ธารทิพย์ บทที่ 14

กระทู้สนทนา
ธารทิพย์

โดย อัศวรักษ์


ธารทิพย์ บทที่ 13 http://pantip.com/topic/33020635

            ฟ้าสางของวันใหม่ สร้อยสาละวนอยู่กับการเตรียมมื้อเช้าของทุกคนโดยมีเหมียวคอยช่วยอยู่ที่ชานบ้าน ไกรศักดิ์ โจและพียังอยู่หน้ากองไฟกางแผนที่บนแคร่เล็กที่ไกรศักดิ์ใช้นั่งกรรมฐานเมื่อคืน พูดคุยกันอยู่

                “พ่อจ๊ะ น่อเซิ่งอยู่ไหน” สร้อยถามพรานโละที่ขึ้นบันไดมา

                “แงซามันอุ้มกลับไปเรือนมันแต่ยังไม่ทันสาง” พรานโละบอกลูก สร้อยพยักหน้ารับรู้

                “นี่เราจะอาบน้ำได้ยังไงจ๊ะสร้อย” เหมียวถาม

                “เย็นเยี่ยงนี้ยังล้างตัวไม่ได้หรอกจ้ะ พี่รออาทิตย์ตรงหัวก่อนนะจ๊ะ” สร้อยบอกเธอ
    
            เหมียวพยักหน้าอย่างรับรู้สภาพ เธอลุกขึ้นเดินลงบันไดตรงไปยังลำธารวักน้ำอันเย็นเฉียบมาบ้วนปากแล้วฝืนใจล้างหน้า จากนั้นจึงไปสมทบกับลุงไกรศักดิ์และสองหนุ่ม

                “อาหารเช้าใกล้จะพร้อมแล้วนะคะ” เหมียวบอกทั้งสามคน

                “ไหวหรือเปล่าลูกเหมียว” ไกรศักดิ์ถาม

                “ไหวค่ะ หนูเลยจุดที่กลับไม่ได้มาแล้ว” เธอยิ้มตอบลุง

                “มีปัญหาอะไรหรือเปล่าคะ” เหมียวถามโจ

                “ต้องหารือกันใหม่เรื่องจะไปด้วยวิธีไหนดี” โจตอบตายังมองบนแผนที่

                “ทำไมคะคุณลุง” เหมียวถามไกรศักดิ์

                “จากบนแผนที่นี่ดูเหมือนเราจะต้องผ่านโตรกเขาสูงชันที่มีลำธารสายใหญ่อยู่ด้านล่าง” ไกรศักดิ์บอกเธอ

                “นั่นหมายถึงสองเที่ยวไปกลับด้วย” พีพูดเสริม

                พรานโละและสร้อยเดินเข้ามาสมทบ ไกรศักดิ์จึงบอกให้ทั้งสองรู้ถึงปัญหาของเส้นทาง

                “ในไพรมีภัยมากเหลือ เราควรเดินทางที่คุ้นดีกว่าจ้ะท่าน” พรานโละพูดความเห็น

                “ว่าไงล่ะทั้งสองคน” ไกรศักดิ์ถามพีและโจ

                โจและพียืนครุ่นคิดชั่งใจ เหมียวมองหน้าทั้งคู่แล้วพูด

                “เหมียวว่าคุณลุงควรจะตัดสินใจมากกว่านะคะ เราสามคนรู้จักป่าแค่หางอึ่ง” เธอตัดบทให้ผู้รู้ตัดสิน

                “ผมเห็นด้วยกับเหมียวครับ” พีตัดสินใจ โจพยักหน้ารับ

                “ถ้าอย่างนั้นเราเดิน โละกับลูกสร้อยก็เคยเดินมาแล้ว” ไกรศักดิ์พูด ทุกคนพยักหน้ารับ

