จขกท. เป็นคนที่ได้มีโอกาสไปจัดค่าย ทำค่ายให้กับเด็กๆ บนดอย หรือแม้แต่พื้นที่ห่างไกล
วันนี้เลยอยากจะมาเล่นประสบการณ์ และมุมมองด้านอื่นๆ ที่หลายท่านอาจจะไม่เคยเห็นค่ะ
จขกท. เคยทำค่ายให้กับเด็กๆ บนดอยแถวภาคเหนือหรือแถบอีสาน
เป็นค่ายที่เรียกได้ว่าเป็นค่ายวิทยาศาสตร์ฝึกฝน critical thinking ให้เด็ก
ให้เขาจะได้คิดว่าสิ่งที่เป็นอยู่มันดีหรือเปล่า บ้านและชุมชนของเขาควรจะเป็นอย่างไรในอนาคต
ทำไมผู้ใหญ่ในบ้านเขา ในครอบครัวเขา ถึงยังทำสิ่งๆ หนึ่งอยู่ทั้งๆ ที่มันไม่ดีหรือมันอาจจะดี แต่มีเหตุผลอะไรอื่นหรือเปล่า
อยากให้เขาเข้าใจความเป็นอยู่ที่เขาเป็น เข้าใจชุมชนของเขา และพัฒนาไปในแบบที่เขาคิดว่ามันควรเป็นไปในอนาคต
เราเลือกที่จะไปทำค่ายให้กับเด็กๆ ในชุมชนห่างไกล หลายที่เป็นโรงเรียนขยายโอกาส
ความเป็นอยู่ไม่ค่อยจะดี ไฟฟ้าเข้าไม่ค่อยถึง และหลายที่เด็กก็ไม่ได้พูดภาษาไทยเป็นหลักค่ะ
มีทั้งกะเหรี่ยง ม้ง ปกากญอ หรือแถวอีสาน อย่างภาษาเขมร เป็นต้น
ซึ่งทุกที่ๆ ไป เราต้องไปเรียนรู้เด็กค่ะ ว่าเขามีชีวิตความเป็นอยู่อย่างไร ที่บ้านทำอะไร
และแน่นอนว่า..เราต้องไปเรียนรู้ความคิดของเขาค่ะ
เด็กๆ แทบจะทุกคนจะเชื่อเนื้อหาที่ครูสอนทั้งหมด เชื่อความรู้ในตำราเรียน เรียกได้ว่าท่องจำ แต่..ไม่เข้าใจ
พวกเขารู้ว่าพืชมีการสังเคราะห์แสง แต่ไม่รู้ว่าพืชสังเคราะห์แสงที่ใบ
เขารู้ว่าบ้านของเขามีไฟฟ้าเข้าถึง แต่เขาคิดว่าคนเรามีโซลาร์เซลล์ก่อนไฟฟ้า เพราะบ้านเขาโซลาร์เซลล์เข้าถึงก่อนเสาไฟฟ้าจะเข้าไปได้
ฯลฯ
หลายคนอาจจะไม่รู้ และไม่เข้าใจว่าเด็กในชนบทห่างไกลเป็นแบบนี้
เขาอาจจะไม่ได้เกิดมาเพื่อมาเรียนหนังสือที่โรงเรียน แต่เขาก็ต้องมาเรียน
หลายคนต้องเดินจากบ้านมาไกลมากเพื่อมาเรียนหนังสือในแต่ละวัน ในขณะที่พ่อแม่ของเขาทำนาทำไร่อยู่บ้าน
ซึ่งหลายคนไม่อยากเรียน เขามองว่าถ้าไปช่วยพ่อแม่ทำงานน่าจะดีกว่านี้หรือเปล่า
แถมมาเรียนคุณครูก็ด่า เวลาถามอะไรครูก็จะบอกว่าโง่ ถามทำไม ทำไมไม่อ่านเอาเอง
ทำให้เด็กๆ เหล่านี้เสียกำลังใจในการเรียน และไม่กล้าที่จะแสดงความเห็นอะไรสักเท่าไหร่เพราะโดนปิดกั้นมาตลอด
