สวัสดีครับเพื่อนๆทุกท่าน กลับมาพบกับ Review การเดินทางแบกเป้ 7วัน จากฟูกุโอกะถึงโตเกียวกันต่อนะครับ ขอบคุณเพื่อนๆทุกคนที่ติดตามการ Review ของมือใหม่อย่างผมมากครับ วันนี้เป็นวันที่ 3 ของการเดินทางแล้วผมมีแพลนจะเดินทางไปเที่ยวเมืองเก่าของญี่ปุ่นอีกเมืองหนึ่งที่มีอารยะธรรม ประเพณีมายาวนานครับ นั่นก็คือเมืองเกียวโตนั่นเอง ภาพไม่สวยต้องขออภัยด้วยนะครับ
กระทู้หลัก >> Link :
http://pantip.com/topic/32995388
6 ธันวาคม 2557 : วันนี้ผมตื่นค่อนข้างสายเลยทีเดียวครับ เนื่องจากเมื่อคืนนอนดึกมากๆครับ วันนี้ตื่นมาออกอาการเพลียอย่างชัดเจนครับ เดิมทีจองรถไฟชิงคันเซ็นจากชินโอซาก้า – เกียวโต เอาไว้รอบ 08.25 น. แต่รอบนี้ผมไปไม่ทันแน่นอนครับ กว่าจะออกจากที่พัก กว่าจะนั่งรถไฟไปชินโอซาก้าอีก ก็เลยเปลี่ยนแผนเลื่อนไปเป็นรอบ 9 โมงแทนครับ ผมเช็คเอ้าท์ออกมาตอน 08.30น. ถ่ายรูปที่พักเป็นที่ระลึกก่อน
นั่งรถไฟใต้ดินจาก Daikokucho มาลงสถานี Shin Osaka เพื่อมารอรถไฟชิงคันเซ็นครับ รถมาพอดี

เนื่องจากว่ารอบที่ Reserve Seat เอาไว้ผมมาไม่ทัน พอขึ้นขบวนใหม่ก็ต้องลี้ภัยไปอยู่โบกี้ Non Reserve แทนครับ คนจะค่อนข้างเยอะกว่าตู้ Reserve

นั่งรถไฟชิงคันเซ็นอยู่ประมาณ 15 นาที ก็มาถึงแล้วครับสถานีเกียวโต รวดเร็วจริงๆ พอมาถึงปุ๊ปก็หาป้าย Transfer to JR Line ทันทีครับ เพื่อเปลี่ยนไปนั่งรถไฟ JR ไปลงสถานี Inari เพื่อชมศาลเจ้า Fushimi Inari หรือวัดเสาแดงหมื่นต้นครับ

ออกจากรถไฟมาคนเพียบเลยครับ เนื่องจากว่าเป็นวันเสาร์ ซึ่งเป็นวันหยุด คราวนี้เจอทั้งนักท่องเที่ยว เจอทั้งประชาชนในท้องที่ คนเลยยิ่งแน่นครับ

วัดนี้หาง่ายมากเลยครับ เพราะเดินออกจากสถานีรถไฟ JR Inari ปุ๊ปก็เจอทันทีเลยครับ คือ 80% ของคนที่นั่งรถไฟมาลงสถานีนี้ก็คือนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมศาลเจ้าแห่งนี้แหละครับ

ทางเข้าศาลเจ้าแห่งนี้ก็จะมีเสาสีแดงตั้งเป็นแลนด์มาร์กอยู่เป็นระยะๆครับ โดยมีสุนัขจิ้งจอกทำหน้าที่คอยเฝ้าศาลด้วยครับ

ตามมาโลดด

ก่อนเข้าข้างในก็ชำระล้างร่างกายครับ ด้วยการบ้วนปากตามค่าวัฒนธรรมของที่นี่ก่อน

โดยศาลเจ้าจะตั้งอยู่บนเขาครับ เราเองก็ต้องเดินขึ้นเขาไปเรื่อยๆเหมือนกันครับ ระยะทางค่อนข้างไกลเลยทีเดียว

