อุทาหรณ์แก่คนที่คิดจะทำร้ายตัวเอง

เรื่องราวที่เรากำลังจะเล่าต่อไปนี้ เป็นเรื่องจริงของพี่ที่เรารู้จักค่ะ
จากคนที่เคยทำร้ายตัวเองแล้วรอดชีวิตมาได้
พี่เขาวานให้เราช่วยเอามาลงพันทิปให้ที ไว้เป็นอุทาหรณ์เตือนสติคนที่กำลังคิดสั้น
ว่าแค่อารมณ์ชั่ววูบมันทำลายอะไรในชีวิตไปบ้าง


เราใช้ล็อคอินหลักมาตั้งกระทู้เลยนะคะ แต่ขอไม่เปิดเผยตัวตนพี่เจ้าของเรื่อง



ปล.1 เรื่องทั้งหมดพี่เขาเป็นคนเขียนเองนะคะ เขาเขียนลงในเฟสบุคเขาแล้วรอบนึง เรามีหน้าที่แค่เอามาลงในกระทู้ให้
ปล.2 พี่เจ้าของเรื่องไม่ใช่พี่ชายแท้ๆ เรานะคะ เป็นพี่ที่รู้จักกันเฉยๆ

ขอให้โพสต์นี้มีประโยชน์และขอให้ทันเวลากับผู้ที่คิดสั้น จะทำร้ายตัวเองนะครับ....

มีพี่คนนึงที่บริษัทเคยขอให้ผมเขียนเรื่องราวที่กินยาพิษเข้าไป ผมตอบเค้าว่า ผมก็โพสต์มันลงไปเรื่อยนะ เขียนไปหมดแล้ว แต่พี่บอกว่า อยากให้เล่าให้ละเอียดเพราะมันอาจมีประโยชน์กับใครบางคนที่เกิดอารมณ์แบบเรา เผื่อเค้าได้อ่านจะได้รับรู้ผลของการคิดสั้น เผื่อเป็นกุศลของเราไง 5555 และล่าสุดมีเพื่อนอยากรู้ ขอให้เขียนให้อ่านหน่อย.....จริงๆผมไม่ค่อยอยากเขียนถึงมันละนะ แต่หมอบอกผมว่าอาจอยู่ได้ไม่เกินห้าปี หรืออาจจะแค่ปีเดียวเลยขอเล่าดีกว่า เผื่อไม่อยู่แล้ว ได้บอกคนอื่นต่อก็ยังดี 555+ ผมจะขออนุญาตเล่าถึงมันให้ละเอียดนะครับ อาจจะยาวหน่อยนะ  
....มันเป็นอารมณ์ชั่ววูบของคนผิดหวังในความรักน่ะครับ ผมซื้อยามาและกินทันที มันชื่อว่า "พาราควอท" เป็นยาฆ่าหญ้าสูตรเผาไหม้และดูดซึม 2 in 1 ( 555 ) อารมณ์ตอนนั้นคือ ขอตาย จะทรมานขนาดไหนก็ช่าง ถ้าตอนนั้นมีปืนอยู่กับตัวป่านนี้คงนอนแช่กระทะทองแดงไปแล้ว.... ผมกินยาตัวนี้เข้าไปประมาณ 40-60 cc ครับ (ตามที่หมอคำนวณจากสีที่ได้จากการล้างท้องครับ) และหลังจากกินเข้าไป ยามันมีปฏิกริยาทันทีครับเกิดการต่อต้านในร่างกายอย่างรุนแรงครับ มันจะตีขึ้นอยู่ตลอดเวลา ผมจึงใช้เสื้ออุดปากไว้เพื่อไม่ให้อ้วกออกมา และประมาณ 10 นาที มีพี่ๆที่อยู่ระแวกนั้นนำผมส่งโรงพยาบาล ผมถึงมือหมอหลังจากที่กินเข้าไปประมาณ 20 นาทีครับ ตอนนั้น ผมเริ่มแสบท้อง แสบปาก น้ำลายเริ่มเหนียว รู้สึกมือสั่น ใจสั่น หมดแรง และเริ่มไออย่างหนัก...พยาบาลถามคำแรกว่า
"แพ้ยาอะไรมั้ยคะ"ผมตอบว่า...
"ผมแพ้.....เอ่อ...พาราควอทยาพิษที่กินเข้าไปครับ "
พยาบาลยิ้มและพูดว่า"พูดกวนๆแบบนี้ แปลว่าไม่อยากตายแล้วใช่มั้ย?"