                “อ้าวนั่นแงซามา” ไกรศักดิ์ชี้ไปที่ราวป่า

                แงซาเดินตรงเข้ามาในลักษณะเตรียมเดินป่าพร้อมอาวุธในมือ

                “แงซา อีน่อเซิ่งล่ะ เจ้ามิได้อยู่บนเรือนเจ้ารึ” พรานโละถาม

                “ข้าเอาน่อเซิ่งไปให้พี่ข้าไว้” แงซาตอบ

                “ข้าจะไปกับนายท่านกับอ้ายโละ” เขาพูดต่อ

                พรานโละและสร้อยไม่ออกปากห้ามปรามแล้วเมื่อเห็นความตั้งใจของแงซา

                “ขอบใจนะแงซา แต่ฉันยังห่วงน่อเซิ่งไม่หาย” ไกรศักดิ์ยังกังวล

                “นายท่านมีคุณนักกับเผ่าข้า ข้าสาบานไว้จะแทนคุณอ้ายโละพรานโส่ย” แงซาพูดคุกเข่าลง

                ทุกคนมองหน้ากันไปมาทึ่งในความตั้งใจของแงซา

                “ก็ตกลง ดีเหมือนกัน สามพรานดูแลสามคน ฉันยังดูแลตัวเองได้” ไกรศักดิ์พูด

                “อย่างนั้นเราขึ้นไปกินข้าวกันแล้วออกเดินทาง” เขาพูดต่อ
    
            ทั้งหมดขึ้นบ้านไปล้อมวงกินอาหารเช้าด้วยกัน เป็นครั้งแรกในชีวิตของเหมียวสำหรับเมนูแปลกๆที่ต้องกินด้วยมือ แต่เธอก็ปรับตัวอย่างรวดเร็วด้วยการสังเกตวิธีที่คนอื่นทำกัน เมื่ออิ่มกันเรียบร้อยแล้ว แต่ละคนจึงพลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดลายพรางสวมรองเท้าเดินป่ารัดครึ่งแข้ง

                ถึงจะห่างเหินไปนานแต่ไม่ใช่ปัญหาสำหรับไกรศักดิ์ มันฝังเข้าไปในสายเลือดของเขาเสียแล้วเรื่องเดินป่า เขาหยิบโน่นจับนี่ใส่ลงในกระเป๋าเสื้อกางเกงและเป้หลังอย่างไม่ติดขัด มีดยาวมีดสั้นเสียบในช่องเข็มขัดสนามแล้วหยิบซองปืนสั้นสะพายไหล่ขึ้นพาดรัดกับอก หยิบจุดสี่ห้าขึ้นมาปลดแม็กกาซีนตรวจกระสุนเต็มแล้วใส่กลับเข้าไป ชี้ปากกระบอกขึ้นฟ้าดึงลูกเลื่อนขึ้นลำบรรจุกระสุนเข้ารังเพลิง ลดนกใส่เซฟไกปืนแล้วสอดลงซองข้างลำตัว แม็กกาซีนสำรองของอาวุธประจำกายสี่แม็กเสียบไว้กับสายสะพายไหล่ เขายกเป้หลังขึ้นคล้องไหล่และสุดท้ายคือเอ็มสิบหกแบบจู่โจมพับฐานติดเครื่องยิงระเบิดขึ้นสะพาย
    
            โจ พีและเหมียวเฝ้ามองลุงของเขาเพื่อทำตาม เมื่อโหลดอาวุธเสร็จเรียบร้อย แม้ชายหนุ่มทั้งสองจะยังหนุ่มแน่นและเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นเพียงใดก็ยังไม่วายอึ้งกับน้ำหนักที่แบกรับอยู่ เหมียวอยู่ในชุดลายพรางดูทะมัดทะแมง เธอยกเป้หลังขึ้นสวมแล้วหยิบไรเฟิ้ลติดกล้องเล็งขึ้นสะพายไหล่

                คนทั้งหมดยืนรวมกันอยู่บนชานบ้านพร้อมเดินทาง

                “ของกินกับดอกไม้ฉันวางไว้บนลานแล้วจ้ะ” พรานโละบอก

                “ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปบอกกล่าวขอเปิดป่ากัน” ไกรศักดิ์พูด

                พรานโละเดินลงบันไดไปตามด้วยแงซา โจ พีและเหมียว สร้อยหันไปมองในบ้าน เธอไม่ได้สังเกตว่าไกรศักดิ์ก็หันมองด้วยเข่นกัน

                “แม่ไปกับข้านะ”