ระหว่างทางก็จะผ่านจุดที่เป็นไฮไลท์ของวัดแห่งนี้ครับ รวมถึงเป็นจุดที่ถ่ายทำภาพยนต์ชื่อดังอย่างเรื่อง Memory of Geisha ด้วยครับ นั่นก็คือเสาแดงนับพันๆต้นตลอดสองข้างทางครับ

โดยเสาแดงทุกๆต้นก็จะมีข้อความสลักไว้หมดครับ น่าเสียดายที่ผมอ่านไม่ออก

ผมใช้เวลาอยู่ที่ศาลเจ้าแห่งนี้อยู่ประมาณ 1.30 ชั่วโมงครับ แล้วจึงเดินทางกลับสถานีเกียวโต ตอนขากลับลองเดินกลับอีกทางนึงจะผ่านย่านที่มีของขายเยอะเลยครับ
กลับมายังสถานีเกียวโต เป้าหมายต่อไปของผมคือการซื้อตัวรถบัส 1 Day Pass ในราคา 500 เยนครับ ซึ่งตั๋วนี้เราสามารถขึ้นรถเมล์ในโตเกียวกี่ครั้ง กี่รอบก็ได้ใน 1วันครับ โดยเราสามารถซื้อที่คนขับ หรือตู้อัตโนมัติหน้าสถานีเกียวโตได้เลย แต่ผมเลือกที่จะซื้อที่ KTIC ครับ หรือ Kyoto Tourist Information Center ครับ ตอนนั้นหาไม่เจอ เลยเดินเข้าไปถามใน Information ของสถานีครับ เจ้าหน้าที่พูดภาษาอังกฤษปร๋อ

เจอแล้วครับ Kyoto Tourist Information Center จะอยู่ชั้น 2 ของสถานีเกียวโต ที่นี่จะมีบริการแผนที่รวมทั้งแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆของเมืองนี้ได้ครับ แนะนำนักท่องเที่ยวที่ไม่ได้เตรียมแผนการเที่ยวให้แวะมาหาข้อมูลที่นี่ครับ

ได้บัตรรถเมล์ 1Day Pass มาพร้อมกับแผนที่ก็รีบตรงมาป้ายรถเมล์เลยครับ จะอยู่ทางทิศเหนือของสถานีเกียวโตครับ ฝั่งเดียวกับเกียวโตทาวเวอร์

สถานีเกียวโตด้านหน้าครับ ใหญ่ประมาณห้างสรรพสินค้าบ้านเราเนี่ยแหละครับ
ตรงป้ายรถเมล์จะมีตู้หยอดเหรียญสำหรับบัตร 1Day Pass เหมือนกันครับ ราคา 500เยน เท่ากันเด๊ะเลย สำหรับใครที่ไปเกียวโตแล้วไม่อยากเสียเวลาไปติดต่อ Tourist Information สามารถมาซื้อตั๋วรถเมล์ที่นี่ได้ครับ แต่ต้องเตรียมแผนที่รถเมล์มาเองนะครับ

สำหรับบัตรรถเมล์ที่เพิ่งซื้อมา เวลาขึ้นรถให้สังเกตุด้านข้างครับว่าคันไหนมีให้สแกนบัตรรึเปล่า ถ้ามีก็แค่เอาบัตรไปทาบ และตอนจะลงก็เดินไปลงด้านหน้า สอดบัตรเข้าไปเครื่องสอดบัตรข้างคนขับรถครับ ทำเหมือนขึ้น BTSเลย ทำเฉพาะครั้งแรกนะครับ ครั้งต่อไปโชว์ด้านหลังบัตรที่ประทับตราวันที่ให้คนขับรถดูพอครับ ส่วนถ้าเจอรถเมล์ที่คิดค่าโดยสารเรทเดียว(แบบรถเมล์บ้านเรา) ไม่ต้องทำอะไรครับ ขึ้นไปนั่งเฉยๆ พอจะลงก็โชว์ด้านหลังบัตรให้คนขับรถพอ
ยืนรอสาย 5 อยู่นานเลยครับกว่าจะมา โดยผมมีแผนที่จะเข้าที่พักก่อนเพื่อเอาเป้กับสัมภาระไปฝากไว้ก่อนครับ เพื่อจะได้สะดวกต่อการเดินทางครับ ที่พักที่จองไว้คราวนี้ต้องนั่งรถเมล์ไปลงป้าย Karasuma Gojo แล้วเดินเข้าซอยต่ออีกประมาณ 10นาทีครับ
ถึงแล้วครับ ป้ายรถเมล์แถวที่พัก เวลาใกล้ถึงป้าย บนรถเมล์จะมีประกาศบอกเป็นภาษาอังกฤษชัดเจนครับ

