สวัสดีทุกๆคนนะคะ
นี่เป็นกระทู้แรกที่เราเขียนในเวปพันทิปนี้ อันเนื่องมาจากความรู้สึกอัดอั้นไม่มีที่ระบาย
ผสมด้วยความหวังดี เพื่ออยากจะเล่าเป็นอุทาหรณ์ให้ทุกคนที่กำลังจะซื้อบ้าน โดยเฉพาะคนที่ไม่ได้มีเงินเหลือเฟือแบบเรา
เพราะลงทุนไปครั้งนึงแล้ว มันเอากลับคืนไม่ได้จริงๆ
ปล. จขกท จบนิเทศศิลป์มา เพราะงั้นความรู้เรื่องช่าง โครงสร้าง งานซ่อมฯลฯ คือด้อยมาก หรือแทบจะไม่รู้เลย
ที่จะเล่าก็จะเป็นคำอธิบายง่ายๆ ตามที่เข้าใจนะคะ
เริ่มเลยละกันนะคะ
หมู่บ้านที่เรากำลังจะพุดถึงนี้ สำหรับใครที่พึ่งจะไปเดินงาน Winter Market Fest ของแสนสิริ
คงจะได้สังเกตุเห็นหมู่บ้านเล็กๆ แห่งนึงในบริเวณ T77นั้น
ที่มีสวนเล็กๆ อยู่ตรงกลางบ้านทาวน์เฮ้าส์หรูสไตล์อังกฤษ
ที่มีชื่อโครงการว่า “Garden Square”
ภายใต้ความสวยงาม ราวกับรักแรกพบ เมื่อปี 2013 เราและครอบครัวเข้าไปชมแวบแรก ก็ตัดสินใจซื้อบ้านที่โครงการนี้ทันที ทั้งที่ตั้งทำเลที่ดีมากๆ ใกล้รถไฟฟ้าอ่อนนุช พระโขนง และมีซอยเข้าออกได้หลายซอย
แปปเดียวก็ถึงทองหล่อ เหมาะสำหรับครอบครัวเรามาก ที่ติดวิถีชีวิตในเมืองมาแต่เด็ก จนกระทั่งตอนนี้
เรามีลูกสาวอายุ 1 ขวบ หรืออายุแทบจะเท่ากับเวลาที่ย้ายเข้ามาบ้านพอดี ตั้งใจว่าอนาคตจะได้พาไปส่งรร. ได้ง่ายๆ และคนอื่นๆในครอบครัวเอง ก็ทำงานในเมืองกันทั้งหมด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://www.sansiri.com/townhouse/garden_square_sukhumvit77/en/home/
บ้านเป็นทาวน์โฮม 4 ชั้น หลังจากทำสัญญาโอนบ้านเสร็จเมื่อเดือนเมษายน 2013 นั้น ซึ่งบริษัทได้ให้บ้านเปล่ามา
เราก็ทำการตกแต่งเพิ่มเติม เรียกว่าลงทุนกับบ้านเต็มที่เหมือนกัน แล้วก็ตื่นเต้นมากๆ ที่จะได้ย้ายเข้ามาอยู่
จนในที่สุดก็ได้ย้ายเข้ามาในเดือนกันยายน 2013 แล้วก็... แจ๊กพ๊อต !!
