ขอเล่าประสบการณ์อันดราม่าเรื่องกู้สินเชื่อคอนโด ตั้งแต่ต้นจนจบ ให้ฟังนะคะ เป็นครั้งแรกที่ซื้ออสังหาริมทรัพย์ ซึ่งไม่เคยมีประสบการณ์ ความรู้อะไรเลย อาจจะยาวหน่อย แต่จะเป็นความรู้สำหรับคนที่จะยื่นกู้สินเชื่อพวกนี้ได้ เรื่องมีอยู่ว่า
...เราซื้อคอนโด 2 ที่ในระยะเวลาเดียวกัน กู้แบงค์เดียวกัน แต่คนละสาขา
ซึ่งโดยปกติเวลาเราซื้อคอนโด ในระหว่างก่อนที่โครงการจะเสร็จสิ้นหรือกำลังก่อสร้างอยู่จะมีการผ่อนดาวน์ไปก่อน เป็นก้อนหนึ่ง พอโครงการสร้างเสร็จแล้วทางโครงการก็จะเริ่มติดต่อเรื่องทำการโอนกรรมสิทธิ์ ให้เราส่งเอกสารต่างๆนานา ส่วนเราจะยื่นเองหรือให้โครงการยื่นให้ จะเป็นแบงค์อะไรอยู่ที่เราเลือกเอง พอใจเงื่อนไขอันไหนเราก็เลือกอันนั้น
...มาถึงขั้นตอนการโอน คอนโดอันแรกเราให้ทางโครงการยื่นให้ เลือกแบงค์มา 3 แบงค์ สุดท้ายเลือกแบงค์ ก เนื่องจากเขาติดต่อมาก่อน ไม่อยากเลือกมาก และอีกอย่างมันมีโปรโมชั่นเฉพาะอาชีพพิเศษเลยเลือก ในระหว่างดำเนินเรื่อง ทางสินเชื่อเขาก็จะโทรมาแจ้งอัตราดอกเบี้ย มีค่านั้นนี้ ให้เราเลือก พอเราเลือกแล้ว เขาก็ดำเนินเรื่องให้เสร็จสิ้น นัดเซนต์เอกสาร พร้อมชี้แจงรายละเอียดค่าใช้จ่ายต่างๆอีกรอบ เป็นอันเสร็จสิ้น
...ปัญหามันเกิดที่คอนโดอันที่ 2 คอนโดอันนี้มีปัญหาตั้งแต่แรกคือ ตอนซื้อเขาแจ้งว่าโครงการจะเสร็จสิ้นภายในสิ้นมีนา-เมษา แต่ปรากฎว่าไม่เสร็จตามที่แจ้งลูกค้า เราก็เลยแอบไปโวยทางโครงการนิดนึง เขาเลยอนุญาติให้เข้าไปอยู่ได้ทั้งที่ยังไม่ได้โอนกรรมสิทธิ์
ที่นี้เรื่องการโอนเนี่ย เราส่งหลักฐานให้ทางแบงค์ไปแล้วรอบหนึ่ง ซึ่งเราเลือกแบงค์ ก อันเดิม เพราะเหตุผลเดิม และอีกอย่างคือเจ้าของเรื่องสินเชื่ออันนี้คือเพื่อนเรา เล่าต่อๆๆ หลักจากส่งหลักฐานไปรอบแรกไปยังทำเรื่องโอนไม่ได้เพราะว่าอาคารยังไม่เสร็จเรียบร้อย ทางสำนักงานที่ดินเลยยังเข้ามาประเมินไม่ได้ ก็ต้องรอๆๆๆ ไปเรื่อยๆ จนเราอยู่คอนโดฟรีๆมาประมาน 5 เดือน จ่ายแต่ค่านำ้ค่าไฟ ต่อมาพอทุกอย่างพร้อม ทางโครงการเลยมาเร่งให้เรายื่นเอกสารให้แบงค์ เราเลยติดต่อเพื่อนคนที่รับเรื่องให้เรา ว่าเอกสารเก่ายังใช้ได้อยู่มั้ย ต้องเอาอะไรเพิ่มหรือป่าว เราก้ส่งเอกสารเพิ่มให้ตามที่แจ้งมา
...ในระหว่างรอการอนุมัติ ไม่มีการแจ้งจากทางแบงค์เรื่องเงื่อนไขต่างๆเลย แต่ก่อนหน้านี้ได้คุยกับเพื่อนเป็นภาษาเพื่อนคุยกันว่า "เอาโปรดีๆ ดอกเบี้ยถูกๆนะแก" ประมานนี้ วันนึงก็โทรมาแจ้งว่าอนุมัติแล้ว
