หมอกจางบทที่ 1 ราตรีของเฟิร์น

กระทู้สนทนา
หลังจากทดลองเขียนเรื่องสั้นมาสามเรื่องก็ตัดสินใจเขียนนิยายซะเลย
ขอเชิญอ่านนิยายเรื่องยาวเรื่องแรกของผมครับ
รบกวนติชมด้วยครับ
*คำเตือน นิยายเรื่องนี้อาจมีเนื้อหาที่ไม่เหมาะโปรดใช้วิจาณญาณในการอ่าน(อย่างรุนแรง)

     ฉันเกลียดดวงอาทิตย์ ฉันเกลียดความร้อนของมันที่ทำให้ฉันเหงื่อออกจนตัวเหนียวเหนอะหนะ ฉันเกลียดแสงสว่างของมันที่ทำให้ฉันต้องแสบตาทุกครั้งเวลาออกจากที่พัก ฉันเกลียดที่มันทำให้ผิวของฉันดำคล้ำไม่สวยงาม ฉันเกลียดดวงอาทิตย์ ฉันเลือกที่จะใช้ชีวิตในยามที่แสงของดวงอาทิตย์ดับไปแล้ว ฉันชอบแสง สี ของไฟนีออนในยามราตรีมากกว่า เสียงเพลงดัง แอลกอฮอล์ และกลิ่นของนิโคตินทำให้ฉันรู้สึกผ่อนคลาย
ที่ผับแห่งหนึ่งใจกลางกรุงเทพฯ มหานครที่ไม่เคยหลับ  ฉันกับเพื่อน พวกเราสี่คนมักจะออกท่องราตรีด้วยกันเสมอ และคืนนั้นก็เหมือนๆกับทุกคืนที่เราออกเที่ยวกัน คืนนี้ฉันเลือกใส่ชุดเดรสสั้นกับรองเท้าส้นสูงสีแดงสด ฉันชอบสีแดง มันโดดเด่น ร้อนแรง และที่สำคัญ ฉันจะงดงามที่สุดเมื่ออยู่ท่ามกลางสีแดง
เสียงเบสที่ออกมาจากลำโพงดังสนั่นกระแทกหน้าอกฉันให้สั่นไหวตามจังหวะของดนตรี กลิ่นแอลกอฮอล์ผสมกันนิโคตินที่ฉันชื่นชอบลอยตลบอบอวลไปทั่วทั้งพื้นที่ ฉันโยกย้ายร่างกายไปตามจังหวะดนตรีและแอลกอฮอล์ในร่างกาย
     "สวัสดีครับคนสวย  คืนนี้ช่วยเป็นเกียรติเป็นคู่เต้นให้ผมได้ไหมครับ"      ชายในชุดสูทสีดำดูภูมิฐานเอ่ยกับฉันอย่างสุภาพ แต่ท่าทางของเขาไม่ได้สุภาพด้วยเลยสักนิด ตอนที่เขาพูดเขาก็ดึงมือของฉันเข้าไปหา จนตัวเราแนบชิดกันก่อนที่เขาจะใช้แขนทั้งสองข้างโอบรอบเอวของฉันเอาไว้
     "ตกลงคุณเป็นคู่เดทกับผมคืนนี้นะ"    แน่ะดูทำเข้าเมื่อกี้ยังแค่ขอเป็นคู่เต้นเองนะ แต่เอาเถอะเพราะฉันก็ไม่ได้รังเกียจผู้ชายมือไวนักหรอกนะ ออกจะทำให้หัวใจของฉันเต้นรัวเสียด้วยซ้ำไป
     "คงไม่ได้หรอกค่ะ ฉันมากับเพื่อนๆน่ะ"
     "น่าเสียดายนะครับ ถ้างั้น ช่วยให้เกียรติผมสักเพลงนะครับ"
