คิดไม่ตก จะลาออก แล้วจะคุยกับเจ้านายอย่างไรดี!

คิดไม่ตก จะลาออก แล้วจะคุยกับเจ้านายอย่างไรดี!

ขอคำปรึกษาจากเพื่อนๆ พี่ๆ และท่านๆ ผู้มีประสบการณ์และความรู้หน่อยครับ ถ้าอยู่ในแวดวง HR ได้ ก็ดีครับ

คือ ผมเองปัจจุบันทำงานเป็นผู้บริหารระดับกลางของบริษัทไทย แห่งหนึ่ง โดยมีเจ้านายที่ดีมาก ตัวองค์กรเองก็เป็นองค์กรขนาดใหญ่ที่ดี มีรายรับในระดับกลางๆ มี career part ที่ชัดเจน โดยได้รับการชี้แจงและอธิบายจากระดับกรรมการบริหาร (Board บริษัท)
ขอเกริ่นเล็กน้อยถึงตัวองค์กรเองนั้น ทำธุรกิจหลากหลาย แต่เป็นพวกซื้อมาขายไป เป็นองค์กรสไตล์ไทยๆ ที่เลี้ยงดูคนเก่าแก่ หากไม่มีการทุจริตใดๆ แม้จะทำงานไม่สัมฤทฺธิผล หรือมีความสามารถไม่เพียงพอ (คือทำงานแล้วงานมีปัญหา) องค์กรก็จะไม่มีการไล่ออก ยกเว้น ร้ายแรงจริงๆ เช่น ทุจริต หรือสร้างปัญหาให้กับบุคลากรภายในองค์กร
ผมรับผิดชอบดูแลผลิตภัณฑ์ผลิตภัณฑ์หนึ่งด้านงานขาย ซึ่งผมอยู่ในธุรกิจอุตสาหกรรมนี้มานานกว่า 10 ปี และอยู่ที่องค์กรปัจจุบันนี้มานานกว่า 5 ปี หน้าที่รับผิดชอบของผมคือการรับผิดชอบด้านตัวเลขการของของผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่การขายสินค้า การรับรู้รายได้ จนถึงการส่งมอบงาน รวมถึงงบกำไรขาดทุน กระแสเงินสด และการเก็บเงินซึ่งต้องบริหารและกำกับดูแลทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนถึงการส่งมอบให้กับลูกค้า มีผู้ใต้บังคับบัญชาในสายงานรวมประมาณ 20 คน โดยในองค์กร ผมเองเป็นผู้ที่รู้เรื่องราว มีความรู้ความเข้าใจในผลิตภัณฑ์ ตลอดจนมีสายสัมพันธ์ในธุรกิจอุตสาหกรรมมากที่สุด
ผมทำงานที่นี่ด้วยความสุข และได้รับความเมตตาจากผู้บริหารในทุกระดับ