...มาถึงวันที่จะเซนต์สัญญา ณ วันนั้นยังไม่รู้เลยว่าดอกเบี้ยเท่าไหร เงื่อนไขเป็นยังไง ด้วยความที่เชื่อใจเพื่อน แต่ไลน์ไปถามเพื่อนว่าสรุปเงินส่วนต่างได้เท่าไหร่ อะไรยังไง ทุกครั้งที่ถามเพื่อน คนที่ตอบคำถามคือ ผจก สาขา จะโทรมาเองทุกครั้ง ก็แปลกว่าเพื่อนเราทำไมต้องให้ ผจก แจงรายละเอียดตลอด ซึ่งต่างกับโครงการแรกมากๆ แต่ก็ช่างเหอะ มาต่อๆๆที่ ผจก โทรมาแจ้งว่าเราได้ส่วนต่าง ประมาณ 15,000 บาท เราก็ตกใจว่าทำไมเหลือน้อยจัง เพราะผ่อนดาวน์ไปเป็นแสนกว่าบาท เราก็เลยถามไป เขาก็ตอบมาว่าเราต้องจ่ายค่าประกันอะไรสักอย่าง เราก็ไม่ได้ฟังละเอียดเพราะคิดว่าพูดไปก็จำไม่ได้ ราคา 50,000 บาท/ปีเรื่องแบบนี้มันต้องชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษร เราก็เลยคะๆไป พอไปถึงที่เซนต์สัญญา คือเอกสารมันเยอะมาก สำหรับคนที่เคยซื้อจะนึกออก เรายอมรับว่าไม่ได้อ่านเงื่อนไขเลย เซนต์ๆๆอย่างเดียว พอเซนต์เสร็จ เพื่อนมากับน้อง พนง แบงค์ คนนึง พร้อมกับแบบฟอร์มเซนต์ประกันชีวิตของบริษัทนึง เพื่อนบอกเราว่าอันนี้เป็นประกันที่ ผจก แจ้งไว้ เราก้เอะใจ ก็เลยแซวไปตามประสาเพื่อนว่า "นี่แกบังคับขายประกันให้ชั้นใช่มั้ย ไม่ทำได้มั้ยย" เพื่อนก็ตอบประมานว่า "เออ มันคุ้มแก ลดหย่อนภาษีได้ ตอนอายุเท่านั้นนี้จะได้เงิน นู้นนี้นั้น" เราก็ด้วยความที่เออๆไม่เป็นไรถือว่าช่วยๆกัน และขณะเดียวกันเพื่อนก็ได้เปิดบัญชีให้เรา 2000 บาท พร้อมกับทำบัตรเอทีเอ็มแพลทินัมให้ด้วยนะจ้ะ ดีงามมาก ตอนนี้มีบัญชีแบงค์นี้ 3 อันคะ ลืมเล่าไปว่าวันที่เซนต์สัญญา เราจ่ายเงินให้โครงการต่างหากให้ทางโครงการเพื่อไปดำเนินเรื่องที่กรมที่ดิน เป็นจำนวน 35,000 บาท อันนี้เงินเราต่างหากนะ จบไปสำหรับเรื่องโอน
...วันต่อมา มี SMS เขามาที่โทรศัพท์ มีเงินเข้าออกนู้นนี้นั้น เยอะแยะมาก ซึ่งเป็นเงินจำนวนไม่ลงตัว เช่น 713.15 ประมานนี้ ซึ่งเงินเข้าออกมาเรื่อยๆ หลายข้อความ ก็เลยสงสัยเลยถ่ายรูปส่งให้เพื่อนดู เพื่อนบอกว่า " ให้มันรันสเตตเม้นให้เสร็จก่อน เด่วจะอธิบายให้ฟังทีละตัว " เราก็ถามกลับไปว่า "อ่อ แล้วมันจะเสร็จสิ้นที่ยอด 15000 ใช่มั้ย ( ที่จริงมันจะเป็น 17,000 เพราะเงินที่เพื่อนเปิดบัญชีให้เราก่อนหน้านี้ 2000 จำได้ปะ?)
