อยากมา แชร์ ประสบการณ์ที่ผ่านมาค่ะ เผื่อจะเป็นประโยชน์ กับเพื่อนๆ ค่ะ
1. เริ่มจาก เราทำงานอยู่ ตจว. แต่ซื้อทาวเฮาส์ ไว้ให้ พ่อ กับ แม่อยู่ ที่ปทุมธานี เป็นเวลาประมาณเกือบ 5 ปี ทีนี้ เราอยากจะขาย เพื่อจะให้ พ่อกับแม่ ย้ายไปอยู่กับเรา โดยเราจะซื้อที่ดินเพื่อสร้างบ้าน ตกลงใจเสร็จ เลยบอกให้ แม่ช่วยบอกต่อๆกันไปเผื่อใคร สนใจ หลังจากนั้น 1 สัปดาห์ แม่โทรมาบอกเราว่ามีนาย หน้า สนใจจะซื้อขอเข้ามาดูบ้านแล้ว และ แม่ก็ให้เบอร์เราไปเรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้น นายหน้าก็ โทรมาหาเรา บอกว่า สนใจจะซื้อ แล้วถามเราว่า ติดผ่อนแบงค์อยู่หรือเปล่า เราบอกว่า ติดผ่อนแบงค์สีส้มอยู่ เค้าถามต่อว่า ชื่อในโฉนดเป็นชื่อใคร เราก็บอกว่า เป็นชื่อเรากับสามี เค้าเลยบอกว่า งั้นขอชื่อ-สกุล ของเราคนเดียวก็ได้ เพื่อจะเช็คกับทาง แบงค์ ก่อนว่า ประวัติเราสามารถขายได้ไหม ราคาที่เราขายให้ เกินจริงหรือเปล่า เราเลยบอกไป โดยไม่คิดอะไร วันรุ่งขึ้นเค้าโทรมาบอกเราว่า แบงค์ไม่มีปัญหาอะไร พร้อมบอกยอดสุทธิ ให้เรารับทราบเรียบร้อย ( มืออาชีพจริงๆ )
2. หลังจากนั้น เค้าโทรมานัดเรา ขอให้ไปทำสัญญาจะซื้อจะขาย พร้อมวางเงินมัดจำ ซึ่งเราก็ขับรถกลับไปที่บ้านเพื่อทำสัญญา ซึ่งในสัญญา ระบุชื่อคนทำสัญญา คือ ชื่อเรา กับ ชื่อนายหน้า แต่มีข้อแม้ว่า นายหน้าสามารถขายทอดต่อให้คนอื่นได้ รวมถึง ในสัญญา มีการระบุ ราคาขาย ภาระค่าใช้จ่ายต่างๆว่าใครรับผิดชอบในส่วนไหน ซึ่งเราผู้ขาย ตกลงว่า จะรับในส่วน ภาษีเงินได้ และ อาการ / ภาษีธุระกิจ ( อย่างใดอย่างหนึ่ง ) รวมถึงระบุวันที่นัดชำระเงินคงเหลือ ทั้งหมด โดยมีข้อแม้ว่าถ้าไม่มาตามนัด เราสามารถยึดเงินมัดจำได้ เนื่องจาก เค้าเป็นนายหน้าขายบ้าน เค้าเลยมีความจำเป็นต้องขอเวลาเราในการเข้ามาตกแต่งบ้านให้ใหม่ ก่อนที่จะขายทอดต่อให้คนซื้อ ซึ่งเค้าขอเวลาตั้งแต่ ตกแต่งบ้าน ติดต่อผู้ซื้อ และ ต่างๆรวมทั้งสิ้น 3 เดือน ซึ่งเราก็ไม่มีปัญหาอะไรเพียงแต่ว่า ในระยะ 3 เดือนนี้ พ่อ กับ แม่ เราต้องย้ายออก โดยที่เรายังไม่ได้เงินค่าขายบ้าน ดังนั้น นายหน้า ต้องรับผิดชอบในการเช่าบ้านให้เราในช่วงระหว่างที่ รอนายหน้า จัดการกับภาระกิจของเค้า ซึ่ง นายหน้าก็ยอมโดยไม่มีปัญหาใดๆ