                “ไปกับพี่นะ ลอยา”

                สร้อยและไกรศักดิ์ตั้งจิตบอกกล่าวต่อลอยาแล้วทั้งสองหันมามองหน้ากัน ไกรศักดิ์เข้าใจแต่สร้อยไม่ เธอแปลกใจอยู่บ้างว่าท่านพ่อมองอะไรในบ้านของเธอ
    
            คนทั้งเจ็ดมารวมกันอยู่ที่ลานบ้านเพื่อทำพิธีบอกกล่าวเจ้าป่าเจ้าเขาขอเปิดป่าเสร็จพิธีทั้งหมดจึงเริ่มออกเดินทางสู่ “ลำธารแห่งวาสนา” สถานที่ซึ่งไกรศักดิ์ โจ เหมียวและพีไม่รู้เลยว่าอยู่ที่ใด แต่สำหรับสร้อย พรานโละและแงซา พวกเขารู้แต่เพียงว่าจุดหมายคือที่ที่ปู่ผาบำเพ็ญอยู่เพียงลำพัง “ถ้ำตโมหร”
    
            แงซาเดินห่างออกไปพอประมาณเป็นผู้ระวังหน้ามีเจ้าพรีโม่เดินนำไปด้วย ในมือของเขาถือดาบคมฟันกิ่งไม้อยู่ไปมาเพื่อแผ้วถางทางเดิน ตามด้วยไกรศักดิ์ พี เหมียว โจและสร้อย ห่างไปสักสิบก้าว ปิดท้ายระวังหลังด้วยพรานโละ เท้าทั้งเจ็ดคู่ย่ำไปข้างหน้าก้าวแล้วก้าวเล่าห่างไกลออกไป สามคนหนุ่มสาวจากเมืองใหญ่ได้รับการบอกกล่าวเบื้องต้นถึงกฎของการเดินป่า พูดเบาๆเมื่อจำเป็น มองก้าวมองบนมองล่าง หันซ้ายขวาเพื่อสังเกตสังกา และให้หมั่นดูคนหน้าสุดกับคนหลังสุดไว้ด้วย

                ภูมิประเทศขึ้นลงไปตามลาดของเชิงเขา ยามใดที่เดินผ่านเนินที่อยู่ใกล้แงซาจะยกมือให้ขบวนหยุดลงเพื่อสังเกตสิ่งที่เคลื่อนไหว หาทิศทางลมและสูดกลิ่นสาบของพยัคฆ์จ้าวป่าที่อาจซุ่มโจมตีอยู่ หลายครั้งที่พบร่องรอยงูพิษขนาดใหญ่หรือรอยเท้าเสือซึ่งคะเนว่าลำตัวไม่เล็กกว่าสี่ศอก ยิ่งลึกเข้าไปเท่าไรในป่ายิ่งเพิ่มความกดดันให้คณะโดยเฉพาะ โจ พีและเหมียว นี่เป็นครั้งแรกของทั้งสามคน พวกเขาพยายามนึกถึงเหตุผลของการเดินทางเอาไว้
    ตะวันบ่ายวันที่สามของการเดินทาง ขณะเดินอยู่บนเนินราบ แงซายกมือแล้วนั่งลง ทั้งหมดนั่งตามด้วย เขาชี้นิ้วที่ตาแล้วชี้ไปที่ทิศสิบเอ็ดนาฬิกาต่ำลงไป ไกรศักดิ์ล้วงเอากล้องส่องทางไกลที่ใช้ได้ทั้งกลางวันและกลางคืนออกมาส่องไปยังทิศทางที่แงซาชี้บอก หมูป่าโทนตัวหนึ่งกำลังก้มๆเงยๆกินหญ้าอยู่อย่างระวังภัย สามวันแล้วที่ทั้งเจ็ดคนกินแต่ผลไม้ป่าพวกเขาจำเป็นต้องหาเนื้อสัตว์มาใส่ท้องบ้างเพื่อให้ร่างกายมีเรี่ยวแรง กฎของพรานป่าที่ดีคือฆ่าเพียงเท่าที่จำเป็นเพื่อการดำรงชีพเท่านั้น