แต่ๆๆๆๆเพื่อนไม่ได้ตอบ ปรากฎรันเสร็จเรียบร้อยเหลือเงินในบัญชี 5900 กว่าบาท (ซึ่งเงินเราเอง 2000 ถูกมั้ย )สรุปเบ็ดเสร็จคือเหลือทอนแค่ 3900 กว่าๆ เราเลยโทรหาเพื่อนทันที เพื่อนเลยชี้แจงแต่ละตัวให้ฟังว่าเป็นค่าอะไรบ้าง ซึ่งมันก็คือค่าใช้จ่ายๆต่างๆที่เป็นสากลโลกที่ต้องทำกันเวลามีการโอน อันนี้เรายอมรับ แต่เอ้ย!!! นี้ ประกัน 50000 บาทที่ให้ทำไปนี้ยังไม่รวมใช่มั้ย ทำไม ผจก ไม่แจ้งว่าเงิน 15,000 ที่เป็นส่วนต่างที่เหลือต้องมาจ่ายค่าอะไรพวกนี้อีก เผื่อจะได้เปลี่ยนเงื่อนไข
แต่นั้นแหละ เราโทรไปหาเพื่อนเลยว่าของยกเลิกประกัน เพื่อนบอกขอถาม ผจก ก่อนเด่วจะติดต่อกลับ พอเย็นเลิกงานก็ยังไม่ติดต่อ เราเลยติดต่อไป และก็เหมือนเดิม ผจก โทรมาเองเช่นเคย และคำพูด ผจก นะ แหม่ ฟังแล้วมันแปลความหมายไม่ดีเลย
#โทรมาบอกว่า ถ้าเราไม่เอาประกัน 50000 นี้ มันมีอีกอันที่ถูกกว่าคือ 35,000 แต่บลาๆแจ้งเงื่อนไข แต่ต้องทำนะคะเพราะมันเป็นประกันวงเงินกู้ (มารู้ทีหลังว่าประกันวงเงินกู้เนี่ยมันต้องกู้ต่างหากราคาไม่เกิน 20000 บาท) พร้อมกับเปรียบเทียบกับอันแรก
#เราเลยบอกว่า "เอายังงี้ได้มั้ยคะพี่" ขอเป็นเริ่มต้นให้ คือกู้เหมือนเดิม แต่ขอเปลี่ยนเงื่อนไขคือเอาเป็นว่าหนูไม่เอาประกันอันนี้ คือหนูจะไม่ซื้อประกันเลย จะกี่บาทก็ไม่ซื้อ (แอบฉุนในใจ) ผจก ตอบมาว่าไงรู้ปะ? บอกว่า "หนูได้เงินพี่ไปแล้ว จะมาพูดอย่างนี้ได้ไง ถ้างั้นก็เอาเงินที่พี่โอนให้โครงการแล้วมาคืน แล้วจะเอาเงินที่ไหนมาคืน ถึงจะเริ่มต้นใหม่ได้ " ประมานนี้ เราฟังแล้วแบบอึ้ง เอ้ย !!! เหมือนโดนกำลังดูถูกว่าไม่มีปัญญาเอาเงินมาคืนหรอก เหมือนกำลังถูกต่อว่าว่าเรากำลังจะโกง กลับคำ ไรงี้
ที่จริงความหมายคือขอเปลี่ยนเงื่อนไขแค่นั้น แต่คือกู้เหมือนเดิม เป็นหนี้แบงค์เหมือนเดิม ไม่ได้จะหนีหนี้ เราเชื่อว่ามันทำได้นะ อยู่ที่นำ้ใจและจิตใต้สำนึกในใจลึกๆว่าชั้นไม่ได้หลอกลูกค้านะ แค่ชั้นพูดไม่หมด
...เราเลยวางโทรศัพท์ แล้วโทรไปเชคกับ จนท สินเชื่อที่เรากู้คอนโดอันแรก ว่าทำไมมันไม่เหมือนกัน มันมีโปร+เงื่อนไขอะไรบ้าง ของอาชีพพิเศษ เราก็เข้าใจเขานะว่าเขาก็ไม่กล้าพูดอะไรมาก เพราะอีกคนขายได้แล้วไง จะไปพูดเยอะก็เดี๋ยวขัดกัน เราก้บอกว่าไม่เปนไร ขอทราบแค่เงื่อนไขต่างๆแค่นั้นเองคะ จบ
