เห็นมีหลายๆกระทู้หลายๆความเห็นถามเกี่ยวกับเหล่าพ่อมดในมิดเดิ้ลเอิร์ธว่าเป็นใคร มาจากไหน มีกันกี่คน เลยจะมาขอแถลงไขให้ทราบนะขอรับ
***บทความนี้แปลและเรียบเรียงมาจากหนังสือเกร็ดตำนานที่จารมิจบ (Unfinished Tales) บทที่ 2 part 4 ว่าด้วย The Istari
อิสตารี (Istari) เป็นชื่อเรียกของคณะภาคีพ่อมดในภาษาเควนย่าของพวกเอล์ฟ ชื่อนี้มีความหมายว่า ฉลาดหรือทรงภูมิ ซึ่งแตกต่างไปจากความหมายของพ่อมด (Wizard) หรือจอมเวทย์ (Magician) ในตำนานยุคหลังๆ คณะพ่อมดนี้ประกอบด้วยสมาชิก 5 คน ซึ่งเป็นที่รู้จักในตะวันตกของมิดเดิ้ลเอิร์ธ ตามสีของเสื้อผ้าที่พวกเขาสวมใส่นั่นเอง ทั้งห้าประกอบด้วย ซารูมานพ่อมดขาว (Saruman the White) แกนดัล์ฟพ่อมดเทา (Gandalf the Grey) ราดากัสต์ พ่อมดสีน้ำตาล (Radagast the Brown) พัลลันโดและอลาทาร์พ่อมดสีน้ำเงิน (Pallando and Alatar the Blue) เหล่าอิสตารีปรากฏตัวครั้งแรกราวๆศักราชที่ 1000 ของยุคที่สาม ต่างล่องเรือมาจากตะวันตกมาขึ้นฝั่งยังท่าเรือเกรย์ฮาร์เวน (Grey Haven) ของชาวเอลดาร์ ทั้งนี้อยู่ภายใต้การต้อนรับของเคียร์ดัน (Cirdan) นายช่างต่อเรือ นอกจากนี้ก็มีเพียงกาลาเดรียลและเอลรอนด์เท่านั้นที่ทราบถึงตัวจริงและวัตถุประสงค์ของพวกเขาเหล่านี้
ปฐมเหตุแห่งเหล่าอิสตารีในวาลินอร์
ภายหลังจากการกำราบเซารอนในปลายยุคที่สองและแหวนแห่งอำนาจได้สาบสูญไปแล้ว สันติสุขยังไม่บังเกิดในมิดเดิ้ลเอิร์ธอย่างถาวรเนื่องจากวิญญาณของเซารอนยังคงอยู่ ทั้งเหล่านาซกูลก็ยังคงก่อความพินาศแก่แผ่นดินเหนือจนทำให้อาณาจักรอาร์นอร์ถึงแก่ล่มสลาย ปวงเทพแห่งทิศประจิมจึงได้เรียกประชุมสภาเทพ ณ ทานิเควนทิล (Taniquentil)หอคอยสูงเสียดฟ้า เพื่อหาข้อยุติและคืนความสงบแก่มิดเดิ้ลเอิร์ธหากแต่เทพไม่ปรารถนาจะยื่นมือเข้าไปยุ่งเกี่ยวอีก เพราะครั้งสุดท้ายที่เกิดสงครามเทพขึ้นในมิดเดิ้ลเอิร์ธก็ได้ก่อความเสียหายแก่แผ่นดินเบเลริอันท์ ทางตะวันตกของมิดเดิ้ลเอิร์ธ จนถึงแก่พินาศจมท้องทะเลไป