                ระยะห่างระหว่างพวกเขากับหมูป่าไกลเกินกว่าที่ปืนแก๊ปของพรานจะหวังผลได้ ไกรศักดิ์ชี้มือไปที่เหมียวให้ขยับเข้ามาใกล้แล้วชี้ไปที่เป้าหมาย พีจับพรีโม่กอดเอาไว้ไม่ให้มันส่งเสียง เหมียวปลดไรเฟิลลงจากไหล่ขึ้นประทับ หรี่ตาผ่านกล้อง มือขวาดึงลูกเลื่อนบรรจุกระสุนช้าๆไม่ให้เกิดเสียงดังมากนัก เล็งไปที่หมูป่าโทนตัวนั้น มันยังไม่รู้ตัวยังคงก้มเล็มหญ้าอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งนิ้วในโก่งไกถูกเหนี่ยว

                “ปัง” ไรเฟิลคำรามลั่นป่าฝูงนกและสัตว์อื่นแตกตื่น เจ้าหมูป่าเคราะห์ร้ายสะบัดหัวแล้วฟุบลงกองกับพื้น ไกรศักดิ์ตบไหล่เธอเป็นคำชม โจนั่งมองเหมียวอย่างทึ่งในฝีมือ ระยะกว่าสามร้อยหลานัดเดียวเข้าจุดตาย พรีโม่ แงซาและพรานโละวิ่งไปยังหมูป่าที่นอนตายอยู่ คณะที่เหลือค่อยๆเดินตามไปถึงจุดนั้น แงซากำลังชำแหละเอาแต่เนื้อออกเป็นชิ้น

                “สมกับที่เป็นสมาชิกชมรมยิงปืน เก่งมาก” ไกรศักดิ์ยิ้มพูดชมเหมียว

                “ขอบพระคุณค่ะคุณลุง หนูดีใจที่ทำประโยชน์ได้บ้าง” เธอยิ้มตอบ

                “นี่ก็เริ่มเย็นแล้ว เราหาที่พักแรมกันแถวนี้เลยนะโละ” ไกรศักดิ์หันไปพูดกับพรานโละ

                “มอถัดไปคงเหมาะจ้ะท่าน” พรานโละชี้มือบอก

                “เราไม่พักตรงนี้เลยล่ะครับคุณลุง จะได้ไม่ต้องแบกหมูตัวนี้ไป” พีเอ่ยถาม

                “ตรงนี้โล่งเกินไป หากมีอะไรเกิดขึ้นพวกเราไม่มีที่กำบัง” ไกรศักดิ์บอกหลาน

                เขาคงต้องเรียนรู้อีกมากเลยกับเรื่องของป่า พีคิดในใจ
    
            ค่ำแล้ว ทุกคนนั่งรายล้อมอยู่หน้ากองไฟ ไกรศักดิ์ สร้อย พรานโละและแงซานั่งตะแคงข้างให้กองไฟเพื่อจะสามารถกวาดตาไปทางอื่นได้ตามสัญชาตญาณ หมูป่าย่างอยู่บนกองถ่านส่งกลิ่นหอม เจ้าพรีโม่นอนแทะกระดูกติดเนื้อย่างชิ้นโตของมัน

                “แถวนี้ยังไม่มีกองกำลังอะไรใช้เดินใช่มั้ย” ไกรศักดิ์ถาม

                “ไม่มีจ้ะ” พรานโละตอบ

                พี โจและเหมียวหยิบแผนที่ขึ้นมาช่วยกันกำหนดจุด

                “เราต้องใช้เวลาอีกกี่วันครับกว่าจะถึงถ้ำตโมหร” โจถามลุง

                “ถ้าพรานป่าเขาเดินก็อีกเจ็ดแปดวัน พวกเราคงต้องสักสิบวัน ถ้าไม่มีปัญหาอื่นนะ” ไกรศักดิ์ตอบขณะยืนใช้กล้องมองกลางคืนส่องสำรวจไปรอบๆ แล้วหยุดอยู่ที่จุดหนึ่ง

