สืบเนื่องจากกระทู้ที่มีผู้ถามว่า ผู้ค้าปลีกเค้าเป็นยังไงเมื่อมีการลดราคาน้ำมัน
มีอยู่สองแบบครับ
1ลดราคาโดยไม่มีมาตรการรองรับ
1.1ผู้ค้าประกาศลดราคาเอง อันนี้อิงกับสิงค์โปร์ครับ ปกติก็หลังจากราคาสิงคโปร์ลดประมาณสองหรือสามวัน
แต่ถ้าสิงคโปร์ลดแล้วรัฐชิงเก็บเข้ากองทุนน้ำมันเพิ่ม ก็จะไม่ลดราคาขายปลีกในประเทศ ผู้ค้าปลีกก็ฟังข่าวสาร
ก็จะมีผู้ค้าภายในประเภท1-2เจ้านำร่องก่อน แต่ถ้าพลาดมีค้างสต๊อคเยอะก็เจ็บตัวครับ
1.2รัฐบาลประกาศลด คือ ร้องขอให้ลด กรณีนี้จะมีข่าวสารออกมาก่อนมีวาระพิจารณา ระบุวันลงมติที่แน่นอนผู้ค้าก็คาดการณ์เอาว่าจะ ลงมติอย่างไร ลดกี่บาท ก็ชะลอการสั่งหรือลดยอดสั่งซื้อเอาไว้ก่อน
2ลดโดยมีมาตรการรองรับ กรณีนี้รัฐจะสั่งลดราคาอย่างเด็ดขาด อาจะเนื่องมาจากถูกแรงกดดันบางประการ กองทุนน้ำมันเป็นบวกมากๆ ถูกบีบจากกระแสสังคม หรือกระทั่งประชานิยม จะลดทันที ลดทีละเยอะๆ ก็จะมีข่าวลือออกมาอีกเช่นกัน แต่จะไม่มีการแจ้งล่วงหน้า เจ้าหน้าที่จะได้รับคำสั่งมาก่อนไม่กี่ชั่วโมง ก่อนเวลาที่ระบุให้ลดราคา ส่วนมากก็เที่ยงคืนในวันนั้นๆเลย ช่วงเย็นเจ้าหน้าที่ก็จะลงพื้นที่เชคสต๊อคน้ำมันคงเหลือตามรายชื่อผู้ค้าปลีกที่จดทะเบียนไว้ ตระเวนเชคกันจนดึก ก็ทำรายงานส่งรัฐ รัฐก็จะจ่ายเงินชดเชยตามสต๊อคน้ำมันคงเหลือ เช่นถ้าน้ำมันชนิดหนึ่งลด3บาทต่อลิตร ผู้ค้าปลีกรายหนึ่งมีคงสต๊อค10000ลิตร ก็จะได้เงินชดเชยในน้ำมันชนิดนั้นๆ 3หมื่นบาท เงินชดเชยจะได้หลังจากนั้น4-5เดือน หรืออาจเป็นปี แล้วแต่การจัดทำงบประมาณ ส่วนมากผู้ค้าปลีกก็จะระวังตัว ก็สั่งแค่พอขายหรือปล่อยให้หมดบางตัว
ช่วงสังเกตเฝ้าระวังก็ประมาณว่า กองทุนน้ำมันเป็นบวกไหม ราคาแก็สกำลังจะปรับหรือปรับไปแล้วหรือยังถ้าแก็สปรับขึ้นแน่นอนน้ำมันก็ต้องเตรียมว่าจะลด กระแสสังคมเป็นยังไง มีการเรียกเก็บเข้ากองทุนน้ำมันแล้วหรือยัง คือถ้าเรียกเก็บแล้วแสดงว่ากองทุนน้ำมันอยู่ในฐานะดีแล้วราคาตลาดโลกลดลงมาทีละเยอะๆก็เตรียมตัว คำมั่นสัญญาของรัฐบาลเช่นลือกันว่าเร็วๆนี้จะไม่ให้เกิน30บาทต่อลิตร มีสาย มีพรายกระซิบ บลา บลา บลา
น้ำมันลงไม่เป็นปัญหามากหรอกครับ ดีเสียอีกจะได้ประหยัดทุน เหลือเงินสั่งซื้อเพิ่มขึ้น เพราะของมันลงสักพักมันก็ขึ้นตอนขึ้นก็กะจังหวะดีๆ มันก็จะขึ้นทีละนิด 30ตัง 60ตัง หลายๆรอบ
คือตอนมันลงมันเดายาก แต่ตอนขึ้นมันคาดการณ์ง่ายครับ อย่าเพิ่งมองผู้ค้ารายย่อยในแง่ร้ายนะครับ เพราะก็ทำไปตามนโยบายรัฐและกติกาจากผู้ค้ารายใหญ่ในประเทศ ทั้งหมดก็เพื่อความอยู่รอดในยุคที่มันมีการแข่งขันสูง
ถ้าตอนมันขึ้น คาดการณ์ไม่ให้พลาดหลายๆครั้งและเพิ่มยอดสั่งช่วงนั้นๆให้มากขึ้น หักลบกลบเฉลี่ยแล้วก็ยังมีกำไรจากช่วงขาลง เพราะตอนขึ้นมันจะขึ้นทีเดียวติดๆกัน เพราะรัฐมักไม่ค่อยมีข้ออ้างให้พยุงราคา นอกจากการควักจากกองทุน
