สวัสดีคับวันนี้เจ้าของกระทู้จะมาบอกว่าทำไมเด็กไทยถึงเครียดกับการเรียน = =
เริ่มจากงานที่อาจารย์สั่งคับ สั่งเยอะ เยอะจนไม่รู้จะเอาเวลาทำตอนไหนแต่ประเด็นที่สำคัญกว่านั้นคือ สั่งเยอะแต่สอนเด็กไม่เข้าใจ แล้วงี้เด็กมันจะไปทำการบ้านได้ไหม!!! คืออันนี้มีอยู่ 2 ประเด็นนะคับคือ เด็กไม่สนใจเอง อันนี้ความผิดเด็ก กับ ครูสอนเหมือนเครื่องอ่านหนังสืออัตโนมัติ ถ้าจะสอนอย่างงี้นะเด็กแค่จ่ายค่าเทอม ค่าหนังสือ แล้วอ่านเองที่บ้านมาถึงวันสอบก้อสอบยังได้เลยมั้ง = =
ต่อมาคือพอเด็กทำไม่ได้ใช่ป้ะแล้วการบ้านเยอะอีก ทำไงล่ะ? ก้อต้องไปหาคนลอกสิคับ จะบอกว่าไม่ลอกก้อได้นะคับแต่สักวันมันก้อต้องลอก เพราะมันส่งไม่ทัน หรือมีอีกกรณีนึงคือพวกเด็กที่ทำเองได้ก้อจะทำเสร็จตลอด แต่เค้าไม่ได้เก่งจากโรงเรียนหรอก มันก้อต้องไปเรียนพิเศษถึงจะเข้าใจ แล้วงี้เด็กจะมาโรงเรียนทำไม? ในเมื่อมาแล้วไม่ได้อะไรนอกจากเล่นกับเพื่อน พอต้องเรียนพิเศษแล้วต้องเรียนที่โรงเรียนอีก ก้อส่งผลให้เด็กต้องไปเรียนพิเศษตอนเย็นยันดึกกลับมาก้อไม่รู้จะได้ทำการบ้านไหม? หรือว่าจะต้องอดนอนเพื่อทำให้เสร็จ? หรือถ้าอยากนอนจริงๆยังไงก้อต้องไปขอเพื่อนลอกตอนเช้าอีก
แล้วพอเด็กเป็นแบบนี้บ่อยๆก้อเป็นการปลูกฝังเด็กให้เห็นแก่ตัว ชิงดีชิงเด่น แทนที่พ่อแม่จะช่วยสอนลูกให้คบคนดี กลับสอนให้ลูกคบหาแต่คนเรียนเก่งๆ เก่งด้านนู้นด้านนี้ อันนี้แล้วแต่พ่อแม่ของแต่ละคน) เพราะแบบนี้ไงเด็กมันก้อเลยคบคนที่ การเรียน ความสามารถ หรืออื่นๆก้อมี เด็กเลยไม่ค่อยรักกันที่คบกันเพียงแต่ ต้องการใช้ประโยชน์ต่อกันเท่านั้น เด็กบางคนที่ไม่ค่อยเข้ากับคนในห้องก้อเพราะ ไม่อยากที่จะคบคนที่หวังผลประโยชน์จากตัวเองเลยไม่อยากไว้ใจใคร ถ้าเปรียบเทียบกับการเมืองนะ ก้อเหมือนสอนเด็ก ให้ประจบคนรวย เห็นแก่เงิน เห็นแก่ตัว ไม่งั้นก้ออยู่ไม่รอด มันเลยกลายเป็นปัญหาสังคมใหญ่ที่แก้กันไม่ได้ คือ การคอรัปชั่น แล้วแทนที่จะแก้ปัญหาให้ตรงจุด กลับให้เด็กมาเรียนวิชาหน้าที่พลเมืองเพิ่ม บอกเลยว่าเด็กมันแค่ท่องจำหรอก ไม่ได้เข้าไปในจิตสำนึกจริงๆ การแก้ปัญหาที่แท้จริงของปัญหานี้คือการฝึกให้เด็กมีจิตสำนึกจริงๆไม่ใช่ให้เด็กมาท่องจำครับ ถ้านายกเห็นจริงๆก้อช่วยแก้ไขหน่อยนะครับ ^ ^ (จขกท. บ้าไปล้ะ)