     "งั้นช่วยดูแลฉันจนกว่าจะจบเพลงด้วยนะคะ"      เขายิ้ม และโค้งคำนับให้ฉันเหมือนกับเจ้าชายกำลังขอเจ้าหญิงให้เต้นรำในเรื่องซิลเดอเลร่าก็ไม่ปาน ทั้งๆที่มันเป็นแค่การเต้นในผับ ไม่มีจังหวะที่ไพเราะ มีแต่เพียงเสียงดัง ตึง ตึง ตึง จนแน่นหน้าอกเท่านั้น แต่ฉันก็ชอบสิ่งที่เขาทำนะ มันทำให้เขาดูน่าสนใจมากขึ้นไปอีก แถมสิ่งที่เขาทำยังทำให้คนในผับหลายๆ คนเริ่มหยุดเต้นและหันมามองที่เรา     
     ฉันถอนสายบัว และยื่นมือออกไปรับคำเชิญของเขา หัวใจของฉันตอนนี้เต้นแรงเสียยิ่งกว่าเสียงเบสของผับอีก  แต่ใครจะรู้ตราบเท่าที่มันยังอยู่ในหน้าอกขนาดพอดีมือมาตรฐานหญิงไทยของฉัน เขายืนขึ้นเอามือซ้ายไขว้ไปด้านหลัง และใช้มือขวายื่นมาดึงตัวฉันเข้าไปใกล้  ก่อนที่จะรวบเอวของฉันไว้จนร่างกายของเราแนบชิดสนิทกัน เขาเริ่มก้าวเท้าเดินหน้า  ถอยหลัง  และลากฉันติดตามไปด้วย จับฉันให้ต้องหมุนตัว ฉันเองยังไม่อยากจะเชื่อตัวเองเลย ด้วยจังหวะดนตรีแบบนี้แต่เขา. . .     
     เขากำลังพาฉันเต้นรำ คนในผับหันมามองพวกเราสองคนมากขึ้น เพื่อนๆของฉันก็ด้วย บางคนเริ่มออกเสียงเชียร์ บางคนก็เป่าปาก  พวกที่โห่ไล่ก็มี แล้วผู้คนเริ่มถอยออกเป็นวงกลมล้อมเราสองคนเอาไว้  ส่วนฉันก็หมุนไปมา ตามจังหวะที่เขาควบคุม เราสองคนขยับร่างกายราวกับอยู่ในงานเต้นรำในท้องพระโรงของปราสาท  เพลงใกล้จบเขาคล้องแขนอ้อมที่รอบเอวฉันผลักฉันจนเหมือนจะหงายไปด้านหลัง ในขณะที่เขารั้งเอวของฉันเอาไว้  ช่างเป็นท่าจบที่สวยงามราวกับอยู่ในเทพนิยาย และ เขาก็ก้มลงจูบฉันอย่างไม่แคร์สายตาใคร ฉันทุบเขาเบาๆที่หน้าอก แต่ก็ยอมรับรสจูบของเขาอย่างขวยเขิน     
แล้วเราก็จูงมือกันแล้วพากันวิ่งเหยาะๆออกจากฟรอของผับ ฉันหัวเราะไปตลอดทางระหว่างที่วิ่ง  ยอมรับเลยว่าตั้งแต่เที่ยวมาไม่มีครั้งไหนเลยที่ฉันสนุกแบบนี้  เขาทำฉันประทับใจมากๆ  เราวิ่งออกมาจนถึงลานจอดรถ   "ผมชื่อแมค สวัสดีครับ คุณล่ะ ชื่ออะไร"  
     "เฟิร์นค่ะ"       
     เขาหยุดเดินและมายืนดักหน้าฉัน แล้วทำท่าโค้งคำนับ     "งั้น องค์หญิงเฟิร์น กระหม่อขอกราบเรียนให้พระองค์ทรงไปร่วมงานสังสรรค์ต่อกับกระหม่อมด้วยเถิดพะยะค่ะ"  
     ฉันไม่สามารถเก็บยิ้มที่มุมปากของฉันได้     "ได้สิท่านเซอร์ แมค ข้ารับคำเชิญนั้น"     