"ใช่ครับ ช่วยผมด้วยนะ" ผมเริ่มรู้สึกว่าตัวเองไม่อยากตายแล้วครับ ผมนึกถึงเรื่องต่างๆมากมาย นึกถึงคนที่เคยรัก เพื่อน คนที่เคยแอบชอบ คนที่เค้ารักเรา ห่วงเรา หมาเฝ้าหน้าหอพัก ป้าเพื่อนบ้านที่ชอบเอาขนมมาให้ นึกถึงเพื่อน ม.ปลายที่อยากจะเจอ แต่ยังไม่ได้เจอ และแม่ที่ไม่ได้เจอกันนาน....อะไร นี่เรากำลังจะตายแล้วรึ บ้าเอ๊ย!!!?
คุณพยาบาลเริ่มเอาสายยางยัดเข้าช่องจมูกเพื่อล้างท้อง ตอนนี้ผมเริ่มไม่ค่อยรู้ตัวครับ รู้แต่ว่า เจ็บหน้าอกมาก เลยไม่แน่ใจว่าพยาบาลเค้าวนน้ำ หรือดูดยาออกเลย แต่การใส่สายยางนี่ทรมานมาก เลยครับ เพราะผมไอจนสายพับสายยางมันเลยลงไปไม่ถึงท้องสักที มีการพยายามใส่ทั้งหมด 4 ครั้งครับ กว่าจะสำเร็จ ผมเห็นน้ำที่อยู่ในถุงเป็นสียาที่กินเข้าไปห้อยอยู่ครับ น่าจะเริ่มขั้นตอนล้างท้องแล้ว จากนั้นพยาบาลได้ใส่ ชาโควเข้าไปในสายยาง มันเหมือนผงถ่านบดละเอียดเลยครับ จริงๆ ชาโควมันก็แปลว่าถ่านนิ่ 555 เค้าบอกว่ามันจะช่วยดูดสารพิษออกมา ตอนกรอกเข้าไปเค้าถามผมว่า
"รู้สึกยังไงบ้างคะ"
"รู้สึกอิ่มครับ เหมือนอยู่ๆท้องก็ตึงทั้งที่ไม่ได้เคี้ยวกินอะไรเข้าไปเลยครับ"
"ไม่ใช่ ฉันหมายถึง อาการเธอน่ะ มันเจ็บมันปวดตรงไหนบ้าง!?"
ตอนนี้ผมแสบท้อง แสบปาก แสบคออย่างรุนแรงเลยครับ และผมก็สำลักออกมาเป็นน้ำดำๆเหมือนโคลนมันคือถ่านที่กินเข้าไปน่ะครับ จากนั้นพยาบาลก็เอาเหมือนตัวแปะๆ เป็นจุกดูดมาแปะเต็มตัว มีสายไฟเต็มไปหมดเลย และมีตัวต่อเข้าหน้าจอแสดงผลอะไรสักอย่าง ซักพักพยาบาลก็คุยกันว่า "เค้าคงไม่รอดแล้ว อยู่ได้ไม่ถึง 12 ชั่วโมงหรอก"
แล้วแม่ผมก็มาถึงโรงพยาบาล และหมอก็ได้พูดตามอาการไป สุดท้ายหมอจึงบอกว่า โรงพยาบาลนี้มีเครื่องมือช่วยไม่ครบ จึงให้ย้ายโรงพยาบาลไปที่โรงพยาบาลประจำจังหวัดครับ...ผมมาถึงโรงพยาบาลที่ 2 พยาบาลก็เอาไอ้จุกๆมาแปะ และบอกว่า ชีพจรปั่นป่วนหมดแล้ว พยาบาลช่วยอะไรไม่ทันแล้ว แม่จึงขอให้หมอช่วยให้เต็มที่ พยาบาลก็ให้กินถ่านเหมือนเดิม คืนนั้นผมหยุดหายใจไป 2 ครั้ง แต่พยาบาลก็กระตุ้นขึ้นมาได้อีก และหมอแผนกไตได้บอกว่า มีอีกวิธีที่ช่วยได้ คือ ใช้ใบพืชรางจืด มันจะช่วยสลายสารพิษ พยาบาลจึงสั่งให้เพื่อนๆพี่ๆของผมไปหามา และได้มา 2 กระสอบ พยาบาลเริ่มกลั่นออกมาให้ผม สั่งงดน้ำ งดอาหาร 5 วัน และห้ามใช้ออกซิเจนช่วยเนื่องจากกลัวการลุกลามของยาเข้าสู่หัวใจ.....คืนแรกทรมานมากครับ ทั้งตัวเจ็บจนไม่รู้จะเจ็บยังไงอีก จนผมขอให้หมอช่วยปล่อยให้ตาย ไม่ต้องใช้ยาช่วยแล้ว ผมไม่ทนแล้ว คืนนั้นผมหลับๆตื่นๆ แบบอ่อนแรงมากครับ อ้วกทั้งคืน พยาบาลให้กินถ่านทั้งคืน แต่ผมเริ่มเจ็บ แถวๆหลอดอาหารที่ยาผ่านลงไป ผมจึงดึงสายยางออกจากจมูก และได้ขอพยาบาลว่า ผมจะกินถ่านจากปากเอง