สภาเทพจึงได้ข้อสรุปที่จักส่งตัวแทนของเหล่าเทพเป็นจำนวนสามคนเข้าไปเป็นทูตที่จะให้คำชี้แนะและชักนำให้ประชาชนแห่งมิดเดิ้ลเอิร์ธต่อสู้เพื่ออิสรภาพของตนเองโดยการนี้เหล่าทูตของปวงเทพจะต้องไม่บังคับหรือใช้อำนาจขู่เข็ญผู้คนแต่ต้องทำให้คนเหล่านั้นสู้โดยสมัครใจจึงกำหนดให้ทูตเหล่านั้นอยู่ในร่างของมนุษย์ในวัยชรา หากแต่แข็งแกร่ง ทรหด เพื่อจะได้รับรู้ถึงความเจ็บปวดความกลัวของเหล่าอิสระชน
“แต่ใครจะเป็นผู้ไปเล่า?” เทพบดีมานเว (Manwe) ตรัสขึ้น ด้วยคนที่จะไปนั้นจะต้องแข็งแกร่ง เพื่อที่จะได้คอยจับตาดูเซารอน หากแต่ต้องไม่ลุ่มหลงในอำนาจและต้องอยู่ในรูปกายเดียวกับบุตรแห่งเอรู เพื่อความเสมอภาคกับคนเหล่านั้น และจักชี้นำด้วยปัญญา มีเพียงสองคนที่ก้าวออกมา คนหนึ่งคือ คูรูโม (Curumo) เทพไมอาร์ภายใต้อาวเลเทพวิศวกรรม (Aule) และอลาทาร์ (Alatar) ผู้ถูกส่งออกมาใต้บัญชาของเทพจอมพรานโอโรเม (Orome)
เทพบดีกลับตรัสขึ้นว่า “โอโลริน (Olorin) อยู่ที่ใดเล่า” ดังนั้นโอโลรินผู้เร้นกายอยู่ในมุมมืดของเทพสภาจึงก้าวออกมาและถามถึงสิ่งที่เทพบดีต้องการ มานเวจึงว่าโอโลรินควรจะเป็นผู้ส่งสารคนที่สาม
หากแต่โอโลรินกลับปฏิเสธว่า “ตัวหม่อนฉันนั้นอ่อนแอเกินไปที่จะรับภารกิจเช่นนี้ ทั้งยังเกรงพลังอำนาจของเซารอน”
มานเวจึงตอบว่า “ด้วยเหตุนั้นแหล่ะที่เจ้าสมควรยิ่งที่จะต้องไป” การทั้งนี้มานเวล่วงรู้ดีว่าโอโลรินทั้งรักและเป็นที่รักในบรรดาเอลดาร์ที่ยังคงเหลือค้างอยู่ในมิดเดิ้ลเอิร์ธ จึงได้ให้โอโลรินเป็นผู้ส่งสารรายที่สาม
“รายที่สามแต่หาใช่ลำดับสามไม่” ราชินีสวรรค์เทพีวาดาร์ (Vadar) ตรัสขึ้นอย่างมีความนัยและคูรูโมก็จดจำคำพูดนี้ไว้มั่น
และในท้ายสุดพระแม่ธรณีเทพียาวันนา (Yavanna) ตรัสขอให้คูรูโมนำไอเวนดิล (Aiwendil) ไปด้วย คูรูโมด้วยความเกรงพระทัยจึงยินยอม (ยาวันนาเป็นมเหสีของอาวเล นายของคูรูโม) และอลาทาร์ขอพาสหายพันลันโด (Pallando) ไปกับตนด้วย จึงได้เป็นอิสตารีทั้งห้าตัวแทนจากเทพวาลาร์ดังนี้ โอโลรินตัวแทนของเทพราชามานเวและราชินีวาดาร์ คูรูโมตัวแทนเทพวิศวกรรมอาวเล ไอเวนดิลตัวแทนจากเทพียาวันนา อลาทาร์ตัวแทนจากเทพโอโรเมจอมพราน และพัลลันโดตัวแทนของเทพมานดอส(Mandos: เทพแห่งการพิพากษาและความตาย)และเทพีนีเอนนา (Nienna: ขนิษฐาของมานดอส เทพีแห่งความโศกเศร้า)
