ไซปรัส – บันไดหินแห่งอโฟรไดท์ที่แตกร้าว

สวัสดีครับ ชาวพันทิปทุกท่าน เนื่องด้วยกระผมได้มีโอกาศไปเที่ยวทางไซปรัสเหนือ ได้เห็นถึงร่องรอยทางอารยธรรมนับพันๆปี ได้ทราบถึงความขัดแย้งทางเชื้อชาติ และ ศาสนา ความเกลียดชังของประชาชนบนเกาะเล็กๆกลางทะเลเมติเตอร์เรเนียนที่มีประชากรเพียงประมาณหนี่งล้านคนเท่านั้น และเมืองหลวงที่ยังคงถูกแบ่งออกเป็นแห่งสุดท้ายของโลก เรื่องราวที่น่าสนใจเหล่านี้ ผมจึงอยากมาถ่ายทอดให้เพื่อนๆชาวพันทิปได้รับรู้กัน

ผมจะแบ่งบทความเป็น 3 ตอนพร้อมกับตอนย่อยๆตามเนื้อหานะครับ
ภาคที่ 1    บันไดหินแห่งอโฟรไดท์
ภาคที่ 2    จักรวรรดินิยมแบ่งแยกและปกครอง
ภาคที่ 3    การแตกที่รอกาลเวลาประสาน


ภาคที่ 1    บรรไดหินแห่งอโฟรไดท์

ภาคที่ 1 ตอนที่ 1 โหมโรงและไซปรัสในช่วงก่อนคริสต์ศักราช

ตามตำนานกรีกของฮีเซียด กล่าวไว้ว่าไกอาเทพีแห่งพื้นพิภพ ได้สั่งให้บุตรชายของตนโครนัส เทพแห่งการเก็บเกี่ยวซึ่งถือเคียวเป็นอาวุธ ให้ตัดอวัยวะเพศของบิดาตนเองยูเรนัสเทพแห่งท้องฟ้าแล้วให้โยนไปในท้องทะเล เลือดและน้ำพิสุทธิ์ของยูเรนัสได้ผสมกันกับท้องทะเลเกิดเป็นฟองสมุทรที่ไคทีร่าเกาะเล็กๆแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของประเทศกรีกปัจจุบัน และเทพีอโฟรไดท์ก็ถือกำเนิดมาจากฟองสมุทรนี้ และได้รับการช่วยเหลือจากเซไฟรัสเทพแห่งลมตะวันตกเป่าให้มาขึ้นบกที่ไซปรัสเกาะที่อยู่ทางตะวันออกของทะเลเมติเตอร์เลเนียน ซึ่งมีโฮแรเทพีแห่งฤดูกาลบุตรสาวเซอุสรอคอยตกแต่งเรือนร่างให้กับเทพีอโฟรไดท์


ที่มา : http://en.wikipedia.org/wiki/Uranus_(mythology)[/
หมายเหตุ : The Castration of Uranus : fresco by Vasari & Cristofano Gherardi (c. 1560, Sala di Cosimo I, Palazzo Vecchio, Florence)


[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หมายเหตุ : The Birth of Venus by Sandro Botticelli, circa 1485 เทพีวีนัสเป็นชื่อที่ชาวโรมันใช้เรียกเทพีอโฟรไดท์ของกรีก

จะเห็นได้ว่าเกาะไซปรัสนั้นเป็นที่รู้จักของชาวกรีกมาเป็นเวลานานและให้ความสำคัญถึงกับเป็นสถานที่จุติของอโฟรไดท์เทพีแห่งความรักและความงาม ที่ชายหาด Petra tou Romiou เป็นชายหาดที่อโฟรไดท์เดินขึ้นมา มีหินแห่งอโฟรไดท์อยู่ ซึ่งเชื่อกันว่าถ้าผู้ใดว่ายน้ำรอบหินแห่งอโฟรไดท์ครบสามรอบ เทพีอโฟรไดท์จะทรงมอบพรอันเป็นความงามนิรันดร์กาลให้  หลายท่านได้อ่านแล้วคงอยากไปว่ายรอบหินใช่ไหมครับ แต่ปัจจุบันคงไม่มีโอกาสแล้ว เพราะทางการไซปรัสสั่งห้ามไปว่ายในบริเวณนั่นเด็ดขาด เพราะมีผู้เสียชีวิตหลายรายเนื่องด้วยเป็นบริเวณที่มีกระแสน้ำวนอยู่


