก็ถามเลยในรถ ว่าเป็นไงเล่าซิดีเปล่า เค้าก็จะแบบก็งั้นๆ (คือเอาใจเราไง เพราะเราให้สิ่งที่เค้าอยากได้) แล้วจากนั้นก็จะอารมณ์ดี
ทำแบบนี้ไปสักพัก มันจะดีขึ้นค่ะ ผลลัพธ์ ก็อาจจะออกมาสองแบบ เค้าเที่ยวน้อยลง หรือ เราทำใจได้มากขึ้น หันไปใช้ชีวิตได้อย่างสนุกสนานมากขึ้น จบกันที พอกันที กับการตามล่า ตามหาความจริง ว่าเค้าไปกับใครที่ไหนอย่างไร
บทสรุป
จะบอกว่าทั้งหมดมันอยู่ที่ใจเรา ให้ความสนใจกับสิ่งไหนมากหรือน้อยกว่ากัน บางคนรับไม่ได้สามีไปมีคนอื่น เลิกเหอะค่ะ ถ้าคุณเลิกได้ แต่ถ้าบางคนไม่มีทางเลือก จมอยู่กับความทุกข์ใจ คือเลิกไม่ได้ มีลูกหรือด้วยปัจจัยอะไรก็ตามแต่ เราไปเปลี่ยนความคิดใครไม่ได้ แต่เราสร้างภูมิคุ้มกันให้หัวใจเราเองได้ ยอมรับมันเหอะค่ะ อันไหนคือจุดอ่อนในชีวิต อยากให้มันไม่สร้างปัญหาให้เรา เราก็เป็นมิตรกับจุดอ่อนนั้นซะเถอะค่ะ โลกยังมีอีกหลายด้าน ถ้าเค้าจะเสียหายแค่เรื่องนี้แต่ดีอีกพันเก้า เราก็มองเหรียญอีกด้านเถอะนะคะ ชีวิตมันสั้นค่ะ เดี๋ยวก็แก่กันแล้ว จะเจ้าชู้กันไปได้อีกกี่น้ำ แต่เวลาที่เสียไปกับการไปตามล่าตามระแวง เปลี่ยนมาเป็นเวลาแห่งความสุขของเราดีกว่าค่ะ หากไม่สบายใจ ปรึกษาหลังไมค์ได้ค่ะ ได้คุยกับคนอื่นที่ไม่รู้จัก ระบายได้ดีกว่าคนใกล้ตัวนะคะ ยินดีรับฟังค่ะ
หากสามีเจ้าชู้ นี่คือการจัดกระบวนความคิดให้คุณอยู่กับสิ่งนี้ได้แบบเป็นรูปธรรมค่ะ
ณ วันนึงที่ตั้งกระทู้นั้นขึ้นมา เราได้รับหลังไมค์มาปรึกษาปัญหาชีวิตจากคนๆหนึ่งค่ะ ว่าเค้ากำลังประสบปัญหาแบบนี้อยู่ และเค้าก็เข้าใจที่เราจะสื่อว่าควรทำอย่างไรเมื่อเจอเหตุการณ์สามีเจ้าชู้ ซึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เค้าไม่เข้าใจว่าวิธีการมันจะต้องจัดกระบวนความคิดอย่างไรให้ยอมรับได้ สิ่งที่เราโพสไปก่อนหน้ามันอาจจะดูเป็นมโนธรรม แต่ ณ เวลานั้นที่เราเจอเหตุการณ์แบบนั้น เราก็มีวิธีในการจัดความคิดที่เราคิดขึ้นมาเอง เพื่อใช้รับมือกับปัญหาต่างๆ ใครที่อ่านกระทู้นี้จบแล้ว ลองนำไปปรับใช้กับปัญหาอื่นๆ ที่เจอดูนะคะ เราจะดีใจมาก หากทุกคนได้พ้นทุกข์ที่เป็นอยู่ค่ะ
ถ้าคุณได้ย้อนกลับไปอ่านกระทู้เก่าของเรา จะเห็นว่าเราเหนื่อยมากแค่ไหนกับสิ่งที่ผ่านมา ถ้าใครยังอยู่ในระหว่างข้อที่ 1 และ 2 เราอยากให้คุณกระโดดมาข้อที่ 3 ตรงนี้เราจะบอกวิธีตั้งแต่เริ่มให้คุณได้ลองทำดูค่ะ และมันจะเป็นรูปธรรม เพราะการที่เราอ่านปรัชญา หรือฟังใครบอกตรรกะอะไรมาแบบมโนธรรม บางทีความคิดเรารู้ แต่ไม่ทำตามค่ะ นี่คือวิธีที่เราใช้กับตัวเองเสมอๆ อย่ามโน อย่าคิดว่าจะทำได้ แต่ให้ลงมือทำตามขั้นตอนนี้ดูค่ะ ดีกว่าเอาเวลาไประแวงสามีค่ะ
