คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 15
"สวรรค์ในอก นรกในใจ" ฟังของหลวงพ่อปัญญานันทะ น่าจะละเอียดกว่ากระมังครับ
------------------------------------------
ส่วนคำถามร่วมแสดงความคิดเห็นของท่านจขกท. ( ท่านสุมาอี้ Serial Number 1831258 )
- สวรรค์ในอกนรกในใจ อาจเป็นสิ่งที่เกิดเฉพาะกับคนดีเท่านั้นหรือปล่าว ?
คาดเดาแบบชาวบ้านๆ อย่างนี้ครับ
สวรรค์ในอก-นรกในใจ เกิดกับ คนดี และ คนไม่ดี เหมือนกัน
ในระดับกาย-อารมณ์(เวทนา)-ใจ(จิต)-ธรรมชาติ(ธรรม)
- คนดี - รับรู้สภาวะ เวลาก่อกรรม(กาย-วาจา-ใจ) อาการ-ปฏิกิริยาเดียวกัน ด้วยความเข้าใจหนึ่ง
- คนไม่ดี - รับรู้สภาวะ เวลาก่อกรรม อาการตื่นเต้น-ระทึกใจเดียวกัน ด้วยความเข้าใจเดียวกัน
แต่เวลาตีความ อาการเหล่านั้น และเสพซ้ำๆ กระทั่งเสพติด ข้ามภพต่อเนื่องยาวนาน
เกิดระบบตีความ "ความจริงที่รู้สึก" ต่างกัน เช่น
ทำแล้ว - เกิดอาการ-อารมณ์-ผลกระทบระยะใกล้/ไกล = สิ่งนี้ไม่ดี (ในคนดี) ,
ทำแล้ว - เกิดอาการ-อารมณ์-ผลกระทบระยะใกล้/ไกล = สิ่งนี้โคตรดี เจ๋ง สุดยอด (ในคนไม่ดี)
โดยพื้นฐานมนุษย์ส่วนใหญ่ มัก "ไม่ยอมรับความจริงตรงๆ"
อันนี้มีส่วนช่วยบิดเบือน การตีความ อารมณ์ความรู้สึกหลังประพฤติไม่ดีหรือไม่ ?
ตอบว่า ไม่ทราบครับ !!
คาดเดาว่า ปฏิกิริยาที่เกิด น่าจะเป็น "เรื่องการตีความกลับตาลปัตรกัน" มากกว่า
ไม่ใช่เฉพาะคนดีเกิดสวรรค์-นรก คนไม่ดีไม่เกิดสวรรค์-นรก น่าจะเกิดทั้งสองฝั่ง
มุ่งเน้น "นิสัยชอบตีความเอาเอง ตามใจฉัน" จากสภาวะร่างกาย-จิตใจที่เกิด ในขั้นต่างๆกัน
ฝั่งคนแบบหนึ่ง น่าจะ "ตีความ" แล้วเด้งกระเด็นออก หยุดคิด หยุดพูด หยุดทำ
ฝั่งคนอีกแบบหนึ่ง น่าจะรับไป "ตีความ" เยี่ยงคนเสพติดเฮโรอิน เสพติดอะดรีนาลีน เสพติดฯลฯ
ท้ายที่สุด เข้าตำราศาสนาโบราณดั้งเดิมของโลก (ก่อนพุทธศาสนากำเนิด)
ที่มีสวรรค์รอไว้ให้ นักรบที่ฆ่าศัตรูในสงครามมากที่สุด พลีชีพในสนามรบ เท่ากับ ผู้สร้างรับตนกลับสวรรค์
มีสวรรค์รอไว้ให้นักกวี นักดนตรี นักศิลปะ ฯลฯ
"สวรรค์อื่นๆ ย่อมมี สำหรับนักตีความ เป็นขั้นๆ"
"เป็นระดับๆไปอีก ตามนิสัยชอบแบ่งชั้นวรรณะ ของเหล่าสัตว์(บุคคล)"
------------------------------------------------
ปล. ก็แบ่งชั้นวรรณะ เพราะเก่งหน่ะครับ ฝึกจิตไว้สูงส่ง
ก็ต้องเหยียบหัวพวกไม่ได้ฝึกบ้างไรบ้าง
(คือ ทะลึ่งไปตีความ ว่า อีกฝ่าย-ไม่ได้ฝึก ไม่ได้เข้าใจความจริงแท้เยี่ยงตน
ปล. 2 ในบางกรณี อาจไม่ใช่เพราะการตีความครับ ไม่ทราบเช่นกันว่าเพราะอะไร
------------------------------------------
ส่วนคำถามร่วมแสดงความคิดเห็นของท่านจขกท. ( ท่านสุมาอี้ Serial Number 1831258 )
- สวรรค์ในอกนรกในใจ อาจเป็นสิ่งที่เกิดเฉพาะกับคนดีเท่านั้นหรือปล่าว ?