จะเรียกว่าโชคดี หรือโชคร้าย ที่ย้ายบ้านหน้าฝนพอดี ภายใน 2 อาทิตย์แรกหลังจากย้ายบ้านเข้ามาก็เจอเหตุการณ์แบบนี้

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ถ้าดูจากผังบ้าน คือบริเวณชั้น 3 หน้าห้องนอน2 ห้อง และ ชั้น 1 ห้องน้ำ
http://www.sansiri.com/townhouse/garden_square_sukhumvit77/en/housetype/index.aspx
หลังจากน้ำรั่ว 2 จุดภายในบ้านแบบนี้ แน่นอนค่ะ มันไม่จบแค่นี้แน่
ห้องนอนชั้น 3 ฝ้าก็บวมจากนั้น ก็ขึ้นราบนวอลล์ฯ พื้นห้องนอนชั้น 2 บวม
สภาพเชื้อราที่ห้องนอนชั้น 3 (ห้องเราเองที่อยู่กับลูกสาววัย 1 ขวบ ณ ปัจจุบัน)
บริเวณหน้าห้องนอนชั้น 3 ที่น้ำรั่ว มีการเจาะฝ้าเพือตรวจสอบ และทิ้งไว้สภาพแบบนี้จนถึงเก็บงานซ่อมแซม
ความเสียหายของฝ้าที่ได้รับผลกระทบจากน้ำรั่ว ได้รับการซ่อมโดยการทาสีเก็บ ไม่มีการเปลี่ยนฝ้าใหม่
แล้วดูผลงานการเก็บสีของเค้ากันนะคะ

เค้าบอกว่า เดี๋ยวก็เนียนเหมือนกัน นี่ผ่านมาจะปี ... ผมนี่พูดไม่ออกเลย
ตอนนั้นแจ้งปัญหากับทาง homecare ไปตอนเดือนต้นตุลาคม 2013 กว่าจะได้แก้งานก็พฤศจิกายน 2013
งานแก้ก็จำต้องรื้อกระเบื้องระเบียงชั้น 4 ที่ตรงกับห้องนอนชั้น 3 ที่มีปัญหาออก
เราก็ต้องอยู่ในบ้านที่มีทั้งฝุ่น และคนงานเดินเข้าออกเป็นว่าเล่นตั้งแต่เช้ายันเย็น
ด้วยความที่คิดว่าปัญหาจะจบ จึงได้ทนให้ทำไป ข้าวของก็ฝุ่นเกาะกันไป ดูดฝุ่นบ้างทำความสะอาดบ้าง
ดูสภาพฝุ่นที่ดูดได้นะคะ นึกสภาพตัวเองตอนนั้นท้องก็แก่มาก ต้องมาคอยเดินขึ้นลงเฝ้าช่าง
พร้อมกับบันได ที่ homecare เอากระดาษมาปูไว้ตลอดทาง 4 ชั้น เพราะต้องขนกระเบื้องขึ้นลงตลอดเวลา
หลังจากซ่อมเสร็จไป นึกว่าในที่สุดก็ได้อยู่สุขสบายซะที
ความฝันอันสวยงามก็มลายลง เพราะยังไม่ทันจะพ้นปี
โชคดี อีกครั้งที่หน้าหนาวกรุงเทพฝนก็ยังตกอยู่ เชื้อราก็กลับมาอีกแล้ว
homecare ก็เลยมาเปลี่ยน wallpaper ให้อีกรอบ ทากันซึมอะไรเสร็จให้เราดีใจ
กุมภาพันธุ์ 2014 เชื้อราก็กลับมา
คราวนี้ บ้านเราไม่ยอมกันละ แก้ wallpaper มาสองรอบแล้ว ทีนี้ประกอบกับว่าเริ่มมีเพื่อนบ้านละ
(เป็นโครงการใหม่ เราย้ายเข้าไปหลังแรกค่ะ) homecare เลยทำงานช้าลงมั้ง
ไหนจะขาดคน แถมบ้านก็มีปัญหาเหมือนกันทุกหลัง กว่าเราจะได้แก้งานใหญ่ครั้งที่ 2 ก็ปาไป พฤษภาคม 2014
และนี่คือภาพ ณ ปัจจุบันค่ะ เชื้อราที่ยังไม่หายไป แถมยังขึ้นมาเยอะกว่าเดิม จากเดินแค่สองข้างซ้ายขวา