อุปกรณ์นะคะ
1. สมุดเปล่าๆ เอาเล่มกลางๆ ไม่ต้องใหญ่ เหมือนพ๊อคเกตบุค หากไม่มีออกไปช๊อบปิ้งเลยค่ะ การช๊อบปิ้ง ช่วยให้เราอารมณ์ดีค่ะ
2. ปากกาสวยๆ เอาให้สวยที่สุด ที่จะเป็น new you เลยค่ะ หากไม่มีก็แน่นอน ออกไปช๊อบปิ้งค่ะ
3. ปริ้นท์เตอร์ เอาไว้ปริ้นท์รูปถ่าย ไม่มีจะหาเรื่องเสียเงินดูก็ได้ค่ะ ถือซะว่ามีของเล่นใหม่ค่ะ
4. double tape เทปกาวสองหน้าค่ะ เอาไว้ติดรูปสะดวก
5. ต้นไม้น่ารักๆ ต้นนึง หรือ ตุ๊กตาตัวเล็กๆ โมเดล หรืออะไรก็ได้ที่คุณชอบ 1 ชิ้น ช่วยได้จริงๆ นะคะ
มาเริ่มทำตามขั้นตอนกันเลยค่ะ
1. จัดมุมโปรดสักมุมในบ้าน เป็นโต๊ะทำงานเล็ก วางต้นไม้ สมุด ปากกา double tape และปริ้นท์เตอร์ไว้จัดให้น่ารักๆ นะคะ คุณจะรู้สึกดีเมื่อคุณมีมุมน่ารักแม้ว่ามุมนี้จะสร้างความเศร้าให้คุณสักระยะนึงนะคะ ดังนั้น จัดให้น่ารัก
2. เปิดสมุดมา ตั้งชื่อสมุด เขียนด้านในหน้าแรก เป็นชื่อที่คุณรู้สึกว่าให้ความหวังได้ดีที่สุด เช่น "NEW .....(ชื่อคุณ).... '2015 ถือฤกษ์ต้นปีเลย
3. ลงวันที่ในบันทึกแรกที่คุณจะเขียน ในบันทึกแรกนั้นที่คุณจะเขียนนั้น เราได้ความคิดมาจากการทำงานของคอมพิวเตอร์ แนวคิดที่เราได้ใช้วิธีการเหล่านี้ เพราะเราเชื่อว่า สมองมีการทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกัน การจัดการกับอารมณ์และความคิด ควรจะจัดการกับข้อมูลก่อน (Hard disk) เคยเป็นมั้ยคะ เวลาเรามีเรื่องเครียดๆ มาก เราไม่สามารถสลัดความเครียดนั้นทิ้งไปได้ สมองยังคงวนเวียนวกวนคิดแต่เรื่องนั้น แม้บางทีจะเป็นเรื่องเล็กๆ เช่น ปิดไฟยังนะ ล๊อคประตูหรือยัง ล๊อครถหรือยัง ลืมจ่ายอะไรหรือเปล่า อยากกินขนมร้านนี้จะได้ผ่านไปวันไหน สิ่งเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้สมองยังคิดไม่เสร็จ ก็จะยังวนเวียนคิดอยู่อย่างนั้น
เรื่องความเครียดในความเจ้าชู้ของสามีก็เช่นกัน เค้าเคยไปที่นี่หรือเปล่า วันนั้นไปกินข้าวทำไมทำท่าแปลกๆ เข้าห้องน้ำนานแอบคุยโทรศัพท์กับใคร และอะไรต่อมิอะไรที่คุณคิด สมองก็วนเวียนคิดหมื่นแสนล้านเรื่องอยู่ในหัว หัวคุณจึงไม่ว่าง เกิดความเครียด ไม่โล่ง วนเวียน วกวน Defrag มันเลยค่ะ จัดเรียงความคิดวกวนในหัวสมองเสียใหม่ โดยการ....
