สวัสดีครับ ผมหายไปนานหลังจากที่ได้โพสเรื่องการไปเที่ยวอังกฤษก่อนหน้านี้ ซึ่งจริงๆก็ไปมาหลายประเทศเหมือนกันครับ แต่บางที่ก็เห็นพี่ๆเค้ารีวิวกันไปแล้วเลยไม่ได้มารีวิว บวกกับช่วงนี้เพิ่งจะสอบเสร็จเลยไปพอมีเวลาว่างมาเขียนครับ
ครั้งนี้ไปเที่ยวมาเมื่อประมาณกลางเดือน พฤศจิกายนครับ ที่Nagoya ตอนนั้นอากาศกำลังดี ไม่หนาวเกินไป เรียกได้ว่าเดินข้างนอกกันได้สบายๆ
ครั้งนี้ขอเน้นไปที่ของกินนะครับ จะไล่ให้เป็นวันๆว่าร้านไหนที่ผมไปกินแล้วประทับใจ
ว่าแล้วก็เริ่มกันเลยครับ
Day 1
ผมมาถึงที่Nagoya ก็เป็นช่วงมืดๆแล้วครับ ประมาณ1ทุ่ม เลยต้องรีบเช็คอินที่โรงแรมก่อนแล้วจึงค่อยออกมาหาอะไรทาน
โดยผมพักที่โรงแรม Nagoya Tokyu Hotel (มันมี2ที่นะครับ อีกที่อยู่ตรงSakae)
พอเช็คอินเสดปุ๊ป ผมก็รีบบึ่งไปทานข้าวเย็นกันเลย โดยมื้อแรกผมเริ่มจาก Hitsumabushi หรือ ข้าวหน้าปลาไหลฉบับNagoya
ร้านที่ผมเลือกคือร้านนี้ครับ (พนักงานโรงแรมเขาบอกมาน่ะครับว่าอร่อย)
ซึงถ้าออกจากโรงแรมก็เลี้ยวมาทางขวา พอถึงหัวมุมถนน ร้านนี้จะอยู่ตรงข้ามนะครับ ข้ามถนนไปก็ถึงเลย(ขออภัยที่บอกชื่อร้านไม่ได้ ผมอ่านญี่ปุ่นไม่ออกครับ 555)
ซึ่งตัวร้านจะเป็นร้านที่เล็กมั่กๆๆๆๆ เหมือนกับเปนสาขาย่อยๆ มีที่นั่งแค่7ที่ ซึ่งพอเขาเห็นเราพูดญี่ปุ่นไม่ได้ เขาก็ให้เรารอ เพราะมีลูกค้าทานอยู่ประมาณ3คน พวกผมไปกัน7คน เลยต้องนั่งรอ แต่พอลูกค้าทานเสร็จ ก็เรียนได้ว่าเราปิดร้านเขาเลยทีเดียวครับ 5555
ว่าแล้วก็มาดูเมนูในร้านกันครับ
สำหรับข้าวหน้าปลาไหลนะครับ มี4 size คือ เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก ตามที่พนักงานร้านเขาบอกมา (ทั้งร้านมี3คน แต่พูดได้คนเดียว)
ส่วนผมขอจัดเลยครับ ขนาดใหญ่
ระหว่างรอด้วยความหิวก็นั่งดูเขาปิ้งปลาไปครับ ขอบอกตรงนี้เลยครับ หอมมาก!!!!
รอซักประมาณ10นาที ก็พร้อมรับประทานครับ!!
