
ความสามัคคีคือพลัง...จริงๆ บทความนี้ไม่ใช่หัวขอหลักของคุณ Jackie คอลัมนิสต์เขียนให้คุณอ่าน ชื่อดังของ Siam sport เขาหลอกครับ
Team Zico ( ซิโก ) Team Thai ( ทีมของคนไทยทั้งประเทศ ) คือหัวขอหลักต่างหากครับ แต่อะไรก็แล้วแต่ ผมเข้าใจ (คิดว่าถูกต้อง)
บนความนี้หัวใจหลัก นอกจากจะชื่นชม ผลงานของนักเตะ สตาฟโค้ช แล้ว "
ความสามัคคีคือพลัง" คือหัวใจหลักมากกว่าครับ.
บอกตามตรงเลยนะครับว่าไม่เคยบรรยายฟุตบอลแมตช์ไหนที่เครียด, กดดันและรู้สึกปลดปล่อยที่สุดเท่ากับเกมชิงซูซูกิ คัพ 2014 ที่บูกิต จาลิล ชามอ่างยักษ์ของอาเซียนมาก่อนครับ
ผมคิดว่าคนไทยรับได้หากผมจะบรรยายแบบ "เรา" และ "เค้า" มาเลเซีย ในนัดชิงทั้งสองนัด
ผมเคยนั่งฟังผู้บรรยายฟุตบอลทีมชาติอังกฤษนักเตะบอลโลก 1998 ก็ได้ยินการพากย์แบบเชียร์อังกฤษยิ่งกว่าผมซะอีก นั่นเรามองว่าเขาพัฒนาแล้วเขายังเทคไซด์ทีมชาติตัวเองซะขนาดนั้น ดังนั้นเรื่องของเราเล็กไปเลย
บางครั้งหลักการก็ไร้ประโยชน์ในบางเรื่องครับ ผมขอยืนยันให้ ดร.สมชาย ทราบ!!!
เรื่องนี้ไม่สำคัญหรอกครับ...เพราะที่สำคัญกว่าคือทีมฟุตบอลชาติไทยของเราได้ก้าวผ่านพรมแดนแห่งความล้มเหลวระดับภูมิภาคไปเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เรามุ่งหน้าเข้าไปหาความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่กว่าในอาณาจักรข้างหน้า
เรามองไปยังระดับทวีป...พวกเขารออยู่ข้างหน้า ทั้งญี่ปุ่น,เกาหลีใต้ และอาหรับ
ย้อนไปเก็บตกเรื่องของแทกติก เกมการเล่นเพื่อให้เข้ากับพื้นที่สนทนาภาษาลูกหนังกันสักหน่อยครับ เกมนัดนี้โค้ชซิโกเปลี่ยนเอา ประกิต ดีพร้อม ลงแทน มงคล ทศไกร เพื่อหวังใช้ประกิต เล่นกลางกับ สารัช อยู่เย็น เพื่อดัน ชาริล ชัปปุยส์ รุกกับ เมสซี เจ โดยมี อดิศักดิ์ ไกรษร ค้ำข้างหน้า
ส่วน ดอลลาห์ ซาเลย์ ของมาเลเซีย เปลี่ยน 1 คน ฟาดลี เซนเตอร์ที่ทำเสียจุดโทษพักแล้วส่ง อาฟิฟ มาเล่นแทน ส่วนอีก 10 คนชุดเดิม เป็นชุด 30 ยังแจ๋วของพวกเขา ชูเคอร์ อาดาน กัปตันวัย 35 ปีต้องถอยมายืนเซนเตอร์อีกหนึ่งนัด
ดูโครงสร้างมาเลเซียแล้ว...ต้องยอมรับว่า ดอลลาห์ ซาเลห์ เข้ามาทำงานเฉพาะกิจซะมากกว่า ต่างจากโค้ชซิโก ที่เข้ามาทำงานตลอด 2 ปีเพื่อสร้างทีม สร้างความหวัง เรียกศรัทธาบอลไทยให้กลับมา
ดังนั้นเป้าหมายของ ดอลลาห์ กับทีมชาติมาเลเซียชุดนี้เขาหวังถึงแชมป์เหมือนกัน โดยเฉพาะหลังเขี่ยสิงคโปร์ตกรอบด้วยเสื้อสีน้ำเงินของพวกเขา
การทำทีมเฉพาะกิจนั้นโอกาสประสบความสำเร็จมีไม่มากครับ มันเหมือนต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าตลอด พวกเขาเองพยายามผลักดันนักเตะชุดเล็กขึ้นมาแต่มีเพียง ฟาดลี เซนเตอร์วัย 23 และ ซูบรีแบกซ้ายอายุ 23 เช่นเดียวกัน
นอกนั้นชุดแชมป์เมื่อปี 2010 อายุระหว่าง 28 ถึง 35 ทั้งนอชารูล ดาวยิง (28) อามรี ยายา 33 ปี อินทรา วัย 33 ที่วิ่งจนเป็นตะคริว, กุนานลาน 28, ซาฟิค อายุ 27 กองกลางที่เป็นดาวซัลโวครั้งนี้ คิดค่าเฉลี่ยแบบง่ายๆคือ 23+35 แล้วหารสองคืออายุเฉลี่ยของพวกเขาเท่ากับ 29 ซึ่งเป็นช่วงเลยพีคครับ
ทีมฟุตบอลยุคใหม่อายุเฉลี่ยต้องไม่ถึง 25 ครับ ดูอย่างเยอรมันแชมป์โลกล่าสุดสิครับ เต็มไปด้วยนักเตะอายุต่ำ 25 แถมมีประสบการณ์ผ่านบอลโลกมาคนละ1 ครั้งเป็นอย่างต่ำ
ผมเชื่อว่าโค้ชซิโก เป็นคนยุคใหม่ดูบอลนอก เพราะเขาตามเชียร์ลิเวอร์พูล เขาดูบอลพรีเมียร์ลีก ดูทุกบอลที่มีโอกาส นั่นคือการก้าวให้ทันโลก นอกเหนือไปจากการใช้เด็กอายุต่ำ 23 เป็นแกนเพื่อสร้างทีม...
