หลังจากที่วางแผนไว้นานแล้วว่าอยากพาแม่เที่ยวภูเก็ต ปีนี้มีโอกาสดีๆ ช่วงว่างดีๆ เลยชวนแม่ พี่สาวพี่เขยไปเที่ยวภูเก็ต
ทำไมถึงเลือกภูเก็ต ?? เพราะสมัยผมเป็นเด็กๆ แม่เล่าว่าพ่อเลยไปรับจ้างเป็นกรรมกรก่อสร้างที่ท่าอากาศยานภูเก็ต
ผมจึงเลือกที่จะพาแม่นั่งเครื่องไปย้อนความหลังเมื่อครั้งพ่อเคยอยู่ที่ภูเก็ต
ขออื่นจะเกริ่นจุดเริ่มต้นเลยนะครับ ด้วยเหตุผมที่ผมมีเงินเดือนแค่หมื่นห้า ตามเงินเดือนขั้นต่ำปริญญาตรี ดังนั้นการเที่ยวครั้งนี้
ผมต้องประหยัดให้ได้มากที่สุด แต่ต้องได้เที่ยวให้ได้มากที่สุดเช่นกัน ดังนั้นผมก็พยายามติดตามโปรโมชั่นของสายการบินตลอด
ครั้งนี้ประจวบเหมาะ เจอโปรหางแดง ชิงจองก่อนโดยไม่ถามแม่กับพี่สาวเลยครับ
โดยไปกันทั้งครอบครัวนะครับ เดาว่าพ่อก็คงตามไปด้วย แต่แกคงไปตั๋วผี....เอ้ย ไปตั๋วฟรีครับ (แซวเล่นนะครับ) โดยจองทั้งหมด
จำนวน 5 ที่นั่ง ไป-กลับ รวมราคา 1,713 บาท รวมค่ารูดบัตร ค่าภาษีสนามบินเรียบร้อยแล้วนะครับ
ผมลองหารเล่นๆ ตกคนละ 342.6 บาท
โดยมีโปรโมชั่นคู่กับห้องพัก 2 ห้อง 2 คืน รวมเป็นเงิน 2,667.74 บาทครับ เฉลี่ยแล้วตกคนละ 260 บาท ต่อคน ต่อคืน
แต่ก็ต้องทำใจนะครับว่าที่พักไม่ได้หรู แต่นอนได้ สบายด้วย อยู่ใจกลางเมือง ติดโรบันสันภูเก็ต นั่นก็คือ รัตนาแมนชั่น
ห้องโอเคนะครับ ก็สมกับราคา ห้องพักสะอาด ไม่มีกลิ่นบุหรี่นะครับ
เมื่อจองเรียบร้อยแล้ว ถึงโทรไปบอกแม่ นางตอบกลับทันทีเลยว่า "กูว่าแล่ว มีแนวสิได้เดินทางไกลบ้อ ผีบ่งเสี้ยนตีน อยู่ เดียดๆๆ"
ประมาณว่านางมีสัมผัสพิเศษ หรือลางล่วงหน้าว่าจะได้เดินทางไกล จากอาการเขม่นเท้า // ไม่น่าเชื่อว่าสัมผัสพิเศษนางแม่นมาก
หลังจากนั้นก็เป็นการเตรียมตัวรอถึงวันเดินทาง โดยผมลาพักผ่อนทั้งสัปดาห์ แล้วก็เริ่มเดินทางบ่ายของวันอาทิตย์ ที่ 23 พย 2557
มานอนที่บ้านพักผมที่มหาสารคาม เพื่อที่เราจะได้ออกเดินทางในเช้าตรู่วันจันทร์ ที่ 24 พย 2557
เพื่อไปชมทะเลบัวแดง จังหวัดอุดรธานี
ถึงแล้วครับ ทะเลบัวแดง ไปถึงเกือบ 10.00 น. ดีใจมากที่บัวยังบานอยู่เราก็ตรงไปเช่าเรือ เหมาจ่าย 300 บาท เพื่อไปล่องเรือชมบัวแดง