...และอีกอย่างไม่รู้ว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้าย ประมาน 2-3 เดือนก่อน บริษัทประกันอันนี้มาที่เสนอขายประกันอันนี้ให้เรา แต่ก็ถูกปฏิเสธไป แต่ยังมีไลน์ เขาไว้อยู่ เลยกำลังถามเขาว่า เบี้ยประกันที่ถูกที่สุดตอนนี้ราคาเท่าไหร่ อยู่ในขั้นตอนการเชคอยู่นะคะ เพราะถ้าเปลี่ยนเงื่อนไขไม่ได้จริง ก็ขอพบกันครึ่งทางกับทางธนาคารว่า "โอเค ตกลงหนูจะซื้อประกันให้ แต่ขอเป็นเบี้ยประกันเท่านี้นะคะ" เพราะเราไม่ได้ต้องกันเงินปันผลเป็นล้านๆตอนอายุแก่หงำเหงือกแล้ว ใช่ปะ? และอีกอย่างการเข้ารักษาโรคต่างๆที่ รพ ก็ไม่จำเป็น ที่จะต้องใช้บริการประกันชีวิต เคนะ
...สรุป เบ็ดเสร็จคือไม่ได้เงินทอนส่วนต่าง แถมยังล่วงเงินตัวเองอีก ประมาน สามหมื่นกว่าบาท ( เงินเหลือเบ็ดเสร็จ 3900 ใช่ปะ แต่ที่เอาเงินตัวเองจ่ายโครงการไปก่อนหน้านี้หละ 35,000 บาท ) เหมือนฝันร้ายยยยยย
...เรื่องจะจบยังไง เด่วมาเล่าต่อนะคะ เรีองจะดำเนินต่อในวันจันทร์
...สุดท้าย จะบอกทุกคนว่า จะทำธุระกรรมด้านทรัพย์สินเงินทองอะไรให้เชคให้ดีก่อน เรื่องผลประโยชน์ไม่เข้าใครออกใคร ไม่มีคำว่าเพื่อน ไม่มีคำว่าญาติพี่น้อง ไม่มีคำว่าสายเลือด นะจ้ะ
...ขอไว้อาลัยให้กับความสะเพร่าสะเผอเลอ ของตัวเอง 3 วัน
รู้ทันธนาคาร!!! เรื่องกู้สินเชื่อเพื่อไม่ให้ถูกปล้นแบบผู้ดีเรื่องประกันนะจ้ะ โดนแล้วมันเจ็บปวด
...เราซื้อคอนโด 2 ที่ในระยะเวลาเดียวกัน กู้แบงค์เดียวกัน แต่คนละสาขา
ซึ่งโดยปกติเวลาเราซื้อคอนโด ในระหว่างก่อนที่โครงการจะเสร็จสิ้นหรือกำลังก่อสร้างอยู่จะมีการผ่อนดาวน์ไปก่อน เป็นก้อนหนึ่ง พอโครงการสร้างเสร็จแล้วทางโครงการก็จะเริ่มติดต่อเรื่องทำการโอนกรรมสิทธิ์ ให้เราส่งเอกสารต่างๆนานา ส่วนเราจะยื่นเองหรือให้โครงการยื่นให้ จะเป็นแบงค์อะไรอยู่ที่เราเลือกเอง พอใจเงื่อนไขอันไหนเราก็เลือกอันนั้น
...มาถึงขั้นตอนการโอน คอนโดอันแรกเราให้ทางโครงการยื่นให้ เลือกแบงค์มา 3 แบงค์ สุดท้ายเลือกแบงค์ ก เนื่องจากเขาติดต่อมาก่อน ไม่อยากเลือกมาก และอีกอย่างมันมีโปรโมชั่นเฉพาะอาชีพพิเศษเลยเลือก ในระหว่างดำเนินเรื่อง ทางสินเชื่อเขาก็จะโทรมาแจ้งอัตราดอกเบี้ย มีค่านั้นนี้ ให้เราเลือก พอเราเลือกแล้ว เขาก็ดำเนินเรื่องให้เสร็จสิ้น นัดเซนต์เอกสาร พร้อมชี้แจงรายละเอียดค่าใช้จ่ายต่างๆอีกรอบ เป็นอันเสร็จสิ้น