[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หมายเหตุ : Petra tou Romiou, Birthplace of Aphrodite, Cyprus

มีผู้กล่าวไว้ว่า ไซปรัส ได้รับพรจากพระเจ้าให้มีสภาพภูมิศาสตร์ที่ดี มีภูเขา แม่น้ำ มีท้องทะเลที่ล้อมรอบ และความอุดมสมบูรณ์ทางทรัพยากรต่างๆ แต่ขณะเดียวกันก็ถูกสาปให้มีที่ตั้งอยู่ในที่ที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งต่างๆมากมาย เรื่องราวแห่งสถานที่กำเนิดของเทพีอโฟรไดท์กลับกลายเป็นบันไดหินให้เหล่ามนุษย์ผู้มีอำนาจเหยียบย่างผ่านเพื่อขยายอำนาจและได้ทิ้งร่องรอยซากปรักหักพังให้ได้เห็นจนถึงปัจจุบันนี้ และความแตกต่างทางเชื้อชาติ ศาสนา ที่มากับการถูกครอบครองนั้นได้นำไปสู่สาเหตุหนึ่งของการแต่ร้าวของบันไดหินแห่งอโฟรไดท์ในที่สุด

ไซปรัส เป็นเกาะที่มีเนื้อที่เพียงประมาณ 9 พันตารางกิโลเมตร ตั้งอยู่ทิศตะวันออกของทะเลเมติเตอร์เลเนียน และถือเป็นจุดเชื่อมต่อทางทะเลระหว่าง 3 ทวีปใหญ่คือ ยุโรป เอเชีย และแอฟริกา มีเมืองหลวงชื่อ นิโคเชีย





ภูมิประเทศ เป็นลักษณะภูเขา สลับกับที่ราบ มีแม่น้ำหลายสาย ยอดเขาที่สูงที่สุด คือยอดเขาโอลิมปัส สูง 1,952 กิโลเมตร  ในอดีตไซปรัสนั้นอุดมไปด้วยแร่ทองแดงบริสุทธิและมีเชื่อเสียงมากทำให้ ชาวกรีกได้นำคำว่าทองแดงมาตั้งเป็นชื่อเกาะ ชาวกรีกเรียก Copper ว่า Kypros  (ลาติน Cuprum) และพัฒนามาเป็นชื่อ Cyprus ในที่สุด


[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หมายเหตุ : บริเวณที่มีการทำเหมืองแร่ทองแดงที่เกาะไซปรัสในอดีต

หลักฐานการมาตั้งถิ่นฐานของมนุษย์บนเกาะไซปรัสที่เก่าแก่ที่สุดนั้นพบว่ามาตั้งถิ่นฐานตั้งแต่ยุค Neolithikum (ยุคหินใหม่)ประมาณ 8000 – 6000 ปีก่อนคริสต์ศักราช เป็นยุคที่มนุษย์ยังไม่รู้จักการใช้โลหะ พบที่เขต Khirokitia (Choirokoitia) ซึ่งยังคงมีความสมบูรณ์อยู่มาก ประมาณการว่าเป็นชุมชนที่มีผู้อาศัยอยู่รวมกันถึง 1,000 คน ภายใต้บ้านหินทรงกระบอกกว่า 60 หลังคาเรือน  นอกจากพบการตั้งถิ่นฐานแล้ว ยังพบหลักฐาน การฝั่งศพใต้บ้าน การทำภาชนะจากดินเหนียว การทำการเกษตร มีสัตว์เลี้ยง หมา แมว วัว แกะ แพะ และสัตว์ป่าอย่างกวางอีกด้วย ปัจจุบันที่นี่ได้ถูกขึ้นเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก้แล้ว