....วันต่อมา ผมสำลักลิ่มเลือดม่วงๆ ออกมาทั้งจากปาก และจมูก หายใจเร็วถี่ ตัวเริ่มเหลือง ตอนนี้ แขนข้างซ้ายผมไม่รู้สึกอีกเลย และหมอก็สรุปอีกว่า ไม่รอดแน่ๆ ขอให้คุณแม่ทำใจ ผมเครียดเลยนะ ไม่อยากตายแล้ว....และตอนกลางคืน จะมีอาการหายใจไม่ออก พยาบาลต้องคอยมากดนวด และปรับเตียงให้
....วันที่ 3 หมอแจ้งว่า ไตเสียหน้าที่ เกิดภาวะของเสียคลั่ง ต้องฟอกไตด่วน ผมถูกส่งไปเจาะคอ ฟอกไต 3 ชั่วโมง มันเหมือนดึงเลือดไปปั่นน่ะ แทบหมดลมหายใจ มันรู้สึกแปลกๆ และคืนนั้น ผมก็ดันตัวลุกนั่งได้
....วันที่ 4 ปากผมเริ่มแตกเลือด แนวข้างลิ้นเป็นแผลจากการกัดของยา และพูดไม่ได้ และมันทำให้ผมรู้สึกทรมานใจมากกว่า ผมไม่เคยคิดเลยว่า วันนึงจะต้องมานอนขยับได้แค่ใบหน้า กินอะไรไม่ได้แม้แต่น้ำ มองเวลาที่มันช้าลง นอนให้หมอฉีดยาวันละ 4 เข็ม ไม่เคยคิดเลยว่าชีวิตตัวเองจะต้องมานอนแบบนี้ หมดสภาพ 5555+ และเริ่มท้อใจอย่างรุนแรง...คือในชีวิตเรานั้นมักจะมีสิ่งผิดพลาดเยอะเลยใช่มั้ยครับ หลายครั้งที่ผมพลาด ผมเปลี่ยนใจ แก้ไขได้ แต่ตอนนี้ผมกินยาเข้าไปแล้วมีแต่ต้องรอผลของมัน ผมแก้ไขไม่ได้ซะแล้ว...อารมณ์แบบนี้เลยครับ
.....วันที่ 5 หมอไตแอบมาหาผมตอนตี 3 ตอนแม่ผมหลับ หมอคนนี้ จะแทนผมว่า ลูก ตลอด
"เป็นอย่างไงบ้างลูก"พร้อมเอาที่ฟังเสียงหัวใจ นาบฟังไปเรื่อยๆตามหน้าอก
"ผมเจ็บ ไปหมดทั้งตัวเลยครับ" (พูดแบบไม่ค่อยมีเสียง มีแต่ลม)
"ทนหน่อยนะลูก สู้ๆนะครับ" และหมอก็สีหน้าไม่ค่อยดี "ผมขอกินน้ำได้มั้ยครับ ผมไม่ได้กินมาหลายวันแล้ว"
" ยังกินไม่ได้ครับ อมไว้แลัวบ้วนออกมานะ ให้พอสดชื่นก็พอ" ผมอมน้ำ และ มันแสบปากครับ ผมรับอะไรไม่ได้เลย
....วันที่ 6 หมออนุญาตให้กินข้าวกินน้ำได้ เพราะอาการดีขึ้นมาก อาการทรงตัว แต่พอผมลุกขึ้นนั่ง ผมก็วูบหน้ามืดทันที จนพยาบาลต้องหยอดข้าวต้มให้ พอข้าวต้มลงถึงปาก ผมก็แสบปาก เจ็บไปหมด หมอจึงให้ยาชาแบบน้ำใส มาอมกลั้วปากเล่นเพื่อจะได้กินง่ายๆ และผมก็กินได้ แต่ผมไม่รู้รสชาติอะไรเลย ตอนแรกคิดว่าเป็นเพราะยาชา แต่หลังจากนั้น ผมแอบขูดน้ำตาลจากขนมโดนัทที่เพื่อนเอามาเยี่ยม ขูดมาหยอดใส่ปาก และจริงๆครับ ผมรับรสชาติไม่ได้ครับ
