[CR] เขาช้างเผือก เหนือช้างยังมีเรา เหนือเรายังมีช้าง ภาค2

สวัสดีครับกลับมาพบกับภาค 2 ของการเดินทางไปเที่ยวเขาช้างเผือกของเรา

สำหรับใครที่มาเห็นภาค 2 ก่อนภาค 1 สามารถไปติดตามกระทู้เล็กๆของผมได้ที่นี่ครับ
ซึ่งในภาค 1 ผม เฉลยไปหมดแล้วครับว่าที่มาของชื่อ "เขาช้างเผือก เหนือช้างยังมีเรา เหนือเรายังมีช้าง"
มีที่มาที่ไปยังไง
http://pantip.com/topic/33033567

23 ธันวาคม 2557

หลังจากผ่านค่ำคืนอันหนาวเหน็บ หนาวมากจริงๆ ครับลมแรงแบบผมคิดว่า.....
ไม่มีสมอบกเต็นท์คงปลิวลอยไปเหมือนเครื่องร่อนแหงๆ แต่ต่างตรงที่มันคงไม่ร่อนแต่กลิ้งลงเขาไปแทนครับ
ผมที่นอนไม่ค่อยหลับ ก็ได้มีโอกาสหลับซักงีบในตอนใกล้เช้าแต่ความโหดร้ายก็กลับมาอีกครั้ง
เพื่อนมันสะกิดผมครับบอกตื่นๆๆๆ คิดในใจจะเรียกมาหมุนไข่ต้มอีกหรอไงเนี้ย!!!
มันก็ชี้ออกไปนอกเต็นแล้วบอกพระอาทิตย์ขึ้นแล้ว
ในหัวผมนี้แบบคิดว่ามันก็ขึ้นทุกวันนั่นแหละไม่เห็นต้องตื่นเต้นเลยยย
แต่ไหนๆก็ตื่นแล้วหยิบกล้องออกไปเก็บซักใบดีกว่า ขากล้องก็ปล่อยมันนอนในเต็นท์ไปครับ
เพราะกะว่าออกไปกดแชะเดียวละกลับ
พอเล็งได้ตามที่ต้องการกดแชะ อ่าวมันเป็นค่าที่ตั้งทิ้งไว้เพื่อถ่ายดาวที่ไม่ได้ถ่าย ผมก็ยืนสั่น อยู่ 30 วิครับ
สรุปผิดแผนครับเลยต้องกดแชะที่ 2 แทน



หลังจากจบภารกิจแรกของวันก็มาล้างหน้าแปรงฟันดีกว่าน้ำเย็นเหมือนออกมาจากตู้เย็นเลย
ลูกหาบก็ต้มน้ำมาให้พวกผมสำหรับใช้ในการต้มมาม่าครับ
ระหว่างกินก็คุยกันไปถึงเรื่องเมื่อคืน น้องบอกผมว่า เมื่อคืนนะตั้งปลุกตี 4 บอกออกไปดูพวกผมถ่ายดาวกันเหอะ
อีกคนบอกประมาณว่าหนาว ไม่ออกหรอก สุดท้ายไม่มีใครออก คนตั้งปลุกก็เลยไม่ออกมาครับ
หลังจากได้ฟังดันนั้น......
มาม่าที่ผมกินอยู่แทบกลับออกมาสวัสดีทักทายโลกภายนอกอีกครั้งเลยครับ
เลยบอกน้องไปอย่างพี่ผมเล่าในท้ายภาค 1 เรื่องการตั้งปลุกของเพื่อนผม
แล้วบอกว่าถ้าออกมาก็ไม่เจอใครหรอก เพราะหนาวจนพวกผมไม่อยากจะขยับออกมาจากถุงนอนเลย 555+
ฮากันทั้งเต็นท์ครับ เค้าล้อเล่น

ในขณะที่เรากินกันอยู่หลายๆกลุ่มก็เริ่มทยอยเก็บเต็นท์ และเดินทางกลับไปแล้วครับ
รู้ตัวอีกทีก็เหลืออยู่ไม่กี่หลังแล้ว พวกเราจึงจัดแจงเก็บข้าวขาว เก็บเต็นท์ และเริ่มการเดินทางกลับสู่หมู่บ้านอีต่อง
ก่อนออกเดินทางพึ่งเห็นครับว่ามี Thermometer ติดอยู่ตรงต้นไม้ 8.20 น. 15 ํC ครับ



