ผู้ชายไปมีใหม่ กับผู้หญิงไปมีใหม่

เพราะภาพลักษณ์ในสังคมยังมีการมองว่ามีการได้มีการเสีย ซึ่งส่วนมากสังคมไทยจะมองว่าผู้หญิงเป็นฝ่ายเสีย เช่น ผู้หญิงผ่านการแต่งงานหรือมีอะไรกับใครมาแล้ว กับผู้ชายผ่านการแต่งงานหรือมีอะไรกับใครมาแล้ว คนก็มองไม่เหมือนกัน ส่วนมากผู้ชายผ่านการแต่งงานคนก็เฉยๆ แต่งกับผู้หญิงไม่เคยผ่านการแต่งงานก็ปกติที่บ้านไม่ค่อยมีปัญหา แต่ผู้หญิงผ่านการแต่งงานมาแล้ว หากจะแต่งงานกับชายโสด ที่บ้านฝ่ายชายมักรังเกียจ

ทั้งที่ผ่านการคบหาหรือการแต่งงานมาเหมือนกันแท้ๆ แต่สิ่งที่สังคมมองหญิงและชายกลับต่างกัน ดังนั้น มันก็เลยเกิดมายาคติหรืออะไรสักอย่างตรงนี้เรานึกคำไม่ออก ประมาณว่าเกิดความคิดที่ว่าถ้าไม่ถึงที่สุดจริงๆ ผู้หญิงคงไม่อยากเลิกหรอก เพราะการผ่านผู้ชายมามากๆ มันไม่ได้ดูดีเลย แต่กับผู้ชายจะเลิกกับแฟนหรือผ่านมาสักกี่คนสังคมก็ไม่ได้มองว่าดูไม่ดีอะไร ดีไม่ดีจะมีคนบางกลุ่มชื่นชมด้วยซ้ำว่าฟาดมาเยอะ ในเมื่อต่อให้เลิกกันไปก็ไม่ได้เสียหายอะไร ผู้ชายก็อาจจะตัดสินใจเลิกได้ง่ายกว่า

ไม่ต้องมาด่าเรานะ อันนี้เราพูดถึงภาพรวมของสังคมเพื่อตอบความสงสัยของเจ้าของกระทู้ ว่าทำไมสังคมจึงมีแนวโน้มไปในทางเห็นใจผู้หญิงมากกว่า ส่วนเราไม่ได้คิดแบบนี้แบบเหมารวม สำหรับเราต้องดูรายละเอียดว่ากันเป็นกรณีไป และสมัยนี้บางคนก็อาจจะหัวสมัยใหม่ ไม่มองว่าเป็นการได้เสีย มองว่าทั้งสองเพศเท่าเทียมกัน