มีข้อสันนิฐานกันว่ากลุ่มคนที่มาตั้งรกรากในเกาะไซปรัสแรกๆนี้เป็นพวกเลแวนต์มีถิ่นที่อยู่ทางเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ติดกับทางลุ่มแม่น้ำเมโสโบเตเมียซึ่งเป็นบรรพบุรุษของชาวอาหรับทั้งหลาย หลักฐานนี้บ่งบอกได้ว่าชาวเลแวนต์นั้นมีความสามารถในการเดินเรือแล้วตั้งแต่ 8000 ปีก่อนคริสต์ศักราช



ในยุคทองแดงและยุคสำริด ประมาณ 3800 – 2000 ปีก่อนคริสต์ศักราช หลังการค้นพบทองแดงบนเกาะแห่งนี้ซึ่งเป็นทองแดงคุณภาพดีมากมีความบริสุทธิ์สูง ไซปรัสจึงกลายมาเป็นศูนย์กลางในการทำการค้าแร่ทองแดงระหว่าง ชาวเกาะครีต ชาวกรีกแผ่นดินใหญ่  ชาวอียิปต์ ชาวเลแวนต์  รวมไปถึง ชาวเกาะชิซิลี และ ชาวเกาะชาร์ดิเนีย ซึ่งอยู่ห่างไกลออกไปอีกด้วย โดยมีชาวฟินิเชียซึ่งเป็นเลแวนต์ที่อาศัยอยู่ตามชายฝั่งทะลด้านเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ (ประเทศเลบานอนปัจจุบัน) และเป็นผู้มีความสามารถในการเดินเรือและทำการค้าเป็นเสมือนคนกลางในการค้าขายในช่วงนี้


[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หมายเหตุ : จะสังเกตเห็นว่าเส้นทางการเดินเรือนั้นจะลัดเลาะไปตามชายฝั่ง เนื่องด้วย ณ เวลานั้นยังไม่สามารถที่จะสร้างเรือที่เดินทางไปที่น้ำลึกและคลื่นลมแรงได้

ในยุคสำริดนั่นมีการนำเอาทองแดง 90 % มาผสมกับสังกะสี 10 % ซึ่งจะได้สำริดที่มีความแข็งกว่าทองแดงบริสุทธิ์มาก ขึ้นรูปง่าย ถูกนำมาใช้ในการทำอาวุธ ภาชนะเครื่องเรือนและเครื่องประดับต่างๆ


[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หมายเหตุ : แร่ทองแดงที่ยังอยู่ในรูปแบบของธาตุผสมต่างๆ


[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หมายเหตุ : การขึ้นรูปโดยการทำบล๊อกหล่อขึ้นมา แล้วเทสำริดใส่ลงไปเลย ส่วนใหญ่ใช้ทำหัวขวาน

เกาะไซปรัสอุดมไปด้วยทองแดงและสังกะสี ทำให้เป็นที่ดึงดูดของเหล่าพ่อค้าในสมัยนั้นที่จะต้องแวะเวียนมา ช่วง 2400 ปีก่อนคริสต์ศักราช ชาวอนาโตเลีย(Anatolia) บรรพบุรุษของชาวตุรกีและชาวเคิร์ด ได้เริ่มเข้ามาตั้งถิ่นฐานที่เกาะไซปรัส การขุดแร่ทองแดง การหลอมโลหะ การส่งออกทองแดง ทำให้สังคมในไซปรัสคึกคักขึ้นอย่างมาก และเริ่มมีการตั้งชุมชนที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ปี 1600 ก่อนคริสต์ศักราช ชาวกรีกไมซีเนียน (Mycenaean Greece) ได้เริ่มอพยพเข้ามาตั้งรกรากที่เกาะไซปรัสเช่นกัน


[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หมายเหตุ : ในช่วงยุคทองแดงถึงยุคสำริดอารยธรรมบริเวณนี้มีความเจริญคู่ขนานกัน ไม่ว่าจะเป็นอารยธรรมบาบิโลนที่ลุ่มแม่น้ำเมโสโปเตเมีย อารยธรรมอียิปต์ อารยธรรมกรีกไมออนที่ครีต อายธรรมกรีกไมซีเนียน อารยธรรมฮิตไทต์ที่อนาโตเลีย


