สามีเลิกกับเมียน้อยแล้ว แต่ยังเจ็บแค้นเมียน้อย เจอกันปุ๊ป มีไฝว้!!! ตลอด เราควรทำยังไงกับสามีเวล! นี้ดี?

ครั้งแรกค่ะ กับการตั้งกระทู้ (ขออภัยดราม่ายาววววววมากค่ะ)

อยากระบาย อยากเล่า  ปรึกษาใครก็ยากเหลือเกินค่ะ พื้นที่ออนไลน์ในเฟส ก็มีคนรู้จักเยอะ เรื่องครอบครัว โบราณสอนไว้ว่า "ความในอย่าให้ออก ความนอกอย่าให้เข้า" แต่เพราะความในไม่ให้ออกทำให้เราต้องพบจิตแพทย์ ติดยานอนหลับ ติดแอลอกอฮอลล์ ชีวิตเดินทางเป๋ไปมาเป็นปูเมาเดินโซเซเลย  ความนอกก็เข้ามาหาทั้งทางตรงและทางอ้อม จนชีวิตยุ่งเหยิงไปหมด ปี 55 - 57 เป็นช่วงชีวิตที่ตกต่ำ จนมาถึงปลายปี 57 ชีวิตถึงเริ่มปีนขึ้นมาจากขอบเหวแต่ก็ยังวนเวียนอยู่แถวนี้ไม่จบสิ้นเสียทีค่ะ

เข้าเรื่องเลยนะ... ขอเกริ่นนิดส์นึง

เรากับสามีรู้จักกันตั้งแต่ปี 2539 คบกันเป็นแฟน และแต่งงานกันเมื่อปี 2545 ชีวิตคบกันเริ่มจาก 0 ทุกอย่างสามีคือความภูมิใจของเรา พ่อแม่เรา พ่อแม่เค้า ญาติพี่น้อง คนรอบข้างใกล้เคียง ทุกคนรับรู้และมั่นใจตลอดว่าสามีคือคนดี เป็นที่นับหน้าถือตา เป็นคนดีที่รักเรา รักครอบครัวมาก ทำทุกอย่างเพื่อครอบครัว สร้างครอบครัว เรามีลูกสาวสองคนเป็นฝาแฝด น้องเป็นเด็กพิเศษ แต่ก็ยังสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ สามีเป็นคนที่ขี้เหร่ แต่มีความทะเยอทะยานสูง อีโก้สูง หลายอย่างที่เราไม่ชอบ แต่เพื่อความอยู่รอด เราก็มองข้ามและคิดว่า มันไม่หนักหนา ทนได้จิ๊บๆ จากพนักงานบริษัทเงินเดือนเล็กน้อย แต่ก็ค่อยไต่เรเวลจนเป็นระดับผู้บริหาร

หลายอย่างที่เราเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง 555 จะว่าปิดทองหลังพระก็ได้พ่ะนะ จากผู้ชายที่บุคลิกซกมก สกปรก น้ำไม่ค่อยอาบ (ปัจจุบันก็ไม่ค่อยอาบเช่นเดิม) กินมูมมาม เข้าห้องน้ำสกปรก ราดไม่เคยสะอาด อาบน้ำเสร็จทีไร เราต้องไปราดน้ำซ้ำ เพราะกลิ่นตัวแรงเสื้อผ้ายับยู่ยี่ ถอดเสร็จม้วนเป็นเลขแปด ทำผมทรงสมชาย (สมัยก่อนที่แสกกาง >.<) มันช่างไม่เข้ากับเค้าเลย แต่ตอนคบเป็นแฟน ตั้งมั่นว่าเราจะเป็นคนเปลี่ยนเค้า เค้าเป็นเด็กช่างที่กินเหล้า ติดเพื่อน  ใช้เงินเก่ง ไม่มีเงินเก็บ คิดว่าพ่อแม่เป็นภาระ และการเลี้ยงดูของพ่อแม่ทำให้น้องๆ เสียคน ทัศนคติแย่ๆ เยอะ และอีกบลาๆๆๆ ที่เป้นข้อเสีย ที่เราทนได้

การสร้างความฝันเริ่มนับตั้งแต่เราเริ่มต้นคำว่าแฟน เราค่อยๆ เปลี่ยนบุคลิกภาพ และทัศนคติผู้ชายคนนี้ จนเค้าเป็นคนที่นับหน้าถือตา เป็นผู้บริหาร เป็นวิทยากร และเป็นคนที่มีเกียรติ

