ตอนที่ผ่านมา ที่คุณพ่อได้รู้ความจริงว่า คุณวสา แอบจดทะเบียนแต่งงานกับแสงฉานแล้ว
เรารู้สึกสะดุดใจกับคำพูดของวสาตอนที่ร้องไห้มากที่ว่า
คุณวสา คือ ความหวัง
เจ้าอัน คือ ความสนุก เฮฮาไปไหนไปกัน
หนูอิน คือ ความเอ็นดู
เราว่าบทมันสื่อออกมาได้ชัดเจนถึงแนวทางการเลี้ยงดูที่แตกต่างสามแบบ แม้แต่การเรียกชื่อลูกที่ต่างกัน ก็ทำให้เข้าใจความรู้สึกของพ่อที่มีต่อลูกได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ซึ่งการเลี้ยงดูสามแบบ ก็ทำให้เกิดเรื่องราวที่ตามมากับชีวิตของลูกๆทั้งสามตามที่ละครได้เสนอ เออ เราว่าคนเขียนบทก็เขียนได้มีสาระน่าคิดดีนะ
ชีวิตของคุณวสา
การเรียกลูกคนโตที่เป็นลูกติดของพ่อว่า"คุณวสา" มันบ่งบอกถึงการที่พ่อยกลูกคนนี้ไว้ที่หิ้ง พ่อคาดหวังให้ลูกคนโตประสบความสำเร็จ เป็นตัวอย่างที่ดี เป็นที่พึ่งของน้องๆที่น้องจะรู้สึกทั้งเคารพและรัก พอมันกลายเป็นความหวัง มันก็เกิดการตีกรอบ ว่าลูกควรจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ แต่การที่เรียกลูกว่า "คุณ" มันเหมือนกับการให้ความเคารพและอำนาจในการตัดสินใจชีวิตของลูกกลายๆด้วยหรือเปล่า ดังนั้นลูกคนนี้แทนที่จะทำตามกรอบที่พ่อขีดไว้ ก็จะมีการต่อต้านเสมอ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เคยดูซีรี่ส์ฝรั่งอันหนึ่ง พ่อก็เหมือนจะตีกรอบให้ลูกชายแบบนี้ จนลูกกลายเป็นคนไม่เชื่อมั่นในตัวเอง ขาดความเป็นผู้นำ ปู่เลยแนะนำว่า ลองให้เขาได้ทำอะไรเองบ้าง เริ่มต้นด้วยการ เรียกลูกว่า Mr manager กับร้านเล็กๆที่ลูกจัดการอยู่ เท่านั้นแหละ ลูกถึงรู้สึกถึงความมีอำนาจในการตัดสินใจที่ได้รับจากพ่อ เราแอบคิดนะว่า ถ้าคุณพ่อเรียกลุกคนนี้ว่า "หนูวสา" หรือ "วสา" ผลลัพธ์อาจจะเปลี่ยนก็ได้
ทีนี้คุณวสาที่มักจะทำอะไรนอกกรอบเสมอ พอได้มีอิสระเต็มที่ในเมืองนอก ก็เลยถือสิทธิ์ขาดในการตัดสินใจชีวิตของตนไว้เพียงผู้เดียว การที่ได้มารักกับแสงฉาน ก็น่าจะเพราะแสงฉานเป็นคนที่ยอมวสาทุกอย่าง ไม่ขัด ไม่หือ ไม่อือ ทำให้วสารู้สึกมีคอนโทรลในความสัมพันธ์ ทีนี้ปัญหาก็ตามมาสิ เมื่อกลับเมืองไทย กรอบที่เคยหายก็กลับมา ความคาดหวังที่เคยได้กดดันจากพ่อ ก็โถมใส่สามีเต็มๆ และสามีที่ไม่เคยหือ กลับแอบแหวกกรอบไปเปิดร้านที่ตนไม่เห็นด้วยอีกต่างหาก ชีวิตคู่จะรอดไม่รอดก็ต้องรอลุ้นในละคร
ชีวิตของเจ้าอัน