ตอนนี้มีตรงกลางด้วยแล้ว แถมยังขึ้นที่ห้องชั้น 4 อีก
คือปัญหาเรื่องเชื้อรานี่ เป็นปีแล้ว ยังไม่สามารถแก้ไขได้ แถมยังมีปัญหาเพิ่มขึ้นมาอีก
นอกจากนี้ ยังมีปัญหาเรื่องกลิ่นดีกลับขึ้นมาตามท่อ ทุกๆ วันในห้องน้ำชั้น 2
คือกลิ่นเหม็นมาก เหมือนไข่เน่า แสบจมูกสุดๆ ต้องอาศัยเครื่องฟอกอากาศช่วยบรรเทา
จะเปิดหน้าต่างบ่อยก็ไม่ได้ เพราะมีคอนโดก่อสร้างอยู่ติดกันเลยจะทำให้ฝุ่นเข้าเพราะที่บ้านมีเด็กเล็กด้วย
อยากจะเล่าว่าจริงๆ มีปัญหาจุกจิกอีกมากมายมากค่ะกับโครงการนี้
ไหนจะเรื่องการวางระบบท่อที่คาดว่าน่าจะมีปัญหาแน่ๆ (จากการพูดคุยกับผู้รู้ระบบงานหลายๆคน)
เพราะเวลาฝนตกหนักๆ หรืออาบน้ำชั้น 3 จะได้ยินเสียงน้ำไหลจ๊อกๆๆๆ ตามกำแพงห้องนอนชั้น 2 เลย น่ากลัวมาก
ไหนจะตะขาบ ที่เคยโผล่มาจากท่อด้วยขนาดตัวยาวฟุตนึงมาแล้ว ขอบอกว่า
จากบ้านที่เคยวาดฝันไว้ว่าจะสามารถอยู่ได้อย่างมีความสุขนั้น คือหายไปหมด
เราไม่อยากจะอยู่บ้านนี้ ทุกคืนช่วงหน้าฝนต้องตื่นมากังวลว่าน้ำจะหยดมั้ย เพดานจะพังรึเปล่า
ต้องคอยตรวจบ้าน ตรวจพื้นทุกวัน กลัวจะมีตะขาบมาเกาะของเด็ก
แล้วสภาพเด็กเล็กที่ต้องอาศัยในห้องที่มีเชื้อราขนาดนี้ คือเราไม่รู้ว่ามันมีผลกระทบมากน้อยแค่ไหนในระยะยาวจริงมั้ยคะ?
เรื่องทั้งหมดคือผ่านมาเป็นปีแล้ว ปัญหาเดิมๆ ก็ยังเกิดขึ้น แล้วปัญหาใหม่ก็เพิ่มๆๆ เข้ามาอีกค่ะ
เราทั้งเคยเครียด เคยโกรธ เคยกระวนกระวายใจมาหมด จนตอนนี้มาขำกับปัญหาได้ สงสัยจะใกล้บ้าแล้วหละค่ะ
ปัญหาทั้งหมดนี้ ทำเอาเราจนปัญญาจริงๆ ค่ะ
ล่าสุดที่พบปัญหาเพิ่มเติมคือประมาณเดือนกันยายน 2014 นี้ เรื่องก็เงียบนานมาก
เค้ามาตรวจบ้าน เจาะฝ้าเราทิ้งไว้สภาพนี้ จนทุกวันนี้มีนกเข้าไปทำรังแล้ว
(ซึ่งก็ดีอย่างเพราะปกติจะได้ยินแต่เสียงก่อสร้างทั้งวัน)

นี่ให้เห็นสภาพระเบียงเมื่อมองจากข้างนอก ด้านซ้ายคือบ้านข้างๆ ด้านขวาบ้านของเรา
นอกจากบ้านจะมีสภาพแย่อย่างที่เห็นขนาดนี้ การดูแลลุกค้า ใส่ใจในความเป็นอยู่ของลูกบ้านนั้นยิ่งกว่า
ขอบอกว่า แสนสิริ ไม่สิริเลยซักกะนิด เตือนทุกคนที่จะซื้อบ้านต้องตรวจสอบให้ดีนะคะ
อย่าตกเป็นอย่างกรณีของเรา เพราะบริษัทก็รับผิดชอบแค่การซ่อมเท่านั้น (ซ่อมไปก็ไม่หายด้วย)
ที่เล่ามาทั้งหมดเป็นข้อสรุปของปีที่ผ่านมา กับบ้านราคา 15ล้าน ของบริษัทที่มีภาพลักษณ์สวยงาม
แต่ก็แค่เปลือก...
