จะทำยังไงเมื่อวันหนึ่งรู้ตัวว่าถูกหลอกมาโดยตลอดเป็นเวลาเกือบ 3 ปี นี่โง่มากใช่มั้ย??

ก่อนอื่นต้องขอท้าวความก่อนว่า เราเคยเป็นคนเจ้าชู้มาก่อน แต่พอวันหนึ่งเรามาเจอพี่คนหนึ่ง เขากลับทำให้เราไม่อยากมีใครอีก กลับทำให้เราไม่อยากคุยกับใครเพิ่มอีก เราจึงเลือกที่จะหยุดเจ้าชู้แล้วคบกับพี่คนนั้นเพียงคนเดียว เราขอใช้ชื่อแทนตัวเองว่าแอม และแทนพี่คนนั้นว่าพี่เอ็ม

Past 1

เรื่องมันมีอยู่ว่า เราไปเรียนต่อปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งในจังหวัดพิษณุโลก โดยปกติเราเป็นคนชอบเล่น แชท QQ มากๆ แต่ก็ไม่เคยคิดที่จะมีแฟนที่มาจากที่นี่ เราเล่นตั้งแต่ ม.3 จนถึง ปี 1 ก็ไม่เคยมีปัญหาอะไร เพราะเราหวังแค่คุยเป็นเพื่อนแก้เหงาไปวันๆ เพราะเราก็คิดว่าน้อยนักที่เราจะเจอคนที่คิดจะมาจริงจังกับเราจากแชทออนไลน์ เราก็เรียนปริญญาตรีตามปกติและเล่นตามปกติ จนเรียนอยู่ปี 2 เทอม 2 ด้วยความที่เล่นคิวๆมานาน มันก็เกิดความเบื่อ ยิ่งมีเฟสบุค เข้ามาแทนที่ด้วยแล้ว ยิ่งเบื่อ QQ ไปใหญ่ นานๆวันเราถึงจะเข้าไปเล่นทีนึงหรือเล่นเวลาที่ไม่มีคนคุยด้วยจริงๆ แล้วก็มีอยู่วันนึงที่เราออนไลน์โปรแกรม QQ วันนั้นเป็นวันที่ 5 พฤษภาคม 2555 แล้วมีพี่คนนึงทักเข้ามา ปกติเราจะต้องเจอคำถามเดิมๆว่า ชื่ออะไร? อายุเท่าไหร่? อยู่จังหวัดไหน? ทำงานหรือเรียน? แต่กับพี่คนนี้กลับมาถามไม่เหมือนกับที่เราเคยเจอ
อยู่ดีๆก็ทักเข้ามาว่า "สวัสดีครับชีวิตช่วงนี้มีความสุขดีไหมครับ?"
เราเจอคำถามยาวแบบนี้เลยสงสัย เลยตอบกลับไป "ก็ดีค่ะ ถามแปลกๆนะคะ" คุยไปคุยมาก็รู้สึกดีแบบแปลกๆ พี่คนนั้นชื่อพี่เอ็ม เชื่อไหมว่าเราคุยกับพี่เอ็มตั้งแต่เที่ยงคืนถึงตีห้าครึ่ง เราไม่เคยคุยกับใครนานขนาดนี้ แล้วก็ได้รู้ว่าเป็นคนชอบออกกำลังกายเหมือนกัน ตอน หกโมงเช้าจึงนัดกันไปวิ่งออกกำลังกายที่สวนสุขภาพของมอ บ้านพี่เอ็มอยู่ห่างจากมอ 7 กิโลเมตร อยากจะบอกว่าตอนที่พี่เอ็มส่งรูปมาให้ดูเราเกิดอาการไม่อยากคุยต่อเพราะเห็นรูปแล้วพี่เค้ามีลักษณะเหมือนอาเสี่ยทั้งๆที่บอกว่าตัวเองอายุ 23 ย่าง 24 ปี พูดตรงๆคือพี่แกดูหน้าแก่นั้นแหละ แต่รับปากไปแล้วว่าจะไปก็ต้องไป พอไปถึงพอได้เจอหน้าบอกตรงๆว่าพี่เอ็มดูดีกว่าในรูปมากๆ ตาตี่ๆผิวขาว เป็นผู้ชายหุ่นหมีคล้ายๆสแตมป์ เรานี่ยิ้มอย่างเดียว
แล้วพี่แกก็บอกว่า   "ถ้ามาช้ากว่านี้อีกนิดพี่จะกลับอยู่แล้ว"
เราเลยบอกไปว่า  "โทดทีค่ะ เผลอหลับไป"
พี่แกก็บอกว่า "พี่ยังไม่ได้นอนเลย" เรานี่รู้สึกผิดนิดๆ
เราก็ถามย้ำความมั่นใจนะว่า  "พี่ไม่มีแฟนจริงๆหรอ?" เพราะโดยส่วนตัวเรารู้สึกว่าพี่แกดูดีมากเลยนะ ฐานะก็ดี มันยากที่จะไม่มีใคร
แล้วพี่เอ็มก็บอกว่า "ไม่มีจริงๆ คนอย่างพี่ใครจะมาเอา พี่ทำแต่งาน" แล้วตั้งแต่วันนั้นเรากับพี่เอ็มก็เจอกันบ่อยขึ้น พี่เอ็มจะมารับเราไปกินข้าว ดูหนัง เราก็ยังไม่ได้ไว้ใจมาก ก็ยังมีคำถามฝากไปก่อนกลับบ้านเสมอ
"เอาตรงๆนะแอมเป็นคนตรงๆ ถ้ามีใครอยู่แล้วก็บอกกันนะคะ นี่จะจบดีๆ"
แล้วพี่เอ็มก็ตอบมาเหมือนเคย เป็นแบบนี้จนมาถึงวันลอยกระทง พี่เอ็มจะมารับเราไปลอยกระทงที่วัดแถวบ้าน บอกจะพาไปเจอพ่อกับแม่ แต่ด้วยความที่เรายังเรียนอยู่และค่อนข้างมีความหยิ่งทะนงในตัวสูง เราเลยปฏิเสธไปว่าไม่พร้อมจะไปเจอเพราะเรามีความรู้สึกว่าเรายังเรียนอยู่ ยังไม่มีอะไร ทางบ้านพี่เอ็มฐานะดีมาก เรากลัวว่าถ้าไปพบแล้วจะโดนดูถูก เราขอให้เรียนจบทำงานแล้วค่อยไปพบจะดีกว่า เพราะวิชาชีพที่เราเรียนค่อนข้างมีเกียรติเป็นที่เชิดหน้าชูตาอยู่ แล้วเราก็คบและคุยกับพี่เอ็มแบบนั้นมาจนครบ 1 ปี จะได้ พี่เอ็มเป็นคนเสมอต้นเสมอปลายมากๆ ไม่เคยเปลี่ยนเลย แต่ที่แปลกอีกอย่างก็คือไม่เคยบอกรัก หรือบอกความรู้สึกอะไรเลย มีแต่การกระทำที่ทำให้รู้สึกดี เชื่อไหมว่าพี่เอ็มเคยมานอนที่ห้องเราหลายครั้ง แต่ก็ไม่เคยคิดจะล่วงเกินเรา แค่กอดหรือจับมือยังไม่เคยเลย นอนอย่างเดียว ตรงนี้เราก็ว่ามันแปลก แต่พี่เอ็มคงมีความเป็นสุภาพบุรุษมากเกินไปจนบางทีเราก็คิดว่าพี่แกไร้อารมณ์ความรู้สึกหรือเปล่า แต่ตรงจุดนี้ก็ทำให้เราค่อนข้างเชื่อใจและไว้ใจพี่เอ็มมากๆ เรากับพี่เอ็มมีอะไรหลายๆอย่างที่คล้ายกัน คุยกันได้ทุกเรื่อง นิสัยเข้ากันได้ทุกเรื่อง ไม่เคยทะเลาะหรือมีปัญหากันเลย  ก็คบกันมาจนมาถึงช่วง ธันวาคม 2556 ที่มอใกล้จะมีงานรับปริญญา ซึ่งเรากับพี่เอ็มก็คบกันมา 1 ปี  7 เดือนละ  พี่เอ็มก็บอกเราว่าน้องสาวพี่รับปริญญาปีนี้ เรียนคณะมนุษย์ เอกญี่ปุ่น เรื่องน้องสาวพี่เอ็มเรารู้ตั้งแต่แรกๆที่คบกันละ แต่เพิ่งรู้ว่ารับปริญญาปีนี้ พอถึงวันรับปริญญาเรากะจะโทรถามว่าอยู่ตรงไหนจะไปแสดงความยินดีด้วย แต่ช่วง 3-4 วันนั้นที่เป็นวันซ้อม และรับจริง  พี่เอ็มไม่รับโทรศัพท์เราเลย เราว่ามันแปลกๆแต่อีกใจก็คิดว่าคงจะยุ่งๆเตรียมงานเยอะแยะ อาจจะไม่ว่างรับ เราจึงไม่โทรไปกวนอีก ผ่านไป 2 วัน เราจึงโทรไปอีก ก็ไม่รับอีก ด้วยความที่ไม่ได้ผู้กพันกันทางกายเราจึงไม่เสียใจอะไรมากหากเค้าไม่อยากคุยกับเราจริงๆเราก็จะไม่โทรอีก แต่พอผ่านไป 1 อาทิตย์ เค้าก็โทรกลับมาบอกว่ามีปัญหากับพ่อแล้วไปอยู่ที่นครสวรรค์มา อยากอยู่คนเดียวสักพัก เลยไม่ได้ติดต่อกลับมา ตอนนั้นเราก็ชั่งใจอยู่นานนะ ว่าจะกลับไปคุยกันอีกดีมั้ย เค้านึกจะไปก็ไปไม่บอกไม่กล่าวเราเลยสักคำ แต่อีกใจก็นึกถึงสิ่งต่างๆที่เคยทำด้วยกันมา เค้าเป็นทั้งเพื่อน ทั้งพี่ ทั้งพ่อเลยก็ว่าได้ ยอมรับว่าเวลาที่อยู่กับเค้าเรามีความสุขมากๆ แต่อีกใจก็กลัว กลัวหลายๆเรื่อง มันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูก แต่สุดท้ายหัวใจก็บอกให้เราเลือกที่จะคุยกับเค้าต่อ แล้วเราก็คุยกับพี่เอ็มเหมือนเดิม มารับกันไปกินข้าวดูหนัง เที่ยวต่างจังหวัดเหมือนเดิม
จนมาถึงช่วง เดือนเมษายน 2556 ซึ่งเดือนนั้นเป็นวันเกิดของพี่เอ็ม
เราบอกกับพี่เอ็มว่า "เดี๋ยววันเกิดพี่เอ็ม แอมขอเลี้ยงชาบูชินะ"
พี่เอ็มก็บอกว่า "ได้ยังไง วันเกิดพี่พี่ต้องเลี้ยงสิ ไว้เดี๋ยวพี่มารับนะ"
"โอเคค้าบ"
แล้วพอใกล้วันเกิดพี่เอ็มก็มีงานเข้าเรา ทำให้วันเกิดพี่เอ็มเราไม่ว่าง แต่เรายังไม่ได้บอกพี่เอ็ม เพราะคิดว่าจะเคลียร์งานเสร็จทัน แล้วพอวันเกิดพี่เอ็มมาถึงปรากฎว่าไม่ทัน พี่เอ็มโทรมาตามแล้ว
เราบอกว่า "แอมไปไม่ได้อ่ะค่ะ"
พี่เอ็มบอกว่า "โอเคๆ ไม่เป็นไร งั้นแค่นี้ก่อนนะ ทำงานไปเถอะ พี่ไม่กวนละ"
เราก็คิดว่าคงจะไม่ใช่เรื่องใหญ่ขนาดนั้น แล้วตั้งแต่วันนั้น เราโทรไปพี่เอ็มไม่รับสายและไม่โทรกลับเลย เกือบ 2 อาทิตย์ ตั้งแต่ปิดเทอมมา เราหางานพิเศษทำแถวมอเพราะปีนี้เป็นปีแรกที่มอจะปรับเวลาเรียนให้ตรงกับประเทศอาเซียน ซึ่งจะทำให้ปิดเทอมยาวนานถึง 6 เดือน เราจึงเลือกหางานทำแถวมอแทนที่จะกลับมาอยู่ที่บ้าน แล้วโชคดีได้ไปทำงานกับอาจารย์ได้เงินเดือนเดือนละ 8,500 บาท ช่วงนั้นเราบ้างานมาก เลยทำให้ไม่ค่อยมีเวลาโทรไป ซึ่งพี่แกก็ไม่โทรมาเลย จนผ่านไป 2 