คุณครูของเด็กๆ เหล่านี้ที่โรงเรียนห่างไกล ถ้าไม่ใช่ครูที่ไม่ค่อยจะรู้เรื่อง สอนบ้างไม่สอนบ้าง รู้แบบงูๆ ปลาๆ
ก็จะเป็นครูที่ทุ่มเทให้กับเด็กอย่างเต็มที่ แต่ทั้งโรงเรียนมีเด็กครึ่งร้อย แต่มีครูแค่คนสองคน
งบประมาณของรัฐอัดฉีดให้กับโรงเรียนเหล่านี้มากมาย หลายคนอาจจะมองว่ามันอาจจะไม่ได้สำคัญ
รัฐอาจจะสนับสนุนเพียงเล็กน้อย แต่ลองนึกถึงโรงเรียนห่างไกลแบบนี้
ไม่ต้องมากนัก เอาซักแค่สิบโรงเรียนก็พอ
ทุกโรงเรียนมีอาคารเรียน มีโรงอาหาร มีห้องเรียนครบทุกสาขาวิชา
ห้องเรียนอังกฤษ มีสื่อการสอนมากมาย มีลำโพง มีไมค์ ฯลฯ
ห้องเรียนวิทยาศาสตร์ มีเครื่องแก้วทางเคมี สารเคมีพื้นฐาน มีกล้องจุลทรรศน์ มีกล้องโทรทัศน์
อุปกรณ์การเรียนการสอนฟิสิกส์ หุ่นมนุษย์ โครงสร้างพื้น สื่อการสอนแบบวิทยาศาสตร์เต็มไปหมด
ห้องพละ มีอุปกณ์กีฬาแทบจะครบทุกชนิดที่เป็นลูกบอล แชร์บอล บาสเกตบอล วอลเลย์บอล เปตอง เบาะ ฯลฯ
บางโรงเรียนถึงกับมีดัมเบิลหลายขนาดเลยด้วยซ้ำ
ห้องสมุด มีหนังสือทุกชนิด มีหนังสือทุกรูปแบบ บางที่มี text book อังกฤษน่าสนใจเยอะแยะ
แต่ไม่เคยมีร่องรอยการใช้งานเลย เด็กบอกว่าอ่านภาษาไทยไม่คล่อง
ห้องดนตรี บางโรงเรียนมีเครื่องดนตรีไทยครบชุด ตั้งแต่ระนาดเอก ระนาดทุ้ม ระนาดเอกเหล็ก ระนาดทุ้มเหล็ก
ฆ้องวงเล็ก ใหญ่ ปี่แต่ละแบบ กลองหลายชนิด มีเครื่องดนตรีสากลเต็มไปหมด
มีโรงเรียนหนึ่งมีกลองเรียกได้ว่ายกมาทั้งวงโยธวาทิตย์เลยก็ว่าได้
แต่อุปกรณ์ทั้งหมดในแต่ละวิชาที่ว่ามานี้..
นักเรียนในโรงเรียนไม่เคยจะได้ใช้..
เพราะอะไร??
เพราะคุณครูคนสอนมีไม่พอ ทั้งจำนวนคน เวลา และ..ความสามารถ
อย่างที่บอกไป หลายๆ โรงเรียนมีครูน้อย คนๆ หนึ่งอาจจะสอนทั้งวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ พละศึกษา ทำให้มีเวลาสอนเด็กไม่เต็มที่
แต่หลายๆ โรงเรียนที่พบเจอ เขามีอุปกรณ์ครบครัน แต่ว่าครูผู้สอน..ใช้อุปกรณ์ไม่เป็น
เครื่องแก้วเคมี หลอดทดลองเป็นร้อยๆ อัน
บีกเกอร์หลายไซส์เกือบครึ่งร้อย
กล้องจุลทรรศน์เกือบสิบตัว
กล้องโทรทรรศน์
เครื่องดนตรีเป็นสิบๆ ชนิด
สื่อการสอนต่างๆ
ทั้งหมดแทบไม่เคยผ่านการใช้งานเลยอย่างน่าเสีย..
