Fallacy มีชื่อเรียกภาษาไทยว่า ปฤจฉวาที ทุตรรกบท หรือ เหตุผลวิบัติ เหตุผลลวง กล่าวคือ fallacy เป็นการใช้เหตุผลที่ไม่ดี อาจกล่าวเพื่อให้เห็นภาพได้ว่ามันเป็นการใช้เหตุผลอย่างมีเล่ห์ หลอกล่อให้ผู้ฟังยอมรับข้อสรุปที่เสนอด้วยเหตุผลที่ไร้น้ำหนักแต่ฟังดูดี หรือด้วยวิธีการที่ยอกย้อน อย่างไรก็ตาม ต้องไม่ลืมว่าผู้ที่ใช้เหตุผลวิบัติไม่จำเป็นต้องเป็นผู้ที่เจ้าเล่ห์จริงๆ เพราะมีหลายรายที่เดียวที่ใช้เหตุผลวิบัติโดยไม่รู้ตัว
ผู้ยกบทความนี้ ต้องการจะให้บทความหรือฐานข้อมูลที่ยกมาเป็นประโยชน์กับผู้อื่นบ้างในการถกกัน
(ขอใช้รูปประกอบเป็นการ์ตูน เพื่อให้บทความน่าสนใจ)

1.การละทิ้งข้อยกเว้น (อังกฤษ: accident; ละติน: a dicto simpliciter ad dictum secundum quid) คือการวางนัยทั่วไปโดยไม่คำนึงถึงข้อยกเว้น ตัวอย่างเช่นการกล่าวอ้าง: การฆ่าคนต้องโทษประหาร ตำรวจใช้ปืนยิงโจรผู้ร้ายถึงตาย ดังนั้นตำรวจต้องโทษประหาร
ปัญหาที่เกิด: การใช้ปืนยิงบุคคลไม่ใช่อาชญากรรมในสถานการณ์จำเพาะ เช่น สถานการณ์ป้องกันตัว หรือคุ้มครองผู้ที่ร้องขอการคุ้มครองตามกฎหมาย
การกล่าวอ้าง: การขโมยของนั้นเป็นความผิดอาญา จอห์นขโมยรีโมทจุดระเบิดของโจรก่อการร้าย จึงมีความผิด
ปัญหาที่เกิด: การขโมยของจอห์นอาจไม่ใช่ความผิด เพราะถ้าเขาไม่ขโมยผู้ก่อการร้ายต้องใช้มันแล้วมีคนตาย

2.การสรุปเหมารวม[แก้]
การสรุปเหมารวม (อังกฤษ: converse accident; ละติน: a dicto secundum quid ad dictum simpliciter) คือการยกกรณีจำเพาะต่าง ๆ รวมเข้าเป็นกรณีทั่วไป ตัวอย่างเช่น
การกล่าวอ้าง: ทุกคนที่หนูเคยเจอเคยพบมีนิ้วมือสิบนิ้ว ดังนั้นทุกคนในโลกล้วนมีนิ้วมือสิบนิ้ว
ปัญหาที่เกิด: เซตย่อยคนที่เคยพบไม่สามารถเป็นตัวแทนของทั้งเซต บางคนอาจจะมีน้อยหรือมากกว่าสิบนิ้ว การแก้ปัญหานี้ทำได้โดยการเติมคำว่า ส่วนใหญ่ ลงไป
การกล่าวอ้าง: คนไทยเก่งภาษาอังกฤษ ดังจะเห็นได้จากคนกรุงเทพที่พูดภาษาอังกฤษได้ดี
ปัญหาที่เกิด: คนกรุงเทพไม่ได้เป็นตัวแทนคนไทยทั้งหมดในเรื่องความเก่งภาษาอังกฤษ
3.การสรุปนอกประเด็น
การสรุปนอกประเด็น (อังกฤษ: irrelevant conclusion; ละติน: ignoratio elenchi) คือการหันเหความสนใจออกจากข้อเท็จจริงในการโต้แย้ง มากกว่าที่จะจัดการกับปัญหาโดยตรง ตัวอย่างเช่น
การกล่าวอ้าง: เจ้าลัทธิบอกว่าสุนัขคือสัตว์เทพ สุนัขจึงเป็นสัตว์เทพ