อ่อ... ลืมบอกไปค่ะ ตอนทำสัญญา นายหน้าขอสำเนาบัตรประชาชนกับสำเนาทะเบียนบ้านของเราไปแนบสัญญาด้วยนะคะ ส่วนเราก็จะได้ของนายหน้าเก็บไว้เหมือนกันค่ะ
3. หนึ่งเดือนต่อมา นายหน้า โทรมาบอกเราว่า ตกแต่งบ้านเสร็จแล้ว ผู้ซื้อกำลังทำเรื่องกับธนาคาร ซึ่ง เป็น ธนาคารเดียวกับที่เราผ่อนอยู่ คิดว่าไม่เกิน หนึ่งสัปดาห์ รู้ผล 3 วันหลังจากนั้น นายหน้าโทรนัดเราบอกว่า วันอังคาร ให้ไปทำเรื่องปิดยอดและไถ่ถอน ที่ สำนักงานใหญ่ของธนาคาร แล้ว วันศุกร์ ให้ไปทำเรื่องซื้อขาย ที่ กรมที่ดิน พอได้ฟังเราก็คิดว่าเป็นข่าวดีจริงๆ เร็วกว่าที่คิดไว้มาก แต่เราก็แอบสงสัยในใจว่า เอ๊ะ!! กรณีแบบนี้ ทำไม ธนาคารไม่เห็นโทรมาถามเราเลย เค้ารู้ได้อย่างไร ว่าเราจะขายหรือไม่ขาย อะไร ประมาณนั้น เราเลย หันไปปรึกษา กับ คุณสามี ซึ่งก็บอกเราว่า เอาน่า เค้าไม่โกงหรอกโฉนดอยู่ที่ ธนาคาร ยังไงก็โกงไม่ได้ เราก็ อืมๆ แตก็ยังคิดหนัก
4. วันอังคาร เราไปตามนัด พอไปถึง นายหน้าให้เราไปที่ช่อง 13 ซึ่งมีผู้ซื้อนั่งเซ็นเอกสารอยู่ก่อนแล้ว พอเราไปถึง เจ้าหน้าที่ธนาคาร ถามเราว่าผู้ขายใช่ไหม ตกลงกันหรือยังว่าจะโอนเมื่อไหร่ ตกลงแล้วใช่ไหม เอาเอกสารนี้ พร้อมแนบสำเนาบัตรประชาชนไปยื่นที่ช่อง นิติกรรม เพื่อสอบถามยอดปิดบัญชี พอได้ยอดมาเราก็นำไปยื่นที่ช่องเดิม เจ้าหน้าที่คนเดิมก็บอกกับเราว่า จำยอดได้มั้ย ถ้าจำไม่ได้ก็ถ่ายรูปเก็บไว้ เราเลยถ่ายรูป แล้วก็นั่งรอ ด้วยคิดว่าเดี๋ยวธนาคารคงจะเรียกเราไปรับทราบอะไรอีก เราก็รอจนผู้ซื้อเซ็นเอกสารเสร็จ ยกมือไหว้เจ้าหน้าที่เรียบร้อย เราก็ สงสัยว่า เอ๊ะ!! ทำไมธนาคาร ไม่เห็นถามรายละเอียดอะไรเลย แล้วเค้ารู้ได้ไง ว่าเราขายอะไร เท่าไหร่ ยังไง เราเลย หันไปปรึกษา กับ คุณสามี ซึ่งก็บอกเราในประโยคเดิมๆว่า เอาน่า เค้าไม่โกงหรอก อยากรู้อะไรเดินไปถามเจ้าหน้าที่เลย เราก็แบบ เอ่อ จากราคาที่เราขาย หักจากยอดหนี้ เงินเราเหลือเป็น แสนนะ ถ้าโดนโกง มันก็นะ ไม่อยากจะคิด เราก็เอาไงดีหว่า จะเอาคำถามไหนไปถาม กับเจ้าหน้าที่ให้ดูไม่น่าเกลียดดี (ว่ะ) พอดี นายหน้าโทรหาเราบอกว่า ถ้าเสร็จแล้ว ให้ไปเปิดบัญชีไว้เลย พอวันโอนจะได้ไม่เสียเวลา เพราะ ต้องเอาเช็คเข้าบัญชีก่อนถึงจะถอนได้ เราก็เลย ได้คำถามที่จะถามเจ้าหน้าที่ธนาคารแล้ว ดังนั้นเราเลยเดินไปถามว่า คือในสัญญาทำไว้ 2 ชื่อ เวลาทำเช็คสั่งจ่าย จะเป็นชื่อใครคะ จะได้ไปเตรียมเปิดบัญชีไว้รอ เจ้าหน้าที่ทำหน้า งง เหมือนจำไม่ได้ แล้วก็บอกกับเราว่า เดี่ยวนะ ขอดูก่อน แล้วเค้าก็เปิดๆ เราก็ดูตามไปด้วย แล้วเค้าก็เปิดมาถึง หน้าสัญญาจะซื้อจะขาย ซึ่งในสัญญาระบุ ชื่อเราเป็นผู้ขาย และ ชื่อผู้ซื้อเป็นผู้ซื้อไม่มีชื่อนายหน้า สัญญาไม่เหมือนที่เราทำ ยอดเงินก็สูงกว่าที่ตกลงกันไว้ เราก็เอ๋อๆ งงๆ เจ้าหน้าที่ก็เปิดไปถึงสำเนาบัตรประชาชน ที่เราเคยให้นายหน้าไว้ แล้วก็บอกกับเราว่า เป็นชื่อของคุณ... นี้ค่ะ เอาอีกแล้ว มีเรื่องให้เราเครียดอีกแล้ว เราหันไปหา คุณสามี มองหน้าเหมือนจะถามว่า เอาไง คุณสามี บอกกับเจ้าหน้าที่ว่า ขอบคุณครับ แล้ว เดินออกมา พอเราถาม คุณสามีก็บอกว่า เอาน่าเค้าไม่โกงหรอก สัญญาเค้าต้องทำใหม่อยู่แล้ว ไม่งั้นผู้ซื้อจะมาทำเรื่องได้ไง ส่วนยอดเงินต้องสูงกว่ายอดจริงถูกแล้ว ผู้ซื้อจะได้เหลือเงินไว้ไง เราเลยถามคุณสามี ต่อ ว่า แล้วยอดเงินที่สูง มันจะมีผลกับ ภาษีที่เราต้องเสียมั้ย อึ้ง ครับ คุณสามีบอกว่า รอไปลุ้นที่ กรมที่ดิน
5. ถึงวันศุกร์ เราไปตามเวลานัด เจอเจ้าหน้าที่แบงค์ก่อน ที่รู้ว่าเป็น เจ้าหน้าที่แบงค์ เพราะเค้าตะโกนว่า ลูกค้าแบงค์ส้ม ทางนี้คร้าบบ เราเลยเดินไปหา บอกชื่อไป เค้าบอก ให้รอก่อน ยังไม่ได้เขียนเช็ค เราก็เฮ้ย อะไรอ่ะ มีด้วยหรอ ปกติ เค้าต้องเตรียมมาครบแล้วนี่นา ระหว่างยืนงง นายหน้ามาพอดี เค้าบอกให้เราไปเซ็นเอกสารกับเจ้าหน้าที่ก่อน เตรียมไว้แล้ว มีทั้ง สัญญาซื้อขาย สัญญาไถ่ถอน เรากับ คุณสามี ก็อ่านไป เซ็นไป พอเห็นตัวเลขยอดขาย ปรากฎว่า ยอดน้อยกว่าที่ตกลงกัน ซึ่ง นายหน้ามาแอบกระซิบว่า บอกยอดน้อย จะได้เสียภาษีน้อย เราไม่ดีใจเลย เพราะเรากลัวว่า เค้าจะจ่ายให้เราตามยอดซื้อขาย ยิ่งพอมาถึง หน้าสุดท้าย ระบุว่า ผู้ขาย ได้รับเงิน ตามจำนวน ดังกล่าว ครบถ้วนแล้ว เราก็ชะงัก ยังไม่เซ็น หันไปจะปรึกษา กับ คุณสามี ปรากฎว่า คุณสามี ลุกเดินไปหา นายหน้าแล้ว บอกว่า ขอดูเช็ค ก่อน เพราะ กลัว ลงยอดเงินกับลงชื่อผิด แล้วต้องมาแก้ไข มันจะยุ่งยาก นายหน้าทำ สีหน้าหงุดหงิด แต่ก็พาไปหา เจ้าหน้าที่แบงค์ ซึ่งพอไปขอดู นางก็เอาให้ดูแต่โดยดีแบบลั้ลลา ไม่เห็นบอกว่ายังไม่ได้เขียนแต่อย่างใด พอเราเห็น ปรากฎว่า เป็นแคชเชียร์เช็ค ลงชื่อว่า เป็นเช็คของผู้ซื้อ สั่งจ่าย ชื่อเรา ยอดเงินก็เป็นยอดที่ตรงกับ ยอดที่เราเห็นในสัญญาจะซื้อจะขายฉบับธนาคาร