สวัสดีครับ เพื่อนๆ ชาวพันทิป
หลายๆ คนน่าจะเคยดูหนังเรื่อง The Matrix กันมาเรียบร้อย โดยมีฉากสุดอีพิคอยู่ตรงช็อตต่อสู้ระหว่างพระเอก ‘นีโอ’ กับ ตัวร้าย ‘เอเจนท์สมิธ’ ในสถานีรถไฟใต้ดิน จำได้ว่าตอนเด็กๆ นั่งดูกับพี่ชาย ก็พยายามจะเลียนแบบตาม แต่ก็จนปัญญา… (ใครจะไปทำได้ล่ะครับ)
ซีนต่อสู้ที่สถานีรถไฟใต้ดินระหว่างนีโอ กับ เอเจนท์สมิธ

เรื่องมันมีอยู่ว่า เมื่อวันก่อนหลังจากเลิกงาน ผมไปเดินเล่นเซ็นทรัลเวิลด์กับเพื่อนมา กะว่าจะไปเดินเล่นรับลมหนาวชิลๆ ระหว่างที่เดินไปเดินมาอยู่ดีๆ ก็เห็นคนมุงดูอะไรสักอย่าง ก็เลยลองเข้าไปดูด้วยตามประสา เห็นคนกำลังเล่นเครื่องเล่นเจ้านี่กันอยู่ครับ
ตอนแรกก็งงโดดๆไรกันนี่ พอมองไปมองมา ก็เห็นว่าบนเวทีมีกล้องตั้งเรียงอยู่รอบๆ เยอะมาก ก็เลย อ๋อ... ถ่ายรูปแน่ๆ ว่าแต่... เอ๊ะ กล้องจะเยอะไปไหน กะถ่ายแม้กระทั่งขาหนีบเลยหรือไงกัน!? -..-”


แต่พอได้ดูรูปที่ถ่าย... คิดถึงฉาก The Matrix ที่พูดไปตอนต้นเลยครับ!
เพราะคนที่อยู่ในรูปเหมือนถูกทำให้หยุดนิ่ง แต่ภาพรอบๆ หมุนไปหมุนมา
เลยไปเสิร์ชหาดู พบว่าเครื่องเล่นนี้มันคือเจ้านี่
ยิ่งมาเห็นวีดีโอของจริงที่ถ่ายจากเจ้าเครื่องเล่นหน้าเซ็นเวิลด์นี้ปุ๊บ ผมก็คิดในใจว่าคงใช้เทคนิคถ่ายทำเดียวกับหนัง The Matrix แน่ๆ พอลองเสิร์ชหาข้อมูลดู ก็ใช่อย่างที่คิดจริงๆ ด้วย โดยเทคนิคการถ่ายทำที่ว่า ในวงการเขาเรียกกันว่า “Bullet Time” หรือการถ่ายทำภาพยนต์โดยมีมุมกล้องที่หมุนรอบตัวนักแสดงราวกับว่า "หยุดเวลาได้"
คลิปเบื้องหลังการถ่ายทำ
พอได้เห็นเทคนิคการถ่ายทำเท่านั้นล่ะ รู้สึกเหมือนได้ล่วงรู้ความลับที่ถูกปกปิดมาหลายปี
ซึ่งเทคนิคที่ว่านี้ก็คือ...
แทนที่จะใช้กล้องเคลื่อนที่ไปมา แต่ The Matrix เลือกที่จะใช้กล้องถ่ายภาพนิ่ง หรือกล้อง DSLR หลายสิบตัวมาตั้งเรียงเป็นวงกลมรอบตัวนักแสดง โดยทำการปรับโฟกัส แสง และชัตเตอร์ สปีดไว้เรียบร้อย
(ทีมงานเช็คความพร้อมของกล้องแต่ละตัวก่อนถ่าย)
เมื่อทุกอย่างพร้อม ผู้กำกับสั่งแอ็คชั่นปุ๊บ! ก็จัดการ “ลั่นชัตเตอร์” เรียงตั้งแต่ตัวแรกถึงตัวสุดท้ายด้วยความเร็วสูงเพื่อจับภาพนิ่งในมุมที่ต่างกัน แต่เวลาใกล้เคียงกันจนสามารถถ่ายภาพเคลื่อนไหวรอบตัวนักแสดงขณะกำลังจะล้ม หรือเสื้อผ้าที่พริ้วไหวได้
พอได้ภาพนิ่งแล้วก็เอาภาพเหล่านั้นไปสร้างเป็นภาพเคลื่อนไหวแบบ Frame by Frame จากนั้นจึงนำไปผ่านกระบวนการขั้นตอนอื่นๆ จนออกมาเป็นฉากแอ็คชั่นเจ๋งๆ อย่างที่เราได้เห็นกัน
ปัจจุบัน เทคนิคนี้ถูกนำไปใช้กันอย่างแพร่หลายทั้งในการถ่ายภาพการแข่งขันกีฬา โฆษณา หรือภาพยนตร์ในยุคหลังๆ บางเรื่อง ก็นำเทคนิคนี้มาใช้กัน เนื่องจากเป็นเทคนิคที่ดึงดูดสายตาและเรียกเสียง ว้าว!!! จากผู้ชมได้เป็นอย่างดี
แหม่…พูดแล้วก็น่าเสียดายนะครับ วันนั้นผมกับเพื่อนไม่ได้ถ่าย เพราะเขาให้สิทธิ์เฉพาะคนที่ใช้เครือข่ายของเขา
เซร็งงงงงง ก็เลยกะว่า พรุ่งนี้จะ หลอก เอ๊ย! ชวน เพื่อนที่มีสิทธิ์ไปด้วย 555+
ปล.คิดไว้ล่วงหน้าเลยว่า พรุ่งนี้จะเตรียมปืนอัดลมไปด้วย และจะกระโดดท่านีโอนี่ล่ะครับ
เทคนิคการถ่ายทำอลังการของ Matrix มาถึงเมืองไทยแล้วเหรอเนี่ยยยย !?