การมาถึงยังมิดเดิ้ลเอิร์ธ
วันหนึ่งในยุคที่สามของอาร์ดาร์ ณ ปลายสุดทางทิศตะวันตกของมิดเดิ้ลเอิร์ธ เคียร์ดัน (Cirdan) เจ้าแห่งเกรย์ฮาเวน ผู้พิทักษ์ของแหวนเอล์ฟหนึ่งในสาม มองไปทางทิศตะวันตกแลเห็นเรือลำหนึ่งทอดสมออยู่ และมีชายชราเครายาวในชุดขาวยืนอยู่ในเรือ เขาได้ให้การต้อนรับชายชราคนนั้นผู้ถูกส่งโดยเจ้าแห่งตะวันตก ปวงเทพวาลาร์นั่นเอง เขาคือผู้หัวหน้าของเหล่าภาคีทั้งห้าผู้มาถึงมิดเดิ้ลเอิร์ธเป็นคนแรก เหล่าเอล์ฟขนานนามเขาว่าคูรูเนียร์ ผู้เปี่ยมทักษะหากแต่มนุษย์ในดินแดนเหนือเรียกเขาว่า ซารูมาน (Saruman) เขาเดินทางไปทั่วอยู่ชั่วระยะหนึ่งคอยศึกษาตำนานต่างๆและได้รับกุญแจแห่งออร์ธัง (Orthang) จากเสนาบดีแห่งกอนดอร์จึงได้ยึดเอาไอร์เซนการ์ดเป็นที่อยู่ตลอดมา อีกสองคนมาถึงในชุดสีฟ้าน้ำทะเล และจากไปสู่ตะวันออกและไม่ปรกฏในเรื่องราวชุดนี้อีกเลยทั้งคู่เป็นที่รู้จักในฉายา อิธริน ลูอิน (Ithryn Luin) พ่อมดสีน้ำเงิน รายที่สี่แต่งกายด้วยชุดสีน้ำตาลและเป็นที่รู้จักในนามราดากัสต์ (Radagast) และผู้มาถึงรายสุดท้ายแต่งกายด้วยชุดสีน้ำเทา ดูสูงวัยกว่าและเตี้ยกว่าคนอื่นๆเล็กน้อย เคียร์ดันรู้ทันทีในครั้งแรกที่ได้พบกันว่าเขาผู้นี้เป็นผู้ที่ทรงปัญญาและมีจิตวิญญาณอันยิ่งใหญ่ที่สุด จึงได้มอบหนึ่งในสามแหวนเอล์ฟที่ตนถือครองให้ นาร์ย่า (Narya) แหวนแห่งไฟนั่นเอง
“โปรดรับแหวนวงนี้ไว้ ด้วยภาระอันหนักหนาสาหัสของท่าน มันจักช่วยจุดประกายในจิตใจอันอ่อนล้า ด้วยนี่คือแหวนแห่งอัคคี มันถูกมอบให้ข้าเพียงเพื่อเก็บรักษาเป็นความลับ หากแต่จิตใจของข้าได้มอบแด่ท้องทะเลไปจนหมดสิ้น ข้าจะคอยท่านอยู่ที่ท่าเรือนี้ จนกว่าเรือลำสุดท้ายจะแล่นจากไป” ชายชราผู้นี้เป็นที่รู้จักในหมู่เอล์ฟในนาม มิธรันเดียร์ ผู้เฒ่าพเนจรชุดเทา (Mithrandir the Grey Pilgrim) ด้วยเขาออกเดินทางพเนจรไปทั่วและปกคลุมกายด้วยชุดสีเทา ทาร์คุน (Tharkun) ในหมู่ชาวแคระ และแกนดัล์ฟ (Gandalf) ในแผ่นดินเหนือ ส่วนทางตะวันออกนั้นเขาไม่เคยเดินทางไป