หวังว่าจะเป็นอุทาหรณ์ให้กับหลายๆ คน
ขอบคุณมากๆ นะคะ
Instagram : RIPGardenSquare
(สร้างไว้เล่นๆ เผื่อมีรูปอัพเดทจะได้ลงเก็บไว้ ถือว่าช่วยจำเหตุการ์ณค่ะ)
Review ทาวน์โฮมหรู แถม *ดอกรา* ฟรี บนวอลล์เปเปอร์แบบรายปี จาก แสบสิริ
นี่เป็นกระทู้แรกที่เราเขียนในเวปพันทิปนี้ อันเนื่องมาจากความรู้สึกอัดอั้นไม่มีที่ระบาย
ผสมด้วยความหวังดี เพื่ออยากจะเล่าเป็นอุทาหรณ์ให้ทุกคนที่กำลังจะซื้อบ้าน โดยเฉพาะคนที่ไม่ได้มีเงินเหลือเฟือแบบเรา
เพราะลงทุนไปครั้งนึงแล้ว มันเอากลับคืนไม่ได้จริงๆ
ปล. จขกท จบนิเทศศิลป์มา เพราะงั้นความรู้เรื่องช่าง โครงสร้าง งานซ่อมฯลฯ คือด้อยมาก หรือแทบจะไม่รู้เลย
ที่จะเล่าก็จะเป็นคำอธิบายง่ายๆ ตามที่เข้าใจนะคะ
เริ่มเลยละกันนะคะ
หมู่บ้านที่เรากำลังจะพุดถึงนี้ สำหรับใครที่พึ่งจะไปเดินงาน Winter Market Fest ของแสนสิริ
คงจะได้สังเกตุเห็นหมู่บ้านเล็กๆ แห่งนึงในบริเวณ T77นั้น
ที่มีสวนเล็กๆ อยู่ตรงกลางบ้านทาวน์เฮ้าส์หรูสไตล์อังกฤษ
ที่มีชื่อโครงการว่า “Garden Square”
ภายใต้ความสวยงาม ราวกับรักแรกพบ เมื่อปี 2013 เราและครอบครัวเข้าไปชมแวบแรก ก็ตัดสินใจซื้อบ้านที่โครงการนี้ทันที ทั้งที่ตั้งทำเลที่ดีมากๆ ใกล้รถไฟฟ้าอ่อนนุช พระโขนง และมีซอยเข้าออกได้หลายซอย
แปปเดียวก็ถึงทองหล่อ เหมาะสำหรับครอบครัวเรามาก ที่ติดวิถีชีวิตในเมืองมาแต่เด็ก จนกระทั่งตอนนี้
เรามีลูกสาวอายุ 1 ขวบ หรืออายุแทบจะเท่ากับเวลาที่ย้ายเข้ามาบ้านพอดี ตั้งใจว่าอนาคตจะได้พาไปส่งรร. ได้ง่ายๆ และคนอื่นๆในครอบครัวเอง ก็ทำงานในเมืองกันทั้งหมด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
บ้านเป็นทาวน์โฮม 4 ชั้น หลังจากทำสัญญาโอนบ้านเสร็จเมื่อเดือนเมษายน 2013 นั้น ซึ่งบริษัทได้ให้บ้านเปล่ามา
เราก็ทำการตกแต่งเพิ่มเติม เรียกว่าลงทุนกับบ้านเต็มที่เหมือนกัน แล้วก็ตื่นเต้นมากๆ ที่จะได้ย้ายเข้ามาอยู่
จนในที่สุดก็ได้ย้ายเข้ามาในเดือนกันยายน 2013 แล้วก็... แจ๊กพ๊อต !!
