รถเต่า ของเตี่ย

“405”  เป็นถนนสายที่ผมไม่ค่อยได้ผ่านบ่อยนัก บังเอิญว่าคืนนี้ผมต้องวิ่งไปทำธุระอีกเมืองโดยใช้ถนนเส้นนี้  แม้จะเป็นเวลาสองทุ่มกว่า  ถนนก็ยังเต็มไปด้วยผู้คนสัญจรไปมาไม่ขาดสาย อาจจะขับกันห่างห่างอยู่บ้าง ไม่ติดขัดเหมือนช่วงตอนเช้าหรือตอนเย็นรถยนต์ก็มีให้เห็นสม่ำเสมอ พลางขับไปนึกถึงเลข 405 ไปก็กลับไปนึกถึงทะเบียนรถเต่าคันเก่าที่เคยใช้สมัยอยู่บ้านนอก ต่างกันก็แค่มีตัวเลขสลับตำแหน่งกันกับมีตัวหนังสือนำหน้าอีกตัวแค่นั้น
รถเต่าคันนั้นเตี่ยยกให้ผมสมัยปี 2534 ที่จำได้ดีเพราะเป็นปีที่ผมเข้ามหาลัยพอดี มหาลัยที่ผมเรียนอห่างจากบ้าน 35กิโลเมตร รถประจำทางมีแค่สายเดียวเป็นรถของเทศบาลจังหวัด ซึ่งจะวิ่งทุกครึ่งชั่วโมงและใช้เวลาราว 1 ชั่วโมงในการเดินทาง ทำให้ไม่สะดวกนักจึงจำต้องใช้รถยนต์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ทางบ้านผมไม่ใช่คนมีฐานะฟู่ฟ่าร่ำรวยอะไรมากนัก เคยจนเคยลำบาก เคยต้องเก็บไข่ไก่แต่ตีห้าก่อนไปโรงเรียน พอตัวเริ่มโตหนอ่ยก็ต้องแบกต้องหามเปลือกหอยข้ามคันนาไปในเล้าไก่ จนเปลือกหอยบาดไหล่บาดคอ ทั้งคัน ทั้งเจ็บ ด้านไปหมด เตี่ยกับแม่อาศัยความขยันอดทน ฝึกลูกให้รู้จักทำงานอดทน  เก็บหอมรอมริบ จนขยายฟาร์มไก่ และสวนส้มเล็ก ๆ ทำให้มีกินมีใช้ พอจะซื้อรถขับได้ รถเต่าเป็นรถเก๋งคันแรกที่เตี่ยซื้อ นอกจากรถหกล้อสีฟ้าอีซูซุเก่า ๆ ที่ใช้ส่งไข่ไก่ ขนเข่งลูกไก่มาลง และใช้รับส่งแม่ไปโรงพยาบาลตอนเจ็บป่วย
ผมเริ่มรู้สึกว่าชีวิตสบายขึ้นตอนที่เตี่ยมีรถเต่านี่ล่ะ ในเล้าไก่มีคนงานช่วยเลี้ยง ช่วยเก็บไข่ ช่วยแบกอาหารไก่ ขึ้นลงรถ ถนนหน้าบ้านจากดินลูกรังก็มีถนนลาดยางวิ่งเข้าบ้าน ได้ไปกินไอศครีมในร้าน”ศาลาโฟร์โมส”ตรงท่ารถเมล์ที่ตลาดจากที่เคยแค่เกาะกระจกมองคนในร้านกินกัน
เตี่ยเริ่มมีสังคม มีลูกค้าที่รู้จัก แต่ก็ไม่ใช่ว่าเตี่ยจะเลิกประหยัด แกใช้รถเต่าคันเดียวจนผมเริ่มตัวใหญ่นั่งลงในเบาะหลังไม่ได้นั่นถึงจะซื้อรถอีกคันมาใช้
ผมเคยตามเตี่ยเอารถไปซ่อมที่ตีนสะพานซังฮี้ในกรุงเทพ เราก็ไปกันทั้งสี่คนในครอบครัว ตอนนั้นยังไม่มีเจ้าตัวเล็กอีกคน นั่งกันไปพ่อแม่ลูกสี่คน วิ่งไปดับไป ช่างในนครปฐมไม่ค่อยมีความสามารถมากนัก ทำให้แค่พอวิ่งได้ กว่าจะถึงกรุงเทพ สองสามชั่วโมงโน่น  เตี่ยบอกเสมอว่า รถมันเป็นเครื่องจักร ถูกสร้างขึ้นมา มันก็ต้องซ่อมได้ จะเก่ายังงัยก็ซ่อมใช้ไป ประหยัดกว่าซื้อรถใหม่อีกหลายสิบหมื่น
ผมเริ่มใช้รถเต่าแบบตามรอยเตี่ย คือมีอะไรก็เข้าอู่ให้เขาซ่อมไปหมด แต่ด้วยวิชาที่เรียน ทำให้ผมเริ่มมีความสามารถในการศึกษาหาความรู้เรื่องรถมากขึ้น พอจะซ่อมแซมอะไรเองได้  หาหนังสือ ปรึกษาผู้รู้ เริ่มฝึกทำอะไรง่าย ๆ ตั้งวาล์ว ตั้งคาร์บู ไปจนงานเชื่อมตัวถังที่พอจะทำได้เอง แบบมีความภูมิใจว่า รถเก่า เราก็ทำให้มันวิ่งได้ เป็นเหมือนบทเรียนที่ได้สอนให้เราประหยัด ฝึกให้เราอดทน
จบมหาลัยได้งานดี เงินเดือนดีชีวิตเปลี่ยนไปบ้าง เริ่มมีเงินออกรถใหม่ รถเต่าเก่า ๆก็เลยถูกจอดทิ้งไว้ในบ้านเตี่ย จอดจนมันโทรม ยางแบน ประกอบกับชีวิตผกผันต้องจากบ้านจากเมือง ยิ่งทำให้มันถูกทิ้งเป็นรถปลูกสาระแหน่อีก  คิดแล้วก็เหมือนกับทรยศมัน ทรยศตัวเองที่หลงไปกับสังคม กับระบบทุนนิยม เห็นเงินดีกว่าครอบครัว ทิ้งบ้านทิ้งเมืองมาอยู่ไกล พาลเอาภรรยาต้องจากบ้านมาด้วยกันอีก ลูกก็เริ่มพูดไทยไม่ชัด ฟังได้แต่ไม่อยากพูดไปอย่างนั้น  เหมือนกันกับที่ผมทิ้งเตี่ยกับแม่มา
ผมไม่คิดว่าเตี่ยจะรู้ว่าผมคิดถึงเตี่ยกับแม่แค่ไหน  วันนี้ผมไม่ได้กลับบ้านไปกราบเท้าทุก ๆ วัน  แต่ทุกวัน ที่ผมลืมตา ผมจะนึกถึงบ้าน นึกถึงรถ นึกถึงกลิ่นอาหารไก่ วันนึงสัญญาทาสที่ดูจะหอมหวานนี้หมดสิ้นไป จะกลับไปบ้านกราบเท้าเตี่ย กับแม่ และบูรณะรถเต่าให้กลับมาใช้ได้อีกครั้งนึง

คิดถึงทุกวัน
เทียน

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่