เรียงจากซ้ายไปขวาคูรูโม ไอเวนดิล และโอโลริน
นิทาน Middle-earth tale ฉบับพิเศษว่าด้วยพ่อมด (The Istari)
***บทความนี้แปลและเรียบเรียงมาจากหนังสือเกร็ดตำนานที่จารมิจบ (Unfinished Tales) บทที่ 2 part 4 ว่าด้วย The Istari
อิสตารี (Istari) เป็นชื่อเรียกของคณะภาคีพ่อมดในภาษาเควนย่าของพวกเอล์ฟ ชื่อนี้มีความหมายว่า ฉลาดหรือทรงภูมิ ซึ่งแตกต่างไปจากความหมายของพ่อมด (Wizard) หรือจอมเวทย์ (Magician) ในตำนานยุคหลังๆ คณะพ่อมดนี้ประกอบด้วยสมาชิก 5 คน ซึ่งเป็นที่รู้จักในตะวันตกของมิดเดิ้ลเอิร์ธ ตามสีของเสื้อผ้าที่พวกเขาสวมใส่นั่นเอง ทั้งห้าประกอบด้วย ซารูมานพ่อมดขาว (Saruman the White) แกนดัล์ฟพ่อมดเทา (Gandalf the Grey) ราดากัสต์ พ่อมดสีน้ำตาล (Radagast the Brown) พัลลันโดและอลาทาร์พ่อมดสีน้ำเงิน (Pallando and Alatar the Blue) เหล่าอิสตารีปรากฏตัวครั้งแรกราวๆศักราชที่ 1000 ของยุคที่สาม ต่างล่องเรือมาจากตะวันตกมาขึ้นฝั่งยังท่าเรือเกรย์ฮาร์เวน (Grey Haven) ของชาวเอลดาร์ ทั้งนี้อยู่ภายใต้การต้อนรับของเคียร์ดัน (Cirdan) นายช่างต่อเรือ นอกจากนี้ก็มีเพียงกาลาเดรียลและเอลรอนด์เท่านั้นที่ทราบถึงตัวจริงและวัตถุประสงค์ของพวกเขาเหล่านี้
ปฐมเหตุแห่งเหล่าอิสตารีในวาลินอร์
ภายหลังจากการกำราบเซารอนในปลายยุคที่สองและแหวนแห่งอำนาจได้สาบสูญไปแล้ว สันติสุขยังไม่บังเกิดในมิดเดิ้ลเอิร์ธอย่างถาวรเนื่องจากวิญญาณของเซารอนยังคงอยู่ ทั้งเหล่านาซกูลก็ยังคงก่อความพินาศแก่แผ่นดินเหนือจนทำให้อาณาจักรอาร์นอร์ถึงแก่ล่มสลาย ปวงเทพแห่งทิศประจิมจึงได้เรียกประชุมสภาเทพ ณ ทานิเควนทิล (Taniquentil)หอคอยสูงเสียดฟ้า เพื่อหาข้อยุติและคืนความสงบแก่มิดเดิ้ลเอิร์ธหากแต่เทพไม่ปรารถนาจะยื่นมือเข้าไปยุ่งเกี่ยวอีก เพราะครั้งสุดท้ายที่เกิดสงครามเทพขึ้นในมิดเดิ้ลเอิร์ธก็ได้ก่อความเสียหายแก่แผ่นดินเบเลริอันท์ ทางตะวันตกของมิดเดิ้ลเอิร์ธ จนถึงแก่พินาศจมท้องทะเลไป สภาเทพจึงได้ข้อสรุปที่จักส่งตัวแทนของเหล่าเทพเป็นจำนวนสามคนเข้าไปเป็นทูตที่จะให้คำชี้แนะและชักนำให้ประชาชนแห่งมิดเดิ้ลเอิร์ธต่อสู้เพื่ออิสรภาพของตนเองโดยการนี้เหล่าทูตของปวงเทพจะต้องไม่บังคับหรือใช้อำนาจขู่เข็ญผู้คนแต่ต้องทำให้คนเหล่านั้นสู้โดยสมัครใจจึงกำหนดให้ทูตเหล่านั้นอยู่ในร่างของมนุษย์ในวัยชรา หากแต่แข็งแกร่ง ทรหด เพื่อจะได้รับรู้ถึงความเจ็บปวดความกลัวของเหล่าอิสระชน