อันตราเป็นลูกติดภรรยา คุณพ่อก็เลยต้องเลี้ยงแบบเกรงใจให้ความเคารพพ่อที่แท้จริงของอันตรา คุณพ่อก็เลยต้องเลี้ยงแบบห่วงๆอยู่ห่างๆ ซึ่งเราว่าเลี้ยงแบบนี้ดี ไม่กดดันทั้งสองฝ่าย คนเป็นพ่อไม่คาดหวังอะไรจากลูก คนเป็นลูกก็ได้มีโอกาสทำตามปรารถนา สองฝ่ายมีความรักความเข้าใจความเคารพซึ่งกันและกันเป็นที่ตั้ง อันตราก็เลยได้ลองนู่นนี่ ทำงานเป็นนักสืบอิสระงานที่ลูกผู้หญิงบ้านไหนจะได้ทำบ้าง เราชอบตอนที่อันตรากะเผลกๆ แล้วพ่อพยายามจะพยุง แต่อันตราบอกว่า ไม่ต้อง อันต้องหัดเดินเองให้ได้ ลูกแบบนี้จะเรียนรู้ผิดถูกด้วยตัวเองได้ดีนะเราว่า
ชีวิตของหนูอิน
หนูอิน ผู้เป็นดั่งแก้วตาดวงใจของพ่อ ความหวง ความห่วงที่มากไป มากจนลูกอึดอัดได้ ทำให้ลูกอาจจะไม่กล้าตัดสินใจกับชีวิตตัวเอง ขาดความเชื่อมั่นได้ง่ายๆ อาจกลายเป็นคนไม่สู้คน สำหรับเราลูกแบบนี้ เรากลัวมากกว่า เหมือนคลื่นใต้น้ำ เดาทางไม่ถูก
ไม่แปลกใจนะว่าทำไมหนูอินจะชอบคนคราวพ่อ
นอกจากชีวิตของสามสาวที่น่าสนใจว่าดำเนินไปอย่างไร สิ่งที่ชอบดูก็คือ คู่พ่อและแม่ คุณกบ นี่บทพ่อนี่ถนัดแกเลยนะ บทจะซึ้งก้ได้ บทจะฮาก็ได้ แต่บทของแม่โดยคุณ อุ๋ม เราไม่เคยเห็นเธอแสดง เราว่ามันมีความธรรมชาติสูงมาก การออกเสียง แววตาที่แสดง ทั้งให้กำลังใจ หรือ ผิดหวัง เราว่าเล่นน้อยแต่เยอะ ตอนที่อาสิตแวะมาแล้วแม่พาให้มาคุยกับอันตราที่นอนเล่นเกมอยู่ คอนที่พูดพาแขกเข้าบ้าน แซวลูกสาวเรื่องติดเกม มันเหมือนไม่ได้แสดงอ่ะ
อีกตัวแสดงที่ชอบมากคือ อาศักดิ์ (อนันต์ บุนนาค) เล่นเข้าขา ขัดขากับคุณพ่อได้ฮามาก ฝั่งหนุ่มๆ ก็เล่นดีตามคาแรกเตอร์ มีตอนหนึ่ง หน้าลิฟท์ระหว่าง อเล็กซ์ กับ หลุยส์ ที่เหมือนจะนอกบทคุยกัน ขำดี ส่วนสามสาวถือว่าเล่นผ่านละกัน ติดขัดบ้างแต่ไม่มาก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้หลังๆมาเริ่มฟินกับคู่สอง ที่ฟินเพราะตามบท ที่ตอนนี้ เวศ ทำนัวเนียส่งสายตาวิ้งๆกับอันตรา แต่ปากและการกระทำกลับทำให้คนเข้าใจผิดว่ามาชอบน้องสาวแทน เวลาเวศมองอันตราหวานๆ เราใจหวิวๆแฮะ แต่สักพักก็รู้สึกเจ็บหนึบๆ ทำนองว่าเขาไม่ได้ชอบเรานะ