เขียนทุกอย่างที่คุณสงสัย เป็นตัวหนังสือ ลงสมุด โดยการเขียนหนึ่งข้อ ต่อ 1 หน้า เขียนให้ละเอียด เช่น
- วันจันทร์ที่ผ่านมา ทำไมสามีไม่รับโทรศัพท์ ทั้งที่เป็นตอนเที่ยง และก็ไม่โทรกลับมาด้วย
- ตอนไปซื้อของร้าน .... สามีส่งยิ้มให้ผู้หญิงคนนั้นทำไม
- เมื่อคืนวันศุกร์ เวลาประมาณ ...... สามีอยู่บนห้องนอน เราดูซี่รี่ย์คนเดียวอยู่ข้างล่าง พอเวลา ........ เราเดินเข้าไปหาทำไมสามีรีบปิดหน้าจอ
เป็นต้น
เขียนให้ละเอียดเท่าที่นึกออก เพื่อให้สมองดึงเหตุการณ์เหล่านั้นแบบเฉพาะเจาะจงออกมา ถ้าเราเขียนไม่ละเอียดเขียนกว้างๆ ไอ้สิ่งที่ค้างอยู่ในสมองตรงจุดนั้น มันก็ยังค้างอยู่แบบนั้นล่ะค่ะ เพราะมันเป็นเหตุการณ์ที่กว้างเกินไป สมองไม่รู้อันไหนแน่ เขียนให้ยาว ให้เยอะที่สุด นั่งเขียนไปเรื่อยๆ เขียนหนึ่งข้อต่อหนึ่งหน้าทำไปเรื่อยๆ เท่าที่คุณนึกออก ถ้าเยอะมาก หมดเล่ม ไปซื้อเล่มใหม่ ไม่ต้องเสียดายกระดาษ เว้นพื้นที่ในหน้ากระดาษไว้ หากนึกอะไรออกเมื่อไหร่ก็มาเพิ่มได้ตลอดเวลา เขียนเฉพาะเรื่องที่คุณคาใจหรือระแวงคุณสามีนะคะ ถ้าใครจะประยุกต์ไปใช้กับปัญหาชีวิตอื่นๆ ก็ได้เลยค่ะ
4. เมื่อเขียนเสร็จแล้ว ย้อนมาอ่าน บางคนอาจจะเยอะ บางคนอาจจะน้อย คนที่เขียนได้เยอะ อย่าคิดว่าปัญหาตัวเองเยอะ ให้คิดว่าเรามองปัญหานั้นได้ชัดเจนขึ้น เขียนแค่เรื่องเดียวอย่าเอาเรื่องอื่นมาปน เช่น จะทำใจกับสามีเจ้าชู้ก็เขียนเฉพาะเรื่องสามี อย่าเอาปัญหาเรื่องอื่น เช่นการเงิน ลูก ความสัมพันธ์กับพ่อแม่หรือเพื่อน หรืออะไรก็ตามมาปน เขียนแล้วให้มาเปิดดูทีละหน้า ว่าหน้าไหนเราแก้ได้ เช่น เมื่อวานโทรหาสามีไม่รับไปไหนมา เดินไปถามค่ะ ถ้ากลัวสามีว่าจุกจิกก็สร้างเรื่องซะหน่อย ตะเอง เออ เมื่อวานเค้าไปเปิดทีวีเจอข่าวอันนีง แถวๆ ที่ทำงานตะเองเลย เลยจะโทรเล่าให้ฟัง แต่ตะเองไม่รับอ่ะ ติดงานเหรอ ถ้าเค้าตอบ เอามาลงสมุดค่ะ เค้าจะโกหก ก็เรื่องของเค้านะคะ อย่าไปสนใจ เอามาจดลงสมุดค่ะ เช่น สามีติดประชุม
