หลายๆครั้งในการทำงาน เรามักจะพบปัญหาขัดแย้งกับเจ้าของบริษัท
ด้วยลักษณะอุปนิสัยของเจ้าของบริษัทมักต้องการไปถึงจุดหมายอย่างรวดเร็ว โดยที่มักจะไม่สนใจในสิ่งรอบข้าง
ถ้าจะให้เปรียบเทียบ ก็เหมือนการขับรถเจ้าของบริษัทจะขับด้วยความเร็วสูงสุดเท่าที่จะทำได้เพื่อให้ไปถึงเป้าหมาย
ซึ่งในจังหวะที่ขับด้วยความเร็วสูงนั้น ถ้ามีอะไรมาตัดหน้า 99% ไม่เจ็บสาหัส ก็ปางตายหรืออาจถึงจุดจบเลยก็เป็นได้
ที่เหลืออีก 1 % ก็ปาฏิหาริย์ ก็ใช้โชคจนแทบไม่เหลือ และในบางครั้งเราก็เสียโอกาสไปกับการที่เราไม่สนใจสิ่งรอบๆข้าง
ซึ่งอาจทำให้เราไปถึงเป้าหมายได้เร็วยิ่งขึ้น
ดังนั้นเจ้าของบริษัทส่วนใหญ่เมื่อขับมาถึงสักระยะ ก็มักจะเปลี่ยนมือ ถอยหลังออกจากพวงมาลัยมานั่งหลังรถ
โดยเปลี่ยนตัวผู้เล่นให้ผู้บริหารเป็นคนบังคับพวงมาลัย โดยเจ้าของเป็นคนกำหนดเป้าหมายให้
ซึ่งผู้บริหารจะบริหารการทำงาน เหมือนการขับรถที่ความเร็วที่พอดี และคอยสอดส่องรอบเพื่อป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
และพร้อมที่จะรับมือกับสถานการณ์ต่างๆที่จะเกิดขึ้นได้ ซึ่งอาจจะไปถึงเป้าหมายช้าไปนิด
แต่ปลอดภัยซึ่งในความปลอดภัยนั้น เราก็อาจจะได้เส้นทางใหม่ที่ทำให้ไปถึงเป้าหมายได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
เจ้าของบริษัท กับการบริหารบริษัท
ด้วยลักษณะอุปนิสัยของเจ้าของบริษัทมักต้องการไปถึงจุดหมายอย่างรวดเร็ว โดยที่มักจะไม่สนใจในสิ่งรอบข้าง
ถ้าจะให้เปรียบเทียบ ก็เหมือนการขับรถเจ้าของบริษัทจะขับด้วยความเร็วสูงสุดเท่าที่จะทำได้เพื่อให้ไปถึงเป้าหมาย
ซึ่งในจังหวะที่ขับด้วยความเร็วสูงนั้น ถ้ามีอะไรมาตัดหน้า 99% ไม่เจ็บสาหัส ก็ปางตายหรืออาจถึงจุดจบเลยก็เป็นได้
ที่เหลืออีก 1 % ก็ปาฏิหาริย์ ก็ใช้โชคจนแทบไม่เหลือ และในบางครั้งเราก็เสียโอกาสไปกับการที่เราไม่สนใจสิ่งรอบๆข้าง
ซึ่งอาจทำให้เราไปถึงเป้าหมายได้เร็วยิ่งขึ้น
ดังนั้นเจ้าของบริษัทส่วนใหญ่เมื่อขับมาถึงสักระยะ ก็มักจะเปลี่ยนมือ ถอยหลังออกจากพวงมาลัยมานั่งหลังรถ
โดยเปลี่ยนตัวผู้เล่นให้ผู้บริหารเป็นคนบังคับพวงมาลัย โดยเจ้าของเป็นคนกำหนดเป้าหมายให้
ซึ่งผู้บริหารจะบริหารการทำงาน เหมือนการขับรถที่ความเร็วที่พอดี และคอยสอดส่องรอบเพื่อป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
และพร้อมที่จะรับมือกับสถานการณ์ต่างๆที่จะเกิดขึ้นได้ ซึ่งอาจจะไปถึงเป้าหมายช้าไปนิด
แต่ปลอดภัยซึ่งในความปลอดภัยนั้น เราก็อาจจะได้เส้นทางใหม่ที่ทำให้ไปถึงเป้าหมายได้รวดเร็วยิ่งขึ้น