แม่แซวว่า "บัวจั่งซี่ แถวหนองบ้านเฮากะมีเดะ" แต่นางก็ชอบใจอยู่(มั้ง) เห็นโพสต์ท่าถ่ายหลายรูปอยู่ครับผม อากาศค่อนข้างร้อน
ถ้าอากาศหนาวสักหน่อย คงชมบัวแดงได้นานกว่านี้ครับ

บัวบานท่ามกลางบัวแดง (แม่ผมชื่อบัวบานนะครับ)

ชมบัวได้สักชั่วโมง มองนาฬิกาก็ยังไม่เที่ยงเลย แล้วตารางการเดินทางก็ตั้ง 5 โมงเย็น เราเลยไปเที่ยวต่อ
สมัยผมอยู่ ป.4 แม่เคยมากราบหลวงตาที่นี่ ...... ตอนนี้ผมเรียนจบมาเกือบ 4 ปีแล้ว เลยพาแม่มากราบหลวงตาอีกครั้ง
ผ่านไปนานแค่ไหน ที่นี่ยังร่มรื่นดุจร่มโพธิ์ เป็นที่พักพิง ไม่เคยเปลี่ยนแปลง คงความเป็นวัดป่าได้อย่างสมบูรณ์

จากนั้นก็ไปเดินชมกุฏิหลวงตา ภาพข้างบนนี้คือภาพที่หยุดวินาทีที่หลวงตาละสังขาร ให้ข้าวของเครื่องใช้คงอยู่ปกติ

จากนั้นก็เดินชมรอบๆ วัด ไปสะดุดกับเตาปฏิกรณ์ เอ้ย เตาต้มน้ำร้อนของวัด ข้างบนเป็นไม้ตาด ที่เอาไว้ทำไม้กวาด
และน่าจะเป็นชื่อ/ที่มาของวัดป่าบ้านตาดด้วยมั้ง (เดาเอานะครับ) เอาตากไว้บนขื่อ เพื่อรมควัน เพิ่มความแข็งแรง ทนทาน
มด มอด ไม่กัด ไม่เจาะ จะมีการตัดต้นตาดปีละครั้ง แล้วมาเก็บไว้ทำไม้กวาดลานวัด ใช้กวาดทั้งปี เลยนะครับ
จากนั้นก็ออกไปทานข้าวเที่ยงที่ร้าน ลาบหมูดงเค็ง กองทัพต้องเดินด้วยท้อง เมื่อท้องอิ่มเราออกเดินทางต่อ ไปรอที่ท่าอากาศยาน
ถือว่าเรามารอก่อนเวลาพอสมควร พี่สาวมีอาการปวดหลังนิดหน่อย ว่าจะพามานวดรอ ปรากฎว่าสนามบินไม่มีร้านนวดครับ
เลยนั่งรอเวลากัน ถ่ายรูปเล่นกัน รอจนเบื่อเลยละครับ
ขึ้นเครื่องละครับ แต่ละคน ทั้งวิงเวียน อีกคนอุดหนูไว้ จนในที่สุดก็ถึงภูเก็ต
การเดินทางที่ภูเก็ต เราตัดสินใจเช่ารถของบริษัท Thai Rent a Car เป็นรถวีออส คิดเป็น ชม. ระยะเวลาที่เราเช่าคือ 48 ชม. หรือ 2 วัน
โดยราคาปกติ อยู่ที่ 1500 บาท ต่อวัน แต่พอดีผมมีบัตรโปรโมชั่นที่แถมมากับบัตรเครดิต เช่า 1 วัน แถม 1 วัน ก็เลยได้ราคาลดไป
เพื่อความปลอดภัยของเรา เราตัดสินใจซื้อประกันประเภท 1 กันไว้ดีกว่าแก่ 400 กว่าบาทครับผม โดยบริษัทจะเติมน้ำมันเริ่มต้นให้ ครึ่งถัง
ออกเดินทางสู่ที่พักกันเลย.......( ขอบคุณ Google map ที่ช่วยนำทาง)
ตื่นเช้าไปทานติ่มซำที่ร้านตรงข้ามที่พัก จากนั้นเราก็ออกเดินทางสู่ท่าเรือรัษฎา เพื่อไปเที่ยวเกาะพีพีกันครับ เป็น one day trip