หรือเพราะครูเอาแต่ไปทำผลงาน เพื่อให้ผ่านการประเมินนู้นนี่ จนไม่มีเวลาสอนเด็กกันแน่นะ
ทำไมรัฐถึงเอาแต่สนับสนุนเพียงแค่อุปกรณ์การเรียนการสอน
แต่ไม่สนับสนุนการผลิตครูให้ดีและมีคุณภาพ
เรามีแต่ครูที่เรียนรู้แต่วิธีการสอน แต่ไม่รู้เนื้อหาที่แท้จริง ก็เปรียบเหมือนกับดนตรีที่มีแค่จังหวะบรรเลงแต่ไม่มีเนื้อร้อง
มีครูแต่เอาแต่ยื่นปลาให้กับเด็ก แต่ไม่ได้สอนให้เด็กหาปลาได้ด้วยตนเอง
เราต้องการ 'ครู' ผู้ที่จะผลิตบุคลากรรุ่นใหม่ในประเทศแบบไหนกันแน่
ต่อไปประเทศไทยเราจะเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ถ้าหากการศึกษาไทยของเรายังเป็นแบบนี้
ก็ไม่รู้เราจะเป็นยังไงต่อไป..
จากกระทู้เล่าเรื่อง เหมือนจะกลายเป็นกระทู้บ่นไปซะแล้ว
ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านนะคะ
อยากให้หลายคนตระหนักถึงและอยากจะฟังหลายๆ แนวคิดที่น่าจะมีแนวทางแก้ปัญหาเหล่านี้มาก
หวังว่าจะเป็นประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย
ขอบคุณค่ะ
//Edit-เพิ่มรูป+แก้คำผิดค่ะ//
รัฐสูญฯงบไปกับอะไร เพื่อการศึกษาไทยในชนบท
วันนี้เลยอยากจะมาเล่นประสบการณ์ และมุมมองด้านอื่นๆ ที่หลายท่านอาจจะไม่เคยเห็นค่ะ
จขกท. เคยทำค่ายให้กับเด็กๆ บนดอยแถวภาคเหนือหรือแถบอีสาน
เป็นค่ายที่เรียกได้ว่าเป็นค่ายวิทยาศาสตร์ฝึกฝน critical thinking ให้เด็ก
ให้เขาจะได้คิดว่าสิ่งที่เป็นอยู่มันดีหรือเปล่า บ้านและชุมชนของเขาควรจะเป็นอย่างไรในอนาคต
ทำไมผู้ใหญ่ในบ้านเขา ในครอบครัวเขา ถึงยังทำสิ่งๆ หนึ่งอยู่ทั้งๆ ที่มันไม่ดีหรือมันอาจจะดี แต่มีเหตุผลอะไรอื่นหรือเปล่า
อยากให้เขาเข้าใจความเป็นอยู่ที่เขาเป็น เข้าใจชุมชนของเขา และพัฒนาไปในแบบที่เขาคิดว่ามันควรเป็นไปในอนาคต
เราเลือกที่จะไปทำค่ายให้กับเด็กๆ ในชุมชนห่างไกล หลายที่เป็นโรงเรียนขยายโอกาส
ความเป็นอยู่ไม่ค่อยจะดี ไฟฟ้าเข้าไม่ค่อยถึง และหลายที่เด็กก็ไม่ได้พูดภาษาไทยเป็นหลักค่ะ
มีทั้งกะเหรี่ยง ม้ง ปกากญอ หรือแถวอีสาน อย่างภาษาเขมร เป็นต้น
ซึ่งทุกที่ๆ ไป เราต้องไปเรียนรู้เด็กค่ะ ว่าเขามีชีวิตความเป็นอยู่อย่างไร ที่บ้านทำอะไร
และแน่นอนว่า..เราต้องไปเรียนรู้ความคิดของเขาค่ะ
เด็กๆ แทบจะทุกคนจะเชื่อเนื้อหาที่ครูสอนทั้งหมด เชื่อความรู้ในตำราเรียน เรียกได้ว่าท่องจำ แต่..ไม่เข้าใจ