อ่ะประเด็นต่อไปคือแรงกดดันจากครอบครัว อันนี้ถือว่ามีอิทธิพลต่อเด็กมาก คือบางทีการที่พ่อและแม่คาดหวังกับลูกมากเกินไปก้อทำให้เด็กเครียด เนื่องจากการที่กลัวพ่อและแม่ดุด่าว่าตี ถึงทำแล้วมันจะทำให้เด็กมีแรงผลักดันก้อจริง แต่มันก้อทำให้เด็กเกิดปมได้เช่นเดียวกัน ถ้านึกภาพไม่ออกให้ลองนึกภาพสุนัขที่ถูกฝึกด้วยวิธีการทรมาณร่างกายสิ (ประมาณว่าถ้าไม่ทำตามคำสั่งจะต้องโดนทรมาณร่างกาย) สุนัขตัวนั้นถึงจะเก่ง ทำอะไรต่างๆได้แต่ก้อไม่ได้ทำเพราะเต็มใจ แต่ที่จริงแล้วทำเพราะว่ากลัว แล้วบางทีนะพ่อและแม่ก้อไม่เคย รับฟังปัญหาของลูก เพราะประเพณีไทย สอนให้เคารพผู้ใหญ่ ทำให้ผู้ใหญ่คิดว่า ตัวเองนั้นคือคนที่เป็นใหญ่กว่าลูกหลาน ทุกๆคนที่เป็นลูกต้องบอกว่าความคิดของตัวเองนั้นถูกเสมอ ผู้ใหญ่จึงมักไม่ฟังความเห็นจากเด็กเองและยังบังคับให้เด็กทำตามคำสั่งเท่านั้น และด้วยเหตุนี้ทำให้เกิดอีกประเด็นหนึ่งคือ เด็กไร้ความฝันของตัวเอง เพราะถูกพ่อแม่สั่งให้ทำอย่างนู้นอย่างนี้ จึงทำให้ไม่กล้าที่จะทำอะไรนอกเหนือคำสั่งไป และไร้ซึ่งความฝันในที่สุด
สุดท้ายคือเวลาการเรียนของไทยนั้น ไม่มีความเหมาะสมกับตัวผู้เรียน ถ้าถามว่ายังไง? คือยังงี้การที่คนไทยจัดเวลาเรียนตอน 8 โมงเช้าถึง 4 โมงเย็นก้อเพราะเอาตัวอย่างมาจากประเทศญี่ปุ่น เพราะเค้าเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว เลยคิดว่าการที่เราเอาแบบอย่างการศึกษามาจากเค้าจะทำให้เด็กเราเก่งแบบของประเทศญี่ปุ่นบ้าง =w= ขอบอกเลยว่าคิดผิด!!!!! การที่เราเอารูปแบบของเค้ามาเราลืมดูไปอย่างนึงคือ ตัวเด็กรับไหวไหม? ถ้าถามว่าเด็กไทยต่างจากเด็กญี่ปุ่นยังไง จะเล่าให้ฟัง คือประเทศญี่ปุ่นเนี่ยเค้าเกิดมาจากการที่มีเด็กหัวกะทิ จากจีนถูกจิ๋นซีฮ่องเต้สั่งให่มาหายาอายุวัตถนะ (เขียนงี้หรือป่าวก้อไม่รู้ = =) ที่เกาะญี่ปุ่นนั่นแหละแล้วหาไม่เจอ กลัวจะถูกจิ๋นซีสั่งประหารเลยตั้งดินแดนใหม่ที่เกาะญี่ปุ่น นั่นแหละทำให้ไอคิวพื้นฐานของคนญี่ปุ่นกับคนไทยนั้นต่างกัน แล้วถ้าถามว่าประเทศเราควรทำยังไง? ก้อควรจัดตารางเรียนให้เหมาะสมกับเด็กของเราไง ที่สำคัญควรส่งเสริมเด็กในแต่ละด้าน ให้เท่าเทียมกันไม่ใช่ใจคอ จะให้เด็กเก่งแต่คณิต วิทย์ อังกฤษ (ไม่ได้หมายความว่าให้ลดความสำคัญลงแต่หมายถึงการให้ความสำคัญกับวิชาอื่นที่เด็กถนัดบ้าง) แล้วพอเด็กคนไหนไม่เก่งวิชาสามตัวนี้เกรดก้อไม่ค่อยดี แล้วก้อถูกเพื่อนมองว่าเรียนไม่เก่งแล้วก้อจะไม่มีใครอยากคุยด้วย ก่อให้เกิดความเครียดในตัวเด็กต่อไป
นี่แหละการศึกษาไทยที่ผู้ใหญ่ไม่เคยเข้าใจเด็ก = =