เราก็เลย พากันไปเซ็นชื่อ อยากให้จบสักที หัวใจจะวายตาย พอเราลงชื่อเสร็จ ผู้ซื้อลงเสร็จ นายหน้าก็พาผู้ซื้อไปหาเจ้าหน้าที่แบงค์ เพื่อเซ็นเอกสาร และ ถ่ายเอกสาร เสร็จแล้ว นายหน้าก็ จูงมือ คนซื้อ ไปหามุม เงียบๆคุยกัน เราก็คอยมองตาม แล้วเราก็เห็นว่า นายหน้าเขียนอะไร ยุกยิกๆ กดๆเครื่องคิดเลข แล้วก็ นับเงินสดออกมาให้ผู้ซื้อก้อนเบ้อเริ่ม เราก็ คิดว่า เอาแล้วไง มีจ่ายเงินด้วย ทำงานเป็นแก็งค์แน่เลย โดนโกงแน่ๆ หันไปหา คุณสามี เพิ่งมีครั้งนี้ ที่คุณสามี ทำหน้าซีดๆ แต่ก็ยังบอกว่า เอาน่า รอดูไปก่อน เจ้าหน้าที่แบงค์ ก็ยังอยู่ เค้าไม่โกงหรอก อีกแล้ว สามีช้านน ... แบบนี้ อีกแล้ว เราก็จับตาดู สถานการณ์ ต่อไป ปรากฎว่า คนซื้อลุกขึ้น เพื่อจะกลับ เราเลย เอ๊ะ!! ไม่ไหวแล้ว อึดอัด เครียด เราเลยเดินจูงมือกัน ไปหา เจ้าหน้าที่แบงค์ ถามหา เช็ค เจ้าหน้าที่บอกว่า ทั้งเช็ค และ เอกสารของผู้ขาย ทั้งหมด อยู่ที่ นายหน้าแล้ว ให้เราไปรับได้ที่นายหน้า วูบแรก เรารู้สึกว่า โมโห นะ ก็เราเป็นคนขาย ทำไม แบงค์ ไม่ให้เรา ให้นายหน้าทำไม คือ แบบ นายหน้าจ่ายใต้โต๊ะขนาดไหนหรอ ไม่ว่า ใครๆ ก็ทำอะไรให้แบบง่ายดาย และ รวดเร็วหมด กำลังจะ อ้าปากถาม นายหน้าเดินมาพอดี เค้าบอกกับเราว่า เช็คและเอกสาร อยู่ที่เค้าหมดแล้ว เดี๋ยวไปเบิกด้วยกันที่ ธนาคาร ส่วนคนซื้อกลับไปแล้ว เพราะ นายหน้าจ่ายเงินส่วนต่างให้คนซื้อด้วยเงินสดแล้ว ดังนั้น ยอดเงินในเช็ค เลยเป็นยอดของเรา กับ ของนายหน้า ต่างคนต่างขับไปเจอกันที่ ธนาคาร แต่เช็ค นายหน้าขอเก็บไว้ โดยเค้าให้เหตุผลว่า จะเอาเช็คและเอกสารไปให้ธนาคารปลดล็อคก่อน เราจะได้ ถอนเงินได้เร็วขึ้น โอ้ บร้ะเจ้า มีเรื่องให้ ตื่นเต้นอีกแล้ว พอนายหน้าออกรถ คุณสามี ก็ขับตามตูดไปติดๆ วันนี้ ยอมให้ คุณสามี ขับซิ่งแบบไม่มีการบ่น 555+ และแล้ว เราก็มาถึง ธนาคาร นายหน้าก็เดินไปหา คนนู้น คนนี้ แล้วก็เอาเช็ค มาให้เรา เพื่อทำใบฝาก 1 ใบ และ ใบถอน 1 ใบ กดบัตรคิว รอเรียก เมื่อถึง คิว ก็เบิกๆถอนๆ นับๆ แล้วก็แบ่งส่วนกันไป เฮ้อ !! หมดเวร หมดกรรมสักที
ไม่รู้ว่าจะพอมีประโยชน์ กับ เพื่อนๆ บ้างหรือเปล่านะคะ แต่ก็อยาก แชร์ ให้ค่ะ ภาระกิจ ต่อไปของเรา คือ จะไปติดต่อเทศบาลเพื่อขอแบบบ้าน แล้วก็ไปติดต่อ ธนาคาร ถ้าเพื่อนๆ มีข้อแนะนำ ก็ขอแรงช่วยหน่อยนะคะ ... ขอบคุณค่ะ