พวกเขารู้ว่าพืชมีการสังเคราะห์แสง แต่ไม่รู้ว่าพืชสังเคราะห์แสงที่ใบ
เขารู้ว่าบ้านของเขามีไฟฟ้าเข้าถึง แต่เขาคิดว่าคนเรามีโซลาร์เซลล์ก่อนไฟฟ้า เพราะบ้านเขาโซลาร์เซลล์เข้าถึงก่อนเสาไฟฟ้าจะเข้าไปได้
ฯลฯ
หลายคนอาจจะไม่รู้ และไม่เข้าใจว่าเด็กในชนบทห่างไกลเป็นแบบนี้
เขาอาจจะไม่ได้เกิดมาเพื่อมาเรียนหนังสือที่โรงเรียน แต่เขาก็ต้องมาเรียน
หลายคนต้องเดินจากบ้านมาไกลมากเพื่อมาเรียนหนังสือในแต่ละวัน ในขณะที่พ่อแม่ของเขาทำนาทำไร่อยู่บ้าน
ซึ่งหลายคนไม่อยากเรียน เขามองว่าถ้าไปช่วยพ่อแม่ทำงานน่าจะดีกว่านี้หรือเปล่า
แถมมาเรียนคุณครูก็ด่า เวลาถามอะไรครูก็จะบอกว่าโง่ ถามทำไม ทำไมไม่อ่านเอาเอง
ทำให้เด็กๆ เหล่านี้เสียกำลังใจในการเรียน และไม่กล้าที่จะแสดงความเห็นอะไรสักเท่าไหร่เพราะโดนปิดกั้นมาตลอด
คุณครูของเด็กๆ เหล่านี้ที่โรงเรียนห่างไกล ถ้าไม่ใช่ครูที่ไม่ค่อยจะรู้เรื่อง สอนบ้างไม่สอนบ้าง รู้แบบงูๆ ปลาๆ
ก็จะเป็นครูที่ทุ่มเทให้กับเด็กอย่างเต็มที่ แต่ทั้งโรงเรียนมีเด็กครึ่งร้อย แต่มีครูแค่คนสองคน
งบประมาณของรัฐอัดฉีดให้กับโรงเรียนเหล่านี้มากมาย หลายคนอาจจะมองว่ามันอาจจะไม่ได้สำคัญ
รัฐอาจจะสนับสนุนเพียงเล็กน้อย แต่ลองนึกถึงโรงเรียนห่างไกลแบบนี้
ไม่ต้องมากนัก เอาซักแค่สิบโรงเรียนก็พอ
ทุกโรงเรียนมีอาคารเรียน มีโรงอาหาร มีห้องเรียนครบทุกสาขาวิชา
ห้องเรียนอังกฤษ มีสื่อการสอนมากมาย มีลำโพง มีไมค์ ฯลฯ
ห้องเรียนวิทยาศาสตร์ มีเครื่องแก้วทางเคมี สารเคมีพื้นฐาน มีกล้องจุลทรรศน์ มีกล้องโทรทัศน์
อุปกรณ์การเรียนการสอนฟิสิกส์ หุ่นมนุษย์ โครงสร้างพื้น สื่อการสอนแบบวิทยาศาสตร์เต็มไปหมด
ห้องพละ มีอุปกณ์กีฬาแทบจะครบทุกชนิดที่เป็นลูกบอล แชร์บอล บาสเกตบอล วอลเลย์บอล เปตอง เบาะ ฯลฯ
บางโรงเรียนถึงกับมีดัมเบิลหลายขนาดเลยด้วยซ้ำ
ห้องสมุด มีหนังสือทุกชนิด มีหนังสือทุกรูปแบบ บางที่มี text book อังกฤษน่าสนใจเยอะแยะ
แต่ไม่เคยมีร่องรอยการใช้งานเลย เด็กบอกว่าอ่านภาษาไทยไม่คล่อง
ห้องดนตรี บางโรงเรียนมีเครื่องดนตรีไทยครบชุด ตั้งแต่ระนาดเอก ระนาดทุ้ม ระนาดเอกเหล็ก ระนาดทุ้มเหล็ก
ฆ้องวงเล็ก ใหญ่ ปี่แต่ละแบบ กลองหลายชนิด มีเครื่องดนตรีสากลเต็มไปหมด
มีโรงเรียนหนึ่งมีกลองเรียกได้ว่ายกมาทั้งวงโยธวาทิตย์เลยก็ว่าได้
แต่อุปกรณ์ทั้งหมดในแต่ละวิชาที่ว่ามานี้..