“แต่ใครจะเป็นผู้ไปเล่า?” เทพบดีมานเว (Manwe) ตรัสขึ้น ด้วยคนที่จะไปนั้นจะต้องแข็งแกร่ง เพื่อที่จะได้คอยจับตาดูเซารอน หากแต่ต้องไม่ลุ่มหลงในอำนาจและต้องอยู่ในรูปกายเดียวกับบุตรแห่งเอรู เพื่อความเสมอภาคกับคนเหล่านั้น และจักชี้นำด้วยปัญญา มีเพียงสองคนที่ก้าวออกมา คนหนึ่งคือ คูรูโม (Curumo) เทพไมอาร์ภายใต้อาวเลเทพวิศวกรรม (Aule) และอลาทาร์ (Alatar) ผู้ถูกส่งออกมาใต้บัญชาของเทพจอมพรานโอโรเม (Orome)
เทพบดีกลับตรัสขึ้นว่า “โอโลริน (Olorin) อยู่ที่ใดเล่า” ดังนั้นโอโลรินผู้เร้นกายอยู่ในมุมมืดของเทพสภาจึงก้าวออกมาและถามถึงสิ่งที่เทพบดีต้องการ มานเวจึงว่าโอโลรินควรจะเป็นผู้ส่งสารคนที่สาม
หากแต่โอโลรินกลับปฏิเสธว่า “ตัวหม่อนฉันนั้นอ่อนแอเกินไปที่จะรับภารกิจเช่นนี้ ทั้งยังเกรงพลังอำนาจของเซารอน”
มานเวจึงตอบว่า “ด้วยเหตุนั้นแหล่ะที่เจ้าสมควรยิ่งที่จะต้องไป” การทั้งนี้มานเวล่วงรู้ดีว่าโอโลรินทั้งรักและเป็นที่รักในบรรดาเอลดาร์ที่ยังคงเหลือค้างอยู่ในมิดเดิ้ลเอิร์ธ จึงได้ให้โอโลรินเป็นผู้ส่งสารรายที่สาม
“รายที่สามแต่หาใช่ลำดับสามไม่” ราชินีสวรรค์เทพีวาดาร์ (Vadar) ตรัสขึ้นอย่างมีความนัยและคูรูโมก็จดจำคำพูดนี้ไว้มั่น
และในท้ายสุดพระแม่ธรณีเทพียาวันนา (Yavanna) ตรัสขอให้คูรูโมนำไอเวนดิล (Aiwendil) ไปด้วย คูรูโมด้วยความเกรงพระทัยจึงยินยอม (ยาวันนาเป็นมเหสีของอาวเล นายของคูรูโม) และอลาทาร์ขอพาสหายพันลันโด (Pallando) ไปกับตนด้วย จึงได้เป็นอิสตารีทั้งห้าตัวแทนจากเทพวาลาร์ดังนี้ โอโลรินตัวแทนของเทพราชามานเวและราชินีวาดาร์ คูรูโมตัวแทนเทพวิศวกรรมอาวเล ไอเวนดิลตัวแทนจากเทพียาวันนา อลาทาร์ตัวแทนจากเทพโอโรเมจอมพราน และพัลลันโดตัวแทนของเทพมานดอส(Mandos: เทพแห่งการพิพากษาและความตาย)และเทพีนีเอนนา (Nienna: ขนิษฐาของมานดอส เทพีแห่งความโศกเศร้า)