ปัญหาที่เกิด: เจ้าลัทธิผู้ซึ่งเป็นบุคคลต้นแบบอาจคิดผิด และผู้พูดประโยคนี้ไม่ได้ให้เหตุผลว่าทำไม่สุนัขเป็นสัตว์เทพ (กรณีนี้คือ การอ้างปฐมาจารย์)

4.การโจมตีตัวบุคคล (appeal to the person; argumentum ad hominem) คือการโจมตีที่ผู้ตั้งหรือผู้กล่าวประเด็นถกเถียง โดยไม่สนใจเนื้อหาของประเด็นนั้นๆ เช่น
นาย ก: การขายอาวุธปืนเถื่อนมันผิดกฏหมายนะ ส่งเสริมอาชญากรรมด้วย
นาย ข: ตอนหนุ่มๆคุณเคยฆ่าคนตายมาแล้วนี่นา
ปัญหาที่เกิด: พฤติกรรมของเจ้าของประเด็นไม่มีผลต่อเนื้อหาของประเด็นนั้นๆในทุกกรณี

5.การอ้างคนหมู่มาก (appeal to the majority; argumentum ad populum) คือการใช้ความคิดเห็นของคนส่วนใหญ่ยืนยันความถูกต้องของประเด็นต่างๆ
การกล่าวอ้าง: การโหลดเกมเถื่อนไม่ผิด ใครๆก็ทำกันทั้งนั้น
ปัญหาที่เกิด: ความคิดเห็นหรือการกระทำของคนส่วนใหญ่อาจเป็นการกระทำที่ผิดได้ เนื่องจากการวัดว่าอะไรถูกและผิดใช้การคำนวณว่า การกระทำนั้นๆส่งผลดีและผลร้ายต่อตัวเองหรือผู้อื่นอย่างไร

6.การอ้างความภักดี (appeal to loyalty)
การอ้างอำนาจ (appeal to force; argumentum ad baculum) เป็นการใช้อำนาจหรือกำลังที่มีอยู่ ข่มขู่คุกคามให้ประเด็นดังกล่าวอ่อนลงไป เช่น
นาย ก: ท่านควรจะทำการแก้ไขระบบเกณท์ทหาร เป็นการรับสมัครทหารแทน ปรับโครงสร้างการเงินสักหน่อยคนก็น่าจะมาสมัครเพิ่มแล้ว
นาย ข: ผมไม่รับข้อเสนอหรอก แล้วถ้าคุณขออีก ผมจะยิงหัวคุณ
ปัญหาที่เกิด: การประทุษร้ายไม่มีผลกับตัวประเด็นในทุกกรณี เนื่องจากมันไม่ใช่เหตุผล

7.การขอความเห็นใจ (appeal to pity; argumentum ad misericordiam) คือการสร้างความรู้สึกเห็นอกเห็นใจเพื่อสนับสนุนประเด็นของตัวเอง เช่น
การกล่าวอ้าง: ที่นาย ข ค้ายาเสพติดเพราะเขาต้องการเงินจำนวนมากเพื่อรักษาพ่อแม่ของเขา การที่ตำรวจจับเขาติดคุกเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง
ปัญหาที่เกิด: การค้ายาเสพติดสร้างความเสียหายแก่สังคมในวงกว้าง ดังนั้นไม่ว่านาย ข จะมีแรงจูงใจอะไร ก็ไม่สามารถใช้เพื่อยืนยันความถูกต้องในการค้ายาเสพติดของเขา

8.การอ้างความไม่รู้ (appeal to ignorance; argumentum ad ignorantiam) คือการด่วนสรุปประเด็นเพราะยังไม่มีหลักฐานหรือพยานยืนยัน เช่น
การกล่าวอ้าง: เพราะไม่มีหลักฐานยืนยันว่าการสะกดจิตเป็นความจริง ดังนั้นการสะกดจิตเป็นสิ่งที่ไม่จริง
