อิเกีย...เมื่อ self service แปลว่า no service

เข้าเรื่องเลยละกัน

ก็เหมือนหลายท่านในนี้ที่ชอบเดินห้างดูของแต่งบ้าน อิเกียก็เป็นหนึ่งในร้านที่ไปเดินบ่อยๆ ไปทีไรก็มีของโน่นนิดนี่หน่อยติดกลับบ้านตลอด ไม่เคยรู้สึกอะไร

จนเมื่อไม่นานมานี้ มีเหตุให้ไปซื้อเตียงกับตู้เสื้อผ้าจากร้านนี้ เป็นที่รู้กันว่าถ้าซื้อของใหญ่จะต้องไปเอาของมาจากชั้นวางที่หน้าตาเหมือน warehouse ศัพท์อิเกียเหมือนจะเรียกว่า market hall ก็หลังจากคุยกับพนักงานขายในโชว์รูม เธอก็ให้รายละเอียดตำแหน่งที่ตั้งเสร็จสรรพก็เอารถเข็นแบบพื้นราบไปเอาของซื่งก็เป็นเตียงหกฟุตกับตู้เสื้อผ้าสูงเกือบ2.4ม.

พอไปถึงที่ตั้งก็เจอว่ากล่องมันใหญ่ไปกว่าที่จะยกขันรถเข็นคนเตียวได้ ก็เดินไปบอกน้องพนักงาน

ผม: น้องครับ ช่วยผมที่เช้ลฟนี้หน่อยครับ
พนักงาน: คุณลูกค้าต้องการตัวไหนครับ (น้องพูดไปก็เดินไปที่เครื่องคอมพ์ แล้วก็เตรียมตัวกดเลข)
ผม: เลข กกก.ขขข.คค. ครับ (แล้วก็บอกต่อว่า) คืออยากให้ช่วยผมหน่อยครับ
พนักงาน: มันเป็นอะไรเหรอครับ
ผม: ผมจะซื้อเตียงอ่ะครับ พอดีชิ้นนี้มันหนักไปหน่อยครับ
พนักงาน: แล้วไงเหรอครับ

พอจบประโยคนี้ผมก็ไม่ไหวแระ ก็เดินไปขนเองก็ได้วะ ผมมีรายการต้องหยิบเป็นสิบอย่าง ถ้าเป็นสิ่งที่ทำได้ก็ทำเองอยู่แล้ว แต่นี่ของก็ขนาดใหญ่กว่ารถเข็นเกินเท่าตัวและหนักเอาการอยู่ เข็นขึ้นรถก็ไถลไปเรื่อย สุดท้ายผมก็ไม่ซื้อทั้งเตียงทั้งตู้ ขนยากนักก็ปล่อยไปเหอะ ก้อหยิบของอื่นที่จะใช้ไปจ่ายตัง

ระหว่างที่จ่ายตังค์เห็นอีกเคาท์เตอร์นึง พนักงงานแคชเชียร์ ชายยืนดูสูกค้าสุภาพสัตรีท่านนึงเก็บของซึ่งเยอะมากลงรถเข็นหลังจากจ่ายตัง ดูท่าแล้วอารมณ์ประมาณว่า เมื่อไหร่จะเก็บเสร็จซะทีวะ จะได้รับลูกค้าคนอื่นต่อ โดยที่ก็ไม่ได้มีท่าทีจะช่วยอะไร ก็ยืนพิงเครื่องคิดเงินอยู่อย่างนั้น

ผมพอจะเข้าใจคอนเซพท์ของอิเกียในแง่ self service อยู่บ้างนะ แต่แบบนี้มันมากไปอ่ะ ผมไม่ได้คาดหวังว่าจะมีคนมาคอยช่วยเหลือตลอดเวลาเหมือนร้านอื่นๆแต่อย่างน้อยผมก็ควรได้สิทธิลูกค้ามากกว่านี้

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่