หัวข้อนี้เคยอยากจะพิมพ์หลายครั้งหลายครา เพราะมันเป็นเรื่องที่สำคัญมาก
ไม่ว่าจะทั้งชีวิตปกติ การเที่ยว การนอน การออกกำลังกาย หรือชีวิตที่ซีเรียสขึ้นมาอีกหน่อยก็คือชีวิตของการทำงาน
อยากจะบอกว่า "การวางแผน" นั้นสำคัญมาก
ยิ่งชีวิตมีความซีเรียสหรือรายละเอียดมาเท่าไหร่ ยิ่งต้องมีหลายแผนมากขึ้นเท่านั้น แผนA แผนB แผนC ไปจนถึงแผนD
ถามว่า... ทำไมถึงต้องวางไว้หลายแผน มองในมุมกลับครับ แง่ร้ายสุดๆ
ถ้าเกิดเหตุไม่คาดฝัน แผนA ใช้ไม่ได้ หรือไม่บรรลุวัตถุประสงค์ ก็เลยต้องเอาแผนB มาดำเนินการต่อแทน
ถ้ามองในมุมการท่องเที่ยว น่าแปลกใจที่คนรอบตัวกว่า 70% ไม่มีการวางแผนอะไรเลย
จะนอนที่โรงแรมนั้น ไปเที่ยวตามเส้นทางนี้ แวะเที่ยวที่นี่ แวะกินข้าวที่นั่น
มักจะได้ยินบ่อยๆว่า "เดี๋ยวไปจอง/หาเอาข้างหน้าละกัน"
สุดท้ายก็เปลี่ยนร้านเปลี่ยนที่เที่ยวกันวุ่นวาย หรือถ้าได้ไปครบก็วิ่งย้อนไปย้อนมา ใช้เวลาเดินทางมากกว่าเดิมเกือบๆเท่าตัว
ถ้ามองในมุมการทำงาน
ผมขอมองเฉพาะในสายงานการผลิตรายการโทรทัศน์และการจัดงาน Event ซึ่งเป็นสายงานที่ผมทำงานโดยตรงนะครับ
ต้องบอกว่าน่าดีใจที่เด็กจบใหม่มีการวางแผนเพิ่มมากขึ้น วางว่าจะไปทำอันนั้นก่อน แล้วค่อยไปทำอันนี้
เพื่อให้ประหยัดงบประมาณหรือประหยัดเวลามากที่สุด
แต่...ก็ยังไม่มากพอที่จะทำให้การทำงานมีคุณภาพ
เลยต้องมี หัวหน้าแผนก / หัวหน้าส่วนงาน / Speacial List / Director / Producer เข้ามาควบคุมการทำงานอีกที
เรื่องแบบนี้ต้องใช้ระยะเวลาและประสบการณ์การเรียนรู้ เรื่องไหนคิดว่านำมาพัฒนาได้ก็เก็บไว้
เรื่องไหนที่คิดว่าไม่ใช่ก็อย่าพึ่งรั้น ลองพิสูจน์ดูก่อน สุภาษิต "อาบน้ำร้อนมาก่อน" ก็ยังคงใช้ได้ดีในปัจจุบัน
ไม่อยากให้ "เชื่อ" แต่อยากให้ "ลอง"
อยากรบกวนพี่ๆเพื่อนๆสมาชิกทุกท่านครับ ช่วยต่อยอดแนวความคิดของ "การวางแผน" ในเรื่องต่างๆที่ผมไม่มีประสบการณ์ให้ฟังกันหน่อยครับ ทั้งในเรื่องการลงทุน การท่องเที่ยว(แบบจริงจัง) การทำงานในสายงานอื่น
ขอบคุณทุกท่านที่มาช่วยต่อยอดครับ
ขอบคุณครับ
ขออนุญาตติดแท็ก "ชีวิตวัยรุ่น" "ร้านอาหาร" "Backpack" "รายการโทรทัศน์" และ "การลงทุน" ครับ