สิ่งที่ทำให้เรารักนั่นคือ คำพูดเราจะสร้างครอบครัวด้วยกัน เมื่อผมแต่งงาน ผมจะทำให้ได้เหมือนพ่อ ที่รักแม่คนเดียวตลอดไป และจะไม่มีใครนอกจากเรา เค้าเป็นคนที่ขยัน ถึงแม้จะเมาหัวราน้ำ ไม่ได้หลับไม่ได้นอน แต่เช้าวันรุ่งขึ้น เค้าจะตื่นไปทำงาน ทำงานเก่ง หาเงินเริ่มพัฒนา ความเจ้าเลห์อัพไปเรื่อยๆ จากซื่อๆ เริ่มเปลี่ยนเป็นมีพลิกแพลงในการหาเงิน

ชีวิตหลังแต่งงาน...
ลำบากถึงลำบากที่สุด เราท้องหลังแต่งงานและได้ลูกแฝดในสภาพที่ไม่มีเงินเก็บ มีภาระและมีหนี้สิน ลูกเป็นเด็กพิเศษ ต้องใช้เงินมากมายในชีวิตที่ต้องดิ้นรนกระยิ้มกระสน มีปัญหาจากน้องๆ ทางสามี ทางพ่อแม่สามี ที่มีเรื่องมาให้เราต้องเอาเงินไปถม  แต่ก็สามารถฝันฝ่าอุปสรรคอดทนจนสามารถเปิดบริษัทของตัวเองในปี 54 และตัวเราเองที่มีอาชีพเสริมเปิดร้านหารายได้เสริม พร้อมๆ ควบคู่กับการทำงานบริษัทของตัวเอง โดยตัวเราเป็นผู้มีอำนาจเป็นกรรมการ ส่วนสามีไม่มีชื่อในบริษัท คนที่บริหารคือสามี ส่วนที่ทำนิติกรรมคือตัวเรา รายได้เข้ามาค่อนข้างเยอะ ความฝันสวยหรูปูทางไว้เยอะ เราอยากมีบ้าน มีรถส่วนตัวของสามีไว้ทำงาน มีรถส่วนตัวของเมียไว้ไปรับลูกๆ ที่โรงเรียน มีแผนการไปเที่ยวในที่ต่างๆ สร้างบ้านให้ปู่ย่า (พ่อแม่แฟน) จะต่อเติมหาอาชีพเสริมให้ไม่ให้เค้าทำงานหนัก และอื่นๆ อีกมากมายที่แพลนวางไว้ เมื่อกิจการผ่านไปจนถึงปลายปี รายได้ที่เราวางไว้ ถึงจะไม่ทำให้ร่ำรวย แต่ทำให้เรารอดพ้นจากหนี้ และจากคำว่าไม่มี คือจะเริ่มมีและดีขึ้น

ชีวิตคู่ที่เริ่มห่าง...
การงานดี แต่มันตรงข้ามกับชีวิตคู่ ระหว่างเรากับสามี ที่เริ่มแยกห่าง สถานะ สามีไปทำงานประจำที่ต่างจังหวัดกลับมาทีคือเสาร์อาทิตย์ เค้าเริ่มเปลี่ยนแปลง... สามีกลับบ้านดึกเป็นปกติ มีตีกอล์ฟ นัดลูกค้า โน่นนี่นั่น  วันหยุดไม่เคยหยุด ไม่เคยมีเวลาให้ครอบครัวเลย ถ้าเปรียบเป็นเปอร์เซนต์ เค้าให้ความสำคัญกับเราแม่ลูกแค่ 5% แต่จะให้ความสำคัญกับงานและเพื่อนถึง 95% กลับบ้านเมามาตลอด อ้อ! เค้าเคยมีอุบัตเหตุหนัก สามครั้งเกิดจากเมาและขับ ทำให้เราเมื่อโทรหาถ้ารับรู้ว่าเมาปุบ เราจะบอกให้เค้าจอดรถนอนที่ปั้ม หรือไม่ก็ไปนอนบ้านเพื่อนซะ จะได้ไม่เป็นภาระให้สังคม นั่นคือความไว้ใจ หลายอย่างที่เป็นสิ่งที่เรามองข้ามมองผ่าน ความห่างเหิน ที่ทำให้เรานอนไม่หลับ เรานอนกอดความเหงาเมื่อยู่กลางคืน ส่วนกลางวัน เราต้องทำทุกอย่างตั้งแต่งานร้านที่เป็นงานเสริม การดูแลลูกๆ ภาระพ่อแม่เค้าที่ป่วยเป็นมะเร็ง ค่าใช้จ่ายที่บ้าน งานบริษัท ตั้งแต่ธุรการ ยันงานบัญชี งานจัดซื้อ งานขาย คือทุกๆ อย่างทำให้เรากับสามีเริ่มมีคำพูดหนักๆ คำพูดเครียดๆ เวลาคุยกันเรื่องงาน แต่เรื่องความหวานไม่ต้องพูดถึงเลย มันหายไปพร้อมๆ กับความเหงาที่รุมเรา ตกดึกเมื่อเหนื่อยกาย และเหนื่อยใจกับการต้องแก้ไขเรื่องลูกที่มีพฤติกรรมให้ต้องแก้ไขตลอด ทำให้เรานอนไม่หลับ เหงา เครียดแต่ไม่สามารถที่จะพูดกับใครได้ แต่ทุกอย่างจะดีขึ้นเมื่อเค้ากลับมาแล้วใช้เศษเวลาที่เหลือในวันอาทิตย์ ไม่ว่าจะทำอาหารให้ลูก หรือแม้กระทั่งการฟิเจอริ่ง ก็ยังกลับมาทำทุกอาทิตย์ ทำให้เรายังหลอกตัวเองว่าเค้าก็ยังมีเรา แต่ที่เค้าเป็นอย่างนี้เพราะงานทำให้เค้าเป็นไป