ปัญหาที่เกิด: เมื่อยังไม่สามารถหาหลักฐานหรือพยานได้ จึงยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าการสะกดจิตมีจริงหรือไม่
9.เหตุผลวิบัติสืบทอด (genetic fallacy)
การยืนยันผลและการปฏิเสธเหตุ
การยืนยันผล (อังกฤษ: affirming the consequent) และการปฏิเสธเหตุ (อังกฤษ: denying the antecedent) คือการสรุปสมมติฐานโดยปราศจากเงื่อนไขสำคัญหรือเพียงพอมารองรับ ตัวอย่างเช่นการยืนยันผล
การกล่าวอ้าง: คนเจ็บหน้าอกจะเป็นโรคหัวใจ ครูวินัยเจ็บหน้าอก แปลว่าครูวินัยเป็นโรคหัวใจ
ปัญหาที่เกิด: อาการอื่นเช่นโรคกระเพาะก็สามารถทำให้เกิดการเจ็บหน้าอกได้ มิได้หมายความว่าคนที่เจ็บหน้าอกต้องเป็นหวัดเสมอไป
การกล่าวอ้าง: ถ้าฝนตกแล้วพื้นจะเปียก ตอนนี้พื้นเปียก แสดงว่าฝนเพิ่งตกไม่นานมานี้
ปัญหาที่เกิด: มีกรณีอื่นอีกมากที่สามารถทำให้พื้นเปียกได้โดยฝนไม่ตก เช่น การสาดน้ำ เป็นต้น
การปฏิเสธเหตุ
การกล่าวอ้าง: ถ้าฝนกำลังตก ท้องฟ้าจะมีเมฆมาก ขณะนี้ฝนไม่ตก ดังนั้นท้องฟ้าจึงไม่มีเมฆ
ปัญหาที่เกิด: ฝนตกเป็นเงื่อนไขเพียงพอของการมีเมฆบนท้องฟ้ามาก แต่มิได้หมายความว่าฝนไม่ตก แล้วท้องฟ้าจะไม่มีเมฆ
การทวนคำถาม[แก้]
การทวนคำถาม (อังกฤษ: begging the question; ละติน: petitio principii) คือการสรุปโดยใช้ใจความของสมมติฐานมาเป็นคำตอบ ตัวอย่างเช่น
10.การกล่าวอ้าง: ผู้ใช้แอสไพรินมีความเสี่ยงต่อการติดยา เพราะว่าแอสไพรินเป็นสารเสพติดชนิดหนึ่ง
ปัญหาที่เกิด: สมมติฐานและข้อสรุปมีใจความอย่างเดียวกัน และข้อสรุปก็ไม่ได้ช่วยพิสูจน์สมมติฐาน ถ้ายอมรับสมมติฐานอยู่แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องให้เหตุผลเพื่อที่จะสรุปดังกล่าว
เหตุผลวิบัติหนึ่งที่เกี่ยวข้องคือ การให้เหตุผลวนเวียน (อังกฤษ: circular reasoning; ละติน: circulus in probando) คือข้อสรุปสองอย่างหรือมากกว่าที่ถูกใช้เป็นสมมติฐานรองรับซึ่งกันและกัน แต่ถ้าเกิดข้อใดข้อหนึ่งไม่เป็นจริง ข้อสรุปทั้งหมดจะกลายเป็นเท็จไปด้วย
11.การยกเหตุผลผิด
การยกเหตุผลผิด (อังกฤษ: false cause; ละติน: non sequitur) คือการสมมติอย่างผิด ๆ ว่าสิ่งหนึ่งทำให้เกิดสิ่งอื่น ตัวอย่างเช่น
การกล่าวอ้าง: ฉันได้ยินเสียงฝนตกข้างนอก แสดงว่าไม่มีแสงแดดส่อง
ปัญหาที่เกิด: การสรุปนี้ผิดเพราะแสงแดดสามารถส่องได้ยามฝนตก (ดูที่ ฝนตกแดดออก)
กรณีพิเศษของการยกเหตุผลผิดมีดังนี้