ที่จองไว้ในเนต สนนราคาคนละ 700 บาท
ไปถึงเกาะพีพี เขาให้ลงดำน้ำได้ ดำน้ำเสร็จ ก็ขึ้นไปทานข้าวเที่ยงบนเกาะ ที่โรงแรมพีพี โฮเทว จากนั้นก็เดินเล่นชายหาดย่อยอาหาร
จึงนั่งเรือกลับฝั่งภูเก็ต ขากลับนี่นอนสลบเหมือดกันเลย เพราะ "เยาแดด" 55555
ถึงฝั่งสี่โมงครึ่ง กำลังลุ้นว่าจะทันพระอาทิตย์ตกที่แหลมพรหมเทพรึป่าว แต่ตอนนี้ต้องพาพี่สาวไปร้านนวดคลายเส้นก่อน
เพราะนางปวดหลังมาก เที่ยวต่อไม่ไหว "เอ็นเข้าเบื้อง" ไปถึงร้านนวด หมดนวดบอกว่าใช้เวลา 2 ชั่วโมง เราจึงให้นางกับสามี
รอที่ร้านนวด คนที่เหลือขึ้นรถแล้วตรงดิ่งไปที่แหลมพรหมเทพ วันนี้ตามพยากรณ์บอกว่า พระอาทิตย์จะตก 18.05 นาที
พวกผมไปถึง 18.05 น. จูงแขนแม่วิ่งจนหอบ นางแอบงอลว่าพานางวิ่ง พอถึงแหลมพรหม บอกให้นางโพสต์ นางก็ไม่โพสต์ท่า
สรุปแล้วพวกเรามาทันพระอาทิตย์ที่แหลมพรหมเทพครับ สวยมากๆๆๆๆๆๆ
ส่วนนี่เป็นคลิปวิดีโอที่แอบถ่ายคุณแม่สุดที่รัก ตอนนางพักเหนื่อยครับผม

ชมพระอาทิตย์ตกเสร็จก็กลับไปรับพี่สาวที่ร้านนวดแผนไทยแถวๆ ทางเข้าท่าเรือรัษฎา จากนั้นเราก็ตรงไปจุดนัดพบ
นั่นก็คือร้านส้มตำ "ร้านโกแบงค์ แซ่บอีสาน" ที่เขาลือกันว่าอร่อยที่สุดแล้วในภูเก็ต ต้องขอบคุณเพื่อนสมัยประถม
ที่เขาไปทำมาค้าขายที่ภูเก็ต แนะนำร้านนี้ ไปชิมแล้วก็อร่อยสมชื่อครับ นัวแบบอีสานสุดๆ สมแล้วที่เจ้าของร้าน
โกแบงค์มาจากอุบล กับพี่อ้อย มาจากโคราช เชฟในครัวก็สั่งตรงจากอีสานโดยตรงครับ ลองไปชิมดู แซ่บอีหลี
เออ..ลืมบอกไปเลย ร้านอยู่ตรงข้ามเรือนจำกลางภูเก็ต มองดูฝั่งตรงข้ามเรือนจำเลย จะเห็นป้ายชื่อร้าน
นอนหลับ อิ่มสบายเลยครับพี่น้อง
เช้าตรู่ของวันที่ 3 ที่อยู่ภูเก็ตแล้วนะ แป๊บเดียวจะได้กลับแล้ว เราก็ตื่นเก็บของมาไว้ที่รถ รถกำลังจะออก
ผมควานหากล้องถ่ายรูปไม่เจอ ผมก็บอกว่ากล้องไม่เห็น ซึ่งกล้องตัวนี้ผมรักมาก แถมรูปเต็มเลย แทบจะร้อง
รีบวิ่งขึ้นไปดูที่ห้อง หาก็ไม่เจอ แม่บ้านก็มาหาช่วยก็ไม่เจอ อีกแป๊บพี่สาวโทรมาบอกว่า "กล้องคล้องที่คอแม่"
รู้ไหมครับ ขณะที่ผมวิ่งขึ้นไปหากล้อง นางถามคนในรถว่า "จั้นไปหาอิหยังเบาะ มันลืมหยัง"