เมื่อถึงปลายปี 55 สิ่งแปลกๆ เริ่มมีเข้ามา
เราเพิ่งหัดเล่นโทรศัพท์เอนดอย เลยซื้อแกแลคซี่มินิ ก็เห่อตามภาษาคนเพิ่งมีโทรศัพท์เล่นเน็ทได้ มีโซเชี่ยวสองอย่างที่ชอบเล่นคือ ไลน์ และเฟสบุค ก็บ้ารับแอดคนมากมายที่มาขอเป็นเพื่อน ไม่ว่าจะเป็นคนรู้จัก หรือไม่รู้จัก สิ่งที่เริ่มแปลกๆ คือ มือถือของสามีมีข้อความที่บอกว่า จะรักพี่xxx ตลอดไป และอีกบลาๆ ลูกน้อยรับบอกว่าเป้นของเค้าเองเค้ายืมโทรศัพท์คุณสามีไป เราก็ถามต่อว่า และทำไมถึงใช้ชื่อนี้ ลูกน้องก้ตอบว่า เวลาจีบหญิง ชอบใช้ชื่อนี้ ก็แซวกับลูกน้องเฮฮาไม่มีอะไร ผ่าน! โน๊ตบุคเราซื้อโน๊ตบุคให้สามีแต่พอสามีเอาไปทำงานได้สามวัน พอเราจะลงโปรแกรมให้สามี เอาเครื่องจะเล่นเฟส แต่เอะ ทำไมมี id และ ps ของใครเนี่ย สามสี่คนมันเมมไว้ ก็เข้าไปดูนะคะ ด้วยความาอยากรู้อยากเห็น ก็ไปถาม สามีก็ทำหน้าตกใจ ก็บอก น่าจะเป้นเด็กที่ลงwindows ให้ตอนซื้อล่ะมั้ง เราก็เชื่อบอกว่าแหม๋ให้ลงโปรแกรมแอบมาเข้าเล่นเฟสอีก (อ้อเราค่อนข้างจะถนัดด้านคอมพิวเตอร์นิดนึงอ่ะนะ) ก็ไม่คิดไร
.
.
.