12.เกิดหลังสิ่งนี้ จึงเป็นเพราะสิ่งนี้ (ละติน: post hoc ergo propter hoc) คือการเชื่อว่าเหตุการณ์ก่อนหน้าทำให้เกิดเหตุการณ์ภายหลัง เช่น
การกล่าวอ้าง: เล่นคอมแล้วพ่อแม่ก็ถูกยิง ดังนั้นเล่นคอมทำให้คนตาย
ปัญหาที่เกิด: ไม่มีความเชื่อมโยงระหว่างสองเหตุการณ์ เหตุการณ์ทั้งสองที่เกิดร่วมกัน ไม่ได้เป็นเหตุผลซึ่งกันและกัน
เกิดพร้อมสิ่งนี้ จึงเป็นเพราะสิ่งนี้ (ละติน: cum hoc ergo propter hoc) คือการเชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมกันหรือในช่วงเวลาเดียวกัน เหตุการณ์หนึ่งทำให้เกิดอีกเหตุการณ์หนึ่ง
การกล่าวอ้าง: วัวตายเป็นจำนวนมากในฤดูร้อน และไอศกรีมก็นิยมบริโภคมากในฤดูร้อน ดังนั้นการบริโภคไอศกรีมในฤดูร้อนเป็นการฆ่าวัว
ปัญหาที่เกิด: ไม่มีสมมติฐานที่บอกว่าการบริโภคไอศกรีมทำให้วัวตาย การตายและการบริโภคอาจไม่เกี่ยวข้องกัน หรือมีสาเหตุอย่างอื่นที่ทำให้เกิดเงื่อนไขทั้งสองนี้ เช่นอากาศร้อน
13.การตั้งประเด็นซ้อน
การตั้งประเด็นซ้อน (อังกฤษ: complex question; ละติน: plurium interrogationum) คือการตั้งประเด็นคำถามหลายอย่างลงในคำถามเดียว ซึ่งลวงให้ผู้ตอบตอบอย่างไม่ระมัดระวัง ตัวอย่างเช่น
การกล่าวอ้าง: คุณเลิกวางแผนฆ่าใครสักคนหรือยัง
ปัญหาที่เกิด: ไม่ว่าผู้ตอบจะตอบว่าใช่หรือไม่ใช่ ก็จะนำไปสู่การยอมรับผิดว่าเคยวางแผนฆ่าคน การตอบอย่างไม่หลงกลอาจตอบว่า
ผมไม่เคยวางแผนฆ่าคน
การกล่าวอ้าง: เธอยังลอกข้อสอบอยู่ใช่ไหม
ปัญหาที่เกิด: ไม่ว่าผู้ตอบจะตอบว่าใช่หรือไม่ใช่ ก็จะนำไปสู่การยอมรับผิดว่าเคยลอกข้อสอบ การตอบอย่างไม่หลงกลอาจตอบว่า ผมไม่เคยลอกข้อสอบ
14.การทับถมจุดอ่อน
การทับถมจุดอ่อน (อังกฤษ: straw man) คือการเบี่ยงประเด็นแนวคิดของคู่กรณีไปสู่การโต้แย้งที่ง่ายกว่า (มีจุดอ่อนมากกว่า) ตัวอย่างเช่น
นาย ก: วันที่มีแดดจัดนั้นเป็นเรื่องดี
นาย ข: ถ้าทุกวันมีแดดจัด เราก็จะไม่มีฝน และเมื่อเราไม่มีฝน เราก็จะไม่มีน้ำ สิ่งมีชีวิตก็จะตาย ดังนั้นสิ่งที่คุณคิดจึงผิด
ปัญหาที่เกิด: นาย ข ได้เบี่ยงประเด็นแนวคิดของนาย ก โดยการทับถมแนวคิดอื่นจนสุดโต่ง ซึ่งนาย ก ไม่ได้มีแนวคิดว่า ทุกวันมีแดดจัดเป็นเรื่องดี
ขอบคุณข้อมูลจาก
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%95%E0%B8%B8%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4
และ
http://topicstock.pantip.com/wahkor/topicstock/2009/06/X7930761/X7930761.html
เป็นอย่างสูงครับ
จบแล้วครับ!