เขาบอกว่ามีการทาน3 แบบ คือ 1.ทานทั้งอย่างนั้นเลย 2.ใส่เครื่องเคียงลงไป 3.ทำเหมือนแบบที่2แต่ใส่น้ำซุปลงไป
ว่าแล้วก็ดูหน้าตาก็มันกันครับ
อีกซักรูป
ซูมใกล้ๆหน่อย
มาลองแบบที่1กันก่อนครับ
ผมว่าแบบแรกที่อร่อยแบบ เบๆเลยครับ คือปลาหอม หวาน กรอบนิดๆตรงส่วนหนัง ข้าวก็ร้อนกำลังดี อ่า~~~~~~ บอกได้คำว่าฟิน
ว่าแล้วเราก็มาต่อแบบที่2กันครับ
ผมว่าแบบนี้อร่อยกว่าแบบแรก มันจะมีกลิ่นหอมนิดๆกับรวเค็มของสาหร่าย บวกกับความเผ็ดของวาซาบิครับ ปกติผมไม่กินวาซาบิ แต่ที่วาซาบิหอมมากๆครับ ทานได้สบายๆ
ส่วนแบบที่3 ผมไม่ได้ถ่ายมาครับ แต่ส่วนตัวไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ เพราะน้ำซุปจะทำให้ปลาไกลไม่ค่อยกรอบเท่าไหร่ครับ แถมยังจืดๆอีกต่างหาก
สำหรับแบบชามใหญ่ ผมว่าทานคนเดียวก็อิ่มครับ แต่สำหรับผมคงยังไม่พอ ต้องต่อด้วย ไข่เจียวปลาไหล(จำภาษาญี่ปุ่นไม่ได้ครับ น่าจะประมาณ Uni Tamagoyaki)
สุดท้ายก็ตบท้ายด้วยน้ำชาอุ่นๆซักถ้วยครับ
ต่อไปก็เป็นช่วงเวลาเดินย่อยครับ
ข้างๆโรงแรมจะมีร้านยาใหญ่ๆอยู่หนึ่งร้านครับ เข้าไปแวะช็อปปิ้งได้สบายๆ มีทุกอย่างที่อย่างได้ครับ โฟมล้างหน้า กันแดด บลาๆๆ ส่วนราคานี่ ถูกกว่าไทยแน่นอนครับ
คราวนี้ผมจะเดินไปทางด้านซ้ายของโรงแรมครับ ซึ่งด้านซ้ายจะมุ่งหน้าไปยังสถานีSakae โดยละแวกนั้นจะมีห้างสรรพสินค้าเยอะมากมาย
ผมมาสำรวจสำหรับที่จะมาช็อปปิ้งพรุ่งนี้ครับ ส่วนสถานที่ที่ไปถ่ายรูปก็มีพวก สถานีโทรทัศน์ ชิงช้า ครับ แต่พอดีผมว่าไม่ค่อยเท่าไหร่ เลยถ่ายผ่านๆมา
ถ่ายไว้ก่อนกันหลงครับ
ขอบอกเลยครับว่าผมเดินกันแบบ มั่วมากๆๆๆๆ คือเดินๆ เลี้ยว เดินๆๆ เลี้ยว
เจอไรอยากกินก็กิน แต่จริงๆเป้าหมายหลักของมือดึกคือร้าน ยามะจัง ครับ
ถ้าถามว่าเดินถูกไหม ตอบได้เลยครับ ไม่! 55555 เพราะกว่าจะตั้งใจหา ผมก็เดินเลี้ยวมาไกลแล้ว
จึงถือโอกาสแวะหาของหวานพร้อมกับถามทางไปด้วย
ผมเลือกร้านนี้ครับ ไอติมผัด เห็นป้ายน่ากินมั่กๆ
ไอติมก็ จิ้มมั่วๆครับ อารมณ์เหมือน โยเกิร์ต ผสม พวกเบอร์รี่เยอะๆ
หน้าตาก็ประมาณนี้ครับ
พอซื้อเสร็จก็ได้ความว่า เดินไปเรื่อยๆ ขวา เดินไปอีกหนึ่งบล็อค ซ้าย แล้วก็เดินไปอีก ขวา
งงครับ! เอาเป็นว่าลองเดินดู ไม่เจอค่อยว่ากัน
พอเดินไปตามที่บอกก็เจอนะครับ แต่เป็นร้านคาราอาเกะ