แบ่งปันประสบการณ์ ขายบ้านผ่าน นายหน้า ( ในนามบุคคล ไม่ใช่ ในนามบริษัท )
1. เริ่มจาก เราทำงานอยู่ ตจว. แต่ซื้อทาวเฮาส์ ไว้ให้ พ่อ กับ แม่อยู่ ที่ปทุมธานี เป็นเวลาประมาณเกือบ 5 ปี ทีนี้ เราอยากจะขาย เพื่อจะให้ พ่อกับแม่ ย้ายไปอยู่กับเรา โดยเราจะซื้อที่ดินเพื่อสร้างบ้าน ตกลงใจเสร็จ เลยบอกให้ แม่ช่วยบอกต่อๆกันไปเผื่อใคร สนใจ หลังจากนั้น 1 สัปดาห์ แม่โทรมาบอกเราว่ามีนาย หน้า สนใจจะซื้อขอเข้ามาดูบ้านแล้ว และ แม่ก็ให้เบอร์เราไปเรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้น นายหน้าก็ โทรมาหาเรา บอกว่า สนใจจะซื้อ แล้วถามเราว่า ติดผ่อนแบงค์อยู่หรือเปล่า เราบอกว่า ติดผ่อนแบงค์สีส้มอยู่ เค้าถามต่อว่า ชื่อในโฉนดเป็นชื่อใคร เราก็บอกว่า เป็นชื่อเรากับสามี เค้าเลยบอกว่า งั้นขอชื่อ-สกุล ของเราคนเดียวก็ได้ เพื่อจะเช็คกับทาง แบงค์ ก่อนว่า ประวัติเราสามารถขายได้ไหม ราคาที่เราขายให้ เกินจริงหรือเปล่า เราเลยบอกไป โดยไม่คิดอะไร วันรุ่งขึ้นเค้าโทรมาบอกเราว่า แบงค์ไม่มีปัญหาอะไร พร้อมบอกยอดสุทธิ ให้เรารับทราบเรียบร้อย ( มืออาชีพจริงๆ )
2. หลังจากนั้น เค้าโทรมานัดเรา ขอให้ไปทำสัญญาจะซื้อจะขาย พร้อมวางเงินมัดจำ ซึ่งเราก็ขับรถกลับไปที่บ้านเพื่อทำสัญญา ซึ่งในสัญญา ระบุชื่อคนทำสัญญา คือ ชื่อเรา กับ ชื่อนายหน้า แต่มีข้อแม้ว่า นายหน้าสามารถขายทอดต่อให้คนอื่นได้ รวมถึง ในสัญญา มีการระบุ ราคาขาย ภาระค่าใช้จ่ายต่างๆว่าใครรับผิดชอบในส่วนไหน ซึ่งเราผู้ขาย ตกลงว่า จะรับในส่วน ภาษีเงินได้ และ อาการ / ภาษีธุระกิจ ( อย่างใดอย่างหนึ่ง ) รวมถึงระบุวันที่นัดชำระเงินคงเหลือ ทั้งหมด โดยมีข้อแม้ว่าถ้าไม่มาตามนัด เราสามารถยึดเงินมัดจำได้ เนื่องจาก เค้าเป็นนายหน้าขายบ้าน เค้าเลยมีความจำเป็นต้องขอเวลาเราในการเข้ามาตกแต่งบ้านให้ใหม่ ก่อนที่จะขายทอดต่อให้คนซื้อ ซึ่งเค้าขอเวลาตั้งแต่ ตกแต่งบ้าน ติดต่อผู้ซื้อ และ ต่างๆรวมทั้งสิ้น 3 เดือน ซึ่งเราก็ไม่มีปัญหาอะไรเพียงแต่ว่า ในระยะ 3 เดือนนี้ พ่อ กับ แม่ เราต้องย้ายออก โดยที่เรายังไม่ได้เงินค่าขายบ้าน ดังนั้น นายหน้า ต้องรับผิดชอบในการเช่าบ้านให้เราในช่วงระหว่างที่ รอนายหน้า จัดการกับภาระกิจของเค้า ซึ่ง นายหน้าก็ยอมโดยไม่มีปัญหาใดๆ