สาเหตุที่ว่า ทำไมเด็กไทยจึงเครียดกับการเรียนแล้วยังเรียนไม่ค่อยดีด้วย =A=
เริ่มจากงานที่อาจารย์สั่งคับ สั่งเยอะ เยอะจนไม่รู้จะเอาเวลาทำตอนไหนแต่ประเด็นที่สำคัญกว่านั้นคือ สั่งเยอะแต่สอนเด็กไม่เข้าใจ แล้วงี้เด็กมันจะไปทำการบ้านได้ไหม!!! คืออันนี้มีอยู่ 2 ประเด็นนะคับคือ เด็กไม่สนใจเอง อันนี้ความผิดเด็ก กับ ครูสอนเหมือนเครื่องอ่านหนังสืออัตโนมัติ ถ้าจะสอนอย่างงี้นะเด็กแค่จ่ายค่าเทอม ค่าหนังสือ แล้วอ่านเองที่บ้านมาถึงวันสอบก้อสอบยังได้เลยมั้ง = =
ต่อมาคือพอเด็กทำไม่ได้ใช่ป้ะแล้วการบ้านเยอะอีก ทำไงล่ะ? ก้อต้องไปหาคนลอกสิคับ จะบอกว่าไม่ลอกก้อได้นะคับแต่สักวันมันก้อต้องลอก เพราะมันส่งไม่ทัน หรือมีอีกกรณีนึงคือพวกเด็กที่ทำเองได้ก้อจะทำเสร็จตลอด แต่เค้าไม่ได้เก่งจากโรงเรียนหรอก มันก้อต้องไปเรียนพิเศษถึงจะเข้าใจ แล้วงี้เด็กจะมาโรงเรียนทำไม? ในเมื่อมาแล้วไม่ได้อะไรนอกจากเล่นกับเพื่อน พอต้องเรียนพิเศษแล้วต้องเรียนที่โรงเรียนอีก ก้อส่งผลให้เด็กต้องไปเรียนพิเศษตอนเย็นยันดึกกลับมาก้อไม่รู้จะได้ทำการบ้านไหม? หรือว่าจะต้องอดนอนเพื่อทำให้เสร็จ? หรือถ้าอยากนอนจริงๆยังไงก้อต้องไปขอเพื่อนลอกตอนเช้าอีก
แล้วพอเด็กเป็นแบบนี้บ่อยๆก้อเป็นการปลูกฝังเด็กให้เห็นแก่ตัว ชิงดีชิงเด่น แทนที่พ่อแม่จะช่วยสอนลูกให้คบคนดี กลับสอนให้ลูกคบหาแต่คนเรียนเก่งๆ เก่งด้านนู้นด้านนี้ อันนี้แล้วแต่พ่อแม่ของแต่ละคน) เพราะแบบนี้ไงเด็กมันก้อเลยคบคนที่ การเรียน ความสามารถ หรืออื่นๆก้อมี เด็กเลยไม่ค่อยรักกันที่คบกันเพียงแต่ ต้องการใช้ประโยชน์ต่อกันเท่านั้น เด็กบางคนที่ไม่ค่อยเข้ากับคนในห้องก้อเพราะ ไม่อยากที่จะคบคนที่หวังผลประโยชน์จากตัวเองเลยไม่อยากไว้ใจใคร ถ้าเปรียบเทียบกับการเมืองนะ ก้อเหมือนสอนเด็ก ให้ประจบคนรวย เห็นแก่เงิน เห็นแก่ตัว ไม่งั้นก้ออยู่ไม่รอด มันเลยกลายเป็นปัญหาสังคมใหญ่ที่แก้กันไม่ได้ คือ การคอรัปชั่น แล้วแทนที่จะแก้ปัญหาให้ตรงจุด กลับให้เด็กมาเรียนวิชาหน้าที่พลเมืองเพิ่ม บอกเลยว่าเด็กมันแค่ท่องจำหรอก ไม่ได้เข้าไปในจิตสำนึกจริงๆ การแก้ปัญหาที่แท้จริงของปัญหานี้คือการฝึกให้เด็กมีจิตสำนึกจริงๆไม่ใช่ให้เด็กมาท่องจำครับ ถ้านายกเห็นจริงๆก้อช่วยแก้ไขหน่อยนะครับ ^ ^ (จขกท. บ้าไปล้ะ)