ฝันสลาย วันที่ 27 ธค. 55 ความจริงบังเกิด
ก่อนหน้านั้นสามวัน มีผู้หญิงมาแอดขอเป็นเพื่อน เราก็รับไม่คิดอะไร ดูน้องผู้หญิงเค้ามีความสุขร่าเริง หน้าตาน่าจะอายุสัก 30 กว่าๆ ล่ะมั้ง เริ่มโพสไลน์ ประมาณมีความสุข หรืออะไรที่เกี่ยวกับความรักสุขสมหวัง เราก็ยังมีหน้าไปกดไลท์ 555 เอิ่มเห็นคนรักกันเราก็แฮปปี้ ดูหน้าน้องเค้า เอ... เค้าน่าจะรู้จักน้องๆ หรือลูกน้องของเรา เพราะญาติๆ และน้องๆ เราแอดเค้าเป็นเพื่อนทางเฟสด้วย คนกันเองนี้เอง ไม่คิดอะไร จนกระทั่งวันที่เจ็บปวดที่สุดในชีวิต วันที่ 27 ธค. มีรูปภาพ ผู้หญิงคนนี้นั่งตักผู้ชายคนนึง มือผู้ชายกับผู้หญิงถือตัวเลข เหมือนจะฉลองวันเกิด อายุคบ 32 ปีมั้งเพราะมี เลข 2 กับเลข 3 เราก็กดดูผ่าน ด้วยความโทรศัพท์เครื่องเล็ก แต่เอะ! ทำไมผู้ชายมันคุ้นๆ หน้าจัง ความเผือกเลยกดขยาย ถึงขั้นมือถือตก ตัวเย็นและจี๊ดที่หัวใจแบบไม่รู้จะทำไง สตั๊นท์!! ไปนานค่ะ เรากดมือถือหาสามีที่เพิ่งเดินทางไปทำงานต่างจังหวัด วันนั้นเลย ถามเลยว่ารูปภาพอะไรทำไม คืออะไร ใคร ทำไมทำอย่างนี้ คำตอบ จากสามีคือน้องสาวเพื่อน ไปฉลองวันเกิดไม่มีอะไร ไม่ได้นั่งตัก แค่ถ่ายภาพคู่เฉยๆ คิดมาก อึ้งไปนิด ขอโทษสามีแล้วก็วางสาย แต่แล้วไม่ถึงนาทีที่วางสาย ภาพมากมายจากผู้หญิงคนนี้ก็พรั่งพูเป็นน้ำหลาก มันไม่สามาถทำให้เชื่อได้เลยว่านี่คือน้องสาวเพื่อน ความโกรธทำให้เราคาดคั้นบีบ เค้าเริ่มหลุด เราเลยบอกเค้าว่าเราจะไปหาเค้าที่ต่างจังหวัด ไปคุยให้รุ้เรื่อง เพราะเราคงอยู่ไม่สุขแน่ๆ ถ้าไม่เครียร์ เค้าก็บ่ายเบี่ยง แต่ก็สู้ฤทธิแห่งความโกรธเราไม่ได้ สรุปเค้าบอกเค้านัดเราที่ถนนบางนาปั้มน้ำมัน และก็มาเจอกันไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ขอย้ำไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ซึ่งมันผิดปกติเพราะถ้าเค้ามาจากที่ตจว.จิงๆ ต้องใช้การเดินทางปรมาณสองชั่วโมง ถึงจะถึง กทม. ถ้าเดินทางเร็วเช่นนั้น มีกรณีเดียวนั่นคือเค้าไม่ได้ ตจว.แต่อยู่ กทม.

การรับสารภาพ ความเจ็บปวดที่ทรมานที่สุด
เมื่อน้องๆ ของเราทราบเรื่อง ก็ขนลูกน้อง เต็มคันรถ รวมทั้งแม่ลูกเต้าไปหมด ทุกอย่างต้องการความจิง ว่าเกิดอะไรขึ้น สามีเริ่มเล่าเรื่องว่าพลาด ผญ.คนนี้จ้องจับเค้า และอีกบลาๆ ที่สามีเล่า และเค้าไม่มีทางเลิกกับเราเด็ดขาด เค้ารักเรารักลูกมาก และจะพยายามเครียร์ทุกอย่าง เราไม่ยอมต้องการให้เค้าเครียร์ให้จบ ซื่งเค้าบอกเค้าพยายามเลิกแต่ผญ.ไม่ยอมและพยายามจะเรียกร้องเงิน ผญ.ต้องการเงิน สองแสนบาท ค่าเลิก!! ถ้าเค้าทำอะไรรุนแรง เค้าก็กลัวมีผลกระทบกับงาน ซึ่งผญ.คนนี้จะตามไปประจานเค้าที่ทำงาน คือจากที่ฟังทางสามี ผญ.คนนี้แย่เลวและชั่วมาก (จากฟังความข้างเดียวนะคะตอนนั้น) เราก็พยายามข่มตัวเองให้นิ่งระหว่างที่สามีขับรถกลับบ้าน ผญ.คนนี้ก็โทรมาว่าถ้าจะเลิกก็จ่ายมาสิ หรืออะไรก็แล้วแต่ที่เค้าคุยกัน ไม่จบ ทางเราไม่มีให้หรอกค่ะ เพราะว่าเงินเรามีรายจ่าย ซึ่งสามีก็พยายามพูดไกล่เกลี่ยขอเวลาจะให้แต่ไม่ใช่ตอนนี้เงินก็ไม่ใช่ของเค้าแต่เป็นของเมีย และหลายอย่างที่มันพูดกัน จนจะเช้า ก็ยังเครียร์ไม่ได้ผญ.ไม่ยอมวางสายจนเราทนไม่ไหว กระชากมือถือจากสามี เพราะสามีไม่ให้คุยกันเอง เราอาศัยจังหวะสามีเผลอกระชากโทรศัพท์และคุยเลย