จะเรียกว่าโชคดี หรือโชคร้าย ที่ย้ายบ้านหน้าฝนพอดี ภายใน 2 อาทิตย์แรกหลังจากย้ายบ้านเข้ามาก็เจอเหตุการณ์แบบนี้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หลังจากน้ำรั่ว 2 จุดภายในบ้านแบบนี้ แน่นอนค่ะ มันไม่จบแค่นี้แน่
ห้องนอนชั้น 3 ฝ้าก็บวมจากนั้น ก็ขึ้นราบนวอลล์ฯ พื้นห้องนอนชั้น 2 บวม
สภาพเชื้อราที่ห้องนอนชั้น 3 (ห้องเราเองที่อยู่กับลูกสาววัย 1 ขวบ ณ ปัจจุบัน)
บริเวณหน้าห้องนอนชั้น 3 ที่น้ำรั่ว มีการเจาะฝ้าเพือตรวจสอบ และทิ้งไว้สภาพแบบนี้จนถึงเก็บงานซ่อมแซม
ความเสียหายของฝ้าที่ได้รับผลกระทบจากน้ำรั่ว ได้รับการซ่อมโดยการทาสีเก็บ ไม่มีการเปลี่ยนฝ้าใหม่
แล้วดูผลงานการเก็บสีของเค้ากันนะคะ
เค้าบอกว่า เดี๋ยวก็เนียนเหมือนกัน นี่ผ่านมาจะปี ... ผมนี่พูดไม่ออกเลย
ตอนนั้นแจ้งปัญหากับทาง homecare ไปตอนเดือนต้นตุลาคม 2013 กว่าจะได้แก้งานก็พฤศจิกายน 2013
งานแก้ก็จำต้องรื้อกระเบื้องระเบียงชั้น 4 ที่ตรงกับห้องนอนชั้น 3 ที่มีปัญหาออก
เราก็ต้องอยู่ในบ้านที่มีทั้งฝุ่น และคนงานเดินเข้าออกเป็นว่าเล่นตั้งแต่เช้ายันเย็น
ด้วยความที่คิดว่าปัญหาจะจบ จึงได้ทนให้ทำไป ข้าวของก็ฝุ่นเกาะกันไป ดูดฝุ่นบ้างทำความสะอาดบ้าง
ดูสภาพฝุ่นที่ดูดได้นะคะ นึกสภาพตัวเองตอนนั้นท้องก็แก่มาก ต้องมาคอยเดินขึ้นลงเฝ้าช่าง
พร้อมกับบันได ที่ homecare เอากระดาษมาปูไว้ตลอดทาง 4 ชั้น เพราะต้องขนกระเบื้องขึ้นลงตลอดเวลา
หลังจากซ่อมเสร็จไป นึกว่าในที่สุดก็ได้อยู่สุขสบายซะที
ความฝันอันสวยงามก็มลายลง เพราะยังไม่ทันจะพ้นปี
โชคดี อีกครั้งที่หน้าหนาวกรุงเทพฝนก็ยังตกอยู่ เชื้อราก็กลับมาอีกแล้ว
homecare ก็เลยมาเปลี่ยน wallpaper ให้อีกรอบ ทากันซึมอะไรเสร็จให้เราดีใจ
กุมภาพันธุ์ 2014 เชื้อราก็กลับมา
คราวนี้ บ้านเราไม่ยอมกันละ แก้ wallpaper มาสองรอบแล้ว ทีนี้ประกอบกับว่าเริ่มมีเพื่อนบ้านละ
(เป็นโครงการใหม่ เราย้ายเข้าไปหลังแรกค่ะ) homecare เลยทำงานช้าลงมั้ง
ไหนจะขาดคน แถมบ้านก็มีปัญหาเหมือนกันทุกหลัง กว่าเราจะได้แก้งานใหญ่ครั้งที่ 2 ก็ปาไป พฤษภาคม 2014
และนี่คือภาพ ณ ปัจจุบันค่ะ เชื้อราที่ยังไม่หายไป แถมยังขึ้นมาเยอะกว่าเดิม จากเดินแค่สองข้างซ้ายขวา
ตอนนี้มีตรงกลางด้วยแล้ว แถมยังขึ้นที่ห้องชั้น 4 อีก
คือปัญหาเรื่องเชื้อรานี่ เป็นปีแล้ว ยังไม่สามารถแก้ไขได้ แถมยังมีปัญหาเพิ่มขึ้นมาอีก
นอกจากนี้ ยังมีปัญหาเรื่องกลิ่นดีกลับขึ้นมาตามท่อ ทุกๆ วันในห้องน้ำชั้น 2
คือกลิ่นเหม็นมาก เหมือนไข่เน่า แสบจมูกสุดๆ ต้องอาศัยเครื่องฟอกอากาศช่วยบรรเทา
จะเปิดหน้าต่างบ่อยก็ไม่ได้ เพราะมีคอนโดก่อสร้างอยู่ติดกันเลยจะทำให้ฝุ่นเข้าเพราะที่บ้านมีเด็กเล็กด้วย
อยากจะเล่าว่าจริงๆ มีปัญหาจุกจิกอีกมากมายมากค่ะกับโครงการนี้
ไหนจะเรื่องการวางระบบท่อที่คาดว่าน่าจะมีปัญหาแน่ๆ (จากการพูดคุยกับผู้รู้ระบบงานหลายๆคน)
เพราะเวลาฝนตกหนักๆ หรืออาบน้ำชั้น 3 จะได้ยินเสียงน้ำไหลจ๊อกๆๆๆ ตามกำแพงห้องนอนชั้น 2 เลย น่ากลัวมาก
ไหนจะตะขาบ ที่เคยโผล่มาจากท่อด้วยขนาดตัวยาวฟุตนึงมาแล้ว ขอบอกว่า
จากบ้านที่เคยวาดฝันไว้ว่าจะสามารถอยู่ได้อย่างมีความสุขนั้น คือหายไปหมด
เราไม่อยากจะอยู่บ้านนี้ ทุกคืนช่วงหน้าฝนต้องตื่นมากังวลว่าน้ำจะหยดมั้ย เพดานจะพังรึเปล่า
ต้องคอยตรวจบ้าน ตรวจพื้นทุกวัน กลัวจะมีตะขาบมาเกาะของเด็ก
แล้วสภาพเด็กเล็กที่ต้องอาศัยในห้องที่มีเชื้อราขนาดนี้ คือเราไม่รู้ว่ามันมีผลกระทบมากน้อยแค่ไหนในระยะยาวจริงมั้ยคะ?
เรื่องทั้งหมดคือผ่านมาเป็นปีแล้ว ปัญหาเดิมๆ ก็ยังเกิดขึ้น แล้วปัญหาใหม่ก็เพิ่มๆๆ เข้ามาอีกค่ะ
เราทั้งเคยเครียด เคยโกรธ เคยกระวนกระวายใจมาหมด จนตอนนี้มาขำกับปัญหาได้ สงสัยจะใกล้บ้าแล้วหละค่ะ
ปัญหาทั้งหมดนี้ ทำเอาเราจนปัญญาจริงๆ ค่ะ
ล่าสุดที่พบปัญหาเพิ่มเติมคือประมาณเดือนกันยายน 2014 นี้ เรื่องก็เงียบนานมาก
เค้ามาตรวจบ้าน เจาะฝ้าเราทิ้งไว้สภาพนี้ จนทุกวันนี้มีนกเข้าไปทำรังแล้ว
(ซึ่งก็ดีอย่างเพราะปกติจะได้ยินแต่เสียงก่อสร้างทั้งวัน)
นี่ให้เห็นสภาพระเบียงเมื่อมองจากข้างนอก ด้านซ้ายคือบ้านข้างๆ ด้านขวาบ้านของเรา
นอกจากบ้านจะมีสภาพแย่อย่างที่เห็นขนาดนี้ การดูแลลุกค้า ใส่ใจในความเป็นอยู่ของลูกบ้านนั้นยิ่งกว่า
ขอบอกว่า แสนสิริ ไม่สิริเลยซักกะนิด เตือนทุกคนที่จะซื้อบ้านต้องตรวจสอบให้ดีนะคะ
อย่าตกเป็นอย่างกรณีของเรา เพราะบริษัทก็รับผิดชอบแค่การซ่อมเท่านั้น (ซ่อมไปก็ไม่หายด้วย)
ที่เล่ามาทั้งหมดเป็นข้อสรุปของปีที่ผ่านมา กับบ้านราคา 15ล้าน ของบริษัทที่มีภาพลักษณ์สวยงาม
แต่ก็แค่เปลือก...
หวังว่าจะเป็นอุทาหรณ์ให้กับหลายๆ คน
ขอบคุณมากๆ นะคะ
Instagram : RIPGardenSquare
(สร้างไว้เล่นๆ เผื่อมีรูปอัพเดทจะได้ลงเก็บไว้ ถือว่าช่วยจำเหตุการ์ณค่ะ)