อ่ะประเด็นต่อไปคือแรงกดดันจากครอบครัว อันนี้ถือว่ามีอิทธิพลต่อเด็กมาก คือบางทีการที่พ่อและแม่คาดหวังกับลูกมากเกินไปก้อทำให้เด็กเครียด เนื่องจากการที่กลัวพ่อและแม่ดุด่าว่าตี ถึงทำแล้วมันจะทำให้เด็กมีแรงผลักดันก้อจริง แต่มันก้อทำให้เด็กเกิดปมได้เช่นเดียวกัน ถ้านึกภาพไม่ออกให้ลองนึกภาพสุนัขที่ถูกฝึกด้วยวิธีการทรมาณร่างกายสิ (ประมาณว่าถ้าไม่ทำตามคำสั่งจะต้องโดนทรมาณร่างกาย) สุนัขตัวนั้นถึงจะเก่ง ทำอะไรต่างๆได้แต่ก้อไม่ได้ทำเพราะเต็มใจ แต่ที่จริงแล้วทำเพราะว่ากลัว แล้วบางทีนะพ่อและแม่ก้อไม่เคย รับฟังปัญหาของลูก เพราะประเพณีไทย สอนให้เคารพผู้ใหญ่ ทำให้ผู้ใหญ่คิดว่า ตัวเองนั้นคือคนที่เป็นใหญ่กว่าลูกหลาน ทุกๆคนที่เป็นลูกต้องบอกว่าความคิดของตัวเองนั้นถูกเสมอ ผู้ใหญ่จึงมักไม่ฟังความเห็นจากเด็กเองและยังบังคับให้เด็กทำตามคำสั่งเท่านั้น และด้วยเหตุนี้ทำให้เกิดอีกประเด็นหนึ่งคือ เด็กไร้ความฝันของตัวเอง เพราะถูกพ่อแม่สั่งให้ทำอย่างนู้นอย่างนี้ จึงทำให้ไม่กล้าที่จะทำอะไรนอกเหนือคำสั่งไป และไร้ซึ่งความฝันในที่สุด
สุดท้ายคือเวลาการเรียนของไทยนั้น ไม่มีความเหมาะสมกับตัวผู้เรียน ถ้าถามว่ายังไง? คือยังงี้การที่คนไทยจัดเวลาเรียนตอน 8 โมงเช้าถึง 4 โมงเย็นก้อเพราะเอาตัวอย่างมาจากประเทศญี่ปุ่น เพราะเค้าเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว เลยคิดว่าการที่เราเอาแบบอย่างการศึกษามาจากเค้าจะทำให้เด็กเราเก่งแบบของประเทศญี่ปุ่นบ้าง =w= ขอบอกเลยว่าคิดผิด!!!!! การที่เราเอารูปแบบของเค้ามาเราลืมดูไปอย่างนึงคือ ตัวเด็กรับไหวไหม? ถ้าถามว่าเด็กไทยต่างจากเด็กญี่ปุ่นยังไง จะเล่าให้ฟัง คือประเทศญี่ปุ่นเนี่ยเค้าเกิดมาจากการที่มีเด็กหัวกะทิ จากจีนถูกจิ๋นซีฮ่องเต้สั่งให่มาหายาอายุวัตถนะ (เขียนงี้หรือป่าวก้อไม่รู้ = =) ที่เกาะญี่ปุ่นนั่นแหละแล้วหาไม่เจอ กลัวจะถูกจิ๋นซีสั่งประหารเลยตั้งดินแดนใหม่ที่เกาะญี่ปุ่น นั่นแหละทำให้ไอคิวพื้นฐานของคนญี่ปุ่นกับคนไทยนั้นต่างกัน แล้วถ้าถามว่าประเทศเราควรทำยังไง? ก้อควรจัดตารางเรียนให้เหมาะสมกับเด็กของเราไง ที่สำคัญควรส่งเสริมเด็กในแต่ละด้าน ให้เท่าเทียมกันไม่ใช่ใจคอ จะให้เด็กเก่งแต่คณิต วิทย์ อังกฤษ (ไม่ได้หมายความว่าให้ลดความสำคัญลงแต่หมายถึงการให้ความสำคัญกับวิชาอื่นที่เด็กถนัดบ้าง) แล้วพอเด็กคนไหนไม่เก่งวิชาสามตัวนี้เกรดก้อไม่ค่อยดี แล้วก้อถูกเพื่อนมองว่าเรียนไม่เก่งแล้วก้อจะไม่มีใครอยากคุยด้วย ก่อให้เกิดความเครียดในตัวเด็กต่อไป
นี่แหละการศึกษาไทยที่ผู้ใหญ่ไม่เคยเข้าใจเด็ก = =