เขียนลงไปเลย สามีติดประชุม ถ้าเค้าบอกมามากกว่านั้นเช่น ประชุมถึงห้าโมงเย็น ก็เขียนลงไป สามีติดประชุมถึงห้าโมงเย็น เขียนดาวไว้ตามความพึงพอใจในคำตอบของเรา เช่น โกหกชัวร์ เขียนดาวไว้ 1 ดาว หรือ เชื่อเลยว่าประชุมจริง เขียนไว้ 5 ดาว หน้านี้ได้คำตอบจากสามี ทำแค่นี้พอค่ะ ไปหน้าต่อไป
อาจจะเป็นเหตุการณ์ที่ไปถามไม่ได้หรือไม่ควรถามเช่น วันนั้นไปร้านอาหารเค้ายิ้มให้ผู้หญิงคนนึง ไม่อยากไปถามเดี๋ยวเป็นเรื่อง ปริ้นท์รูปเลยค่ะ คุณกับสามีถ่ายคู่กันยิ้มแย้มแจ่มใส น่ารัก ไปเที่ยวไหนสักที่ อะไรก็ได้ที่คุณชอบ เอากาวแปะรูป แปะลงไปในหน้านั้นแทนคำตอบ
5. ทำใจยอมรับในความเจ้าชู้ของสามี ข้อนี้เราถือว่ายากสุด แต่ถ้าผ่านกระบวนการจัดเรียงความคิดมาแล้ว ข้อนี้จะทำได้อย่างใจเย็นขึ้นอย่างแน่นอนค่ะ นั่นคือยอมรับความเจ้าชู้ ถ้าคุณรบราฆ่าฟันตามประหัตประหารบรรดากิ๊กของสามี จนเหนื่อย ให้คุณยอมรับมัน และคิดซะว่า สามีไปช๊อบปิ้ง
วิธีการนี้ไม่ได้ให้คุณไปชี้โพรงให้กระรอกนะคะ แต่จริงๆ การชี้โพรงให้กระรอกเนี่ย เป็นวิธีหักดิบที่ดีที่สุดค่ะ แต่อยากจะแนะนำขั้นซอฟท์ก่อน ก็คือ สมุดเล่มเดิม วันนี้รู้สึกระแวงสามีอีกแล้ว จดเลยลงวันนี้ระแวงเรื่องอะไร เปลี่ยนจากการไปถามแล้วมาให้ดาว หรือติดรูปปลอบใจตัวเอง มาเป็น (ตัวอย่าง)
29.12.2014 ---> สามีบอกว่าเอารถไปเชคน้ำมันเครื่องแปบเดี๋ยวมา แต่ไปสามชั่วโมงละ ติดต่อไม่ได้ มือถือปิด ---> ไปอาบอบนวดแล้วละดีจัง กลับมาเค้าคงอารมณ์ดี งั้นเดี๋ยวเราไปช๊อบปิ้งดีกว่า ซื้ออะไรเค้าก็คงไม่บ่นหรอก เพราะอารมณ์ดี
จะเขียนทั้งน้ำตาก็ได้ แต่ทำไปเหอะค่ะ คุณทำแบบนี้ไปสักพัก สมองคุณจะรับได้เอง และปรับพฤติกรรมและอารมณ์ของคุณให้เย็นลงได้ เราเขียนเพื่อตอกย้ำให้สมองเราจำ
6. วิธีการนี้เป็นวิธีการหักดิบ หากใครพอใจแค่ข้อ 5 ก็พอแต่เพียงข้อนั้น แต่หากใครกลัวว่าสามีจะไปมีบ้านเล็ก มีลูก และเป็นปัญหายุ่งยากตามมา และสามีก็เจ้าชู้มากจริงๆ คือมีเรื่องนี้มาอยู่ตลอด บอกกับเค้าเลยค่ะ ให้รางวัลเค้า ตะเอง เนี่ย เค้าขออย่างดิ อย่าไปมีเล็กมีน้อยได้ป่ะ เค้าให้ตะเองไปอาบอบนวดได้อาทิตย์ละคืน เค้าไม่บ่นเลย แต่อย่ามีบ้านเล็กได้ป่ะ เค้าไม่อยากเป็นคนงี่เง่าให้สายตาคนอื่นอ่ะ เค้าไม่อยากให้ตะเองไปทำใครบาปด้วย เนี่ยไปอาบอบนวดเลย สวยๆ ทั้งนั้น ได้มั้ย <--------ข้อนี้เฉพาะคนที่เจ้าชู้มากๆ และเอาไม่อยู่จริงๆ นะคะ จากประสบการณ์ตรง เราลองใจตัวเราเองค่ะ เคยทำมาแล้ว และขับรถไปส่งเค้าด้วย ที่อาบอบนวดเลย กลางวันนี่แหละ (กลางวันกลางคืนก็ได้หมดละสามีเรา) เราไปส่งเค้าแล้วก็บอกเค้าว่าเดี๋ยวมารับไปช๊อบปิ้งก่อน เสร็จแล้วโทรมานะ ครั้งแรกที่ทำแบบนี้ เราผ่านห้าข้อนั้นมาแล้ว มันไม่ค่อยรู้สึกอะไรจริงๆ นะคะ เราก็ไปช๊อบปิ้งตามปรกติ สักพักเค้าก็โทรมาว่ามารับหน่อย พอไปเจอเค้าก็ถามเลยในรถ ว่าเป็นไงเล่าซิดีเปล่า เค้าก็จะแบบก็งั้นๆ (คือเอาใจเราไง เพราะเราให้สิ่งที่เค้าอยากได้) แล้วจากนั้นก็จะอารมณ์ดี
ทำแบบนี้ไปสักพัก มันจะดีขึ้นค่ะ ผลลัพธ์ ก็อาจจะออกมาสองแบบ เค้าเที่ยวน้อยลง หรือ เราทำใจได้มากขึ้น หันไปใช้ชีวิตได้อย่างสนุกสนานมากขึ้น จบกันที พอกันที กับการตามล่า ตามหาความจริง ว่าเค้าไปกับใครที่ไหนอย่างไร
บทสรุป
จะบอกว่าทั้งหมดมันอยู่ที่ใจเรา ให้ความสนใจกับสิ่งไหนมากหรือน้อยกว่ากัน บางคนรับไม่ได้สามีไปมีคนอื่น เลิกเหอะค่ะ ถ้าคุณเลิกได้ แต่ถ้าบางคนไม่มีทางเลือก จมอยู่กับความทุกข์ใจ คือเลิกไม่ได้ มีลูกหรือด้วยปัจจัยอะไรก็ตามแต่ เราไปเปลี่ยนความคิดใครไม่ได้ แต่เราสร้างภูมิคุ้มกันให้หัวใจเราเองได้ ยอมรับมันเหอะค่ะ อันไหนคือจุดอ่อนในชีวิต อยากให้มันไม่สร้างปัญหาให้เรา เราก็เป็นมิตรกับจุดอ่อนนั้นซะเถอะค่ะ โลกยังมีอีกหลายด้าน ถ้าเค้าจะเสียหายแค่เรื่องนี้แต่ดีอีกพันเก้า เราก็มองเหรียญอีกด้านเถอะนะคะ ชีวิตมันสั้นค่ะ เดี๋ยวก็แก่กันแล้ว จะเจ้าชู้กันไปได้อีกกี่น้ำ แต่เวลาที่เสียไปกับการไปตามล่าตามระแวง เปลี่ยนมาเป็นเวลาแห่งความสุขของเราดีกว่าค่ะ หากไม่สบายใจ ปรึกษาหลังไมค์ได้ค่ะ ได้คุยกับคนอื่นที่ไม่รู้จัก ระบายได้ดีกว่าคนใกล้ตัวนะคะ ยินดีรับฟังค่ะ