การมาถึงยังมิดเดิ้ลเอิร์ธ
วันหนึ่งในยุคที่สามของอาร์ดาร์ ณ ปลายสุดทางทิศตะวันตกของมิดเดิ้ลเอิร์ธ เคียร์ดัน (Cirdan) เจ้าแห่งเกรย์ฮาเวน ผู้พิทักษ์ของแหวนเอล์ฟหนึ่งในสาม มองไปทางทิศตะวันตกแลเห็นเรือลำหนึ่งทอดสมออยู่ และมีชายชราเครายาวในชุดขาวยืนอยู่ในเรือ เขาได้ให้การต้อนรับชายชราคนนั้นผู้ถูกส่งโดยเจ้าแห่งตะวันตก ปวงเทพวาลาร์นั่นเอง เขาคือผู้หัวหน้าของเหล่าภาคีทั้งห้าผู้มาถึงมิดเดิ้ลเอิร์ธเป็นคนแรก เหล่าเอล์ฟขนานนามเขาว่าคูรูเนียร์ ผู้เปี่ยมทักษะหากแต่มนุษย์ในดินแดนเหนือเรียกเขาว่า ซารูมาน (Saruman) เขาเดินทางไปทั่วอยู่ชั่วระยะหนึ่งคอยศึกษาตำนานต่างๆและได้รับกุญแจแห่งออร์ธัง (Orthang) จากเสนาบดีแห่งกอนดอร์จึงได้ยึดเอาไอร์เซนการ์ดเป็นที่อยู่ตลอดมา อีกสองคนมาถึงในชุดสีฟ้าน้ำทะเล และจากไปสู่ตะวันออกและไม่ปรกฏในเรื่องราวชุดนี้อีกเลยทั้งคู่เป็นที่รู้จักในฉายา อิธริน ลูอิน (Ithryn Luin) พ่อมดสีน้ำเงิน รายที่สี่แต่งกายด้วยชุดสีน้ำตาลและเป็นที่รู้จักในนามราดากัสต์ (Radagast) และผู้มาถึงรายสุดท้ายแต่งกายด้วยชุดสีน้ำเทา ดูสูงวัยกว่าและเตี้ยกว่าคนอื่นๆเล็กน้อย เคียร์ดันรู้ทันทีในครั้งแรกที่ได้พบกันว่าเขาผู้นี้เป็นผู้ที่ทรงปัญญาและมีจิตวิญญาณอันยิ่งใหญ่ที่สุด จึงได้มอบหนึ่งในสามแหวนเอล์ฟที่ตนถือครองให้ นาร์ย่า (Narya) แหวนแห่งไฟนั่นเอง
“โปรดรับแหวนวงนี้ไว้ ด้วยภาระอันหนักหนาสาหัสของท่าน มันจักช่วยจุดประกายในจิตใจอันอ่อนล้า ด้วยนี่คือแหวนแห่งอัคคี มันถูกมอบให้ข้าเพียงเพื่อเก็บรักษาเป็นความลับ หากแต่จิตใจของข้าได้มอบแด่ท้องทะเลไปจนหมดสิ้น ข้าจะคอยท่านอยู่ที่ท่าเรือนี้ จนกว่าเรือลำสุดท้ายจะแล่นจากไป” ชายชราผู้นี้เป็นที่รู้จักในหมู่เอล์ฟในนาม มิธรันเดียร์ ผู้เฒ่าพเนจรชุดเทา (Mithrandir the Grey Pilgrim) ด้วยเขาออกเดินทางพเนจรไปทั่วและปกคลุมกายด้วยชุดสีเทา ทาร์คุน (Tharkun) ในหมู่ชาวแคระ และแกนดัล์ฟ (Gandalf) ในแผ่นดินเหนือ ส่วนทางตะวันออกนั้นเขาไม่เคยเดินทางไป
เรียงจากซ้ายไปขวาคูรูโม ไอเวนดิล และโอโลริน