อ่อ... ลืมบอกไปค่ะ ตอนทำสัญญา นายหน้าขอสำเนาบัตรประชาชนกับสำเนาทะเบียนบ้านของเราไปแนบสัญญาด้วยนะคะ ส่วนเราก็จะได้ของนายหน้าเก็บไว้เหมือนกันค่ะ
3. หนึ่งเดือนต่อมา นายหน้า โทรมาบอกเราว่า ตกแต่งบ้านเสร็จแล้ว ผู้ซื้อกำลังทำเรื่องกับธนาคาร ซึ่ง เป็น ธนาคารเดียวกับที่เราผ่อนอยู่ คิดว่าไม่เกิน หนึ่งสัปดาห์ รู้ผล 3 วันหลังจากนั้น นายหน้าโทรนัดเราบอกว่า วันอังคาร ให้ไปทำเรื่องปิดยอดและไถ่ถอน ที่ สำนักงานใหญ่ของธนาคาร แล้ว วันศุกร์ ให้ไปทำเรื่องซื้อขาย ที่ กรมที่ดิน พอได้ฟังเราก็คิดว่าเป็นข่าวดีจริงๆ เร็วกว่าที่คิดไว้มาก แต่เราก็แอบสงสัยในใจว่า เอ๊ะ!! กรณีแบบนี้ ทำไม ธนาคารไม่เห็นโทรมาถามเราเลย เค้ารู้ได้อย่างไร ว่าเราจะขายหรือไม่ขาย อะไร ประมาณนั้น เราเลย หันไปปรึกษา กับ คุณสามี ซึ่งก็บอกเราว่า เอาน่า เค้าไม่โกงหรอกโฉนดอยู่ที่ ธนาคาร ยังไงก็โกงไม่ได้ เราก็ อืมๆ แตก็ยังคิดหนัก
4. วันอังคาร เราไปตามนัด พอไปถึง นายหน้าให้เราไปที่ช่อง 13 ซึ่งมีผู้ซื้อนั่งเซ็นเอกสารอยู่ก่อนแล้ว พอเราไปถึง เจ้าหน้าที่ธนาคาร ถามเราว่าผู้ขายใช่ไหม ตกลงกันหรือยังว่าจะโอนเมื่อไหร่ ตกลงแล้วใช่ไหม เอาเอกสารนี้ พร้อมแนบสำเนาบัตรประชาชนไปยื่นที่ช่อง นิติกรรม เพื่อสอบถามยอดปิดบัญชี พอได้ยอดมาเราก็นำไปยื่นที่ช่องเดิม เจ้าหน้าที่คนเดิมก็บอกกับเราว่า จำยอดได้มั้ย ถ้าจำไม่ได้ก็ถ่ายรูปเก็บไว้ เราเลยถ่ายรูป แล้วก็นั่งรอ ด้วยคิดว่าเดี๋ยวธนาคารคงจะเรียกเราไปรับทราบอะไรอีก เราก็รอจนผู้ซื้อเซ็นเอกสารเสร็จ ยกมือไหว้เจ้าหน้าที่เรียบร้อย เราก็ สงสัยว่า เอ๊ะ!! ทำไมธนาคาร ไม่เห็นถามรายละเอียดอะไรเลย แล้วเค้ารู้ได้ไง ว่าเราขายอะไร เท่าไหร่ ยังไง เราเลย หันไปปรึกษา กับ คุณสามี ซึ่งก็บอกเราในประโยคเดิมๆว่า เอาน่า เค้าไม่โกงหรอก อยากรู้อะไรเดินไปถามเจ้าหน้าที่เลย เราก็แบบ เอ่อ จากราคาที่เราขาย หักจากยอดหนี้ เงินเราเหลือเป็น แสนนะ ถ้าโดนโกง มันก็นะ ไม่อยากจะคิด เราก็เอาไงดีหว่า จะเอาคำถามไหนไปถาม กับเจ้าหน้าที่ให้ดูไม่น่าเกลียดดี (ว่ะ) พอดี นายหน้าโทรหาเราบอกว่า ถ้าเสร็จแล้ว ให้ไปเปิดบัญชีไว้เลย พอวันโอนจะได้ไม่เสียเวลา เพราะ ต้องเอาเช็คเข้าบัญชีก่อนถึงจะถอนได้ เราก็เลย ได้คำถามที่จะถามเจ้าหน้าที่ธนาคารแล้ว ดังนั้นเราเลยเดินไปถามว่า คือในสัญญาทำไว้ 2 ชื่อ เวลาทำเช็คสั่งจ่าย จะเป็นชื่อใครคะ จะได้ไปเตรียมเปิดบัญชีไว้รอ เจ้าหน้าที่ทำหน้า งง เหมือนจำไม่ได้ แล้วก็บอกกับเราว่า เดี่ยวนะ ขอดูก่อน แล้วเค้าก็เปิดๆ เราก็ดูตามไปด้วย แล้วเค้าก็เปิดมาถึง หน้าสัญญาจะซื้อจะขาย ซึ่งในสัญญาระบุ ชื่อเราเป็นผู้ขาย และ ชื่อผู้ซื้อเป็นผู้ซื้อไม่มีชื่อนายหน้า สัญญาไม่เหมือนที่เราทำ ยอดเงินก็สูงกว่าที่ตกลงกันไว้ เราก็เอ๋อๆ งงๆ เจ้าหน้าที่ก็เปิดไปถึงสำเนาบัตรประชาชน ที่เราเคยให้นายหน้าไว้ แล้วก็บอกกับเราว่า เป็นชื่อของคุณ... นี้ค่ะ เอาอีกแล้ว มีเรื่องให้เราเครียดอีกแล้ว เราหันไปหา คุณสามี มองหน้าเหมือนจะถามว่า เอาไง คุณสามี บอกกับเจ้าหน้าที่ว่า ขอบคุณครับ แล้ว เดินออกมา พอเราถาม คุณสามีก็บอกว่า เอาน่าเค้าไม่โกงหรอก สัญญาเค้าต้องทำใหม่อยู่แล้ว ไม่งั้นผู้ซื้อจะมาทำเรื่องได้ไง ส่วนยอดเงินต้องสูงกว่ายอดจริงถูกแล้ว ผู้ซื้อจะได้เหลือเงินไว้ไง เราเลยถามคุณสามี ต่อ ว่า แล้วยอดเงินที่สูง มันจะมีผลกับ ภาษีที่เราต้องเสียมั้ย อึ้ง ครับ คุณสามีบอกว่า รอไปลุ้นที่ กรมที่ดิน
5. ถึงวันศุกร์ เราไปตามเวลานัด เจอเจ้าหน้าที่แบงค์ก่อน ที่รู้ว่าเป็น เจ้าหน้าที่แบงค์ เพราะเค้าตะโกนว่า ลูกค้าแบงค์ส้ม ทางนี้คร้าบบ เราเลยเดินไปหา บอกชื่อไป เค้าบอก ให้รอก่อน ยังไม่ได้เขียนเช็ค เราก็เฮ้ย อะไรอ่ะ มีด้วยหรอ ปกติ เค้าต้องเตรียมมาครบแล้วนี่นา ระหว่างยืนงง นายหน้ามาพอดี เค้าบอกให้เราไปเซ็นเอกสารกับเจ้าหน้าที่ก่อน เตรียมไว้แล้ว มีทั้ง สัญญาซื้อขาย สัญญาไถ่ถอน เรากับ คุณสามี ก็อ่านไป เซ็นไป พอเห็นตัวเลขยอดขาย ปรากฎว่า ยอดน้อยกว่าที่ตกลงกัน ซึ่ง นายหน้ามาแอบกระซิบว่า บอกยอดน้อย จะได้เสียภาษีน้อย เราไม่ดีใจเลย เพราะเรากลัวว่า เค้าจะจ่ายให้เราตามยอดซื้อขาย ยิ่งพอมาถึง หน้าสุดท้าย ระบุว่า ผู้ขาย ได้รับเงิน ตามจำนวน ดังกล่าว ครบถ้วนแล้ว เราก็ชะงัก ยังไม่เซ็น หันไปจะปรึกษา กับ คุณสามี ปรากฎว่า คุณสามี ลุกเดินไปหา นายหน้าแล้ว บอกว่า ขอดูเช็ค ก่อน เพราะ กลัว ลงยอดเงินกับลงชื่อผิด แล้วต้องมาแก้ไข มันจะยุ่งยาก นายหน้าทำ สีหน้าหงุดหงิด แต่ก็พาไปหา เจ้าหน้าที่แบงค์ ซึ่งพอไปขอดู นางก็เอาให้ดูแต่โดยดีแบบลั้ลลา ไม่เห็นบอกว่ายังไม่ได้เขียนแต่อย่างใด พอเราเห็น ปรากฎว่า เป็นแคชเชียร์เช็ค ลงชื่อว่า เป็นเช็คของผู้ซื้อ สั่งจ่าย ชื่อเรา ยอดเงินก็เป็นยอดที่ตรงกับ ยอดที่เราเห็นในสัญญาจะซื้อจะขายฉบับธนาคาร