คาดเดาแบบชาวบ้านๆ อย่างนี้ครับ
สวรรค์ในอก-นรกในใจ เกิดกับ คนดี และ คนไม่ดี เหมือนกัน
ในระดับกาย-อารมณ์(เวทนา)-ใจ(จิต)-ธรรมชาติ(ธรรม)
- คนดี - รับรู้สภาวะ เวลาก่อกรรม(กาย-วาจา-ใจ) อาการ-ปฏิกิริยาเดียวกัน ด้วยความเข้าใจหนึ่ง
- คนไม่ดี - รับรู้สภาวะ เวลาก่อกรรม อาการตื่นเต้น-ระทึกใจเดียวกัน ด้วยความเข้าใจเดียวกัน
แต่เวลาตีความ อาการเหล่านั้น และเสพซ้ำๆ กระทั่งเสพติด ข้ามภพต่อเนื่องยาวนาน
เกิดระบบตีความ "ความจริงที่รู้สึก" ต่างกัน เช่น
ทำแล้ว - เกิดอาการ-อารมณ์-ผลกระทบระยะใกล้/ไกล = สิ่งนี้ไม่ดี (ในคนดี) ,
ทำแล้ว - เกิดอาการ-อารมณ์-ผลกระทบระยะใกล้/ไกล = สิ่งนี้โคตรดี เจ๋ง สุดยอด (ในคนไม่ดี)
โดยพื้นฐานมนุษย์ส่วนใหญ่ มัก "ไม่ยอมรับความจริงตรงๆ"
อันนี้มีส่วนช่วยบิดเบือน การตีความ อารมณ์ความรู้สึกหลังประพฤติไม่ดีหรือไม่ ?
ตอบว่า ไม่ทราบครับ !!
คาดเดาว่า ปฏิกิริยาที่เกิด น่าจะเป็น "เรื่องการตีความกลับตาลปัตรกัน" มากกว่า
ไม่ใช่เฉพาะคนดีเกิดสวรรค์-นรก คนไม่ดีไม่เกิดสวรรค์-นรก น่าจะเกิดทั้งสองฝั่ง
มุ่งเน้น "นิสัยชอบตีความเอาเอง ตามใจฉัน" จากสภาวะร่างกาย-จิตใจที่เกิด ในขั้นต่างๆกัน
ฝั่งคนแบบหนึ่ง น่าจะ "ตีความ" แล้วเด้งกระเด็นออก หยุดคิด หยุดพูด หยุดทำ
ฝั่งคนอีกแบบหนึ่ง น่าจะรับไป "ตีความ" เยี่ยงคนเสพติดเฮโรอิน เสพติดอะดรีนาลีน เสพติดฯลฯ
ท้ายที่สุด เข้าตำราศาสนาโบราณดั้งเดิมของโลก (ก่อนพุทธศาสนากำเนิด)
ที่มีสวรรค์รอไว้ให้ นักรบที่ฆ่าศัตรูในสงครามมากที่สุด พลีชีพในสนามรบ เท่ากับ ผู้สร้างรับตนกลับสวรรค์
มีสวรรค์รอไว้ให้นักกวี นักดนตรี นักศิลปะ ฯลฯ
"สวรรค์อื่นๆ ย่อมมี สำหรับนักตีความ เป็นขั้นๆ"
"เป็นระดับๆไปอีก ตามนิสัยชอบแบ่งชั้นวรรณะ ของเหล่าสัตว์(บุคคล)"
------------------------------------------------
ปล. ก็แบ่งชั้นวรรณะ เพราะเก่งหน่ะครับ ฝึกจิตไว้สูงส่ง
ก็ต้องเหยียบหัวพวกไม่ได้ฝึกบ้างไรบ้าง
(คือ ทะลึ่งไปตีความ ว่า อีกฝ่าย-ไม่ได้ฝึก ไม่ได้เข้าใจความจริงแท้เยี่ยงตน
ปล. 2 ในบางกรณี อาจไม่ใช่เพราะการตีความครับ ไม่ทราบเช่นกันว่าเพราะอะไร
แสดงความคิดเห็น
สวรรค์ในอก นรกในใจ มีเฉพาะกับคนดี ไม่มีอยู่ในคนชั่ว หรือปล่าวครับท่าน ?