เมื่อเราพูดถึง "การวางแผน"
ไม่ว่าจะทั้งชีวิตปกติ การเที่ยว การนอน การออกกำลังกาย หรือชีวิตที่ซีเรียสขึ้นมาอีกหน่อยก็คือชีวิตของการทำงาน
อยากจะบอกว่า "การวางแผน" นั้นสำคัญมาก
ยิ่งชีวิตมีความซีเรียสหรือรายละเอียดมาเท่าไหร่ ยิ่งต้องมีหลายแผนมากขึ้นเท่านั้น แผนA แผนB แผนC ไปจนถึงแผนD
ถามว่า... ทำไมถึงต้องวางไว้หลายแผน มองในมุมกลับครับ แง่ร้ายสุดๆ
ถ้าเกิดเหตุไม่คาดฝัน แผนA ใช้ไม่ได้ หรือไม่บรรลุวัตถุประสงค์ ก็เลยต้องเอาแผนB มาดำเนินการต่อแทน
ถ้ามองในมุมการท่องเที่ยว น่าแปลกใจที่คนรอบตัวกว่า 70% ไม่มีการวางแผนอะไรเลย
จะนอนที่โรงแรมนั้น ไปเที่ยวตามเส้นทางนี้ แวะเที่ยวที่นี่ แวะกินข้าวที่นั่น
มักจะได้ยินบ่อยๆว่า "เดี๋ยวไปจอง/หาเอาข้างหน้าละกัน"
สุดท้ายก็เปลี่ยนร้านเปลี่ยนที่เที่ยวกันวุ่นวาย หรือถ้าได้ไปครบก็วิ่งย้อนไปย้อนมา ใช้เวลาเดินทางมากกว่าเดิมเกือบๆเท่าตัว
ถ้ามองในมุมการทำงาน
ผมขอมองเฉพาะในสายงานการผลิตรายการโทรทัศน์และการจัดงาน Event ซึ่งเป็นสายงานที่ผมทำงานโดยตรงนะครับ
ต้องบอกว่าน่าดีใจที่เด็กจบใหม่มีการวางแผนเพิ่มมากขึ้น วางว่าจะไปทำอันนั้นก่อน แล้วค่อยไปทำอันนี้
เพื่อให้ประหยัดงบประมาณหรือประหยัดเวลามากที่สุด
แต่...ก็ยังไม่มากพอที่จะทำให้การทำงานมีคุณภาพ
เลยต้องมี หัวหน้าแผนก / หัวหน้าส่วนงาน / Speacial List / Director / Producer เข้ามาควบคุมการทำงานอีกที
เรื่องแบบนี้ต้องใช้ระยะเวลาและประสบการณ์การเรียนรู้ เรื่องไหนคิดว่านำมาพัฒนาได้ก็เก็บไว้
เรื่องไหนที่คิดว่าไม่ใช่ก็อย่าพึ่งรั้น ลองพิสูจน์ดูก่อน สุภาษิต "อาบน้ำร้อนมาก่อน" ก็ยังคงใช้ได้ดีในปัจจุบัน
ไม่อยากให้ "เชื่อ" แต่อยากให้ "ลอง"
อยากรบกวนพี่ๆเพื่อนๆสมาชิกทุกท่านครับ ช่วยต่อยอดแนวความคิดของ "การวางแผน" ในเรื่องต่างๆที่ผมไม่มีประสบการณ์ให้ฟังกันหน่อยครับ ทั้งในเรื่องการลงทุน การท่องเที่ยว(แบบจริงจัง) การทำงานในสายงานอื่น
ขอบคุณทุกท่านที่มาช่วยต่อยอดครับ
ขอบคุณครับ
ขออนุญาตติดแท็ก "ชีวิตวัยรุ่น" "ร้านอาหาร" "Backpack" "รายการโทรทัศน์" และ "การลงทุน" ครับ