เราก็เลย พากันไปเซ็นชื่อ อยากให้จบสักที หัวใจจะวายตาย พอเราลงชื่อเสร็จ ผู้ซื้อลงเสร็จ นายหน้าก็พาผู้ซื้อไปหาเจ้าหน้าที่แบงค์ เพื่อเซ็นเอกสาร และ ถ่ายเอกสาร เสร็จแล้ว นายหน้าก็ จูงมือ คนซื้อ ไปหามุม เงียบๆคุยกัน เราก็คอยมองตาม แล้วเราก็เห็นว่า นายหน้าเขียนอะไร ยุกยิกๆ กดๆเครื่องคิดเลข แล้วก็ นับเงินสดออกมาให้ผู้ซื้อก้อนเบ้อเริ่ม เราก็ คิดว่า เอาแล้วไง มีจ่ายเงินด้วย ทำงานเป็นแก็งค์แน่เลย โดนโกงแน่ๆ หันไปหา คุณสามี เพิ่งมีครั้งนี้ ที่คุณสามี ทำหน้าซีดๆ แต่ก็ยังบอกว่า เอาน่า รอดูไปก่อน เจ้าหน้าที่แบงค์ ก็ยังอยู่ เค้าไม่โกงหรอก อีกแล้ว สามีช้านน ... แบบนี้ อีกแล้ว เราก็จับตาดู สถานการณ์ ต่อไป ปรากฎว่า คนซื้อลุกขึ้น เพื่อจะกลับ เราเลย เอ๊ะ!! ไม่ไหวแล้ว อึดอัด เครียด เราเลยเดินจูงมือกัน ไปหา เจ้าหน้าที่แบงค์ ถามหา เช็ค เจ้าหน้าที่บอกว่า ทั้งเช็ค และ เอกสารของผู้ขาย ทั้งหมด อยู่ที่ นายหน้าแล้ว ให้เราไปรับได้ที่นายหน้า วูบแรก เรารู้สึกว่า โมโห นะ ก็เราเป็นคนขาย ทำไม แบงค์ ไม่ให้เรา ให้นายหน้าทำไม คือ แบบ นายหน้าจ่ายใต้โต๊ะขนาดไหนหรอ ไม่ว่า ใครๆ ก็ทำอะไรให้แบบง่ายดาย และ รวดเร็วหมด กำลังจะ อ้าปากถาม นายหน้าเดินมาพอดี เค้าบอกกับเราว่า เช็คและเอกสาร อยู่ที่เค้าหมดแล้ว เดี๋ยวไปเบิกด้วยกันที่ ธนาคาร ส่วนคนซื้อกลับไปแล้ว เพราะ นายหน้าจ่ายเงินส่วนต่างให้คนซื้อด้วยเงินสดแล้ว ดังนั้น ยอดเงินในเช็ค เลยเป็นยอดของเรา กับ ของนายหน้า ต่างคนต่างขับไปเจอกันที่ ธนาคาร แต่เช็ค นายหน้าขอเก็บไว้ โดยเค้าให้เหตุผลว่า จะเอาเช็คและเอกสารไปให้ธนาคารปลดล็อคก่อน เราจะได้ ถอนเงินได้เร็วขึ้น โอ้ บร้ะเจ้า มีเรื่องให้ ตื่นเต้นอีกแล้ว พอนายหน้าออกรถ คุณสามี ก็ขับตามตูดไปติดๆ วันนี้ ยอมให้ คุณสามี ขับซิ่งแบบไม่มีการบ่น 555+ และแล้ว เราก็มาถึง ธนาคาร นายหน้าก็เดินไปหา คนนู้น คนนี้ แล้วก็เอาเช็ค มาให้เรา เพื่อทำใบฝาก 1 ใบ และ ใบถอน 1 ใบ กดบัตรคิว รอเรียก เมื่อถึง คิว ก็เบิกๆถอนๆ นับๆ แล้วก็แบ่งส่วนกันไป เฮ้อ !! หมดเวร หมดกรรมสักที
ไม่รู้ว่าจะพอมีประโยชน์ กับ เพื่อนๆ บ้างหรือเปล่านะคะ แต่ก็อยาก แชร์ ให้ค่ะ ภาระกิจ ต่อไปของเรา คือ จะไปติดต่อเทศบาลเพื่อขอแบบบ้าน แล้วก็ไปติดต่อ ธนาคาร ถ้าเพื่อนๆ มีข้อแนะนำ ก็ขอแรงช่วยหน่อยนะคะ ... ขอบคุณค่ะ