ซึ่งคนเยอะมากกกกกก ไม่รู้ดังหรือเปล่า แต่ไม่ได้กินครับ เรามุ่งมั่นกับยามะจัง
โชคดีที่ตรงนั้นมีผู้หญิงแจกใบปลิวใสุ่ดกระต่ายน้อยแจกอยู่พอดี เลยถือโอกาสเข้าไปถามซะเลย
ผลก็คือ เค้าพูดอังกฤษไมาได้ครับ แต่ชี้ให้เราเดินไปทางขวา ประมาณว่า อีกนิดเดียวก็ถึง แต่ต้องรีบๆเพราะจะปิดแล้ว
เลยวิ่งกันเลยครับ ไปประมาณซัก3นาทีก็ถึงแล้ว
ร้านปิด23:00ครับ ผมไปถึงตอน 22:55 ซึ่งกำลังจะปิดพอดี แต่เขาคงเห็นเราเป็นต่างชาติ แถมพูดญี่ปุ่นไม่ได้อีก เลยบอกให้เข้ามานั่งกินก่อน ไม่เป็นไร พวกผมได้นั่งกันที่ชั้น3 ครับ ขอบอกว่าบรรไดเล็กและแคบมากกกก
ว่าแล้วมาดูเมนูกันดีกว่าครับ
ก็จัดเลยครับ เบียร์หนึ่ง ไก่หนึ่ง ซุปอีกหนึ่ง ด้วยความอยาก
รอซํก20นาทีก็มาละครับ ไก่ทอดสูตรเด็ดวันนี้
ผมว่าส่วนตัวก็โอเคนะครับ แต่ถ้าคาดหวังมากๆๆๆๆ ก็อาจจะผิดหวังได้ เพราะไม่ได้อร่อยขนาดนั้น ออกแนวเค็มๆเผ็ดๆ แต่ก็โอเคครับ ถือว่ามาถึงละได้กินยามะจัง
ตบท้ายกันด้วยซุปอุ่นๆครับ
และนี่คือค่าเสียหายทั้งหมดครับ
สรุปนะครับ ถ้าอยากมาชิมผมว่าก็มาได้นะครับ นับว่าโอเคไม่ได้เลวร้าย แต่ถ้ามาเพราะหวังว่าจะอร่อยมากกกก ก็อาจจะผิดหวังซํกนิดนะครับ ปล.ผมว่าเต้าหู้ในซุปอร่อยสุดครับ
หลังจากทานเสร็จก็ถามต่อเลยครับ เพราะที่ๆเราจะไปต่อคือ ID Night club ตามที่พนง.โรงแรมบอกมา เขาบอกว่าเป็นคลับที่ดีที่สุดในNagoya
จากการถามลุงๆในร้าน เขาไม่รู้จักครับ เลยตัดสินใจย้อนกลับมาถามน้องกระต่ายคนเดิม เพราะดูแล้วอายุน่าจะเด็กอยู่ น่าจะรู้จัก
ผลลัพธ์ก็คือ เธอรู้ครับ แล้วมันก็อยู่ใกล้เรานิดเดียว แค่เดินำปหนึ่งแยกก็เจอเลย
ใช้เวลาเดินมาประมาณ5นาทีก็ถึง
ขอบอกเลยครับว่าบรรยากาศหน้าร้านน่ากลัวมาก เป็นคนตัวใหญ่ๆใส่ชุดสีดำยืนกัน3-4คน
ร้านเป็นตึกแถว สูง4ชั้น กล้าๆกลัวๆแต่ก็นะ มาถึงละ เอาซะหน่อย
การเข้าไปในร้านเราต้องซื้อTicket ครับ ผญ 3 drink ผช 5 drink ส่วนราคาก็แตกต่างกันนะครับ
ของผชจะแพงกว่านิดหน่อย พอซื้อเสร็จก็เข้าไปข้างในกันเลยครับ
ชั้นแรกที่เดินเข้าไปคือ ตื๊ดสุด ใหญ่สุด จะมีผญ ใส่บิกีนี่เต้นอยู่ข้างบันได1คน
และจะมีเวทีอยู่หน้าสุด จะมีผญ ใส่บิกีนี่ 2 คนเต้นอยู่ แต่น่าเสียดายครับ ผมเดินเข้าไปไม่ไหว คนเยอะเหลือเกิน
ส่วนชั้น 2 จะเบามาหน่อย มีเวทีเป็นของตัวเองแต่จะไม่ตื๊ดเท่าชั้นแรกครับ