พอรู้ว่ากล้องไม่ได้หายไปไหน เราจึงไปหาข้าวเช้าทานกันครับ เช้านี้ทานอาหารพื้นเมือง คือโรตีแกง กับ มะตะบะ

ต่อด้วยไปไหว้พระที่วัดฉลอง

แล้วก็ขึ้นไปบนเขานาคเกิด วิวสวยมากเลยครับ พระใหญ่ก็กำลังสร้าง น่าจะเสร็จเร็วๆนี้ ครับ

สาวต่างชาติน่ารักมากเลย นุ่งผ้าถุงด้วย

จากนั้นก็มุ่งหน้าสู่สนามบินครับท่าน แต่ก็จะไปสนามบินเราก็ไปเติมน้ำมันก่อนครับ
เราไปทานมื้อเที่ยง ที่แหลมหินซีฟู้ด สั่งกับข้าวเต็มโต๊ะเลยครับ ทานกับเกือบไม่หมด
ตอนแรกก็คิดว่าคงเกือบ 2000 ละมั้ง พอเช็คบิล 900 กว่าบาทเองครับ ลองไปชิมดูนะครับ อร่อยดี
ก่อนเข้าสนามบิน เราก็แวะเติมน้ำมันคืนบริษัทบริการรถเช่า รู้ไหมครับ ทั้งทริป เราเติมน้ำมันแค่ 500 บาท
ผมบอกเลยว่า การเช่ารถเป็นอะไรที่สะดวก สบายมาก อยากไปไหนก็ได้ ตอนไหนก็ได้

สำหรับการเดินทางครั้งนี้ก็จบลงแล้วนะครับ บ๊ายบายยยยย
พาแม่เที่ยวภูเก็ต......ด้วย Budget มนุษย์เงินเดือน
ทำไมถึงเลือกภูเก็ต ?? เพราะสมัยผมเป็นเด็กๆ แม่เล่าว่าพ่อเลยไปรับจ้างเป็นกรรมกรก่อสร้างที่ท่าอากาศยานภูเก็ต
ผมจึงเลือกที่จะพาแม่นั่งเครื่องไปย้อนความหลังเมื่อครั้งพ่อเคยอยู่ที่ภูเก็ต
ขออื่นจะเกริ่นจุดเริ่มต้นเลยนะครับ ด้วยเหตุผมที่ผมมีเงินเดือนแค่หมื่นห้า ตามเงินเดือนขั้นต่ำปริญญาตรี ดังนั้นการเที่ยวครั้งนี้
ผมต้องประหยัดให้ได้มากที่สุด แต่ต้องได้เที่ยวให้ได้มากที่สุดเช่นกัน ดังนั้นผมก็พยายามติดตามโปรโมชั่นของสายการบินตลอด
ครั้งนี้ประจวบเหมาะ เจอโปรหางแดง ชิงจองก่อนโดยไม่ถามแม่กับพี่สาวเลยครับ
โดยไปกันทั้งครอบครัวนะครับ เดาว่าพ่อก็คงตามไปด้วย แต่แกคงไปตั๋วผี....เอ้ย ไปตั๋วฟรีครับ (แซวเล่นนะครับ) โดยจองทั้งหมด
จำนวน 5 ที่นั่ง ไป-กลับ รวมราคา 1,713 บาท รวมค่ารูดบัตร ค่าภาษีสนามบินเรียบร้อยแล้วนะครับ
ผมลองหารเล่นๆ ตกคนละ 342.6 บาท
โดยมีโปรโมชั่นคู่กับห้องพัก 2 ห้อง 2 คืน รวมเป็นเงิน 2,667.74 บาทครับ เฉลี่ยแล้วตกคนละ 260 บาท ต่อคน ต่อคืน
แต่ก็ต้องทำใจนะครับว่าที่พักไม่ได้หรู แต่นอนได้ สบายด้วย อยู่ใจกลางเมือง ติดโรบันสันภูเก็ต นั่นก็คือ รัตนาแมนชั่น
ห้องโอเคนะครับ ก็สมกับราคา ห้องพักสะอาด ไม่มีกลิ่นบุหรี่นะครับ