....วันที่ 7 ผมถูกส่งไปเอ็กซเรย์ และฟอกไตอีกครั้ง ผลเอ็กซเรย์ออกมา ผลที่ได้คือ ปอดเสียหายจากพิษยา เนื่องจากยาตัวนี้จะไปรุมเกาะในที่ที่มีออกซิเจน นั่นก็คือปอด และได้เกิดผังผืดปิดกั้นถุงลมในปอดด้านซ้าย ปอดทางด้านซ้ายจึงรับอากาศได้เพียง 10% ทำให้เกิดอาการวูบ อาการไออย่างหนัก ไอทั้งคืน และหมอได้สั่งพยาบาลฉีดยาช่วยเกี่ยวกับปอด ผมไม่แน่ใจว่ายาอะไรครับ.....และจากวันนี้จนวันสุดท้ายที่โรงพยาบาล ผมต้องกินน้ำสกัดจากรางจืด วันละ 2 ลิตร แต่มันกินไม่ได้เพราะเจ็บปากครับ จึงฝืนกินได้แค่วันละครึ่งลิตร
....วันที่ 8 หมอใหญ่ จากกรุงเทพที่จะมาทุกวันจันทร์ได้ถือหนังสือเล่มนึงมานั่งคุยกับผม มันเหมือนงานวิจัย หรือวิทยานิพนธ์อะไรซักอย่าง และหมอขอคุยกับผมส่วนตัว ไม่ให้แม่ฟัง หมอได้บอกว่า จากสถิติปีต่างๆ ของผู้ที่กินยาตัวนี้เข้าไป มีผู้รอดชีวิตน้อยมาก บางคนอยู่ได้ 3 วัน บางคน 1 อาทิตย์ และนานสุด คือ 4 ปี....อยากให้ผมทำใจ อยากให้เตรียมใจไว้ แต่หมอบอกว่า มันก็ไม่แน่เพราะผมเคยแข็งแรงมาก และอายุยังน้อย
....วันที่ 9 ผมเขียนโน๊ตถามหมอว่า ผมจะรอดมั้ย หมอบอกว่า ร่างกายผมตอนนี้ ไตเสียหน้าที่ ภาวะของเสียคลั่ง ปอดอุดกันเรื้อรัง ชีพจรปั่นป่วน กระเพาะเสียหาย หมอบอกว่าให้ทำใจแต่ขอให้สู้ๆ อย่างเต็มที่
....วันที่ 10 ....ตลอด 10 วันมานี้ จะมีอาการไออย่างหนัก เกิดอาการวูบวาบ นอนไม่หลับ หมอต้องให้ยานอนหลับช่วย .... แต่วันนี้ ผมเริ่มชาขา เนื่องจากการนอนอยู่กับที่มานาน จึงได้ลองลงจากเตียง เพื่อยืนด้วยตัวเอง ไม่ใช้คนช่วย ไม่ใช้รถเข็น และเมื่อขาถึงพื้น ผมก็ล้มลง ขาผม รับน้ำหนักไม่ได้เลย ตกใจเลยครับ คิดว่าคงพิการแล้ว เริ่มท้อ ความรู้สึกอยากตาย เพราะความทรมานในขณะนี้กลับมาอีกครั้ง ผมมองออกไปทางระเบียงรอบๆ เพื่อหาทางที่จะจบชีวิตที่กำลังทรมานขณะนี้ แต่รอบระเบียงติดลูกกรงไว้ทุกด้าน
....ข้ามมาอีก 3 วัน อาการแบบเดิม แต่กินข้าวไม่ได้ ได้กลิ่นแปลกๆไม่ได้ ซึ่งน่าจะมาจากพิษยา และความเบื่อหน่าย มีพยาบาลสังเกตอาการผม และได้เชิญหมอจิตเวชมาคุย หมอถามว่า ตอนนี้ยังอยากตายอยู่มั้ย ผมพยักหน้า และเขียนบอกหมอว่า ยังไงผมก็ตายอยู่แล้ว จะทนอยู่ไปทำไม หมอบอกว่า ให้สู้ดูก่อน เผื่อเกิดอะไรดีๆขึ้น และบอกว่า คนที่เคยฆ่าตัวตาย จะพยายามอีกครั้งและส่วนมากจะสำเร็จ แต่หมอบอกให้คิดถึงแม่ ให้คิดถึงคนที่เรารักไว้....วันนี้ผมเริ่มลองยืนอีกครั้ง และยืนได้ แต่ตัวมันสั่นไปหมด และเป็นลมวูบทันที แต่ก็พยายามฝึกยืน เพื่อให้ร่างกายมันได้ขยับ ทำแบบนี้อยู่อีกหลายวัน จนเริ่มเดินได้

มีต่อนะคะ พอดีเนื้อหามันเยอะเกิน 10000 ตัวอักษรเราเลยตัดมาเท่านี้ เดี๋ยวเอาไปลงต่อในคอมเม้นท์ค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่