ชั้น3 ผมว่าดีสุด เหมือนเป็นเพลงแด๊นซ์ๆ ทุกคนจะเต้นกันหมด และทุกคนเหมือนซ้อมกันมาครับ เพราะท่าเต้นเหมือนกันทุกคนเลย 5555
ส่วนการสั่งดริ้ง ก็ไปเคาเตอร์แล้วก้ชี้เลยครับ ผมลองสั่งค็อกเทลมา แต่ไม่เวิคซํกอัน สุดท้ายเลยจบที่เบียร์ครับ
พอดีตอนไปถึงแบตือถือจะหมด เลยเก็บภาพมาได้นิดเดียว แถมมัวแต่เต้นด้วย 555
ลืมบอกไป ผมประจำกันที่ชั้น3 ครับ สบายสุด คนไม่แออัดมากจนเดินไป
อันนี้เป็นภาพจากชั้นแรกครับ
อยู่ได้แป๊ปเดียว ก็ปิดครับ เพราะที่นี่เค้าปิดกันตี2
ขากลับก็เดินออกมาจากผับ
เจอแยกแล้วเลี้ยวขวาแล้วตรงอย่างเดียวก็ถึงโรงแรมเลยครับ
สรุป ถ้าจะไปที่นี่ ก็เดินตรงอย่างเดียวครับ เจอ4 แยกใหญ่ เขียนขื่อโรงแรมอะไรซํกอย่างจำไม่ได้ละครับ ต้องถาม พนง.โรงแรมเอา
หาไม่ยากครับ ดีด้วย เปิดเพลงดี แล้วคนในผับก็เป็นกันเองครับ ผมว่าข้างในก็ค่อนข้างปลอดภัยเลยทีเดียว
เดินเล่นซักพักก็กลับโรงแรมประมาณ ตี3ครับ กลับชาหน่อยเพราะแวะซื้อนู่นซื้อนี่กินต่อ
อ่า~~~ แล้วพรุ่งนี้ต้องตื่น7โมง เพราะแพลนว่าจะไปปราสาท Nagoya แล้วกลับมาช็อปกันครับ
[CR] Nagoya เที่ยว ช็อป กิน ชิวๆ 3วัน
ครั้งนี้ไปเที่ยวมาเมื่อประมาณกลางเดือน พฤศจิกายนครับ ที่Nagoya ตอนนั้นอากาศกำลังดี ไม่หนาวเกินไป เรียกได้ว่าเดินข้างนอกกันได้สบายๆ
ครั้งนี้ขอเน้นไปที่ของกินนะครับ จะไล่ให้เป็นวันๆว่าร้านไหนที่ผมไปกินแล้วประทับใจ
Day 1
ผมมาถึงที่Nagoya ก็เป็นช่วงมืดๆแล้วครับ ประมาณ1ทุ่ม เลยต้องรีบเช็คอินที่โรงแรมก่อนแล้วจึงค่อยออกมาหาอะไรทาน
โดยผมพักที่โรงแรม Nagoya Tokyu Hotel (มันมี2ที่นะครับ อีกที่อยู่ตรงSakae)
พอเช็คอินเสดปุ๊ป ผมก็รีบบึ่งไปทานข้าวเย็นกันเลย โดยมื้อแรกผมเริ่มจาก Hitsumabushi หรือ ข้าวหน้าปลาไหลฉบับNagoya
ร้านที่ผมเลือกคือร้านนี้ครับ (พนักงานโรงแรมเขาบอกมาน่ะครับว่าอร่อย)
ซึงถ้าออกจากโรงแรมก็เลี้ยวมาทางขวา พอถึงหัวมุมถนน ร้านนี้จะอยู่ตรงข้ามนะครับ ข้ามถนนไปก็ถึงเลย(ขออภัยที่บอกชื่อร้านไม่ได้ ผมอ่านญี่ปุ่นไม่ออกครับ 555)
ว่าแล้วก็มาดูเมนูในร้านกันครับ
สำหรับข้าวหน้าปลาไหลนะครับ มี4 size คือ เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก ตามที่พนักงานร้านเขาบอกมา (ทั้งร้านมี3คน แต่พูดได้คนเดียว)
ส่วนผมขอจัดเลยครับ ขนาดใหญ่
ระหว่างรอด้วยความหิวก็นั่งดูเขาปิ้งปลาไปครับ ขอบอกตรงนี้เลยครับ หอมมาก!!!!