     "ขอบพระทัยพะยะค่ะฝ่าบาท  เช่นนั้นกระหม่อมขอเสียมารยาท"     
     พูดจบเขาก็เงยหน้าขึ้นก่อนจะจับมือฉันก้าวเดินต่อไปในแสงสลัวของลานจอดรถ     
เราเดินมาจนถึงรถยนต์ ฟอร์ด รูปร่างเหมือนกับในหนังรถแข่งที่ฉันเคยดู  เพียงแต่คั้นนี้เป็นสีดำสนิท ไม่มีลายใดๆอยู่ที่ตัวรถเลย แถมติดฟิล์มกรองแสงสีดำจนมืดสนิดอีก มันเป็นรถที่ดูดุดัน  และน่ากลัวไปนิดซึ่งไม่เหมาะกับเขาเลยสักนิด แมคกดกุญแจรีโมท และเดินไปเปิดประตูรถให้ฉัน เขาโค้งตัวให้ฉันอีกครั้งอีกครัง     "เชิญเสด็จ องค์หญิง"     
     ฉันก้าวขึ้นรถเขาอย่างว่าง่าย โดยมีเขาคอยปิดประตูให้  เขาอ้อมขึ้นรถมาฝั่งคนขับ  และมีบางสิ่งที่ฉันพึ่งจะนึกขึ้นมาได้  เพื่อนสาวทั้ง 3 คนของฉัน พวกนั้นไม่รู้ว่าตอนนี้ฉันได้ออกมาจากผับกับแมคแล้ว คงต้องโทรบอกเสียหน่อย ฉันมองหากระเป๋าถือของฉันเพื่อจะหยิบโทรศัพท์  แต่ก็ไม่พบกระเป๋า  แน่สิก็ฉันวิ่งตามแมคมาแบบตัวเปล่าๆเลยนี่นา ตอนนี้เพื่อนๆ ของฉันคงเริ่มจะข้องใจแล้วว่าเจ้าของกระเป๋าหายไปอยู่ที่ไหน คิดได้แบบนั้นฉันยิ่งต้องโทรไปหาพวกนั้นเข้าไปใหญ่ ไม่งั้นอาจมีซักคนโทรไปหาพ่อ ถ้าเป็นอย่างนั้นฉันรับประกันความวายป่วงที่จะเกิดขึ้นได้เลย ก็พ่อของยัยฝนน่ะ น่ากลัวจะตายไป  
     "แมคคะ ขอยืมโทรศัพท์หน่อยได้ไหมฉันขอโทรหาเพื่อนหน่อย ป่านนี้คงเป็นห่วงกันแย่แล้วที่อยู่ๆ องค์หญิงอย่างฉันก็หายตัวไปจากฟรอเต้นรำ"     
     "ได้สิครับ"     เขาส่งโทรศัพท์มือถือให้ฉัน อย่างว่าง่าย     
     "ทำไมเราไม่ชวนเพื่อนๆของคุณไปปาร์ตี้ต่อด้วยกันล่ะ"     ฉันค่อนข้างประหลาดใจกับคำเชิญชวนของเขาเล็กน้อย เพราะทุกทีฉันมักจะเจอแต่คนที่ไล่เพื่อนฉันกลับบ้าน ไม่ก็พยายามดึงตัวฉันแยกออกมาจากเพื่อนๆ เพื่อจะได้อยู่ตามลำพังสองต่อสอง     
     “ที่คอนโดของผมน่ะ จัดปาร์ตี้เล็กๆสำหรับองค์หญิง และพระสหายได้อย่างสบายเลยพะยะค่ะ”   เขายังคงไม่เลิกที่จะเรียกฉันว่าองค์หญิง   ฉันทำแก้มป่องให้ดูน่ารักแล้วทำเป็นหันหน้าไปทางหน้าต่าง     
     “เรียกแบบนี้ให้ได้ตลอดแล้วกัน”      ฉันแสร้งทำเป็นพูดขึ้นมาลอยๆ  ให้ดังมากพอที่จะทำให้เขาได้ยิน  เขาหันมามองหน้าฉันแล้วยิ้ม ส่งสายตาเจ้าเล่ห์แต่ทรงสเน่ห์ให้ฉัน     