เพียงแต่ในแง่ฟุตบอลยุคใหม่ speed และ power ทั้งนักเตะและลูกบอล มันเร็วจนคนอายุ 30 ตามทันยาก ถ้าสู้ได้ก็ประมาณ 70 นาทีครับ ดังนั้นมาเลเซียที่โดนไทยสอย 2 ลูกช่วง 10 นาทีสุดท้ายบอกได้เลยว่าเพราะพลัง ฟิตเนสส์ ขาจะก้าวไม่ออก และช้าลงกว่าเดิม
ทั้งจังหวะที่ ชาริล ชัปปุยส์ ซ้ำนั้นแสดงให้เห็นเลยว่า นอกจากปฏิกริยาของ ชัปปุยส์ แล้ว การออกตัวเพื่อไปซ้ำเขาเร็วกว่านักเตะมาเลเซีย เช่นเดียวกันกับจังหวะพาบอลหนีของ ศราวุฒิ มาสุข ตัวทีเด็ดของ โค้ชซิโก ก่อนให้ อดิศักดิ์ และไปที่ เมสซี ซึ่งเราทะลุขึ้นมาเติมเร็ว จนมาเลเซีย ตามไม่ทันเหลือหลังสองคน
แผนงานของโค้ชซิโก เกิดจากการวิเคราะห์ปัญหาของทีมและบวกกับความรู้ในศาสตร์ฟุตบอลสมัยใหม่ที่เขานำประสบการณ์สมัยเป็นนักเตะมาใช้ มันจึงเข้ากันได้ลงตัว ถ้าภาษาอังกฤษอาจบอกว่า blend คือผสมเข้าด้วยกัน ไม่ใช่ mix
กริยาตัวนี้ใช้ในทาง "กลมกล่อม" ละครับ
ถ้าจะถามว่าเกิดอะไรผิดพลาดใน 3-0 ที่ทำให้มาเลเซียได้แชมป์ใน 80 นาทีขาดอีก 10 คำตอบง่ายมาก ไม่ใช่เพราะแทกติกที่มาเลเซียเหนือกว่าเรา เพราะทรงบอลทุกอย่างนั้นทีมไทยเหนือกว่า
มันเป็นเพราะสถานะการณ์เอื้อให้มาเลเซียได้ประตูขึ้นนำ โดยที่เรายิงประตูนอกบ้านก่อนไม่ได้เลย
จุดโทษก็ มิสเตอร์ ฟากานี ที่หลงเหลี่ยม นอชารูล ทำฟาวล์ สุทธินันท์ ที่ตั้งใจจะเล่นบอล เหลี่ยมมนั้นกลางสนาม นอชารูล ก็ฟาวล์ละครับ ใครทำก็ฟาวล์ แต่เราเสียจุดโทษแบบงง งง คนทำฟาวลล์ได้จุดโทษ
ตอน 1-0 นั้นช่วง 6 นาทีแรก ทีมไทยใช้เวลาตั้งหลักใน 10 นาทีหลังจากนั้นก็เปิดฉากลุยเพื่อยิงคืน 1-1 เพราะมันคือประตูที่น่าจะทำให้มาเลเซียถอดใจ เนื่องจากต้องยิงคืนอีก 3 ลูกเป็น 4-1 เพื่อแชมป์เมื่อรวมสองนัด
เกมเราไม่มีปัญหากับเสียงเชียร์อาจดูเหมือนดรอปๆ แต่ผมว่าไม่มีอะไรครับ ตามเกมปกติ เพียงแต่นาทีทดเวลาครึ่งแรกเราเสียสมาธิจากการป้องกันลูกครอส ที่บลอคกันสองคนแล้ว นอชารูล เปิดย้อยๆเข้าไปให้ อินทรา โดดทิ่มตกใส่เท้า กวิน ซึ่งออกไปเหวอ
ประตู 2-0 มันคือการเสียสมาธิ...อย่างเดียว
ครึ่งหลังสถานะการณ์ไม่เสียหายมากนักเพราะเราต้องการ 2-1 เพื่อให้มาเลเซียถอดใจให้ได้ เกมเราดีกว่าเยอะแต่มันยิงประตูไม่ได้ นี่แหละครับคือปัญหา ฟุตบอลที่เล่นดีกว่า สร้างโอกาสมากกว่า แล้วยิงไม่ได้เนี่ย มันน่าเซ็งใช่มั้ยครับ
มันดูไม่ค่อยดีเลยนะครับ
ก่อนมาเสียฟรีคิกให้ ซาฟิค ที่ปั่นอย่างสวยงาม 3-0 เป็นสกอร์ที่ทำให้มาเลเซียแชมป์ แต่ตอนนั้นยงเหลือเวลาอีก 20 นาที มันก็ยังมีเวลา 3-1 งานของเราไม่ได้ยากแน่นอนเพราะต้องยิงประตูคืน3-1 แล้วเราจะคว้าแชมป์ได้จากประตูนอกบ้าน
จริงๆมันก็มีโอกาสจะโดน 4-0 เหมือนกันนะครับ...เพราะเราบุกเพลินจนหลังลอยถูกโต้กลับมาาแล้วเกือบเสียประตู แต่อย่างว่าครับ มาเลเซีย ชุดนี้เป็นบอลจังหวะเผลอ จังหวะที่คู่แข่งเล่นพลาดเอง
เช่นเปิดยาวข้ามกองหลังให้ นอชารูล วิ่งเข้าหา แล้วกองหลังชนกันเอง หรือนายประตูออกมาไม่ดีเหมือนที่เวียตนามโดน แล้วก็ลูกโด่ง รวมทั้งเซตพีซ ไม่ค่อยได้ประตูจากการเซตบอลเข้าไปยิง นนั่นแหละครับ คราวนี้พออยู่ในสถานะการณ์แบบนั้น พวกเขาอาจตกใจตัวเอง ไม่เคยหลุดกันมา 3-4 คน ทำไงดี
ยิงจ่อๆยังแป้กได้ ไม่งั้น 4-0 เราก็ไม่รู้ออกหน้าไหนเหมือนกัน
ปฏิเสธไม่ได้นะครับว่าประตูของ ชัปปุยส์ 3-1 ทำให้มาเลเซียต้องแลก และเดินเกมเข้าหาเพื่อยิงประตู 4-1 นั่นจึงเป็นโอกาสที่เราได้จังหวะโต้คืนกลับมาเพราะความเร็ว พลังที่ยังเหลือ ส่วนมาเลเซียขึ้นเติมเกมรุกแล้วลงช้า
ประตู 3-2 คือบทลงโทษอย่างเจ็บปวด และมันคือทีเด็ดชองทีมไทยที่มักยิงประตูท้ายเกมเนื่องจากเรายังฟิตนะครับ เรายังมีแรงเหลือที่จะทำอะไรได้เยอะ มาเลเซีย เคยโดนทีมไทยยิง 2 ลูกช่วง 15 นาทีสุดท้ายรอบแรกมาแล้ว
พวกเขามาโดนอีกไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ๆในเกมฟุตบอล แม้ ดอลลาห์ ซาเลห์ เองก็ยอมรับว่าพลังของเรามากกว่า
ผมเองคิดว่านัดที่สองนี้ทีมไทยน่าจะปิดบัญชีไม่ยาก แต่สถานะการณ์ตรงกันข้ามเพราะนี่คือฟุตบอลครับ ใครจะคิดว่าเราไม่เคยเสียประตูให้ทีมไหนมากถึง 3 ลูกแถมโดนนำ 3-0 ก่อนพลิกสถานะการณ์ได้
เหมือนทีมบอลชุดนี้จะให้บทเรียนกับพี่น้องคนไทยว่า ไม่มีอะไรที่ได้มาง่ายๆ ต้องแลกด้วยหยาดเหงื่อและแรงงาน ที่สำคัญมันต้องเกิดจากการทำงานร่วมกันเป็นทีม มีสปิริต ในทีม เพื่อให้ได้มาซึ่งชัยชนะบนแผ่นดินที่เต็มไปด้วยคอร์รัปชั่น, เส้นสาย จนทำให้คนตั้งใจทำงานท้อแท้
ทีมกีฬามีเส้นไม่ได้ครับ ฝีมือและทัศนคติต้องมาก่อน
ผมมองแบบนี้...แต่นั่นยังไม่เท่ากับความสำเร็จที่เกิดขึ้นและทำให้คนไทยทั้งชาติหันมาทุ่มเท แรงเชียร์ มันเกิดขึ้นเพราะทีมกีฬาชุดนี้ เล่นดี มีวินัย มีทุกอย่างในเกมฟุตบอลที่จะไปสู่ตำแหน่งแชมป์ เพียงแต่มันมีดรามานัดชิงชนะเลิศเพื่อทำให้เรารู้ว่า ความสำเร็จไม่ใช่ง่ายแบบพลิกฝ่ามือ