รอซักประมาณ10นาที ก็พร้อมรับประทานครับ!!
เขาบอกว่ามีการทาน3 แบบ คือ 1.ทานทั้งอย่างนั้นเลย 2.ใส่เครื่องเคียงลงไป 3.ทำเหมือนแบบที่2แต่ใส่น้ำซุปลงไป
ว่าแล้วก็ดูหน้าตาก็มันกันครับ
อีกซักรูป
ซูมใกล้ๆหน่อย
มาลองแบบที่1กันก่อนครับ
ผมว่าแบบแรกที่อร่อยแบบ เบๆเลยครับ คือปลาหอม หวาน กรอบนิดๆตรงส่วนหนัง ข้าวก็ร้อนกำลังดี อ่า~~~~~~ บอกได้คำว่าฟิน
ว่าแล้วเราก็มาต่อแบบที่2กันครับ
ผมว่าแบบนี้อร่อยกว่าแบบแรก มันจะมีกลิ่นหอมนิดๆกับรวเค็มของสาหร่าย บวกกับความเผ็ดของวาซาบิครับ ปกติผมไม่กินวาซาบิ แต่ที่วาซาบิหอมมากๆครับ ทานได้สบายๆ
ส่วนแบบที่3 ผมไม่ได้ถ่ายมาครับ แต่ส่วนตัวไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ เพราะน้ำซุปจะทำให้ปลาไกลไม่ค่อยกรอบเท่าไหร่ครับ แถมยังจืดๆอีกต่างหาก
สำหรับแบบชามใหญ่ ผมว่าทานคนเดียวก็อิ่มครับ แต่สำหรับผมคงยังไม่พอ ต้องต่อด้วย ไข่เจียวปลาไหล(จำภาษาญี่ปุ่นไม่ได้ครับ น่าจะประมาณ Uni Tamagoyaki)
สุดท้ายก็ตบท้ายด้วยน้ำชาอุ่นๆซักถ้วยครับ
ต่อไปก็เป็นช่วงเวลาเดินย่อยครับ
ข้างๆโรงแรมจะมีร้านยาใหญ่ๆอยู่หนึ่งร้านครับ เข้าไปแวะช็อปปิ้งได้สบายๆ มีทุกอย่างที่อย่างได้ครับ โฟมล้างหน้า กันแดด บลาๆๆ ส่วนราคานี่ ถูกกว่าไทยแน่นอนครับ
คราวนี้ผมจะเดินไปทางด้านซ้ายของโรงแรมครับ ซึ่งด้านซ้ายจะมุ่งหน้าไปยังสถานีSakae โดยละแวกนั้นจะมีห้างสรรพสินค้าเยอะมากมาย
ผมมาสำรวจสำหรับที่จะมาช็อปปิ้งพรุ่งนี้ครับ ส่วนสถานที่ที่ไปถ่ายรูปก็มีพวก สถานีโทรทัศน์ ชิงช้า ครับ แต่พอดีผมว่าไม่ค่อยเท่าไหร่ เลยถ่ายผ่านๆมา
ถ่ายไว้ก่อนกันหลงครับ
ขอบอกเลยครับว่าผมเดินกันแบบ มั่วมากๆๆๆๆ คือเดินๆ เลี้ยว เดินๆๆ เลี้ยว
เจอไรอยากกินก็กิน แต่จริงๆเป้าหมายหลักของมือดึกคือร้าน ยามะจัง ครับ
ถ้าถามว่าเดินถูกไหม ตอบได้เลยครับ ไม่! 55555 เพราะกว่าจะตั้งใจหา ผมก็เดินเลี้ยวมาไกลแล้ว