แท็ควิทย์ เพราะเห็นคนห้องนี้ชอบยกประเด็นวิทย์กันคณิตศาสตร์ เพราะคิดว่าน่าจะเกี่ยวกับตรรกะศาสตร์ แท็คหาเพื่อน คนจะได้มาอ่านกันเยอะๆหน่อน
(คาบบทความมาฝาก) เหตุผลวิบัติ...การโต้เถียงด้วยตรรกะผิดๆ!
ผู้ยกบทความนี้ ต้องการจะให้บทความหรือฐานข้อมูลที่ยกมาเป็นประโยชน์กับผู้อื่นบ้างในการถกกัน
(ขอใช้รูปประกอบเป็นการ์ตูน เพื่อให้บทความน่าสนใจ)
1.การละทิ้งข้อยกเว้น (อังกฤษ: accident; ละติน: a dicto simpliciter ad dictum secundum quid) คือการวางนัยทั่วไปโดยไม่คำนึงถึงข้อยกเว้น ตัวอย่างเช่นการกล่าวอ้าง: การฆ่าคนต้องโทษประหาร ตำรวจใช้ปืนยิงโจรผู้ร้ายถึงตาย ดังนั้นตำรวจต้องโทษประหาร
ปัญหาที่เกิด: การใช้ปืนยิงบุคคลไม่ใช่อาชญากรรมในสถานการณ์จำเพาะ เช่น สถานการณ์ป้องกันตัว หรือคุ้มครองผู้ที่ร้องขอการคุ้มครองตามกฎหมาย
การกล่าวอ้าง: การขโมยของนั้นเป็นความผิดอาญา จอห์นขโมยรีโมทจุดระเบิดของโจรก่อการร้าย จึงมีความผิด
ปัญหาที่เกิด: การขโมยของจอห์นอาจไม่ใช่ความผิด เพราะถ้าเขาไม่ขโมยผู้ก่อการร้ายต้องใช้มันแล้วมีคนตาย
2.การสรุปเหมารวม[แก้]
การสรุปเหมารวม (อังกฤษ: converse accident; ละติน: a dicto secundum quid ad dictum simpliciter) คือการยกกรณีจำเพาะต่าง ๆ รวมเข้าเป็นกรณีทั่วไป ตัวอย่างเช่น
การกล่าวอ้าง: ทุกคนที่หนูเคยเจอเคยพบมีนิ้วมือสิบนิ้ว ดังนั้นทุกคนในโลกล้วนมีนิ้วมือสิบนิ้ว
ปัญหาที่เกิด: เซตย่อยคนที่เคยพบไม่สามารถเป็นตัวแทนของทั้งเซต บางคนอาจจะมีน้อยหรือมากกว่าสิบนิ้ว การแก้ปัญหานี้ทำได้โดยการเติมคำว่า ส่วนใหญ่ ลงไป
การกล่าวอ้าง: คนไทยเก่งภาษาอังกฤษ ดังจะเห็นได้จากคนกรุงเทพที่พูดภาษาอังกฤษได้ดี
ปัญหาที่เกิด: คนกรุงเทพไม่ได้เป็นตัวแทนคนไทยทั้งหมดในเรื่องความเก่งภาษาอังกฤษ
3.การสรุปนอกประเด็น
การสรุปนอกประเด็น (อังกฤษ: irrelevant conclusion; ละติน: ignoratio elenchi) คือการหันเหความสนใจออกจากข้อเท็จจริงในการโต้แย้ง มากกว่าที่จะจัดการกับปัญหาโดยตรง ตัวอย่างเช่น
การกล่าวอ้าง: เจ้าลัทธิบอกว่าสุนัขคือสัตว์เทพ สุนัขจึงเป็นสัตว์เทพ
ปัญหาที่เกิด: เจ้าลัทธิผู้ซึ่งเป็นบุคคลต้นแบบอาจคิดผิด และผู้พูดประโยคนี้ไม่ได้ให้เหตุผลว่าทำไม่สุนัขเป็นสัตว์เทพ (กรณีนี้คือ การอ้างปฐมาจารย์)
4.การโจมตีตัวบุคคล (appeal to the person; argumentum ad hominem) คือการโจมตีที่ผู้ตั้งหรือผู้กล่าวประเด็นถกเถียง โดยไม่สนใจเนื้อหาของประเด็นนั้นๆ เช่น