เช่นกันครับ....ความสำเร็จของทีมกีฬามันจากการร่วมแรงร่วมใจกันของทุกคน
ทั้งสมาคม, ทีมงาน, สตาฟ น้องๆนักเตะที่สุดยอด รวมทั้งโค้ชซิโกที่เป็นคีย์แมนในสนามฟุตบอล นั่นต้องไม่ลืมแรงเชียร์ แรงใจ และศรัทธาของแฟนบอลทั้งประเทศ
คาดหวังว่าความสำเร็จนี้จะได้รับการสานต่อและต่อยอดให้ทีมไทยของเราก้าวกระโดดไปยังกลุ่มทอป 10 ของทวีปอย่างที่โค้ชซิโก ตั้งความหวังเอาไว้ ส่วนพวกเราก็ทำหน้าที่กองเชียร์ที่ดีหนุนหลังทีมชาติกันต่อไป
ความสำเร็จครั้งนี้ได้มาเพราะความรักและสามัคคีของทุกคนที่เก่ียวข้องซึ่งผมอยากจะบอกเลยว่าทั้งประเทศก็ได้ที่กลั้นลมหายใจเชียร์ตอน 3-0 จนเราได้ประตูสำคัญอย่างยิ่งที่ทำให้เราชนะ นั่นคงเป็นเพราะพลังที่เรามองไม่เห็นจริงๆ
เหนือสิ่งอื่นใด...ตามที่โค้ชซิโก ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวศูนย์รวมจิตใจคนไทยทั้งชาติ ทรงทอดพระเนตรเกมนัดนี้ โดยคุณเกษม จริยวัฒน์วงค์ ผู้จัดการทีมโทรศัพท์ได้รับข้อความจาก ราชเลขาฯ และได้โทรกลับไปหา ราชเลขาฯประมาณนาทีที่ 70 พร้อมกับได้รับดำรัสพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว จากราชเลขาว่า ขอให้กำลังใจกับผู้เล่นทุกคน ขออวยพรให้มีชัยชนะ อย่าย่อท้อแม้ว่าจะจะตามอยู่ 0-3 ซึ่งในหลวงทรงทอดพระเนตรเกมนี้อยู่
หลังจากนั้นเราได้ประตูสำคัญจาก ชาริล ชัปปุยส์ และปิดกล่องที่เมสซี เจ
ฟังพี่เกษมเล่าแล้วขนลุกครับ เชื่อว่าทุกคนน่าจะปลาบปลื้มกับพระราชทานกระแสรับสั่งเพื่อเป็นกำลังใจให้นักฟุตบอลสู้กับสถานะการณ์ที่ยากลำบาก เพราะตอนนั้นมาเลเซียเป็นแชมป์อยู่ที่สกอร์ 3-0
ใครไม่เชื่อผมคงห้ามไม่ได้...
พ่อหลวงของแผ่นดินทรงทอดพระเนตรแมตช์สำคัญนัดนี้พรัอมกันกับประชาชนชาวไทยทั้งชาติ ทำให้เราได้เห็นความรักและสามัคคีร่วมแรงร่วมใจกันติดตามให้กำลังใจทีมฟุตบอลกันทั้งแผ่นดิน
อย่างที่ผมเขียนบอกไปเมื่อวันก่อนนะครับ....
ความสามัคคีของทีมงานชุดนี้และพลังจากคนทั้งชาตินำพาทีมประสบความสำเร็จ
หวังว่าทีมบอลไทยคงเป็นตัวอย่างให้คนทั้งชาติได้ตระหนักและรับรู้นะครับว่า
ความสามัคคีคือพลัง...จริงๆครับ
Jackie
ครับเป็นบทความจากคอลัมต์ดีทีผมอยากให้พวกเราได้อ่านกัน ความสามัคคีของทีมงาน และ พลังของคนทั้งชาติ ครับ.
ปล.จะอะนิจากะลาแลนด์ ..... ถ้ายังมีคนระดับ ดร. ออกมาวิจารณ์ ประเภท เก่ง เพราะหน้าตาหล่อ ฟรุ๊ค อายุยังไม่ถึงที่จะเป็นโค้ช
อะไรประเภทนี้ครับ.