สุดท้าย ไม่รู้ว่าบทมีการปรับให้ตามสมัยหรือเปล่า เพราะเราไม่เคยดูเวอร์ชั่นก่อน เราชอบที่ได้เห็น แสงฉาน ในบทเชฟอินดี้ ที่ึคิดจะมีกิจการ แต่บางทีลืมมองแง่ธุรกิจ ดูแล้วก็ทำให้คนที่อยากจะมีธุรกิจต้องคิดรอบด้านนะ อย่างที่ วสา ติง เราก็เห็นด้วยนะ เรื่อง ไม่มีที่จอดรถ ร้านอยู่ในซอย ห้องน้ำอยู่ข้างนอกไม่สะดวก การที่จะเพิ่มบาร์ไวน์จะทำให้ร้านข้างในอึดอัดมากกว่าเดิม ถ้าอยากจะมีต้องหาที่ใหญ่กว่านี้ อะไรต่างๆแบบนี้ เราว่าฟังแล้วสนุกดี หรืออย่าง เวศ ที่มีอาชีพเป็นโบรกเกอร์ แล้วก็เปิดบริษัทหลักทรัพย์ มันเริ่มมีอะไรแล้วนะกับบทละครของไทย ถ้าลงรายละเอียดด้านสัมมาชีพให้เยอะกว่านี้ จะดีมากเลย
แนวคิดการเลี้ยงลูกของคุณพ่อ สามใบไม่เถา
เรารู้สึกสะดุดใจกับคำพูดของวสาตอนที่ร้องไห้มากที่ว่า
คุณวสา คือ ความหวัง
เจ้าอัน คือ ความสนุก เฮฮาไปไหนไปกัน
หนูอิน คือ ความเอ็นดู
เราว่าบทมันสื่อออกมาได้ชัดเจนถึงแนวทางการเลี้ยงดูที่แตกต่างสามแบบ แม้แต่การเรียกชื่อลูกที่ต่างกัน ก็ทำให้เข้าใจความรู้สึกของพ่อที่มีต่อลูกได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ซึ่งการเลี้ยงดูสามแบบ ก็ทำให้เกิดเรื่องราวที่ตามมากับชีวิตของลูกๆทั้งสามตามที่ละครได้เสนอ เออ เราว่าคนเขียนบทก็เขียนได้มีสาระน่าคิดดีนะ
ชีวิตของคุณวสา
การเรียกลูกคนโตที่เป็นลูกติดของพ่อว่า"คุณวสา" มันบ่งบอกถึงการที่พ่อยกลูกคนนี้ไว้ที่หิ้ง พ่อคาดหวังให้ลูกคนโตประสบความสำเร็จ เป็นตัวอย่างที่ดี เป็นที่พึ่งของน้องๆที่น้องจะรู้สึกทั้งเคารพและรัก พอมันกลายเป็นความหวัง มันก็เกิดการตีกรอบ ว่าลูกควรจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ แต่การที่เรียกลูกว่า "คุณ" มันเหมือนกับการให้ความเคารพและอำนาจในการตัดสินใจชีวิตของลูกกลายๆด้วยหรือเปล่า ดังนั้นลูกคนนี้แทนที่จะทำตามกรอบที่พ่อขีดไว้ ก็จะมีการต่อต้านเสมอ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ เราแอบคิดนะว่า ถ้าคุณพ่อเรียกลุกคนนี้ว่า "หนูวสา" หรือ "วสา" ผลลัพธ์อาจจะเปลี่ยนก็ได้
ทีนี้คุณวสาที่มักจะทำอะไรนอกกรอบเสมอ พอได้มีอิสระเต็มที่ในเมืองนอก ก็เลยถือสิทธิ์ขาดในการตัดสินใจชีวิตของตนไว้เพียงผู้เดียว การที่ได้มารักกับแสงฉาน ก็น่าจะเพราะแสงฉานเป็นคนที่ยอมวสาทุกอย่าง ไม่ขัด ไม่หือ ไม่อือ ทำให้วสารู้สึกมีคอนโทรลในความสัมพันธ์ ทีนี้ปัญหาก็ตามมาสิ เมื่อกลับเมืองไทย กรอบที่เคยหายก็กลับมา ความคาดหวังที่เคยได้กดดันจากพ่อ ก็โถมใส่สามีเต็มๆ และสามีที่ไม่เคยหือ กลับแอบแหวกกรอบไปเปิดร้านที่ตนไม่เห็นด้วยอีกต่างหาก ชีวิตคู่จะรอดไม่รอดก็ต้องรอลุ้นในละคร