ต่อไป ระดับที่สองเลยเพื่อย่นเวลา นรกสวรรค์ในอันดับที่สองก็คือที่เราพูดกันว่า "สวรรคในอก นรกในใจ"
เป็นเรื่องที่มีในชาตินี้ นรก-สวรรค์ แม้ในชาติหน้ามันก็สืบไปจากที่มีในชาตินี้ เพราะอะไร เพราะมันอยู่ในสภาพจิต ภูมิของจิต ชั้นของจิต ระดับของจิตใจ
จิตของเราไปอยู่ในระดับไหน ถึงเวลาตาย ถ้าระดับจิตเป็นนรกก็ไปนรก ถ้าระดับ จิตเป็นสวรรค์ก็ไปสวรรค์ นี้เกี่ยวกับสภาพจิตที่เป็นอยู่ตลอดเวลา
คือว่าโดยหลักทั่วไปแล้วในการดำเนินชีวิตประจำวัน ซึ่งเป็นระยะเวลายาวนาน หลาย ๆ ปี ระดับจิตของเราอยู่แค่ไหน เวลาตายโดยทั่วไปถ้าไม่ใช่กรณียกเว้น มันก็อยู่ในระดับนั้นแหละ
ส่วนในกรณียกเว้น ถ้าเวลาตายนึกถึงอารมณ์ที่ดี เช่นทำกรรมชั่วมาก แต่เวลาตาย นึกถงสิ่งที่ดี ก็ไปเกิดดีได้
ถ้าหากเวลาอยู่ ทำกรรมดีแต่เวลาตายเกิดจิตเศร้าหมอง ระดับจิตตกลงไป ก็ไปเกิด ในที่ต่ำ เมื่อการไปเกิดขึ้นอยู่กับระดับจิตอย่างนี้แล้ว ก็หมายความว่า เราพร้อมจะไป นรก-สวรรค์ได้ตั้งแต่ปัจจุบัน
หรือพูดอีกอย่างก็คือ คนที่จะไปนรกคือคนที่อยู่ในระดับนรกอยู่แล้วในชาตินี้ หรือ คนที่จะไปสวรรค์เขาก็มีจิตใจระดับสวรรค์อยู่แล้ว
ตกลงก็ว่าเรื่อง นรก-สวรรค์มันมีตั้งแต่เดี๋ยวนี้อยู่แล้ว ปัจจุบันนี้เองมันส่อข้างหน้า เพราะฉะนั้นถ้าจะคาดการณ์เรื่องข้างหน้า เราไม่จำเป็นต้องไปพูดถึงสวรรค์ที่ไกลด้วยซ้ำ เอาปัจจุบันนี้เป็นเกณฑ์
เพราะคนเราสร้างสมกรรมด้วยชีวิตที่เป็นอยู่ สร้างระดับจิตของตนไว้ สั่งสมระดับ จิตให้พร้อมอยู่เสมอ เพราะฉะนั้น เรื่องสวรรค์ในอก นรกในใจก็ย่อมมีได้ เพราะถือตาม หลักนี้
ระดับจิตของเรานั้นเอง ที่มันอยู่ในนรกหรือสวรรค์ ถ้าระดับจิตของเราอยู่ในนรกก็ เป็นนรก ถ้าระดับจิตของเราอยู่ในสวรรค์ก็เป็นสวรรค์
เอาละ ทีนี้เราทำกรรมดีกรรมชั่วไว้ เรารู้ เรามีความรู้สึกเป็นประสบการณ์เฉพาะตัว เกี่ยวกับกรรมดีกรรมชั่วที่ทำไว้ ทางพระท่านใช้คําว่า "วิปฏิสาร"
ถ้าทำกรรมชั่วไว้ เรารู้สึกเดือดร้อนใจความวิปฏิสารนี้แหละ เป็นสภาพจิตที่เป็น ทุกข์ นับเป็นนรก หรืออีกอยางหนึ่ง ในนิวรณ์ ๕ ต้องมีข้อหนึ่งว่า "กุกกุจจะ"
กุกกุจจะ ก็คือความไม่สบายใจ กังวลใจ รำคาญใจ ไม่สบาย เดือดร้อนว่าสิ่งที่ดีเรา ยังไม่ได้กระทํา ได้แต่ทำสิ่งที่ชั่ว ที่ไม่ดี
ทีนี้ในทางตรงข้ามถ้าทำกรรมดีก็เกิดความปราโมทย์ มีปิติ มีความอบอุ่นใจ มีความ เปรมใจ มีความสุข จิตใจอยู่ในระดับสวรรค์ เป็นเรื่องสวรรค์ในอก นรกในใจ
ถ้าพูดถึงเรื่องวิปฏิสาร เรื่องปิติปราโมทย์ในการทำชั่ว ทำดีอย่างนี้ มันก็มีใน พระไตรปิฎกมากมายเช่นเดียวกัน ไม่จำเป็นจะต้องอ้างขึ้นมาเลย
เป็นอันว่านรก-สวรรค์ในแง่นี้เป็นเรื่องระดับจิต ซึ่งมีอยู่แล้วตั้งแต่ปัจจุบัน
ฯลฯ
พระธรรมปิฎก (ป.อ. ปยุตฺโต) บรรยายแก่คณะอาจารย์และนักศึกษาวิทยาลัยครูสวนดุสิต