ความสามัคคีคือพลัง...จริงๆ Team Zico...Team Thai โดย.. Jackie
ความสามัคคีคือพลัง...จริงๆ บทความนี้ไม่ใช่หัวขอหลักของคุณ Jackie คอลัมนิสต์เขียนให้คุณอ่าน ชื่อดังของ Siam sport เขาหลอกครับ
Team Zico ( ซิโก ) Team Thai ( ทีมของคนไทยทั้งประเทศ ) คือหัวขอหลักต่างหากครับ แต่อะไรก็แล้วแต่ ผมเข้าใจ (คิดว่าถูกต้อง)
บนความนี้หัวใจหลัก นอกจากจะชื่นชม ผลงานของนักเตะ สตาฟโค้ช แล้ว "ความสามัคคีคือพลัง" คือหัวใจหลักมากกว่าครับ.
บอกตามตรงเลยนะครับว่าไม่เคยบรรยายฟุตบอลแมตช์ไหนที่เครียด, กดดันและรู้สึกปลดปล่อยที่สุดเท่ากับเกมชิงซูซูกิ คัพ 2014 ที่บูกิต จาลิล ชามอ่างยักษ์ของอาเซียนมาก่อนครับ
ผมคิดว่าคนไทยรับได้หากผมจะบรรยายแบบ "เรา" และ "เค้า" มาเลเซีย ในนัดชิงทั้งสองนัด
ผมเคยนั่งฟังผู้บรรยายฟุตบอลทีมชาติอังกฤษนักเตะบอลโลก 1998 ก็ได้ยินการพากย์แบบเชียร์อังกฤษยิ่งกว่าผมซะอีก นั่นเรามองว่าเขาพัฒนาแล้วเขายังเทคไซด์ทีมชาติตัวเองซะขนาดนั้น ดังนั้นเรื่องของเราเล็กไปเลย
บางครั้งหลักการก็ไร้ประโยชน์ในบางเรื่องครับ ผมขอยืนยันให้ ดร.สมชาย ทราบ!!!
เรื่องนี้ไม่สำคัญหรอกครับ...เพราะที่สำคัญกว่าคือทีมฟุตบอลชาติไทยของเราได้ก้าวผ่านพรมแดนแห่งความล้มเหลวระดับภูมิภาคไปเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เรามุ่งหน้าเข้าไปหาความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่กว่าในอาณาจักรข้างหน้า
เรามองไปยังระดับทวีป...พวกเขารออยู่ข้างหน้า ทั้งญี่ปุ่น,เกาหลีใต้ และอาหรับ
ย้อนไปเก็บตกเรื่องของแทกติก เกมการเล่นเพื่อให้เข้ากับพื้นที่สนทนาภาษาลูกหนังกันสักหน่อยครับ เกมนัดนี้โค้ชซิโกเปลี่ยนเอา ประกิต ดีพร้อม ลงแทน มงคล ทศไกร เพื่อหวังใช้ประกิต เล่นกลางกับ สารัช อยู่เย็น เพื่อดัน ชาริล ชัปปุยส์ รุกกับ เมสซี เจ โดยมี อดิศักดิ์ ไกรษร ค้ำข้างหน้า
ส่วน ดอลลาห์ ซาเลย์ ของมาเลเซีย เปลี่ยน 1 คน ฟาดลี เซนเตอร์ที่ทำเสียจุดโทษพักแล้วส่ง อาฟิฟ มาเล่นแทน ส่วนอีก 10 คนชุดเดิม เป็นชุด 30 ยังแจ๋วของพวกเขา ชูเคอร์ อาดาน กัปตันวัย 35 ปีต้องถอยมายืนเซนเตอร์อีกหนึ่งนัด
ดูโครงสร้างมาเลเซียแล้ว...ต้องยอมรับว่า ดอลลาห์ ซาเลห์ เข้ามาทำงานเฉพาะกิจซะมากกว่า ต่างจากโค้ชซิโก ที่เข้ามาทำงานตลอด 2 ปีเพื่อสร้างทีม สร้างความหวัง เรียกศรัทธาบอลไทยให้กลับมา
ดังนั้นเป้าหมายของ ดอลลาห์ กับทีมชาติมาเลเซียชุดนี้เขาหวังถึงแชมป์เหมือนกัน โดยเฉพาะหลังเขี่ยสิงคโปร์ตกรอบด้วยเสื้อสีน้ำเงินของพวกเขา
การทำทีมเฉพาะกิจนั้นโอกาสประสบความสำเร็จมีไม่มากครับ มันเหมือนต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าตลอด พวกเขาเองพยายามผลักดันนักเตะชุดเล็กขึ้นมาแต่มีเพียง ฟาดลี เซนเตอร์วัย 23 และ ซูบรีแบกซ้ายอายุ 23 เช่นเดียวกัน
นอกนั้นชุดแชมป์เมื่อปี 2010 อายุระหว่าง 28 ถึง 35 ทั้งนอชารูล ดาวยิง (28) อามรี ยายา 33 ปี อินทรา วัย 33 ที่วิ่งจนเป็นตะคริว, กุนานลาน 28, ซาฟิค อายุ 27 กองกลางที่เป็นดาวซัลโวครั้งนี้ คิดค่าเฉลี่ยแบบง่ายๆคือ 23+35 แล้วหารสองคืออายุเฉลี่ยของพวกเขาเท่ากับ 29 ซึ่งเป็นช่วงเลยพีคครับ
ทีมฟุตบอลยุคใหม่อายุเฉลี่ยต้องไม่ถึง 25 ครับ ดูอย่างเยอรมันแชมป์โลกล่าสุดสิครับ เต็มไปด้วยนักเตะอายุต่ำ 25 แถมมีประสบการณ์ผ่านบอลโลกมาคนละ1 ครั้งเป็นอย่างต่ำ
ผมเชื่อว่าโค้ชซิโก เป็นคนยุคใหม่ดูบอลนอก เพราะเขาตามเชียร์ลิเวอร์พูล เขาดูบอลพรีเมียร์ลีก ดูทุกบอลที่มีโอกาส นั่นคือการก้าวให้ทันโลก นอกเหนือไปจากการใช้เด็กอายุต่ำ 23 เป็นแกนเพื่อสร้างทีม...