ว่าแล้วก็ตามผมเข้าไปเก็บของที่พักกันเลย รูปที่พักขาไปลืมถ่ายไว้ครับ รอดูตอนขากลับละกันครับ
หลังจากฝากข้าวของทิ้งไว้แล้ว ออกมาอีกทีก็จะบ่ายสองแล้วครับ เนื่องจากไปเสียเวลาตอนซื้อตั๋วรถเมล์ + ตอนรอรถเมล์เนี่ยละครับ ตอนนี้เวลาน้อยก็ต้องรีบๆทำเวลาแล้วครับ สถานที่ถัดไปก็คือวัดน้ำใสหรือวัดคิโยะมิสุ ครับ กว่าจะหารถเมล์มาได้นี่ส่องแผนที่อยู่นานพอสมควร

วันหยุดคนเพียบเลยครับ คาดว่าเกิน 20% เป็นคนไทย แย่งกันกิน แย่งกันเที่ยว เราก็ค่อยๆไหลตามฝูงชนไปครับ…
ค่าผ่านประตูท่านละ 350เยน ครับ ชะแว๊บบ ได้บัตรมาแล้ว
วัดคิโยมิซึเดระ (Kiyomizu-dera Temple) หรืออีกชื่อหนึ่งคือ วัดน้ำใส เป็นวัดที่มีชื่อเสียงที่สุดของเกียวโตวัดหนึ่ง ตั้งอยู่ทางภาคตะวันออกของเกียวโต วัดคิโยมึซึเดระ นี้ได้รับการคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในอนุสรณ์สถานที่สำคัญในประวัติศาสตร์เกียวโตโบราณ และยังได้รับการรับรองให้เป็นมรดกโลก จาก UNESCO อีกด้วย (ที่มา : www.kyoto1day.com)

ผมใช้เวลาอยู่ที่วัดน้ำใสจนถึงประมาณ 14.50ครับ ใช้เวลานานช่วงเดินเข้าวัดเนี่ยแหละครับ วัดตั้งอยู่บนเขา ต้องใช้เวลาเดินจากป้ายรถเมล์เข้าบริเวณวัดเกือบๆ 20นาทีเลยครับ เสร็จปุ๊ปก็เดินทางกลับครับ Bus Stop อยู่ฝั่งตรงข้าม

เป้าหมายต่อไปของผมก็คือวัดเงินหรือ Ginkakuji Temple ครับ โดยอยู่ไม่ไกลจากวัดน้ำใสนัก ใช้เวลาเดินทางบนรถบัสประมาณ 15 นาทีก็ถึงครับ

ลงจากป้ายรถเมล์แล้วครับ ผู้คนคึกคักมาก ตอนนี้ 15.20 แล้วครับต้องรีบทำเวลา

ก่อนเดินเข้าวัด เกิดหิวครับ หาอะไรรองท้องก่อน

มื้อนี้ข้าวราดแกงกะหรี่ไก่(ที่น้ำเยอะมาก) + ซุ๊ปมิโสะ ราคา 950 เยนครับ แพงมากๆๆ แต่ถือว่าถูกแล้วถ้าเทียบกับร้านอื่นๆระแวกนั้น ข้าวของค่อนข้างแพงกว่าโอซาก้าครับเท่าที่เจอมา