     “นั่นมันก็ขึ้นอยู่กับองค์หญิงแล้วล่ะ ว่าจะน่ารักแบบนี้อีกนานแค่ไหน”  ฉันชกเขาเบาที่ไหล่หนึ่งที แล้วยกหูโทรศัพท์ เพื่อโทรหาหมายเลขโทรศัพท์ของตัวเอง ไม่นานนักก็มีคนรับสาย ที่ปลายสายก็มีเพื่อนของฉันรับโทรศัพท์อย่างที่คาดคิด     
     "สวัสดีค่ะตอนนี้ เฟิร์นไม่ว่างถ้ายังไงไว้ค่อยโทรมาใหม่นะคะ"   เป็นเสียงของส้มที่ตอบรับโทรศัพท์ของฉัน
     "กูเอง ตอนนี้อยู่ที่ลานจอดรถ"     
     "อีเฟิร์น !! หายไปไหนเนี่ย พวกกูหากันจนประสาทจะ-อยู่แล้ว นี่ถ้าไม่โทรมาล่ะก็ อีกห้านาที อีฝนคงโทรไปหาพ่อมันแน่ๆ"     
     "เออๆ ไว้กูค่อยเล่าให้ฟัง บอกอีฝนด้วยอย่าพึ่งโทรหาพ่อมัน ไม่งั้นได้ซวยกันหมดทั้งทีม พวกรีบๆออกมาได้แล้ว ไปต่อกันที่บ้านของแมคกัน"     
     "แมค  แมคไหนวะ ไช่ไอ้คนที่เต้นลีลาสกับเมื่อกี้รึเปล่า"     
     "เออนั่นแหละ"    
     อยู่ๆแมคก็โพล่งขึ้นมากลางบทสนทนาของฉัน    "ไม่ต้องห่วงเรื่องค่าใช้จ่ายเดี๋ยวผมจัดการเอง ขอเชิญทุกคนมาสนุกด้วยกันนะครับ"    
โดยที่ไม่ต้องรอให้ฉันทวนคำพูดของแมคให้เพื่อนๆ ฟัง พวกเพื่อนๆของฉันก็ตอบตกลงมาจากปลายสายเสียแล้ว แหมพอได้รู้ว่าฟรีนี่ หูดีกันขึ้นมาเลยนะเพื่อนฉัน  
     "เออๆ ที่ลานจอดรถ แถวสุดท้ายใกล้ๆทางออกนะ เดี๋ยวกูไปรอ"     ฉันบอกที่หมายกับเพื่อนๆ แล้วหันไปกล่าวขอโทษแมคที่ทำให้เดือดร้อน แต่เขากลับหัวเราะแล้วบอกฉันว่า     
     "เรื่องเล็กน้อยเพื่อนคุณก็เหมือนเพื่อนผมแหละน่า และปาร์ตี้จะสนุกกว่าถ้ามีผู้ร่วมงานหลายคนไม่ไช่รึ"     
     ตอนนั้นใจหนึ่งฉันเองก็รู้สึกแปลกๆกับความใจดีของเขาอยู่เหมือนกัน แต่อีกใจหนึ่งของฉันมันตะโกนเสียงดังกว่า ว่าผู้ชายคนนี้น่ากินจริงๆ ฉันเริ่มสนใจเขาจริงๆจังๆเสียแล้วสิ     "ขอบคุณค่ะ"     
      ฉันโน้มตัวไปหอมแก้มเขา เพื่อเป็นรางวัลให้กับความน่ารักของเขา ดูเขาตกใจเล็กน้อย ก่อนที่จะโน้มคอฉันลงไปแล้วประกบริมฝีปากของเขาเข้ามา เราจูบกัน 2 รอบแล้วในช่วงเวลาที่ห่างกันไม่กี่นาที  ฉันทุบที่ไหล่เขาเบาๆ ใบหน้าร้อนผ่าวขอเดาว่าตอนนี้หน้าของฉันคงแดงระเรื่อจนเหมือนกับลูกตึงสุขแน่ๆเลย ช่างน่าอายจริงๆ ฉันรีบขอตัวแล้วรีบเปิดประตูรถออกไป  ไม่นานก็มีเสียงดัง กรี้ดกร้าด มาจากทางผับ คงเป็นเสียงของเพื่อนๆฉันนั่นแหละส่งเสียมาก่อนที่จะได้เห็นหน้าแบบนี้       