เพียงแต่ในแง่ฟุตบอลยุคใหม่ speed และ power ทั้งนักเตะและลูกบอล มันเร็วจนคนอายุ 30 ตามทันยาก ถ้าสู้ได้ก็ประมาณ 70 นาทีครับ ดังนั้นมาเลเซียที่โดนไทยสอย 2 ลูกช่วง 10 นาทีสุดท้ายบอกได้เลยว่าเพราะพลัง ฟิตเนสส์ ขาจะก้าวไม่ออก และช้าลงกว่าเดิม
ทั้งจังหวะที่ ชาริล ชัปปุยส์ ซ้ำนั้นแสดงให้เห็นเลยว่า นอกจากปฏิกริยาของ ชัปปุยส์ แล้ว การออกตัวเพื่อไปซ้ำเขาเร็วกว่านักเตะมาเลเซีย เช่นเดียวกันกับจังหวะพาบอลหนีของ ศราวุฒิ มาสุข ตัวทีเด็ดของ โค้ชซิโก ก่อนให้ อดิศักดิ์ และไปที่ เมสซี ซึ่งเราทะลุขึ้นมาเติมเร็ว จนมาเลเซีย ตามไม่ทันเหลือหลังสองคน
แผนงานของโค้ชซิโก เกิดจากการวิเคราะห์ปัญหาของทีมและบวกกับความรู้ในศาสตร์ฟุตบอลสมัยใหม่ที่เขานำประสบการณ์สมัยเป็นนักเตะมาใช้ มันจึงเข้ากันได้ลงตัว ถ้าภาษาอังกฤษอาจบอกว่า blend คือผสมเข้าด้วยกัน ไม่ใช่ mix
กริยาตัวนี้ใช้ในทาง "กลมกล่อม" ละครับ
ถ้าจะถามว่าเกิดอะไรผิดพลาดใน 3-0 ที่ทำให้มาเลเซียได้แชมป์ใน 80 นาทีขาดอีก 10 คำตอบง่ายมาก ไม่ใช่เพราะแทกติกที่มาเลเซียเหนือกว่าเรา เพราะทรงบอลทุกอย่างนั้นทีมไทยเหนือกว่า
มันเป็นเพราะสถานะการณ์เอื้อให้มาเลเซียได้ประตูขึ้นนำ โดยที่เรายิงประตูนอกบ้านก่อนไม่ได้เลย
จุดโทษก็ มิสเตอร์ ฟากานี ที่หลงเหลี่ยม นอชารูล ทำฟาวล์ สุทธินันท์ ที่ตั้งใจจะเล่นบอล เหลี่ยมมนั้นกลางสนาม นอชารูล ก็ฟาวล์ละครับ ใครทำก็ฟาวล์ แต่เราเสียจุดโทษแบบงง งง คนทำฟาวลล์ได้จุดโทษ
ตอน 1-0 นั้นช่วง 6 นาทีแรก ทีมไทยใช้เวลาตั้งหลักใน 10 นาทีหลังจากนั้นก็เปิดฉากลุยเพื่อยิงคืน 1-1 เพราะมันคือประตูที่น่าจะทำให้มาเลเซียถอดใจ เนื่องจากต้องยิงคืนอีก 3 ลูกเป็น 4-1 เพื่อแชมป์เมื่อรวมสองนัด
เกมเราไม่มีปัญหากับเสียงเชียร์อาจดูเหมือนดรอปๆ แต่ผมว่าไม่มีอะไรครับ ตามเกมปกติ เพียงแต่นาทีทดเวลาครึ่งแรกเราเสียสมาธิจากการป้องกันลูกครอส ที่บลอคกันสองคนแล้ว นอชารูล เปิดย้อยๆเข้าไปให้ อินทรา โดดทิ่มตกใส่เท้า กวิน ซึ่งออกไปเหวอ
ประตู 2-0 มันคือการเสียสมาธิ...อย่างเดียว
ครึ่งหลังสถานะการณ์ไม่เสียหายมากนักเพราะเราต้องการ 2-1 เพื่อให้มาเลเซียถอดใจให้ได้ เกมเราดีกว่าเยอะแต่มันยิงประตูไม่ได้ นี่แหละครับคือปัญหา ฟุตบอลที่เล่นดีกว่า สร้างโอกาสมากกว่า แล้วยิงไม่ได้เนี่ย มันน่าเซ็งใช่มั้ยครับ
มันดูไม่ค่อยดีเลยนะครับ