กินอิ่มแล้วเดินทางต่อครับ รอบนี้ไม่พ้นต้องขึ้นเขาเหมือนเดิม เข้าตรอกข้างหน้านี้ไปเลยครับ พร้อมกับฝูงชนเนืองแน่นเหมือนเดิม
[CR] Review วันที่ 3 เที่ยวเมืองเกียวโต ชมวัดเสาแดงหมื่นต้น วัดน้ำใส วัดเงิน ปราสาทนิโจ ปิดท้ายด้วยย่านกิออน
กระทู้หลัก >> Link : http://pantip.com/topic/32995388
6 ธันวาคม 2557 : วันนี้ผมตื่นค่อนข้างสายเลยทีเดียวครับ เนื่องจากเมื่อคืนนอนดึกมากๆครับ วันนี้ตื่นมาออกอาการเพลียอย่างชัดเจนครับ เดิมทีจองรถไฟชิงคันเซ็นจากชินโอซาก้า – เกียวโต เอาไว้รอบ 08.25 น. แต่รอบนี้ผมไปไม่ทันแน่นอนครับ กว่าจะออกจากที่พัก กว่าจะนั่งรถไฟไปชินโอซาก้าอีก ก็เลยเปลี่ยนแผนเลื่อนไปเป็นรอบ 9 โมงแทนครับ ผมเช็คเอ้าท์ออกมาตอน 08.30น. ถ่ายรูปที่พักเป็นที่ระลึกก่อน
นั่งรถไฟใต้ดินจาก Daikokucho มาลงสถานี Shin Osaka เพื่อมารอรถไฟชิงคันเซ็นครับ รถมาพอดี
เนื่องจากว่ารอบที่ Reserve Seat เอาไว้ผมมาไม่ทัน พอขึ้นขบวนใหม่ก็ต้องลี้ภัยไปอยู่โบกี้ Non Reserve แทนครับ คนจะค่อนข้างเยอะกว่าตู้ Reserve
นั่งรถไฟชิงคันเซ็นอยู่ประมาณ 15 นาที ก็มาถึงแล้วครับสถานีเกียวโต รวดเร็วจริงๆ พอมาถึงปุ๊ปก็หาป้าย Transfer to JR Line ทันทีครับ เพื่อเปลี่ยนไปนั่งรถไฟ JR ไปลงสถานี Inari เพื่อชมศาลเจ้า Fushimi Inari หรือวัดเสาแดงหมื่นต้นครับ
ออกจากรถไฟมาคนเพียบเลยครับ เนื่องจากว่าเป็นวันเสาร์ ซึ่งเป็นวันหยุด คราวนี้เจอทั้งนักท่องเที่ยว เจอทั้งประชาชนในท้องที่ คนเลยยิ่งแน่นครับ
วัดนี้หาง่ายมากเลยครับ เพราะเดินออกจากสถานีรถไฟ JR Inari ปุ๊ปก็เจอทันทีเลยครับ คือ 80% ของคนที่นั่งรถไฟมาลงสถานีนี้ก็คือนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมศาลเจ้าแห่งนี้แหละครับ
ทางเข้าศาลเจ้าแห่งนี้ก็จะมีเสาสีแดงตั้งเป็นแลนด์มาร์กอยู่เป็นระยะๆครับ โดยมีสุนัขจิ้งจอกทำหน้าที่คอยเฝ้าศาลด้วยครับ
ตามมาโลดด
ก่อนเข้าข้างในก็ชำระล้างร่างกายครับ ด้วยการบ้วนปากตามค่าวัฒนธรรมของที่นี่ก่อน
โดยศาลเจ้าจะตั้งอยู่บนเขาครับ เราเองก็ต้องเดินขึ้นเขาไปเรื่อยๆเหมือนกันครับ ระยะทางค่อนข้างไกลเลยทีเดียว
ระหว่างทางก็จะผ่านจุดที่เป็นไฮไลท์ของวัดแห่งนี้ครับ รวมถึงเป็นจุดที่ถ่ายทำภาพยนต์ชื่อดังอย่างเรื่อง Memory of Geisha ด้วยครับ นั่นก็คือเสาแดงนับพันๆต้นตลอดสองข้างทางครับ