จึงถือโอกาสแวะหาของหวานพร้อมกับถามทางไปด้วย
ผมเลือกร้านนี้ครับ ไอติมผัด เห็นป้ายน่ากินมั่กๆ
ไอติมก็ จิ้มมั่วๆครับ อารมณ์เหมือน โยเกิร์ต ผสม พวกเบอร์รี่เยอะๆ
หน้าตาก็ประมาณนี้ครับ
พอซื้อเสร็จก็ได้ความว่า เดินไปเรื่อยๆ ขวา เดินไปอีกหนึ่งบล็อค ซ้าย แล้วก็เดินไปอีก ขวา
งงครับ! เอาเป็นว่าลองเดินดู ไม่เจอค่อยว่ากัน
พอเดินไปตามที่บอกก็เจอนะครับ แต่เป็นร้านคาราอาเกะ
ซึ่งคนเยอะมากกกกกก ไม่รู้ดังหรือเปล่า แต่ไม่ได้กินครับ เรามุ่งมั่นกับยามะจัง
โชคดีที่ตรงนั้นมีผู้หญิงแจกใบปลิวใสุ่ดกระต่ายน้อยแจกอยู่พอดี เลยถือโอกาสเข้าไปถามซะเลย
ผลก็คือ เค้าพูดอังกฤษไมาได้ครับ แต่ชี้ให้เราเดินไปทางขวา ประมาณว่า อีกนิดเดียวก็ถึง แต่ต้องรีบๆเพราะจะปิดแล้ว
เลยวิ่งกันเลยครับ ไปประมาณซัก3นาทีก็ถึงแล้ว
ร้านปิด23:00ครับ ผมไปถึงตอน 22:55 ซึ่งกำลังจะปิดพอดี แต่เขาคงเห็นเราเป็นต่างชาติ แถมพูดญี่ปุ่นไม่ได้อีก เลยบอกให้เข้ามานั่งกินก่อน ไม่เป็นไร พวกผมได้นั่งกันที่ชั้น3 ครับ ขอบอกว่าบรรไดเล็กและแคบมากกกก
ว่าแล้วมาดูเมนูกันดีกว่าครับ
ก็จัดเลยครับ เบียร์หนึ่ง ไก่หนึ่ง ซุปอีกหนึ่ง ด้วยความอยาก
รอซํก20นาทีก็มาละครับ ไก่ทอดสูตรเด็ดวันนี้
ผมว่าส่วนตัวก็โอเคนะครับ แต่ถ้าคาดหวังมากๆๆๆๆ ก็อาจจะผิดหวังได้ เพราะไม่ได้อร่อยขนาดนั้น ออกแนวเค็มๆเผ็ดๆ แต่ก็โอเคครับ ถือว่ามาถึงละได้กินยามะจัง
ตบท้ายกันด้วยซุปอุ่นๆครับ
และนี่คือค่าเสียหายทั้งหมดครับ
สรุปนะครับ ถ้าอยากมาชิมผมว่าก็มาได้นะครับ นับว่าโอเคไม่ได้เลวร้าย แต่ถ้ามาเพราะหวังว่าจะอร่อยมากกกก ก็อาจจะผิดหวังซํกนิดนะครับ ปล.ผมว่าเต้าหู้ในซุปอร่อยสุดครับ
หลังจากทานเสร็จก็ถามต่อเลยครับ เพราะที่ๆเราจะไปต่อคือ ID Night club ตามที่พนง.โรงแรมบอกมา เขาบอกว่าเป็นคลับที่ดีที่สุดในNagoya
จากการถามลุงๆในร้าน เขาไม่รู้จักครับ เลยตัดสินใจย้อนกลับมาถามน้องกระต่ายคนเดิม เพราะดูแล้วอายุน่าจะเด็กอยู่ น่าจะรู้จัก