ก่อนมาเสียฟรีคิกให้ ซาฟิค ที่ปั่นอย่างสวยงาม 3-0 เป็นสกอร์ที่ทำให้มาเลเซียแชมป์ แต่ตอนนั้นยงเหลือเวลาอีก 20 นาที มันก็ยังมีเวลา 3-1 งานของเราไม่ได้ยากแน่นอนเพราะต้องยิงประตูคืน3-1 แล้วเราจะคว้าแชมป์ได้จากประตูนอกบ้าน
จริงๆมันก็มีโอกาสจะโดน 4-0 เหมือนกันนะครับ...เพราะเราบุกเพลินจนหลังลอยถูกโต้กลับมาาแล้วเกือบเสียประตู แต่อย่างว่าครับ มาเลเซีย ชุดนี้เป็นบอลจังหวะเผลอ จังหวะที่คู่แข่งเล่นพลาดเอง
เช่นเปิดยาวข้ามกองหลังให้ นอชารูล วิ่งเข้าหา แล้วกองหลังชนกันเอง หรือนายประตูออกมาไม่ดีเหมือนที่เวียตนามโดน แล้วก็ลูกโด่ง รวมทั้งเซตพีซ ไม่ค่อยได้ประตูจากการเซตบอลเข้าไปยิง นนั่นแหละครับ คราวนี้พออยู่ในสถานะการณ์แบบนั้น พวกเขาอาจตกใจตัวเอง ไม่เคยหลุดกันมา 3-4 คน ทำไงดี
ยิงจ่อๆยังแป้กได้ ไม่งั้น 4-0 เราก็ไม่รู้ออกหน้าไหนเหมือนกัน
ปฏิเสธไม่ได้นะครับว่าประตูของ ชัปปุยส์ 3-1 ทำให้มาเลเซียต้องแลก และเดินเกมเข้าหาเพื่อยิงประตู 4-1 นั่นจึงเป็นโอกาสที่เราได้จังหวะโต้คืนกลับมาเพราะความเร็ว พลังที่ยังเหลือ ส่วนมาเลเซียขึ้นเติมเกมรุกแล้วลงช้า
ประตู 3-2 คือบทลงโทษอย่างเจ็บปวด และมันคือทีเด็ดชองทีมไทยที่มักยิงประตูท้ายเกมเนื่องจากเรายังฟิตนะครับ เรายังมีแรงเหลือที่จะทำอะไรได้เยอะ มาเลเซีย เคยโดนทีมไทยยิง 2 ลูกช่วง 15 นาทีสุดท้ายรอบแรกมาแล้ว
พวกเขามาโดนอีกไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ๆในเกมฟุตบอล แม้ ดอลลาห์ ซาเลห์ เองก็ยอมรับว่าพลังของเรามากกว่า
ผมเองคิดว่านัดที่สองนี้ทีมไทยน่าจะปิดบัญชีไม่ยาก แต่สถานะการณ์ตรงกันข้ามเพราะนี่คือฟุตบอลครับ ใครจะคิดว่าเราไม่เคยเสียประตูให้ทีมไหนมากถึง 3 ลูกแถมโดนนำ 3-0 ก่อนพลิกสถานะการณ์ได้
เหมือนทีมบอลชุดนี้จะให้บทเรียนกับพี่น้องคนไทยว่า ไม่มีอะไรที่ได้มาง่ายๆ ต้องแลกด้วยหยาดเหงื่อและแรงงาน ที่สำคัญมันต้องเกิดจากการทำงานร่วมกันเป็นทีม มีสปิริต ในทีม เพื่อให้ได้มาซึ่งชัยชนะบนแผ่นดินที่เต็มไปด้วยคอร์รัปชั่น, เส้นสาย จนทำให้คนตั้งใจทำงานท้อแท้
ทีมกีฬามีเส้นไม่ได้ครับ ฝีมือและทัศนคติต้องมาก่อน
ผมมองแบบนี้...แต่นั่นยังไม่เท่ากับความสำเร็จที่เกิดขึ้นและทำให้คนไทยทั้งชาติหันมาทุ่มเท แรงเชียร์ มันเกิดขึ้นเพราะทีมกีฬาชุดนี้ เล่นดี มีวินัย มีทุกอย่างในเกมฟุตบอลที่จะไปสู่ตำแหน่งแชมป์ เพียงแต่มันมีดรามานัดชิงชนะเลิศเพื่อทำให้เรารู้ว่า ความสำเร็จไม่ใช่ง่ายแบบพลิกฝ่ามือ