นาย ก: การขายอาวุธปืนเถื่อนมันผิดกฏหมายนะ ส่งเสริมอาชญากรรมด้วย
นาย ข: ตอนหนุ่มๆคุณเคยฆ่าคนตายมาแล้วนี่นา
ปัญหาที่เกิด: พฤติกรรมของเจ้าของประเด็นไม่มีผลต่อเนื้อหาของประเด็นนั้นๆในทุกกรณี
5.การอ้างคนหมู่มาก (appeal to the majority; argumentum ad populum) คือการใช้ความคิดเห็นของคนส่วนใหญ่ยืนยันความถูกต้องของประเด็นต่างๆ
การกล่าวอ้าง: การโหลดเกมเถื่อนไม่ผิด ใครๆก็ทำกันทั้งนั้น
ปัญหาที่เกิด: ความคิดเห็นหรือการกระทำของคนส่วนใหญ่อาจเป็นการกระทำที่ผิดได้ เนื่องจากการวัดว่าอะไรถูกและผิดใช้การคำนวณว่า การกระทำนั้นๆส่งผลดีและผลร้ายต่อตัวเองหรือผู้อื่นอย่างไร
6.การอ้างความภักดี (appeal to loyalty)
การอ้างอำนาจ (appeal to force; argumentum ad baculum) เป็นการใช้อำนาจหรือกำลังที่มีอยู่ ข่มขู่คุกคามให้ประเด็นดังกล่าวอ่อนลงไป เช่น
นาย ก: ท่านควรจะทำการแก้ไขระบบเกณท์ทหาร เป็นการรับสมัครทหารแทน ปรับโครงสร้างการเงินสักหน่อยคนก็น่าจะมาสมัครเพิ่มแล้ว
นาย ข: ผมไม่รับข้อเสนอหรอก แล้วถ้าคุณขออีก ผมจะยิงหัวคุณ
ปัญหาที่เกิด: การประทุษร้ายไม่มีผลกับตัวประเด็นในทุกกรณี เนื่องจากมันไม่ใช่เหตุผล
7.การขอความเห็นใจ (appeal to pity; argumentum ad misericordiam) คือการสร้างความรู้สึกเห็นอกเห็นใจเพื่อสนับสนุนประเด็นของตัวเอง เช่น
การกล่าวอ้าง: ที่นาย ข ค้ายาเสพติดเพราะเขาต้องการเงินจำนวนมากเพื่อรักษาพ่อแม่ของเขา การที่ตำรวจจับเขาติดคุกเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง
ปัญหาที่เกิด: การค้ายาเสพติดสร้างความเสียหายแก่สังคมในวงกว้าง ดังนั้นไม่ว่านาย ข จะมีแรงจูงใจอะไร ก็ไม่สามารถใช้เพื่อยืนยันความถูกต้องในการค้ายาเสพติดของเขา
8.การอ้างความไม่รู้ (appeal to ignorance; argumentum ad ignorantiam) คือการด่วนสรุปประเด็นเพราะยังไม่มีหลักฐานหรือพยานยืนยัน เช่น
การกล่าวอ้าง: เพราะไม่มีหลักฐานยืนยันว่าการสะกดจิตเป็นความจริง ดังนั้นการสะกดจิตเป็นสิ่งที่ไม่จริง
ปัญหาที่เกิด: เมื่อยังไม่สามารถหาหลักฐานหรือพยานได้ จึงยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าการสะกดจิตมีจริงหรือไม่
9.เหตุผลวิบัติสืบทอด (genetic fallacy)
การยืนยันผลและการปฏิเสธเหตุ