นักเรียนในโรงเรียนไม่เคยจะได้ใช้..
เพราะอะไร??
เพราะคุณครูคนสอนมีไม่พอ ทั้งจำนวนคน เวลา และ..ความสามารถ
อย่างที่บอกไป หลายๆ โรงเรียนมีครูน้อย คนๆ หนึ่งอาจจะสอนทั้งวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ พละศึกษา ทำให้มีเวลาสอนเด็กไม่เต็มที่
แต่หลายๆ โรงเรียนที่พบเจอ เขามีอุปกรณ์ครบครัน แต่ว่าครูผู้สอน..ใช้อุปกรณ์ไม่เป็น
เครื่องแก้วเคมี หลอดทดลองเป็นร้อยๆ อัน
บีกเกอร์หลายไซส์เกือบครึ่งร้อย
กล้องจุลทรรศน์เกือบสิบตัว
กล้องโทรทรรศน์
เครื่องดนตรีเป็นสิบๆ ชนิด
สื่อการสอนต่างๆ
ทั้งหมดแทบไม่เคยผ่านการใช้งานเลยอย่างน่าเสีย..
หรือเพราะครูเอาแต่ไปทำผลงาน เพื่อให้ผ่านการประเมินนู้นนี่ จนไม่มีเวลาสอนเด็กกันแน่นะ
ทำไมรัฐถึงเอาแต่สนับสนุนเพียงแค่อุปกรณ์การเรียนการสอน
แต่ไม่สนับสนุนการผลิตครูให้ดีและมีคุณภาพ
เรามีแต่ครูที่เรียนรู้แต่วิธีการสอน แต่ไม่รู้เนื้อหาที่แท้จริง ก็เปรียบเหมือนกับดนตรีที่มีแค่จังหวะบรรเลงแต่ไม่มีเนื้อร้อง
มีครูแต่เอาแต่ยื่นปลาให้กับเด็ก แต่ไม่ได้สอนให้เด็กหาปลาได้ด้วยตนเอง
เราต้องการ 'ครู' ผู้ที่จะผลิตบุคลากรรุ่นใหม่ในประเทศแบบไหนกันแน่
ต่อไปประเทศไทยเราจะเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ถ้าหากการศึกษาไทยของเรายังเป็นแบบนี้
ก็ไม่รู้เราจะเป็นยังไงต่อไป..
จากกระทู้เล่าเรื่อง เหมือนจะกลายเป็นกระทู้บ่นไปซะแล้ว
ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านนะคะ
อยากให้หลายคนตระหนักถึงและอยากจะฟังหลายๆ แนวคิดที่น่าจะมีแนวทางแก้ปัญหาเหล่านี้มาก
หวังว่าจะเป็นประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย
ขอบคุณค่ะ
//Edit-เพิ่มรูป+แก้คำผิดค่ะ//