ผลลัพธ์ก็คือ เธอรู้ครับ แล้วมันก็อยู่ใกล้เรานิดเดียว แค่เดินำปหนึ่งแยกก็เจอเลย
ใช้เวลาเดินมาประมาณ5นาทีก็ถึง
ขอบอกเลยครับว่าบรรยากาศหน้าร้านน่ากลัวมาก เป็นคนตัวใหญ่ๆใส่ชุดสีดำยืนกัน3-4คน
ร้านเป็นตึกแถว สูง4ชั้น กล้าๆกลัวๆแต่ก็นะ มาถึงละ เอาซะหน่อย
การเข้าไปในร้านเราต้องซื้อTicket ครับ ผญ 3 drink ผช 5 drink ส่วนราคาก็แตกต่างกันนะครับ
ของผชจะแพงกว่านิดหน่อย พอซื้อเสร็จก็เข้าไปข้างในกันเลยครับ
ชั้นแรกที่เดินเข้าไปคือ ตื๊ดสุด ใหญ่สุด จะมีผญ ใส่บิกีนี่เต้นอยู่ข้างบันได1คน
และจะมีเวทีอยู่หน้าสุด จะมีผญ ใส่บิกีนี่ 2 คนเต้นอยู่ แต่น่าเสียดายครับ ผมเดินเข้าไปไม่ไหว คนเยอะเหลือเกิน
ส่วนชั้น 2 จะเบามาหน่อย มีเวทีเป็นของตัวเองแต่จะไม่ตื๊ดเท่าชั้นแรกครับ
ชั้น3 ผมว่าดีสุด เหมือนเป็นเพลงแด๊นซ์ๆ ทุกคนจะเต้นกันหมด และทุกคนเหมือนซ้อมกันมาครับ เพราะท่าเต้นเหมือนกันทุกคนเลย 5555
ส่วนการสั่งดริ้ง ก็ไปเคาเตอร์แล้วก้ชี้เลยครับ ผมลองสั่งค็อกเทลมา แต่ไม่เวิคซํกอัน สุดท้ายเลยจบที่เบียร์ครับ
พอดีตอนไปถึงแบตือถือจะหมด เลยเก็บภาพมาได้นิดเดียว แถมมัวแต่เต้นด้วย 555
ลืมบอกไป ผมประจำกันที่ชั้น3 ครับ สบายสุด คนไม่แออัดมากจนเดินไป
อันนี้เป็นภาพจากชั้นแรกครับ
อยู่ได้แป๊ปเดียว ก็ปิดครับ เพราะที่นี่เค้าปิดกันตี2
ขากลับก็เดินออกมาจากผับ
เจอแยกแล้วเลี้ยวขวาแล้วตรงอย่างเดียวก็ถึงโรงแรมเลยครับ
สรุป ถ้าจะไปที่นี่ ก็เดินตรงอย่างเดียวครับ เจอ4 แยกใหญ่ เขียนขื่อโรงแรมอะไรซํกอย่างจำไม่ได้ละครับ ต้องถาม พนง.โรงแรมเอา
หาไม่ยากครับ ดีด้วย เปิดเพลงดี แล้วคนในผับก็เป็นกันเองครับ ผมว่าข้างในก็ค่อนข้างปลอดภัยเลยทีเดียว
เดินเล่นซักพักก็กลับโรงแรมประมาณ ตี3ครับ กลับชาหน่อยเพราะแวะซื้อนู่นซื้อนี่กินต่อ
อ่า~~~ แล้วพรุ่งนี้ต้องตื่น7โมง เพราะแพลนว่าจะไปปราสาท Nagoya แล้วกลับมาช็อปกันครับ