...ปัญหามันเกิดที่คอนโดอันที่ 2 คอนโดอันนี้มีปัญหาตั้งแต่แรกคือ ตอนซื้อเขาแจ้งว่าโครงการจะเสร็จสิ้นภายในสิ้นมีนา-เมษา แต่ปรากฎว่าไม่เสร็จตามที่แจ้งลูกค้า เราก็เลยแอบไปโวยทางโครงการนิดนึง เขาเลยอนุญาติให้เข้าไปอยู่ได้ทั้งที่ยังไม่ได้โอนกรรมสิทธิ์
ที่นี้เรื่องการโอนเนี่ย เราส่งหลักฐานให้ทางแบงค์ไปแล้วรอบหนึ่ง ซึ่งเราเลือกแบงค์ ก อันเดิม เพราะเหตุผลเดิม และอีกอย่างคือเจ้าของเรื่องสินเชื่ออันนี้คือเพื่อนเรา เล่าต่อๆๆ หลักจากส่งหลักฐานไปรอบแรกไปยังทำเรื่องโอนไม่ได้เพราะว่าอาคารยังไม่เสร็จเรียบร้อย ทางสำนักงานที่ดินเลยยังเข้ามาประเมินไม่ได้ ก็ต้องรอๆๆๆ ไปเรื่อยๆ จนเราอยู่คอนโดฟรีๆมาประมาน 5 เดือน จ่ายแต่ค่านำ้ค่าไฟ ต่อมาพอทุกอย่างพร้อม ทางโครงการเลยมาเร่งให้เรายื่นเอกสารให้แบงค์ เราเลยติดต่อเพื่อนคนที่รับเรื่องให้เรา ว่าเอกสารเก่ายังใช้ได้อยู่มั้ย ต้องเอาอะไรเพิ่มหรือป่าว เราก้ส่งเอกสารเพิ่มให้ตามที่แจ้งมา
...ในระหว่างรอการอนุมัติ ไม่มีการแจ้งจากทางแบงค์เรื่องเงื่อนไขต่างๆเลย แต่ก่อนหน้านี้ได้คุยกับเพื่อนเป็นภาษาเพื่อนคุยกันว่า "เอาโปรดีๆ ดอกเบี้ยถูกๆนะแก" ประมานนี้ วันนึงก็โทรมาแจ้งว่าอนุมัติแล้ว
...มาถึงวันที่จะเซนต์สัญญา ณ วันนั้นยังไม่รู้เลยว่าดอกเบี้ยเท่าไหร เงื่อนไขเป็นยังไง ด้วยความที่เชื่อใจเพื่อน แต่ไลน์ไปถามเพื่อนว่าสรุปเงินส่วนต่างได้เท่าไหร่ อะไรยังไง ทุกครั้งที่ถามเพื่อน คนที่ตอบคำถามคือ ผจก สาขา จะโทรมาเองทุกครั้ง ก็แปลกว่าเพื่อนเราทำไมต้องให้ ผจก แจงรายละเอียดตลอด ซึ่งต่างกับโครงการแรกมากๆ แต่ก็ช่างเหอะ มาต่อๆๆที่ ผจก โทรมาแจ้งว่าเราได้ส่วนต่าง ประมาณ 15,000 บาท เราก็ตกใจว่าทำไมเหลือน้อยจัง เพราะผ่อนดาวน์ไปเป็นแสนกว่าบาท เราก็เลยถามไป เขาก็ตอบมาว่าเราต้องจ่ายค่าประกันอะไรสักอย่าง เราก็ไม่ได้ฟังละเอียดเพราะคิดว่าพูดไปก็จำไม่ได้ ราคา 50,000 บาท/ปีเรื่องแบบนี้มันต้องชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษร เราก็เลยคะๆไป พอไปถึงที่เซนต์สัญญา คือเอกสารมันเยอะมาก สำหรับคนที่เคยซื้อจะนึกออก เรายอมรับว่าไม่ได้อ่านเงื่อนไขเลย เซนต์ๆๆอย่างเดียว พอเซนต์เสร็จ เพื่อนมากับน้อง พนง แบงค์ คนนึง พร้อมกับแบบฟอร์มเซนต์ประกันชีวิตของบริษัทนึง เพื่อนบอกเราว่าอันนี้เป็นประกันที่ ผจก แจ้งไว้ เราก้เอะใจ ก็เลยแซวไปตามประสาเพื่อนว่า "นี่แกบังคับขายประกันให้ชั้นใช่มั้ย ไม่ทำได้มั้ยย" เพื่อนก็ตอบประมานว่า "เออ มันคุ้มแก ลดหย่อนภาษีได้ ตอนอายุเท่านั้นนี้จะได้เงิน นู้นนี้นั้น" เราก็ด้วยความที่เออๆไม่เป็นไรถือว่าช่วยๆกัน และขณะเดียวกันเพื่อนก็ได้เปิดบัญชีให้เรา 2000 บาท พร้อมกับทำบัตรเอทีเอ็มแพลทินัมให้ด้วยนะจ้ะ ดีงามมาก ตอนนี้มีบัญชีแบงค์นี้ 3 อันคะ ลืมเล่าไปว่าวันที่เซนต์สัญญา เราจ่ายเงินให้โครงการต่างหากให้ทางโครงการเพื่อไปดำเนินเรื่องที่กรมที่ดิน เป็นจำนวน 35,000 บาท อันนี้เงินเราต่างหากนะ จบไปสำหรับเรื่องโอน
...วันต่อมา มี SMS เขามาที่โทรศัพท์ มีเงินเข้าออกนู้นนี้นั้น เยอะแยะมาก ซึ่งเป็นเงินจำนวนไม่ลงตัว เช่น 713.15 ประมานนี้ ซึ่งเงินเข้าออกมาเรื่อยๆ หลายข้อความ ก็เลยสงสัยเลยถ่ายรูปส่งให้เพื่อนดู เพื่อนบอกว่า " ให้มันรันสเตตเม้นให้เสร็จก่อน เด่วจะอธิบายให้ฟังทีละตัว " เราก็ถามกลับไปว่า "อ่อ แล้วมันจะเสร็จสิ้นที่ยอด 15000 ใช่มั้ย ( ที่จริงมันจะเป็น 17,000 เพราะเงินที่เพื่อนเปิดบัญชีให้เราก่อนหน้านี้ 2000 จำได้ปะ?)
แต่ๆๆๆๆเพื่อนไม่ได้ตอบ ปรากฎรันเสร็จเรียบร้อยเหลือเงินในบัญชี 5900 กว่าบาท (ซึ่งเงินเราเอง 2000 ถูกมั้ย )สรุปเบ็ดเสร็จคือเหลือทอนแค่ 3900 กว่าๆ เราเลยโทรหาเพื่อนทันที เพื่อนเลยชี้แจงแต่ละตัวให้ฟังว่าเป็นค่าอะไรบ้าง ซึ่งมันก็คือค่าใช้จ่ายๆต่างๆที่เป็นสากลโลกที่ต้องทำกันเวลามีการโอน อันนี้เรายอมรับ แต่เอ้ย!!! นี้ ประกัน 50000 บาทที่ให้ทำไปนี้ยังไม่รวมใช่มั้ย ทำไม ผจก ไม่แจ้งว่าเงิน 15,000 ที่เป็นส่วนต่างที่เหลือต้องมาจ่ายค่าอะไรพวกนี้อีก เผื่อจะได้เปลี่ยนเงื่อนไข
แต่นั้นแหละ เราโทรไปหาเพื่อนเลยว่าของยกเลิกประกัน เพื่อนบอกขอถาม ผจก ก่อนเด่วจะติดต่อกลับ พอเย็นเลิกงานก็ยังไม่ติดต่อ เราเลยติดต่อไป และก็เหมือนเดิม ผจก โทรมาเองเช่นเคย และคำพูด ผจก นะ แหม่ ฟังแล้วมันแปลความหมายไม่ดีเลย
#โทรมาบอกว่า ถ้าเราไม่เอาประกัน 50000 นี้ มันมีอีกอันที่ถูกกว่าคือ 35,000 แต่บลาๆแจ้งเงื่อนไข แต่ต้องทำนะคะเพราะมันเป็นประกันวงเงินกู้ (มารู้ทีหลังว่าประกันวงเงินกู้เนี่ยมันต้องกู้ต่างหากราคาไม่เกิน 20000 บาท) พร้อมกับเปรียบเทียบกับอันแรก