เมื่อจองเรียบร้อยแล้ว ถึงโทรไปบอกแม่ นางตอบกลับทันทีเลยว่า "กูว่าแล่ว มีแนวสิได้เดินทางไกลบ้อ ผีบ่งเสี้ยนตีน อยู่ เดียดๆๆ"
ประมาณว่านางมีสัมผัสพิเศษ หรือลางล่วงหน้าว่าจะได้เดินทางไกล จากอาการเขม่นเท้า // ไม่น่าเชื่อว่าสัมผัสพิเศษนางแม่นมาก
หลังจากนั้นก็เป็นการเตรียมตัวรอถึงวันเดินทาง โดยผมลาพักผ่อนทั้งสัปดาห์ แล้วก็เริ่มเดินทางบ่ายของวันอาทิตย์ ที่ 23 พย 2557
มานอนที่บ้านพักผมที่มหาสารคาม เพื่อที่เราจะได้ออกเดินทางในเช้าตรู่วันจันทร์ ที่ 24 พย 2557
เพื่อไปชมทะเลบัวแดง จังหวัดอุดรธานี
ถึงแล้วครับ ทะเลบัวแดง ไปถึงเกือบ 10.00 น. ดีใจมากที่บัวยังบานอยู่เราก็ตรงไปเช่าเรือ เหมาจ่าย 300 บาท เพื่อไปล่องเรือชมบัวแดง
แม่แซวว่า "บัวจั่งซี่ แถวหนองบ้านเฮากะมีเดะ" แต่นางก็ชอบใจอยู่(มั้ง) เห็นโพสต์ท่าถ่ายหลายรูปอยู่ครับผม อากาศค่อนข้างร้อน
ถ้าอากาศหนาวสักหน่อย คงชมบัวแดงได้นานกว่านี้ครับ
บัวบานท่ามกลางบัวแดง (แม่ผมชื่อบัวบานนะครับ)
ชมบัวได้สักชั่วโมง มองนาฬิกาก็ยังไม่เที่ยงเลย แล้วตารางการเดินทางก็ตั้ง 5 โมงเย็น เราเลยไปเที่ยวต่อ
สมัยผมอยู่ ป.4 แม่เคยมากราบหลวงตาที่นี่ ...... ตอนนี้ผมเรียนจบมาเกือบ 4 ปีแล้ว เลยพาแม่มากราบหลวงตาอีกครั้ง
ผ่านไปนานแค่ไหน ที่นี่ยังร่มรื่นดุจร่มโพธิ์ เป็นที่พักพิง ไม่เคยเปลี่ยนแปลง คงความเป็นวัดป่าได้อย่างสมบูรณ์
จากนั้นก็ไปเดินชมกุฏิหลวงตา ภาพข้างบนนี้คือภาพที่หยุดวินาทีที่หลวงตาละสังขาร ให้ข้าวของเครื่องใช้คงอยู่ปกติ
จากนั้นก็เดินชมรอบๆ วัด ไปสะดุดกับเตาปฏิกรณ์ เอ้ย เตาต้มน้ำร้อนของวัด ข้างบนเป็นไม้ตาด ที่เอาไว้ทำไม้กวาด
และน่าจะเป็นชื่อ/ที่มาของวัดป่าบ้านตาดด้วยมั้ง (เดาเอานะครับ) เอาตากไว้บนขื่อ เพื่อรมควัน เพิ่มความแข็งแรง ทนทาน
มด มอด ไม่กัด ไม่เจาะ จะมีการตัดต้นตาดปีละครั้ง แล้วมาเก็บไว้ทำไม้กวาดลานวัด ใช้กวาดทั้งปี เลยนะครับ
จากนั้นก็ออกไปทานข้าวเที่ยงที่ร้าน ลาบหมูดงเค็ง กองทัพต้องเดินด้วยท้อง เมื่อท้องอิ่มเราออกเดินทางต่อ ไปรอที่ท่าอากาศยาน
ถือว่าเรามารอก่อนเวลาพอสมควร พี่สาวมีอาการปวดหลังนิดหน่อย ว่าจะพามานวดรอ ปรากฎว่าสนามบินไม่มีร้านนวดครับ
เลยนั่งรอเวลากัน ถ่ายรูปเล่นกัน รอจนเบื่อเลยละครับ