เริ่มออกเดินทางกันเลย
ลาก่อนเขาช้างเผือก หลังจากถ่ายภาพนี้ไม่นาน ผมก็ถอมเสื้อหนาวเก็บลงเป้ตามเดิมครับ เริ่มเดินแล้วร้อน





จำที่ผมบอกได้มั้ยครับว่ายอดลูกนี้จะมีทางให้เราเลือก 2 ทางเราก็เดินตามพี่เจ้าหน้าที่ข้างหน้ามาแบบไม่ได้คิดอะไร
ก็มาทางลัดครับ โถ่ๆๆๆสบายกว่าตั้งเยอะ ไม่น่ากลัวอย่างที่คิดด้วย
เสียแรงลากขาขึ้นเขาตั้งนานไม่น่าเลยยย
ถ้ามีรอบหน้าจะไม่ไปละทางขึ้นเขา.... ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่มีรอบหน้าหรอกครับ 5555+



ขาลงไม่มีอะไรมากครับมันก็ทางเดิมที่เราเดินขึ้นมาแต่กลับทิศกัน น้ำดื่มเป็นสิ่งจำเป็น สำหรับจิบแก้กระหาย
หรือไม่มีไรทำมือว่างๆก็หยิบมาจิบเล่นได้ไม่มีใครว่าครับ
แต่ขาไป+ กลับ ผมจิบรวมไปไม่ถึง 1 ขวดเล็กหรอกครับ มันไม่เหนื่อยอย่างที่คิด (มั้ง)
ไม่สำคัญว่าขวดคุณจะยี่ห้ออะไร ขอแค่น้ำข้างในดื่มได้ในเวลาที่มันต้องดื่มก็พอครับ
หรือใครสะดวกเป็นเกลือแร่ก็แล้วแต่ความชอบเลยครับ



ขาลงไม่ยากครับเพราะส่วนใหญ่เป็นทางลง (ทางขึ้นสั้นๆลงยาวๆ)
ในทางกลับกันขาขึ้นมันยากกว่าเพราะส่วนใหญ่เป็นทางขึ้น (ทางขึ้นยาวๆลงสั้นๆ)
อย่าพึ่งงงครับ เพราะผมเขียนจงใจให้มันอ่านละมึนๆ
อย่าพึ่งเซ็งแล้วกดปุ่ม X มุมบนซ้ายปิดไปนะครับ ร้องไห้ ทำไม่ได้หรอก เพราะปุ่มมันอยู่ทางขวาครับ ยกเว้นคุณจะเล่นผ่าน Mac
พอๆไร้สาระเยอะไปละ เดียวเค้าจะกดปิดกันจริงๆ



เดินไปเพลินๆ ก็สวนกับคนที่ขึ้นมาใหม่ในวันนี้ก็ยิ้มทักทายกันไป จริงๆอยากจะบอกเหมือนที่ผมเจอวันขึ้นนะ
พี่ๆที่สวนลงมาเค้าชอบพูดใกล้แล้วอีกนิดเดียวน้อง
ผมก็อยากบอกพวกเค้ามั่งว่า อีกนิดเดียวก็ถึงป้ายจุดเริ่มต้นแล้วครับ...... ฮา

เดินเพลินๆก็ถึงสะพานไม้ไผ่ซะแล้ววววว เป็นสัญลักษณ์บ่งบอกว่าอีกไม่กี่อึดใจจะถึงหมู่บ้านอีต่อง