                “อย่างเช่นไอ้สี่ศอกสองตัวนั่น มันตามเรามาสองวันแล้ว” เขาพูดต่อ

                “รู้ใช่มั้ยโละ” ไกรศักดิ์ลดกล้องลงถามพรานโละ

                “รู้จ้ะ” พรานโละตอบ

                พรานทั้งสามและไกรศักดิ์รับรู้อันตรายที่ตามหลังมายกเว้นสามหนุ่มสาวคนเมือง

                “เก็บนี่ไว้ใช้” ไกรศักดิ์ส่งกล้องมองกลางคืนขนาดเล็กอีกอันหนึ่งให้พรานโละ เขารับไปแล้วยืนขึ้นส่องกวาดไปรอบๆ พรานโละนึกชอบใจกับสิ่งประดิษฐ์ที่เพิ่งเคยใช้ เขาส่งให้สร้อยและแงซาให้ลองส่องดู

                “ของเราสามคนที่ลุงให้ไว้ก็หยิบมาใช้นะ” ไกรศักดิ์บอก ทั้งสามคนพยักหน้ารับ

                “ลูกสร้อยเอานี่” ไกรศักดิ์ส่งกล้องเล็กอีกอันให้สร้อย เธอยิ้มดีใจรับมาแล้วเดินออกไปส่องรอบๆ
    
            “ท่านพ่อจ๊ะ เยี่ยงนี้เราเดินป่ากลางคืนได้นะจ๊ะ” สร้อยพูดกับไกรศักดิ์เรียกพ่ออย่างสนิทสนม

                ไกรศักดิ์ยิ้มตอบแล้วใช้มือลูบหัวเธอเบาๆ ทั้งสองออกมายืนมองราวป่า

                “สบายดีหรือเปล่าลูก” ไกรศักดิ์ถามชวนสร้อยคุย

                “สบายดีจ้ะ” เธอตอบ

                “เหนื่อยหรือเปล่าลูก” ไกรศักดิ์ถามต่อ

                “ไม่เหนื่อยจ้ะ ฉันอยากไปหาปู่ทวดจ้ะ” สร้อยตอบ

                “ลำบากหรือเปล่าลูกอยู่ที่นี่” เขาถามเพื่อให้ลูกสาวเล่าต่อ

                “ไม่ลำบากจ้ะ ฉันเกิดในป่าโตในป่าจ้ะ” สร้อยตอบ
    
            คำว่าเกิดในป่าโตในป่านั้นบาดลึกเข้าไปในหัวใจของไกรศักดิ์

                “แล้วถ้าหากวันหน้ามีใครพาไปอยู่ในเมืองล่ะ ลูกจะไปมั้ย” ไกรศักดิ์ถามอยากรู้ใจลูก

                “ฉันไม่ไปหรอกจ้ะ ฉันอยู่ไม่เป็น” สร้อยตอบ

                ไกรศักดิ์ยิ้มมองหน้าแล้วลูบหัวเธอ

                “ได้ยินว่าลูกเป็นกำพร้าแม่” เขาพูดต่อ

                “กำพร้า..อะไรจ้ะ” สร้อยตอบไม่เข้าใจภาษาเมือง

            “หมายถึง แม่ของลูกตายไปแล้ว” ไกรศักดิ์บอก

                “จ้ะ” สร้อยตอบสั้นๆ เธอสลดลงเมื่อพูดถึงแม่

                “เล่าเรื่องแม่ให้ฟังหน่อยได้มั้ย” ไกรศักดิ์ถามอยากรู้ความรู้สึกของลูก

                “ปู่ทวดกับพ่อบอกว่าผาถล่มทับแม่ตาย ฉันไปขุดแม่มาฉันเจอปลอกปืนเก่าสี่หัว” เธอเล่า
    
            ไกรศักดิ์นึกย้อนไปถึงภาพในอดีต เขาจำที่มาของกระสุนสี่นัดนั้นได้

                “ผาไม่ได้ถล่ม พ่อบอกไม่รู้ว่าแม่ตายเยี่ยงไร ฉันอยากไปถามปู่ทวดจ้ะท่านพ่อ” เธอเล่าซื่อๆ

            “รู้จักหน้าแม่มั้ย” ไกรศักดิ์ถาม
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่