สืบเนื่องจากกระทู้ที่มีผู้ถามว่า ผู้ค้าปลีกเค้าเป็นยังไงเมื่อมีการลดราคาน้ำมัน
มีอยู่สองแบบครับ
1ลดราคาโดยไม่มีมาตรการรองรับ
1.1ผู้ค้าประกาศลดราคาเอง อันนี้อิงกับสิงค์โปร์ครับ ปกติก็หลังจากราคาสิงคโปร์ลดประมาณสองหรือสามวัน
แต่ถ้าสิงคโปร์ลดแล้วรัฐชิงเก็บเข้ากองทุนน้ำมันเพิ่ม ก็จะไม่ลดราคาขายปลีกในประเทศ ผู้ค้าปลีกก็ฟังข่าวสาร
ก็จะมีผู้ค้าภายในประเภท1-2เจ้านำร่องก่อน แต่ถ้าพลาดมีค้างสต๊อคเยอะก็เจ็บตัวครับ
1.2รัฐบาลประกาศลด คือ ร้องขอให้ลด กรณีนี้จะมีข่าวสารออกมาก่อนมีวาระพิจารณา ระบุวันลงมติที่แน่นอนผู้ค้าก็คาดการณ์เอาว่าจะ ลงมติอย่างไร ลดกี่บาท ก็ชะลอการสั่งหรือลดยอดสั่งซื้อเอาไว้ก่อน
2ลดโดยมีมาตรการรองรับ กรณีนี้รัฐจะสั่งลดราคาอย่างเด็ดขาด อาจะเนื่องมาจากถูกแรงกดดันบางประการ กองทุนน้ำมันเป็นบวกมากๆ ถูกบีบจากกระแสสังคม หรือกระทั่งประชานิยม จะลดทันที ลดทีละเยอะๆ ก็จะมีข่าวลือออกมาอีกเช่นกัน แต่จะไม่มีการแจ้งล่วงหน้า เจ้าหน้าที่จะได้รับคำสั่งมาก่อนไม่กี่ชั่วโมง ก่อนเวลาที่ระบุให้ลดราคา ส่วนมากก็เที่ยงคืนในวันนั้นๆเลย ช่วงเย็นเจ้าหน้าที่ก็จะลงพื้นที่เชคสต๊อคน้ำมันคงเหลือตามรายชื่อผู้ค้าปลีกที่จดทะเบียนไว้ ตระเวนเชคกันจนดึก ก็ทำรายงานส่งรัฐ รัฐก็จะจ่ายเงินชดเชยตามสต๊อคน้ำมันคงเหลือ เช่นถ้าน้ำมันชนิดหนึ่งลด3บาทต่อลิตร ผู้ค้าปลีกรายหนึ่งมีคงสต๊อค10000ลิตร ก็จะได้เงินชดเชยในน้ำมันชนิดนั้นๆ 3หมื่นบาท เงินชดเชยจะได้หลังจากนั้น4-5เดือน หรืออาจเป็นปี แล้วแต่การจัดทำงบประมาณ ส่วนมากผู้ค้าปลีกก็จะระวังตัว ก็สั่งแค่พอขายหรือปล่อยให้หมดบางตัว
ช่วงสังเกตเฝ้าระวังก็ประมาณว่า กองทุนน้ำมันเป็นบวกไหม ราคาแก็สกำลังจะปรับหรือปรับไปแล้วหรือยังถ้าแก็สปรับขึ้นแน่นอนน้ำมันก็ต้องเตรียมว่าจะลด กระแสสังคมเป็นยังไง มีการเรียกเก็บเข้ากองทุนน้ำมันแล้วหรือยัง คือถ้าเรียกเก็บแล้วแสดงว่ากองทุนน้ำมันอยู่ในฐานะดีแล้วราคาตลาดโลกลดลงมาทีละเยอะๆก็เตรียมตัว คำมั่นสัญญาของรัฐบาลเช่นลือกันว่าเร็วๆนี้จะไม่ให้เกิน30บาทต่อลิตร มีสาย มีพรายกระซิบ บลา บลา บลา
น้ำมันลงไม่เป็นปัญหามากหรอกครับ ดีเสียอีกจะได้ประหยัดทุน เหลือเงินสั่งซื้อเพิ่มขึ้น เพราะของมันลงสักพักมันก็ขึ้นตอนขึ้นก็กะจังหวะดีๆ มันก็จะขึ้นทีละนิด 30ตัง 60ตัง หลายๆรอบ
คือตอนมันลงมันเดายาก แต่ตอนขึ้นมันคาดการณ์ง่ายครับ อย่าเพิ่งมองผู้ค้ารายย่อยในแง่ร้ายนะครับ เพราะก็ทำไปตามนโยบายรัฐและกติกาจากผู้ค้ารายใหญ่ในประเทศ ทั้งหมดก็เพื่อความอยู่รอดในยุคที่มันมีการแข่งขันสูง
ถ้าตอนมันขึ้น คาดการณ์ไม่ให้พลาดหลายๆครั้งและเพิ่มยอดสั่งช่วงนั้นๆให้มากขึ้น หักลบกลบเฉลี่ยแล้วก็ยังมีกำไรจากช่วงขาลง เพราะตอนขึ้นมันจะขึ้นทีเดียวติดๆกัน เพราะรัฐมักไม่ค่อยมีข้ออ้างให้พยุงราคา นอกจากการควักจากกองทุน