เดือนแล้วพี่เอ็มโทรกลับมา ก็คุยกันได้ปกติ มีนัดมารับไปกินข้าวบ้าง ดูหนังบ้าง ตามเคย เป็นแบบนี้มาจนถึงเดือนสิงหาคมมอเราเปิดเทอม เราก็ยิ่งไม่ค่อยว่างไปใหญ่ เพราะเราเป็นเด็กิจกรรมทำกิจกรรมของมอเยอะ แต่ก็ยังคุยกันเหมือนเดิมเพียงแต่ความเอาใจใส่ของเรามันลดน้อยลง แต่พี่เอ็มไม่เคยเปลี่ยนไปเลย เค้าบอกว่าเข้าใจ ถ้าว่างเมื่อไรก็พากันไปหาไรกินไปเที่ยวตลอด เราว่าเราก็แฮปปี้กับชีวิตแบบนั้นดีนะ จนมาถึงวันเกิดของพี่เอ็มอีกรอบ เดือนเมษายน 2557 ครั้งนี้เราส่งข้อความไปอวยพร แล้วพอตอนเช้าก็โทรไปหา แต่แปลกที่พี่เอ็มไม่รับโทรศัพท์เราเลย พออีกวันเราจึงโทรไป เค้ารับแล้วบอกว่ามาดูงานที่ราชบุรี ยุ่งๆ เราเลยไม่อยากกวน แต่พอพี่เอ็มกลับมาพิดโลกก็จะโทรมาชวนเราไปดูหนัง หาอะไรกินกันเสมอ จนปิดเทอมช่วง พฤษภาคมถึงกลางเดือนสิงหาคมเรากลับไปอยู่บ้าน แต่จะขึ้นมาที่มอบ่อยเพราะมีค่ายหลายค่าย และกิจกรรมหลายอย่าง เดินทางไปค่ายหลายจังหวัดเรียกว่า 4-5 วันเดินทางเปลี่ยนที่ตลอดเลยก็ว่าได้ กลับไปบ้านได้ไม่กี่วันต้องกลับมามอละ และก็มีนัดเจอกับพี่เอ็มบ้าง พอมามอทำธุระเสร็จก็กลับไปบ้าน จนต้นเดือนสิงหาคมเราไปมอตั้งแต่ต้นเดือน  เพราะต้องไปทำกิจกรรมของมอหลายๆอย่างที่เรารับผิดชอบอยู่ทั้งรับน้อง ทั้งชมรมฯ วันแรกที่เราไปถึง เราก็โทรหาพี่เอ็มตั้งแต่ขึ้นรถเลย อีกชั่วโมงกว่าๆจึงจะถึงมอ แล้วพี่เอ็มก็บอกว่าถึงแล้วโทรหาพี่นะ เดี๋ยวไปหาอะไรกินกัน พอไปถึงมอพี่เอ็มก็มารับเราทันทีแล้วก็ออกไป ระหว่างไปพี่เอ็มเปิดเพลงที่ร้องว่า ก็มันนอย นิหน่อย นิ นอย นอย.....
เราเลยถามว่า "ชอบฟังเพลงแบบนี้ด้วยหรอ ?"
พี่เอ็มก็บอกว่า "เพลงโปรดพี่เลย"
แอม "ทำยังกับน้อยใจใครเลยนะ"
พี่เอ็ม "ก็ไม่รู้ดิ คนบางคนบอกจะกินชาบูชิ แต่กลับไม่ได้กิน"
แอม "อ่อ นี่งอนเป็นด้วยหรอ"
พี่เอ็ม "พี่ไม่ได้งอน แต่พี่เคลียร์งาน เคลียร์ทุกอย่างเพื่อจะไปกินกับแอม" เจอคำพูดแบบนี้เข้าไปแอมนี่เงิบเลยสิครัช รู้สึกผิดเลย เลยขอโทษพี่เอ็มไป แล้วก็คุยกันปกติเหมือนเดิม ผ่านมาจนตอนนี้ สิ้นเดือนสิงหาคม เรากับพี่เอ็มก็คบกันมาได้ 2 ปี 3 เดือนแล้วนะ แล้วพอดีช่วงต้นเดือนกันยายน 2557

เดี๋ยวมาพิมพ์เล่าต่อนะคะขอตัวไปอาบน้ำก่อนค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่