สิ่งที่รู้... จากปากเมียน้อย
เค้าใช้ความนิ่งของเราเชือดเราให้ตายทั้งเป็น ประโยคแรกที่เค้าพูดคือ พี่ไม่ต้องทำเสียแอ๊บแบ๊วจะด่าหนูก็พูดมาสิ ไม่ต้องทำเสียงเป็นผู้ดี ซึ่งเราก็ตอกกลับไปว่าเราเป็นผู้ใหญ่แล้ว ทำไมจะต้องด่า ก็คุยดีๆ สิว่าต้องการอะไร ซึ่งสรุปก็คุยเรื่องเงินเค้าอยากได้เงิน ตอนแรกก็ไกล่เกลี่ยเรื่องเงินว่าเป็นไปไม่ได้ เราไม่มีให้ เราเอาเงินไปรักษาพ่อแม่เค้าที่เป็นมะเร็งแล้ว และก็ไม่มีเงินให้เค้าหรอก เงินไม่ใช่ของเค้า บริษัทก็ไม่ใช่ของเค้าเป้นของเรา สิ่งที่เมียน้อยเล่าย้อนกลับมา เช่นพี่เค้าบอกรักหนู พี่รู้มั้ยว่าหนูอยู่กรุงเทพ หิวข้าว เค้าขับรถจาก ตจว.เพื่อซื้อข้าวกล่องมาให้หนู และเค้าไม่ได้อยู่ตจว.แต่ขับรถไปกลับ เค้าเช่าคอนโดหรุที่ตจว.ให้หนูอยู่ และซื้อรถ ซื้อบ้าน เอาเงินไปผูกข้อไม้ข้อมือ ให้เงินเป็นวีคๆ ละ ห้าพันกว่า ซื้อของโน่นนี่นั่น หนูท้องแต่พี่เค้าให้หนูทำแท้ง!! และบลาๆ ที่เราฟังและสิ้นสติ มารู้อีกทีคือมีน้องกับแม่ที่มาเขย่าปั้มหัวใจ เราเหมือนคนเสียสติ มันเบลอมันเจ็บปวดจนแม้กระทั่งกลืนน้ำลายไม่ลงคอแต่ช่วงที่เราขาดสติโชคดีที่มีแม่อยู่ข้าง มีน้องที่มาดูแลพี่สาว เอาแบรด์เอาน้ำมากรอกปาก ณ วันนั้นเป้นระยะเวลายาวนานที่เราเหมือนคนที่ไม่มีหัวใจไม่มีอะไร เหมือนโลกมันดับ ไม่สนใจสิ่งรอบข้าง ไม่รับรู้ และนอนไม่ได้ ลูกๆ ห่วงคุณแม่

มหากาพย์เรื่องเมียน้อย เมียหลวง และผัวยิ้ม
ช่วงที่เจ็บปวดมันมีสิ่งนึงที่ฉุดให้ลุก มีลูกน้องที่เป็นเหมือนมิตรที่เมตตา มีแม่ที่เป็นทุกข์สาหัส แม่ของเราสาหัสพอกับเรา และลูกที่เป็นออทิสติก วันที่เรานอนร้องไห้ด้วยความเจ็บ มีลูกที่มานอนกอด และลูบหลัง ซึ่งปกติเค้าไม่ทำ พร้อมกับพูดว่า ... รักแม่นะ อย่าร้องไห้ รักแม่นะ ส่วนลูกอีกคนเค้าเรื่มมีปัญหาเค้าซึมเศร้า และร้องไห้ จนครูที่โรงเรียนต้องโทรมาให้มารับลูกกลับบ้าน มันเป็นอะไรที่เรา เรานอนเป็นผัก เกือบสองอาทิตย์ และก็ลุกสู้เพราะมีลูกน้อง มีงาน หลายอย่างที่ต้องทำ น้ำหนักลดฮวบในระยะเวลาสามเดือน 20 โล เร็วมั้ยเร็วอย่างกับโกหก เราเปลี่ยนตัวเองแต่งตัว เปรี้ยว ดื่ม และติดยานอนหลับ มีเรื่องโกหกสร้างเรื่องต่างๆ นาๆ จากสามี และจากเมียน้อย

เดี๋ยวมาต่อค่ะ...
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่