ขึ้นเครื่องละครับ แต่ละคน ทั้งวิงเวียน อีกคนอุดหนูไว้ จนในที่สุดก็ถึงภูเก็ต
การเดินทางที่ภูเก็ต เราตัดสินใจเช่ารถของบริษัท Thai Rent a Car เป็นรถวีออส คิดเป็น ชม. ระยะเวลาที่เราเช่าคือ 48 ชม. หรือ 2 วัน
โดยราคาปกติ อยู่ที่ 1500 บาท ต่อวัน แต่พอดีผมมีบัตรโปรโมชั่นที่แถมมากับบัตรเครดิต เช่า 1 วัน แถม 1 วัน ก็เลยได้ราคาลดไป
เพื่อความปลอดภัยของเรา เราตัดสินใจซื้อประกันประเภท 1 กันไว้ดีกว่าแก่ 400 กว่าบาทครับผม โดยบริษัทจะเติมน้ำมันเริ่มต้นให้ ครึ่งถัง
ออกเดินทางสู่ที่พักกันเลย.......( ขอบคุณ Google map ที่ช่วยนำทาง)
ตื่นเช้าไปทานติ่มซำที่ร้านตรงข้ามที่พัก จากนั้นเราก็ออกเดินทางสู่ท่าเรือรัษฎา เพื่อไปเที่ยวเกาะพีพีกันครับ เป็น one day trip
ที่จองไว้ในเนต สนนราคาคนละ 700 บาท
ไปถึงเกาะพีพี เขาให้ลงดำน้ำได้ ดำน้ำเสร็จ ก็ขึ้นไปทานข้าวเที่ยงบนเกาะ ที่โรงแรมพีพี โฮเทว จากนั้นก็เดินเล่นชายหาดย่อยอาหาร
จึงนั่งเรือกลับฝั่งภูเก็ต ขากลับนี่นอนสลบเหมือดกันเลย เพราะ "เยาแดด" 55555
ถึงฝั่งสี่โมงครึ่ง กำลังลุ้นว่าจะทันพระอาทิตย์ตกที่แหลมพรหมเทพรึป่าว แต่ตอนนี้ต้องพาพี่สาวไปร้านนวดคลายเส้นก่อน
เพราะนางปวดหลังมาก เที่ยวต่อไม่ไหว "เอ็นเข้าเบื้อง" ไปถึงร้านนวด หมดนวดบอกว่าใช้เวลา 2 ชั่วโมง เราจึงให้นางกับสามี
รอที่ร้านนวด คนที่เหลือขึ้นรถแล้วตรงดิ่งไปที่แหลมพรหมเทพ วันนี้ตามพยากรณ์บอกว่า พระอาทิตย์จะตก 18.05 นาที
พวกผมไปถึง 18.05 น. จูงแขนแม่วิ่งจนหอบ นางแอบงอลว่าพานางวิ่ง พอถึงแหลมพรหม บอกให้นางโพสต์ นางก็ไม่โพสต์ท่า
สรุปแล้วพวกเรามาทันพระอาทิตย์ที่แหลมพรหมเทพครับ สวยมากๆๆๆๆๆๆ
ส่วนนี่เป็นคลิปวิดีโอที่แอบถ่ายคุณแม่สุดที่รัก ตอนนางพักเหนื่อยครับผม
ชมพระอาทิตย์ตกเสร็จก็กลับไปรับพี่สาวที่ร้านนวดแผนไทยแถวๆ ทางเข้าท่าเรือรัษฎา จากนั้นเราก็ตรงไปจุดนัดพบ
นั่นก็คือร้านส้มตำ "ร้านโกแบงค์ แซ่บอีสาน" ที่เขาลือกันว่าอร่อยที่สุดแล้วในภูเก็ต ต้องขอบคุณเพื่อนสมัยประถม
ที่เขาไปทำมาค้าขายที่ภูเก็ต แนะนำร้านนี้ ไปชิมแล้วก็อร่อยสมชื่อครับ นัวแบบอีสานสุดๆ สมแล้วที่เจ้าของร้าน