หลายๆ คนน่าจะเคยดูหนังเรื่อง The Matrix กันมาเรียบร้อย โดยมีฉากสุดอีพิคอยู่ตรงช็อตต่อสู้ระหว่างพระเอก ‘นีโอ’ กับ ตัวร้าย ‘เอเจนท์สมิธ’ ในสถานีรถไฟใต้ดิน จำได้ว่าตอนเด็กๆ นั่งดูกับพี่ชาย ก็พยายามจะเลียนแบบตาม แต่ก็จนปัญญา… (ใครจะไปทำได้ล่ะครับ)
เรื่องมันมีอยู่ว่า เมื่อวันก่อนหลังจากเลิกงาน ผมไปเดินเล่นเซ็นทรัลเวิลด์กับเพื่อนมา กะว่าจะไปเดินเล่นรับลมหนาวชิลๆ ระหว่างที่เดินไปเดินมาอยู่ดีๆ ก็เห็นคนมุงดูอะไรสักอย่าง ก็เลยลองเข้าไปดูด้วยตามประสา เห็นคนกำลังเล่นเครื่องเล่นเจ้านี่กันอยู่ครับ
ตอนแรกก็งงโดดๆไรกันนี่ พอมองไปมองมา ก็เห็นว่าบนเวทีมีกล้องตั้งเรียงอยู่รอบๆ เยอะมาก ก็เลย อ๋อ... ถ่ายรูปแน่ๆ ว่าแต่... เอ๊ะ กล้องจะเยอะไปไหน กะถ่ายแม้กระทั่งขาหนีบเลยหรือไงกัน!? -..-”
แต่พอได้ดูรูปที่ถ่าย... คิดถึงฉาก The Matrix ที่พูดไปตอนต้นเลยครับ!
เพราะคนที่อยู่ในรูปเหมือนถูกทำให้หยุดนิ่ง แต่ภาพรอบๆ หมุนไปหมุนมา
เลยไปเสิร์ชหาดู พบว่าเครื่องเล่นนี้มันคือเจ้านี่
ยิ่งมาเห็นวีดีโอของจริงที่ถ่ายจากเจ้าเครื่องเล่นหน้าเซ็นเวิลด์นี้ปุ๊บ ผมก็คิดในใจว่าคงใช้เทคนิคถ่ายทำเดียวกับหนัง The Matrix แน่ๆ พอลองเสิร์ชหาข้อมูลดู ก็ใช่อย่างที่คิดจริงๆ ด้วย โดยเทคนิคการถ่ายทำที่ว่า ในวงการเขาเรียกกันว่า “Bullet Time” หรือการถ่ายทำภาพยนต์โดยมีมุมกล้องที่หมุนรอบตัวนักแสดงราวกับว่า "หยุดเวลาได้"
พอได้เห็นเทคนิคการถ่ายทำเท่านั้นล่ะ รู้สึกเหมือนได้ล่วงรู้ความลับที่ถูกปกปิดมาหลายปี
ซึ่งเทคนิคที่ว่านี้ก็คือ...
แทนที่จะใช้กล้องเคลื่อนที่ไปมา แต่ The Matrix เลือกที่จะใช้กล้องถ่ายภาพนิ่ง หรือกล้อง DSLR หลายสิบตัวมาตั้งเรียงเป็นวงกลมรอบตัวนักแสดง โดยทำการปรับโฟกัส แสง และชัตเตอร์ สปีดไว้เรียบร้อย
เมื่อทุกอย่างพร้อม ผู้กำกับสั่งแอ็คชั่นปุ๊บ! ก็จัดการ “ลั่นชัตเตอร์” เรียงตั้งแต่ตัวแรกถึงตัวสุดท้ายด้วยความเร็วสูงเพื่อจับภาพนิ่งในมุมที่ต่างกัน แต่เวลาใกล้เคียงกันจนสามารถถ่ายภาพเคลื่อนไหวรอบตัวนักแสดงขณะกำลังจะล้ม หรือเสื้อผ้าที่พริ้วไหวได้
พอได้ภาพนิ่งแล้วก็เอาภาพเหล่านั้นไปสร้างเป็นภาพเคลื่อนไหวแบบ Frame by Frame จากนั้นจึงนำไปผ่านกระบวนการขั้นตอนอื่นๆ จนออกมาเป็นฉากแอ็คชั่นเจ๋งๆ อย่างที่เราได้เห็นกัน
ปัจจุบัน เทคนิคนี้ถูกนำไปใช้กันอย่างแพร่หลายทั้งในการถ่ายภาพการแข่งขันกีฬา โฆษณา หรือภาพยนตร์ในยุคหลังๆ บางเรื่อง ก็นำเทคนิคนี้มาใช้กัน เนื่องจากเป็นเทคนิคที่ดึงดูดสายตาและเรียกเสียง ว้าว!!! จากผู้ชมได้เป็นอย่างดี
แหม่…พูดแล้วก็น่าเสียดายนะครับ วันนั้นผมกับเพื่อนไม่ได้ถ่าย เพราะเขาให้สิทธิ์เฉพาะคนที่ใช้เครือข่ายของเขา
เซร็งงงงงง ก็เลยกะว่า พรุ่งนี้จะ หลอก เอ๊ย! ชวน เพื่อนที่มีสิทธิ์ไปด้วย 555+
ปล.คิดไว้ล่วงหน้าเลยว่า พรุ่งนี้จะเตรียมปืนอัดลมไปด้วย และจะกระโดดท่านีโอนี่ล่ะครับ