#เราเลยบอกว่า "เอายังงี้ได้มั้ยคะพี่" ขอเป็นเริ่มต้นให้ คือกู้เหมือนเดิม แต่ขอเปลี่ยนเงื่อนไขคือเอาเป็นว่าหนูไม่เอาประกันอันนี้ คือหนูจะไม่ซื้อประกันเลย จะกี่บาทก็ไม่ซื้อ (แอบฉุนในใจ) ผจก ตอบมาว่าไงรู้ปะ? บอกว่า "หนูได้เงินพี่ไปแล้ว จะมาพูดอย่างนี้ได้ไง ถ้างั้นก็เอาเงินที่พี่โอนให้โครงการแล้วมาคืน แล้วจะเอาเงินที่ไหนมาคืน ถึงจะเริ่มต้นใหม่ได้ " ประมานนี้ เราฟังแล้วแบบอึ้ง เอ้ย !!! เหมือนโดนกำลังดูถูกว่าไม่มีปัญญาเอาเงินมาคืนหรอก เหมือนกำลังถูกต่อว่าว่าเรากำลังจะโกง กลับคำ ไรงี้
ที่จริงความหมายคือขอเปลี่ยนเงื่อนไขแค่นั้น แต่คือกู้เหมือนเดิม เป็นหนี้แบงค์เหมือนเดิม ไม่ได้จะหนีหนี้ เราเชื่อว่ามันทำได้นะ อยู่ที่นำ้ใจและจิตใต้สำนึกในใจลึกๆว่าชั้นไม่ได้หลอกลูกค้านะ แค่ชั้นพูดไม่หมด
...เราเลยวางโทรศัพท์ แล้วโทรไปเชคกับ จนท สินเชื่อที่เรากู้คอนโดอันแรก ว่าทำไมมันไม่เหมือนกัน มันมีโปร+เงื่อนไขอะไรบ้าง ของอาชีพพิเศษ เราก็เข้าใจเขานะว่าเขาก็ไม่กล้าพูดอะไรมาก เพราะอีกคนขายได้แล้วไง จะไปพูดเยอะก็เดี๋ยวขัดกัน เราก้บอกว่าไม่เปนไร ขอทราบแค่เงื่อนไขต่างๆแค่นั้นเองคะ จบ
...และอีกอย่างไม่รู้ว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้าย ประมาน 2-3 เดือนก่อน บริษัทประกันอันนี้มาที่เสนอขายประกันอันนี้ให้เรา แต่ก็ถูกปฏิเสธไป แต่ยังมีไลน์ เขาไว้อยู่ เลยกำลังถามเขาว่า เบี้ยประกันที่ถูกที่สุดตอนนี้ราคาเท่าไหร่ อยู่ในขั้นตอนการเชคอยู่นะคะ เพราะถ้าเปลี่ยนเงื่อนไขไม่ได้จริง ก็ขอพบกันครึ่งทางกับทางธนาคารว่า "โอเค ตกลงหนูจะซื้อประกันให้ แต่ขอเป็นเบี้ยประกันเท่านี้นะคะ" เพราะเราไม่ได้ต้องกันเงินปันผลเป็นล้านๆตอนอายุแก่หงำเหงือกแล้ว ใช่ปะ? และอีกอย่างการเข้ารักษาโรคต่างๆที่ รพ ก็ไม่จำเป็น ที่จะต้องใช้บริการประกันชีวิต เคนะ
...สรุป เบ็ดเสร็จคือไม่ได้เงินทอนส่วนต่าง แถมยังล่วงเงินตัวเองอีก ประมาน สามหมื่นกว่าบาท ( เงินเหลือเบ็ดเสร็จ 3900 ใช่ปะ แต่ที่เอาเงินตัวเองจ่ายโครงการไปก่อนหน้านี้หละ 35,000 บาท ) เหมือนฝันร้ายยยยยย
...เรื่องจะจบยังไง เด่วมาเล่าต่อนะคะ เรีองจะดำเนินต่อในวันจันทร์
...สุดท้าย จะบอกทุกคนว่า จะทำธุระกรรมด้านทรัพย์สินเงินทองอะไรให้เชคให้ดีก่อน เรื่องผลประโยชน์ไม่เข้าใครออกใคร ไม่มีคำว่าเพื่อน ไม่มีคำว่าญาติพี่น้อง ไม่มีคำว่าสายเลือด นะจ้ะ
...ขอไว้อาลัยให้กับความสะเพร่าสะเผอเลอ ของตัวเอง 3 วัน