โดยเสาแดงทุกๆต้นก็จะมีข้อความสลักไว้หมดครับ น่าเสียดายที่ผมอ่านไม่ออก
ผมใช้เวลาอยู่ที่ศาลเจ้าแห่งนี้อยู่ประมาณ 1.30 ชั่วโมงครับ แล้วจึงเดินทางกลับสถานีเกียวโต ตอนขากลับลองเดินกลับอีกทางนึงจะผ่านย่านที่มีของขายเยอะเลยครับ
กลับมายังสถานีเกียวโต เป้าหมายต่อไปของผมคือการซื้อตัวรถบัส 1 Day Pass ในราคา 500 เยนครับ ซึ่งตั๋วนี้เราสามารถขึ้นรถเมล์ในโตเกียวกี่ครั้ง กี่รอบก็ได้ใน 1วันครับ โดยเราสามารถซื้อที่คนขับ หรือตู้อัตโนมัติหน้าสถานีเกียวโตได้เลย แต่ผมเลือกที่จะซื้อที่ KTIC ครับ หรือ Kyoto Tourist Information Center ครับ ตอนนั้นหาไม่เจอ เลยเดินเข้าไปถามใน Information ของสถานีครับ เจ้าหน้าที่พูดภาษาอังกฤษปร๋อ
เจอแล้วครับ Kyoto Tourist Information Center จะอยู่ชั้น 2 ของสถานีเกียวโต ที่นี่จะมีบริการแผนที่รวมทั้งแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆของเมืองนี้ได้ครับ แนะนำนักท่องเที่ยวที่ไม่ได้เตรียมแผนการเที่ยวให้แวะมาหาข้อมูลที่นี่ครับ
ได้บัตรรถเมล์ 1Day Pass มาพร้อมกับแผนที่ก็รีบตรงมาป้ายรถเมล์เลยครับ จะอยู่ทางทิศเหนือของสถานีเกียวโตครับ ฝั่งเดียวกับเกียวโตทาวเวอร์
สถานีเกียวโตด้านหน้าครับ ใหญ่ประมาณห้างสรรพสินค้าบ้านเราเนี่ยแหละครับ
ตรงป้ายรถเมล์จะมีตู้หยอดเหรียญสำหรับบัตร 1Day Pass เหมือนกันครับ ราคา 500เยน เท่ากันเด๊ะเลย สำหรับใครที่ไปเกียวโตแล้วไม่อยากเสียเวลาไปติดต่อ Tourist Information สามารถมาซื้อตั๋วรถเมล์ที่นี่ได้ครับ แต่ต้องเตรียมแผนที่รถเมล์มาเองนะครับ
สำหรับบัตรรถเมล์ที่เพิ่งซื้อมา เวลาขึ้นรถให้สังเกตุด้านข้างครับว่าคันไหนมีให้สแกนบัตรรึเปล่า ถ้ามีก็แค่เอาบัตรไปทาบ และตอนจะลงก็เดินไปลงด้านหน้า สอดบัตรเข้าไปเครื่องสอดบัตรข้างคนขับรถครับ ทำเหมือนขึ้น BTSเลย ทำเฉพาะครั้งแรกนะครับ ครั้งต่อไปโชว์ด้านหลังบัตรที่ประทับตราวันที่ให้คนขับรถดูพอครับ ส่วนถ้าเจอรถเมล์ที่คิดค่าโดยสารเรทเดียว(แบบรถเมล์บ้านเรา) ไม่ต้องทำอะไรครับ ขึ้นไปนั่งเฉยๆ พอจะลงก็โชว์ด้านหลังบัตรให้คนขับรถพอ