การยืนยันผล (อังกฤษ: affirming the consequent) และการปฏิเสธเหตุ (อังกฤษ: denying the antecedent) คือการสรุปสมมติฐานโดยปราศจากเงื่อนไขสำคัญหรือเพียงพอมารองรับ ตัวอย่างเช่นการยืนยันผล
การกล่าวอ้าง: คนเจ็บหน้าอกจะเป็นโรคหัวใจ ครูวินัยเจ็บหน้าอก แปลว่าครูวินัยเป็นโรคหัวใจ
ปัญหาที่เกิด: อาการอื่นเช่นโรคกระเพาะก็สามารถทำให้เกิดการเจ็บหน้าอกได้ มิได้หมายความว่าคนที่เจ็บหน้าอกต้องเป็นหวัดเสมอไป
การกล่าวอ้าง: ถ้าฝนตกแล้วพื้นจะเปียก ตอนนี้พื้นเปียก แสดงว่าฝนเพิ่งตกไม่นานมานี้
ปัญหาที่เกิด: มีกรณีอื่นอีกมากที่สามารถทำให้พื้นเปียกได้โดยฝนไม่ตก เช่น การสาดน้ำ เป็นต้น
การปฏิเสธเหตุ
การกล่าวอ้าง: ถ้าฝนกำลังตก ท้องฟ้าจะมีเมฆมาก ขณะนี้ฝนไม่ตก ดังนั้นท้องฟ้าจึงไม่มีเมฆ
ปัญหาที่เกิด: ฝนตกเป็นเงื่อนไขเพียงพอของการมีเมฆบนท้องฟ้ามาก แต่มิได้หมายความว่าฝนไม่ตก แล้วท้องฟ้าจะไม่มีเมฆ
การทวนคำถาม[แก้]
การทวนคำถาม (อังกฤษ: begging the question; ละติน: petitio principii) คือการสรุปโดยใช้ใจความของสมมติฐานมาเป็นคำตอบ ตัวอย่างเช่น
10.การกล่าวอ้าง: ผู้ใช้แอสไพรินมีความเสี่ยงต่อการติดยา เพราะว่าแอสไพรินเป็นสารเสพติดชนิดหนึ่ง
ปัญหาที่เกิด: สมมติฐานและข้อสรุปมีใจความอย่างเดียวกัน และข้อสรุปก็ไม่ได้ช่วยพิสูจน์สมมติฐาน ถ้ายอมรับสมมติฐานอยู่แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องให้เหตุผลเพื่อที่จะสรุปดังกล่าว
เหตุผลวิบัติหนึ่งที่เกี่ยวข้องคือ การให้เหตุผลวนเวียน (อังกฤษ: circular reasoning; ละติน: circulus in probando) คือข้อสรุปสองอย่างหรือมากกว่าที่ถูกใช้เป็นสมมติฐานรองรับซึ่งกันและกัน แต่ถ้าเกิดข้อใดข้อหนึ่งไม่เป็นจริง ข้อสรุปทั้งหมดจะกลายเป็นเท็จไปด้วย
11.การยกเหตุผลผิด
การยกเหตุผลผิด (อังกฤษ: false cause; ละติน: non sequitur) คือการสมมติอย่างผิด ๆ ว่าสิ่งหนึ่งทำให้เกิดสิ่งอื่น ตัวอย่างเช่น
การกล่าวอ้าง: ฉันได้ยินเสียงฝนตกข้างนอก แสดงว่าไม่มีแสงแดดส่อง
ปัญหาที่เกิด: การสรุปนี้ผิดเพราะแสงแดดสามารถส่องได้ยามฝนตก (ดูที่ ฝนตกแดดออก)
กรณีพิเศษของการยกเหตุผลผิดมีดังนี้
12.เกิดหลังสิ่งนี้ จึงเป็นเพราะสิ่งนี้ (ละติน: post hoc ergo propter hoc) คือการเชื่อว่าเหตุการณ์ก่อนหน้าทำให้เกิดเหตุการณ์ภายหลัง เช่น
การกล่าวอ้าง: เล่นคอมแล้วพ่อแม่ก็ถูกยิง ดังนั้นเล่นคอมทำให้คนตาย