โกแบงค์มาจากอุบล กับพี่อ้อย มาจากโคราช เชฟในครัวก็สั่งตรงจากอีสานโดยตรงครับ ลองไปชิมดู แซ่บอีหลี
เออ..ลืมบอกไปเลย ร้านอยู่ตรงข้ามเรือนจำกลางภูเก็ต มองดูฝั่งตรงข้ามเรือนจำเลย จะเห็นป้ายชื่อร้าน
นอนหลับ อิ่มสบายเลยครับพี่น้อง
เช้าตรู่ของวันที่ 3 ที่อยู่ภูเก็ตแล้วนะ แป๊บเดียวจะได้กลับแล้ว เราก็ตื่นเก็บของมาไว้ที่รถ รถกำลังจะออก
ผมควานหากล้องถ่ายรูปไม่เจอ ผมก็บอกว่ากล้องไม่เห็น ซึ่งกล้องตัวนี้ผมรักมาก แถมรูปเต็มเลย แทบจะร้อง
รีบวิ่งขึ้นไปดูที่ห้อง หาก็ไม่เจอ แม่บ้านก็มาหาช่วยก็ไม่เจอ อีกแป๊บพี่สาวโทรมาบอกว่า "กล้องคล้องที่คอแม่"
รู้ไหมครับ ขณะที่ผมวิ่งขึ้นไปหากล้อง นางถามคนในรถว่า "จั้นไปหาอิหยังเบาะ มันลืมหยัง"
พอรู้ว่ากล้องไม่ได้หายไปไหน เราจึงไปหาข้าวเช้าทานกันครับ เช้านี้ทานอาหารพื้นเมือง คือโรตีแกง กับ มะตะบะ
ต่อด้วยไปไหว้พระที่วัดฉลอง
แล้วก็ขึ้นไปบนเขานาคเกิด วิวสวยมากเลยครับ พระใหญ่ก็กำลังสร้าง น่าจะเสร็จเร็วๆนี้ ครับ
สาวต่างชาติน่ารักมากเลย นุ่งผ้าถุงด้วย
จากนั้นก็มุ่งหน้าสู่สนามบินครับท่าน แต่ก็จะไปสนามบินเราก็ไปเติมน้ำมันก่อนครับ
เราไปทานมื้อเที่ยง ที่แหลมหินซีฟู้ด สั่งกับข้าวเต็มโต๊ะเลยครับ ทานกับเกือบไม่หมด
ตอนแรกก็คิดว่าคงเกือบ 2000 ละมั้ง พอเช็คบิล 900 กว่าบาทเองครับ ลองไปชิมดูนะครับ อร่อยดี
ก่อนเข้าสนามบิน เราก็แวะเติมน้ำมันคืนบริษัทบริการรถเช่า รู้ไหมครับ ทั้งทริป เราเติมน้ำมันแค่ 500 บาท
ผมบอกเลยว่า การเช่ารถเป็นอะไรที่สะดวก สบายมาก อยากไปไหนก็ได้ ตอนไหนก็ได้
สำหรับการเดินทางครั้งนี้ก็จบลงแล้วนะครับ บ๊ายบายยยยย
สำหรับค่าใช้จ่ายในทริปนี้ประกอบไปด้วย
ราคานี้สำหรับ 5 คน
- ค่าเครื่องพร้อมที่พัก 4380 บาท
- ค่าเลือกที่นั่งบนเครื่อง 350 บาท
- ค่าเช่ารถ วีออส 1500 บาท
- ค่าประกัน + ภาษี เช่ารถ 500 บาท
- ค่าล่องเรือเที่ยวพีพี 3500 บาท
- ค่าล่องเรือบึงบัวแดง 300 บาท
- ค่าเติมแก๊ส LPG 1500 บาท
- ค่าเติมน้ำมัน วีออส 500 บาท
- ค่าอาหาร 10 มื้อ 5000 บาท
- อื่นๆ จิปาถะ เช่น ค่าใช้จ่ายในการเตรียมตัว
ก่อนเดินทาง ขนม น้ำ ของฝาก ช๊อปเสื้อผ้า
ทำบุญ นวด ฯลฯ 3000 บาท
รวม 20,530 บาท เฉลี่ยนคนละ 4,106 บาทถ้วน