หลังจากพวกเรากลับมาก็ไปนั่งคุย สั่งน้ำทานที่ร้านกาแฟที่เราพักนั่นแหละครับ
พี่ก็เล่าว่าเมื่อวานเค้าเห็นถุงข้าววางอยู่ตกใจเลยน้องๆจะกินอะไรกัน
ไม่นานนักลูกหาบก็ลงมาครับ พอวางของพวกเราเสร็จก็จ่ายเงินไปตามน้ำหนักที่ชั่งตอนขาขึ้น
(1,100*3)+(30*15) = .......... ตามนั้นครับ
เราเลยเอาข้าวสารกับปลากระป๋องที่ลืมไว้และน้ำดื่มที่เหลือ
ให้ลูกหาบไปถือเป็นน้ำใจเล็กๆน้อยๆที่พวกเรามอบให้ได้ครับ
ก่อนจากกันไม่พลาดที่จะเก็บภาพที่ระลึกกับพี่ๆเค้าไว้



พี่ก็ใจดีให้เราไปอาบน้ำอาบท่าให้สบายตัวครับ ผมเลยให้น้องๆไปอาบกันก่อน
นั่งชิลๆตากลมคุยกับเพื่อนไปเรื่อยๆ พออาบเสร็จพี่เจ้าของร้านก็ปอกมะละกอมาให้เราทานเล่น
แล้วถามเราว่าพี่เค้ามีธุระพอดีจะลงไปด้วยกันมั้ย
พวกผมเลยบอกว่าไม่เป็นไรครับเดียวทานข้าวกันก่อน แล้วจะเรียกลุงรถ 2 แถวที่ให้เบอร์เรามามารับลงไปครับ

.......นั่นแหละครับจุดเริ่มต้นเราได้ทิ้งโอกาสดีๆของเราไป และทำให้เราได้เจอกับเรื่องราวฮาๆในทริปนี้.........

พวกเราก็มากันข้าวกันปกติที่ร้านเดิมร้านครัวสุดแดน
พร้อมเมนูสิ้นคิด หมูกระเทียมไข่ดาว มื้อนี้ผมขอฟาด 2 จานครับหิวสะสม

ในร้านนี้จะมีสัตว์เลี้ยงน่ารักๆ อย่างหมาคุโรบูตะ   อ่าวสรุปจะเป็นหมาหรือเป็นบูตะ(หมู)
ชื่อนี้พวกผมตั้งกันเองครับเพราะเห็นมันเหมือนหมูมากๆ



หลังจากท้องได้ถูกเติมเต็มเราก็ว่าจะโทรหาลุง 2 แถวครับ ปรากฏว่า......
โทรไม่ติด....... ชริหัย แล้วพี่น้องสงสัยเราจะได้นอนอีก 1 คืน พี่ร้านกาแฟก็ลงไปแล้ว
จบกัน.........

เหมือนแสงสว่างเล็กๆเกิดขึ้นมีลุงคนนึงมาส่งปูดำที่ร้านข้าวเราพอดีเลยลองคุยว่าขอติดลงไปได้มั้ย
ลุงให้มาคุยกับป้าเจ้าของร้านครับ
ป้าบอกว่ากลับกลุงเทพไปลงแถวรังสิต คนละ 200 ละกัน
เราก็โหหหคุ้มครับคุ้ม
1400 ไปถึง กทม. แม้ว่าจุดมุ่งหมายเราแค่จะไปเล่นน้ำตกที่ไทรโยค
มันก็ยังคุ้มกว่านั่งรถ 2 แถว ที่ 1400 เท่ากัน แต่ไปถึงแค่ตลาดทองผาภูมิ ต้องหารถไปไทรโยคต่ออยู่ดี

ป้ารีบบอกให้พวกเราไปขนของมา เลยรีบวิ่งกันเลยครับ กลัวลุงรอ
ต่อไปนี้ผมจะเรียกว่าลุงปูดำละกันครับ
.....
ที่ไหนได้รถยังไม่ออกลุงปูดำของพวกผมหายไปไหนไม่รู้นานมากจนเวลาล่วงเลยมาเกือบ 3 โมงแล้ว

การเดินทางสุดฮาของพวกเราก็เริ่มต้นขึ้น เรื่องนี้เลยครับที่ทำให้ผมตัดสินใจว่าจะมาเขียนเล่าประสบการณ์ทริปนี้



ติดตามตอนต่อไปได้เร็วๆนี้ครับ
ชื่อสินค้า:   เขาช้างเผือก อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่