หมายเหตุ : อารยธรรมกรีกไมนวนที่อยู่ที่เกาะครีต และ อารยธรรมกรีกไมซีเนียนที่เพโลพอนนีส


หมายเหตุ : การติดต่อในยุคสำริดระหว่างอารยธรรมต่างๆกับเกาะไซปรัส เช่นชาวกรีกไมซีเนียน ชาวกรีกไมนวน ชาวฮิตไตส์จากอนาโตเลีย ชาวฟินิเซีย ชาวอียิปต์


หมายเหตุ : หลักฐานการตั่งถิ่นฐานสำคัญๆในปลายยุคสำริดกระจายทั่วเกาะไซปรัส

เมื่อมนุษย์ต่างกลุ่มเริ่มมีอารยธรรมที่แต่งต่างกัน การรุกรานเพื่อผลประโยชน์ของกลุ่มของตนเองก็มีมากขึ้น ดังนั้นอารยธรรมในช่วงปลายยุคสำริดแต่ล่ะเมืองจึงมีการสร้างป้อมปราการ และมีการพัฒนาเรือที่ใหญ่ขึ้น เรือถูกสร้างมาจากไม้ ทำให้ต้นไม้ในบริวเณอียิปต์ อนาโตเลีย กรีก และคานาอัน เริ่มถูกตัดมากขึ้นในปลายยุคสำริด กลุ่มนักรบจากคานาอัน  Hyksos ซี่งเป็นบรรพบุรุษของชาวซีเรียและชาวปาเลสไตล์ได้ขยายอำนาจมาทางตะวันออกของลุ่มเม่น้ำไนล์ และทางฝั่งตะวันออกของไซปรัส ได้ทำสงครามกับชาวอียิปต์หลายครั้ง ในที่สุดชาวอียิปต์สามารถเอาชนะได้และยึดเกาะไซปรัสเป็นเมืองขึ้นของอียิปต์ในปลายยุคสำริด


หมายเหตุ : สงครามระหว่าง Ahmose ที่ 1 กับชาว Hyksos

กระทั่ง 1200 ปีก่อนคริสต์ศักราช ชาวกรีกไมซีเนียนได้อพยพมาที่เกาะไซปรัสเป็นจำนวนมาก (เป็นช่วงที่เรียกว่ายุคมืดของอารยธรรมในเขตนี้ ถ้ามีโอกาศจะเขียนเฉพาะเรื่องนี้ให้อ่านกันนะครับ) และได้มีการสร้างเมืองและสร้างป้อมปราการล้อมรอบหมู่บ้านขนาดใหญ่ซึ่งเป็นลักษณะเด่นของอารยธรรมกรีกไมซีเนียน  เพื่อปกป้องผู้รุกรานทางตอนใต้ของเกาะไซปรัส ร่องรอยของอารยธรรมช่วงนี้ทิ้งไว้ให้เห็นที่ maa paleokastro



ต่อมาประมาณ 1100 ปีก่อนคริสต์ศักราชชาวฮิตไตส์ในเขตอนาโตเลียได้ค้นพบเหล็กและรู้จักวิธีหลอมเหล็กนำมาใช้ในการทำอาวุธ ซึ่งแม้ว่าสำริดจะมีความแข็งกว่าเหล็กเล็กน้อย แต่กระบวนการทำสำริดก็ซับซ้อนและช้ากว่าเหล็ก เหล็กยังสามารถนำมาตีให้คมได้ง่ายกว่าสำริดอีกด้วยเพราะจุดหลอมเหลวของเหล็กสูงกว่าสำริดทำให้มีเวลาตีให้คมนานขึ้น นอกจากนี้เหล็กยังหาได้ง่ายกว่าทองแดงและสังกะสี ไซปรัสได้กลายมาเป็นจุดศูนย์กลางของการทำการค้าอย่างคึกคักเพราะเป็นจุดเชื่อมต่อไปยังอารยะธรรมต่างๆได้ง่าย และยุคเหล็กนี้เองเป็นยุคที่สร้างความมั่งคั่งให้กับไซปรัสเป็นอย่างมาก

(เดี๋ยวมาต่อนะครับ)
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่