     "แหมได้ผู้ชายแล้วลืมเพื่อนเลยนะ"   เสียงของ ส้มสาวร่างเล็กที่มีเส้นผมสีแดงเพลิงโพล่งขึ้นมาทันทีที่ได้เห็นหน้าฉัน และตามสมทบด้วยหมวย          
     "แหมเพื่อนมันจะสำคัญเท่าผู้ชายได้ไงล่ะส้ม"  หมวยสาวผมยาวผิวขาวเพื่อนอีกคนของฉันรีบแทรกขึ้นรับมุข     
     "สุดท้ายพอโดนผู้ชายอกหักก็กลับมาร้องให้เอาหน้าซุกอกชั้นทุกที"     ฝนเพื่อนสาวผู้มีหน้าอกหน้าใจมหาศาลจนเพื่อนๆหมั่นเขี้ยวอดขยำกันไม่ได้พูดขึ้น     
     “ก็นมแกใหญ่ขนาดนั้นเป็นใครก็อยากซุกทั้งนั้นแหละวะ”  แหมยัยหมวยนี่คอยตบมุขตลอดเลย     
     “ช่ายๆ น่าซุกมาก”  ส้ม จ้องที่หน้าอกขนาดยักของยัยฝนแล้วยกมือขึ้นมาทำนิ้วขยุกขยิก เดินหน้าตรงเข้าหายัยฝน ส่วนยัยหมวย หัวเราะลั่นแล้วอ้อมไปข้างหลังล็อคแขนยัยฝนเอาไว้ ส่วนยัยฝนก็ร้องกรี๊ดๆไม่หยุด     
     "เออๆ พอทีเหอะ เดี๋ยวชาวบ้านก็แห่มากันหรอกแหกปากกันซะ พวกรีบขึ้นรถได้แล้ว แล้วค่อยไปปู้ยี่ปู้ยำไอ้ฝนต่อในรถ"     
ที่ด้านหลังของรถมีสาวๆสามคนนั่งเบียดกันอยู่ ในสภาพที่ถ้าผู้ชายคนไหนเห้นคงต้องรีบหยิบกล้องกันขึ้นมาถ่ายแน่ๆ เพราะตอนนี้ยัยฝนถูกถลกเสื้อจนเหลือแต่เสื้อชั้นใน ที่จริงๆถูกปลดตะขอออกไปนานแล้ว ได้เสื้อชั้นใน มีมือของยัยส้มกับยัยหมวยกำลังขยำหน้าอกยัยฝนคนละข้างอย่างเมามัน มืออีกข้างก็ล้วงเข้าไปในกระโปรงของยัยฝนที่ถูกถลกขึ้นมาจนถึงโคนขาที่อ้าพาดขาดเพื่อนเอาไว้ข้างละคน มีเสียงยัยฝนลอดออกมาแบบไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงอยู่เป็นระยะๆ     
     “อย่า อย่า พอเถอะ”  ถึงปากจะบอกว่าอย่าแต่ก็ไม่เห็นมันจะขัดขืนเลยนี่ แถมยังเหมือนจะแอ่นสู้ด้วยซ้ำ เพราะแบบนี้แหละ พวกเราถึงคิดว่ามันเป็นพวกเลสเบี้ยนแน่ๆ ฉันได้แต่ถอนใจ นี่พวกมันคงจะเมากันหมดแล้วสินะ ถึงได้มาเล่นอะไรกันต่อหน้าคนอื่นแบบนี้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่