ยืนรอสาย 5 อยู่นานเลยครับกว่าจะมา โดยผมมีแผนที่จะเข้าที่พักก่อนเพื่อเอาเป้กับสัมภาระไปฝากไว้ก่อนครับ เพื่อจะได้สะดวกต่อการเดินทางครับ ที่พักที่จองไว้คราวนี้ต้องนั่งรถเมล์ไปลงป้าย Karasuma Gojo แล้วเดินเข้าซอยต่ออีกประมาณ 10นาทีครับ
ถึงแล้วครับ ป้ายรถเมล์แถวที่พัก เวลาใกล้ถึงป้าย บนรถเมล์จะมีประกาศบอกเป็นภาษาอังกฤษชัดเจนครับ
ว่าแล้วก็ตามผมเข้าไปเก็บของที่พักกันเลย รูปที่พักขาไปลืมถ่ายไว้ครับ รอดูตอนขากลับละกันครับ
หลังจากฝากข้าวของทิ้งไว้แล้ว ออกมาอีกทีก็จะบ่ายสองแล้วครับ เนื่องจากไปเสียเวลาตอนซื้อตั๋วรถเมล์ + ตอนรอรถเมล์เนี่ยละครับ ตอนนี้เวลาน้อยก็ต้องรีบๆทำเวลาแล้วครับ สถานที่ถัดไปก็คือวัดน้ำใสหรือวัดคิโยะมิสุ ครับ กว่าจะหารถเมล์มาได้นี่ส่องแผนที่อยู่นานพอสมควร
วันหยุดคนเพียบเลยครับ คาดว่าเกิน 20% เป็นคนไทย แย่งกันกิน แย่งกันเที่ยว เราก็ค่อยๆไหลตามฝูงชนไปครับ…
ค่าผ่านประตูท่านละ 350เยน ครับ ชะแว๊บบ ได้บัตรมาแล้ว
วัดคิโยมิซึเดระ (Kiyomizu-dera Temple) หรืออีกชื่อหนึ่งคือ วัดน้ำใส เป็นวัดที่มีชื่อเสียงที่สุดของเกียวโตวัดหนึ่ง ตั้งอยู่ทางภาคตะวันออกของเกียวโต วัดคิโยมึซึเดระ นี้ได้รับการคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในอนุสรณ์สถานที่สำคัญในประวัติศาสตร์เกียวโตโบราณ และยังได้รับการรับรองให้เป็นมรดกโลก จาก UNESCO อีกด้วย (ที่มา : www.kyoto1day.com)
ผมใช้เวลาอยู่ที่วัดน้ำใสจนถึงประมาณ 14.50ครับ ใช้เวลานานช่วงเดินเข้าวัดเนี่ยแหละครับ วัดตั้งอยู่บนเขา ต้องใช้เวลาเดินจากป้ายรถเมล์เข้าบริเวณวัดเกือบๆ 20นาทีเลยครับ เสร็จปุ๊ปก็เดินทางกลับครับ Bus Stop อยู่ฝั่งตรงข้าม
เป้าหมายต่อไปของผมก็คือวัดเงินหรือ Ginkakuji Temple ครับ โดยอยู่ไม่ไกลจากวัดน้ำใสนัก ใช้เวลาเดินทางบนรถบัสประมาณ 15 นาทีก็ถึงครับ
ลงจากป้ายรถเมล์แล้วครับ ผู้คนคึกคักมาก ตอนนี้ 15.20 แล้วครับต้องรีบทำเวลา
ก่อนเดินเข้าวัด เกิดหิวครับ หาอะไรรองท้องก่อน
มื้อนี้ข้าวราดแกงกะหรี่ไก่(ที่น้ำเยอะมาก) + ซุ๊ปมิโสะ ราคา 950 เยนครับ แพงมากๆๆ แต่ถือว่าถูกแล้วถ้าเทียบกับร้านอื่นๆระแวกนั้น ข้าวของค่อนข้างแพงกว่าโอซาก้าครับเท่าที่เจอมา
กินอิ่มแล้วเดินทางต่อครับ รอบนี้ไม่พ้นต้องขึ้นเขาเหมือนเดิม เข้าตรอกข้างหน้านี้ไปเลยครับ พร้อมกับฝูงชนเนืองแน่นเหมือนเดิม