เช่นกันครับ....ความสำเร็จของทีมกีฬามันจากการร่วมแรงร่วมใจกันของทุกคน
ทั้งสมาคม, ทีมงาน, สตาฟ น้องๆนักเตะที่สุดยอด รวมทั้งโค้ชซิโกที่เป็นคีย์แมนในสนามฟุตบอล นั่นต้องไม่ลืมแรงเชียร์ แรงใจ และศรัทธาของแฟนบอลทั้งประเทศ
คาดหวังว่าความสำเร็จนี้จะได้รับการสานต่อและต่อยอดให้ทีมไทยของเราก้าวกระโดดไปยังกลุ่มทอป 10 ของทวีปอย่างที่โค้ชซิโก ตั้งความหวังเอาไว้ ส่วนพวกเราก็ทำหน้าที่กองเชียร์ที่ดีหนุนหลังทีมชาติกันต่อไป
ความสำเร็จครั้งนี้ได้มาเพราะความรักและสามัคคีของทุกคนที่เก่ียวข้องซึ่งผมอยากจะบอกเลยว่าทั้งประเทศก็ได้ที่กลั้นลมหายใจเชียร์ตอน 3-0 จนเราได้ประตูสำคัญอย่างยิ่งที่ทำให้เราชนะ นั่นคงเป็นเพราะพลังที่เรามองไม่เห็นจริงๆ
เหนือสิ่งอื่นใด...ตามที่โค้ชซิโก ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวศูนย์รวมจิตใจคนไทยทั้งชาติ ทรงทอดพระเนตรเกมนัดนี้ โดยคุณเกษม จริยวัฒน์วงค์ ผู้จัดการทีมโทรศัพท์ได้รับข้อความจาก ราชเลขาฯ และได้โทรกลับไปหา ราชเลขาฯประมาณนาทีที่ 70 พร้อมกับได้รับดำรัสพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว จากราชเลขาว่า ขอให้กำลังใจกับผู้เล่นทุกคน ขออวยพรให้มีชัยชนะ อย่าย่อท้อแม้ว่าจะจะตามอยู่ 0-3 ซึ่งในหลวงทรงทอดพระเนตรเกมนี้อยู่
หลังจากนั้นเราได้ประตูสำคัญจาก ชาริล ชัปปุยส์ และปิดกล่องที่เมสซี เจ
ฟังพี่เกษมเล่าแล้วขนลุกครับ เชื่อว่าทุกคนน่าจะปลาบปลื้มกับพระราชทานกระแสรับสั่งเพื่อเป็นกำลังใจให้นักฟุตบอลสู้กับสถานะการณ์ที่ยากลำบาก เพราะตอนนั้นมาเลเซียเป็นแชมป์อยู่ที่สกอร์ 3-0
ใครไม่เชื่อผมคงห้ามไม่ได้...
พ่อหลวงของแผ่นดินทรงทอดพระเนตรแมตช์สำคัญนัดนี้พรัอมกันกับประชาชนชาวไทยทั้งชาติ ทำให้เราได้เห็นความรักและสามัคคีร่วมแรงร่วมใจกันติดตามให้กำลังใจทีมฟุตบอลกันทั้งแผ่นดิน
อย่างที่ผมเขียนบอกไปเมื่อวันก่อนนะครับ....ความสามัคคีของทีมงานชุดนี้และพลังจากคนทั้งชาตินำพาทีมประสบความสำเร็จ
หวังว่าทีมบอลไทยคงเป็นตัวอย่างให้คนทั้งชาติได้ตระหนักและรับรู้นะครับว่า
ความสามัคคีคือพลัง...จริงๆครับ
Jackie
ครับเป็นบทความจากคอลัมต์ดีทีผมอยากให้พวกเราได้อ่านกัน ความสามัคคีของทีมงาน และ พลังของคนทั้งชาติ ครับ.
ปล.จะอะนิจากะลาแลนด์ ..... ถ้ายังมีคนระดับ ดร. ออกมาวิจารณ์ ประเภท เก่ง เพราะหน้าตาหล่อ ฟรุ๊ค อายุยังไม่ถึงที่จะเป็นโค้ช
อะไรประเภทนี้ครับ.