ผมตัดสินใจที่จะลาออกจากงานด้วยสาเหตุหลัก 2 ประการต่อไปนี้ที่ผมเองไม่สามารถแก้ไขได้ เพราะอยู่นอกเหนือการควบคุม แม้ว่าจะพยายามสื่อสารและทำอะไรต่อมิอะไรหลากหลายอย่างแล้วก็ตาม รวมถึงเจ้านายโดยตรงก็ได้มีการพยายามแก้ไขแล้ว แต่ทัศนคติในการทำงานของคนทำให้งานยังคงไม่มีการแก้ไขปรับปรุงใดๆ ซึ่งปัญหาต่างๆ นี้สร้างปัญหาให้ทีมขาย ไม่สามารถขายของได้ และสร้างความเครียดสะสมให้กับผมเป็นอย่างสูง
1. ปัญหาจากงานหลังการขาย ด้วยงานที่ผมรับผิดชอบเป็นเพียงด่านหน้า แต่ก่อนจะส่งมอบงานให้ลูกค้าได้นั้น งานหลังการขายเป็นหัวใจหลักและปัจจัยที่สำคัญที่สุด แต่ผู้รับผิดชอบโดยตรงในระดับควบคุมการปฏิบัติการ (ผู้จัดการ) ไม่มีวิสัยทัศน์ แม้จะอยู่ในอุตสาหกรรมมาร่วม 20 ปี ไม่มีการวางแผนการปฏิบัติงาน ไม่มีการอบรม/สอนผู้ใต้บังคับบัญชาของตนเอง ไม่มีการควบคุมต้นทุนการทำงาน และไม่สามารถปฏิบัติตาม commitment ที่มีกับลูกค้าได้เลย และทุกๆ งานไม่สามารถส่งมอบงานได้ทันตามเวลาที่กำหนดไว้ ทีมขายต้องประสบปัญหาจากงานหลังการขายด้วยเหตุต่างๆ ข้างต้น ทำให้พนักงานขายประสบปัญหาในการขายสินค้า ด้วยการหาลูกค้ามาได้เท่าไหร่ ลูกค้าก็หายไปเท่านั้น ต้องหาลูกค้าใหม่อยู่ตลอดเวลาเพราะปัญหาต่างๆ ที่ว่า ตลอดจนการ turnover ของพนักงานขายอยู่ในอัตราที่สูงมากด้วยเหตุการณ์รับแรงกดดันจากลูกค้า ถูกลูกค้า complaint ต่อว่า
2. ปัญหาจากเจ้าของผลิตภัณฑ์ เนื่องจากภาพรวมของอุตสาหกรรมสำหรับผลิตภัณฑ์นี้นั้น ไม่เอื้ออำนวยให้ดำเนินธุรกิจในรูปแบบการซื้อมาขายไป เพราะกำไรเกือบทั้งหมดจะอยู่ที่งานหลังการขาย ในขณะที่เจ้าของผลิตภัณฑ์ที่องค์กรผมเป็นตัวแทนจำหน่ายนั้น ไม่มีนโยบายที่จะร่วมทุน หรือมาเปิดสาขาในประเทศไทย ซึ่งต่างจากคู่แข่งในอุตสาหกรรมที่มีการร่วมทุน หรือเปิดสาขาในประเทศไทยแล้วทั้งหมด การแข่งขันในอุตสาหกรรมนี้สูงมากเรียกได้ว่าเป็น Red-ocean เลยที่เดียว และยี่ห้อผลิตภัณฑ์เองนั้น ก็ถือว่าเป็นลำดับท้ายๆ ของตลาดโลก และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทย เจ้าของผลิตภัณฑ์ตั้งอกตั้งใจในการขึ้นราคาสินค้าทุกๆ ปี ในขณะที่อุตสาหกรรมยืนราคา หรือลดราคาลงในบางช่วงเวลา
นอกจานั้น ยังขาดการสนับสนุนความรู้ตัวผลิตภัณฑ์ การสนับสนุนด้านเทคนิคและงานหลังการขาย ผลิตภัณฑ์ไม่มีคุณภาพ โดยทุกๆ งานผลิตภัณฑ์จะต้องมีปัญหาไม่ว่ามากหรือน้อยก็ตาม

จากสาเหตุหลักๆ สองประการข้างต้นนี้ ทำให้ผมตัดสินใจที่จะก้าวเดินต่อไป เนื่องจากผมไม่สามารถควบคุมอะไรได้ แม้ว่าผู้บริหารระดับสูงจะพยายามแก้ไขแล้ว แต่เนื่องจากนโยบายองค์กรไม่มีการที่จะให้ออกทำให้ต้องทนเลี้ยงดูกันไป

ผมได้รับการทาบทามจากบริษัทในอุตสาหกรรมซึ่งเป็น 1 ใน 3 ของผู้นำในตลาดโลก ให้ร่วมงานด้วย โดยตำแหน่งที่ได้รับทาบทามมาแม้ว่าจะมิได้เป็นเบอร์ 1 ของสายงานเช่นเดิม แต่ผมถือว่าผมทำงาน ก็ทำให้ดีที่สุด ซึ่งคาดว่าจะเริ่มงานได้ประมาณไตรมาส 2 ของปีหน้า (เริ่มปีบัญชีใหม่)

แต่ตอนนี้ ผมคิดไม่ตกว่า จะให้เหตุผลในการลาออกกับเจ้านายอย่างไรดี เพราะเจ้านายก็ดีมาก และอยากรักษาสายสัมพันธ์กับองค์กรต่อไป เนื่องจากองค์กรเป็นองค์กรขนาดใหญ่ที่วันหนึ่งอาจจะได้กลับมาร่วมงานกันอีกในเวลาที่เหมาะสม
เพราะหากผมลาออกไป แม้จะมีเวลาให้ทางองค์กรกว่า 90 วันในการหาผู้บริหารมาแทน แต่ด้วยเหตุอุตสาหกรรมนี้ มีแต่เจ้าของผลิตภัณฑ์มาทำการลงทุนร่วม หรือเป็นสาขาโดยตรงของยี่ห้อนั้นๆ จากต่างประเทศ ซึ่งจะหาผู้บริหารที่จะยอมย้ายมายังองค์กรที่ไม่มีอะไรเป็นของตัวเองลำบาก
ทำให้ผมมีความรู้สึกว่า จะสร้างปัญหาและความขุ่นเคืองให้กับผู้บริหารได้...
ผมควรจะบอกเจ้านายอย่างไรดี? ช่วยผมด้วยครับ ....
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่