ปัญหาที่เกิด: ไม่มีความเชื่อมโยงระหว่างสองเหตุการณ์ เหตุการณ์ทั้งสองที่เกิดร่วมกัน ไม่ได้เป็นเหตุผลซึ่งกันและกัน
เกิดพร้อมสิ่งนี้ จึงเป็นเพราะสิ่งนี้ (ละติน: cum hoc ergo propter hoc) คือการเชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมกันหรือในช่วงเวลาเดียวกัน เหตุการณ์หนึ่งทำให้เกิดอีกเหตุการณ์หนึ่ง
การกล่าวอ้าง: วัวตายเป็นจำนวนมากในฤดูร้อน และไอศกรีมก็นิยมบริโภคมากในฤดูร้อน ดังนั้นการบริโภคไอศกรีมในฤดูร้อนเป็นการฆ่าวัว
ปัญหาที่เกิด: ไม่มีสมมติฐานที่บอกว่าการบริโภคไอศกรีมทำให้วัวตาย การตายและการบริโภคอาจไม่เกี่ยวข้องกัน หรือมีสาเหตุอย่างอื่นที่ทำให้เกิดเงื่อนไขทั้งสองนี้ เช่นอากาศร้อน
13.การตั้งประเด็นซ้อน
การตั้งประเด็นซ้อน (อังกฤษ: complex question; ละติน: plurium interrogationum) คือการตั้งประเด็นคำถามหลายอย่างลงในคำถามเดียว ซึ่งลวงให้ผู้ตอบตอบอย่างไม่ระมัดระวัง ตัวอย่างเช่น
การกล่าวอ้าง: คุณเลิกวางแผนฆ่าใครสักคนหรือยัง
ปัญหาที่เกิด: ไม่ว่าผู้ตอบจะตอบว่าใช่หรือไม่ใช่ ก็จะนำไปสู่การยอมรับผิดว่าเคยวางแผนฆ่าคน การตอบอย่างไม่หลงกลอาจตอบว่า
ผมไม่เคยวางแผนฆ่าคน
การกล่าวอ้าง: เธอยังลอกข้อสอบอยู่ใช่ไหม
ปัญหาที่เกิด: ไม่ว่าผู้ตอบจะตอบว่าใช่หรือไม่ใช่ ก็จะนำไปสู่การยอมรับผิดว่าเคยลอกข้อสอบ การตอบอย่างไม่หลงกลอาจตอบว่า ผมไม่เคยลอกข้อสอบ
14.การทับถมจุดอ่อน
การทับถมจุดอ่อน (อังกฤษ: straw man) คือการเบี่ยงประเด็นแนวคิดของคู่กรณีไปสู่การโต้แย้งที่ง่ายกว่า (มีจุดอ่อนมากกว่า) ตัวอย่างเช่น
นาย ก: วันที่มีแดดจัดนั้นเป็นเรื่องดี
นาย ข: ถ้าทุกวันมีแดดจัด เราก็จะไม่มีฝน และเมื่อเราไม่มีฝน เราก็จะไม่มีน้ำ สิ่งมีชีวิตก็จะตาย ดังนั้นสิ่งที่คุณคิดจึงผิด
ปัญหาที่เกิด: นาย ข ได้เบี่ยงประเด็นแนวคิดของนาย ก โดยการทับถมแนวคิดอื่นจนสุดโต่ง ซึ่งนาย ก ไม่ได้มีแนวคิดว่า ทุกวันมีแดดจัดเป็นเรื่องดี
ขอบคุณข้อมูลจาก
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%95%E0%B8%B8%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4
และ
http://topicstock.pantip.com/wahkor/topicstock/2009/06/X7930761/X7930761.html
เป็นอย่างสูงครับ
จบแล้วครับ!
แท็ควิทย์ เพราะเห็นคนห้องนี้ชอบยกประเด็นวิทย์กันคณิตศาสตร์ เพราะคิดว่าน่าจะเกี่ยวกับตรรกะศาสตร์ แท็คหาเพื่อน คนจะได้มาอ่านกันเยอะๆหน่อน