ชีวิตของเจ้าอัน
อันตราเป็นลูกติดภรรยา คุณพ่อก็เลยต้องเลี้ยงแบบเกรงใจให้ความเคารพพ่อที่แท้จริงของอันตรา คุณพ่อก็เลยต้องเลี้ยงแบบห่วงๆอยู่ห่างๆ ซึ่งเราว่าเลี้ยงแบบนี้ดี ไม่กดดันทั้งสองฝ่าย คนเป็นพ่อไม่คาดหวังอะไรจากลูก คนเป็นลูกก็ได้มีโอกาสทำตามปรารถนา สองฝ่ายมีความรักความเข้าใจความเคารพซึ่งกันและกันเป็นที่ตั้ง อันตราก็เลยได้ลองนู่นนี่ ทำงานเป็นนักสืบอิสระงานที่ลูกผู้หญิงบ้านไหนจะได้ทำบ้าง เราชอบตอนที่อันตรากะเผลกๆ แล้วพ่อพยายามจะพยุง แต่อันตราบอกว่า ไม่ต้อง อันต้องหัดเดินเองให้ได้ ลูกแบบนี้จะเรียนรู้ผิดถูกด้วยตัวเองได้ดีนะเราว่า
ชีวิตของหนูอิน
หนูอิน ผู้เป็นดั่งแก้วตาดวงใจของพ่อ ความหวง ความห่วงที่มากไป มากจนลูกอึดอัดได้ ทำให้ลูกอาจจะไม่กล้าตัดสินใจกับชีวิตตัวเอง ขาดความเชื่อมั่นได้ง่ายๆ อาจกลายเป็นคนไม่สู้คน สำหรับเราลูกแบบนี้ เรากลัวมากกว่า เหมือนคลื่นใต้น้ำ เดาทางไม่ถูก
ไม่แปลกใจนะว่าทำไมหนูอินจะชอบคนคราวพ่อ
นอกจากชีวิตของสามสาวที่น่าสนใจว่าดำเนินไปอย่างไร สิ่งที่ชอบดูก็คือ คู่พ่อและแม่ คุณกบ นี่บทพ่อนี่ถนัดแกเลยนะ บทจะซึ้งก้ได้ บทจะฮาก็ได้ แต่บทของแม่โดยคุณ อุ๋ม เราไม่เคยเห็นเธอแสดง เราว่ามันมีความธรรมชาติสูงมาก การออกเสียง แววตาที่แสดง ทั้งให้กำลังใจ หรือ ผิดหวัง เราว่าเล่นน้อยแต่เยอะ ตอนที่อาสิตแวะมาแล้วแม่พาให้มาคุยกับอันตราที่นอนเล่นเกมอยู่ คอนที่พูดพาแขกเข้าบ้าน แซวลูกสาวเรื่องติดเกม มันเหมือนไม่ได้แสดงอ่ะ
อีกตัวแสดงที่ชอบมากคือ อาศักดิ์ (อนันต์ บุนนาค) เล่นเข้าขา ขัดขากับคุณพ่อได้ฮามาก ฝั่งหนุ่มๆ ก็เล่นดีตามคาแรกเตอร์ มีตอนหนึ่ง หน้าลิฟท์ระหว่าง อเล็กซ์ กับ หลุยส์ ที่เหมือนจะนอกบทคุยกัน ขำดี ส่วนสามสาวถือว่าเล่นผ่านละกัน ติดขัดบ้างแต่ไม่มาก [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สุดท้าย ไม่รู้ว่าบทมีการปรับให้ตามสมัยหรือเปล่า เพราะเราไม่เคยดูเวอร์ชั่นก่อน เราชอบที่ได้เห็น แสงฉาน ในบทเชฟอินดี้ ที่ึคิดจะมีกิจการ แต่บางทีลืมมองแง่ธุรกิจ ดูแล้วก็ทำให้คนที่อยากจะมีธุรกิจต้องคิดรอบด้านนะ อย่างที่ วสา ติง เราก็เห็นด้วยนะ เรื่อง ไม่มีที่จอดรถ ร้านอยู่ในซอย ห้องน้ำอยู่ข้างนอกไม่สะดวก การที่จะเพิ่มบาร์ไวน์จะทำให้ร้านข้างในอึดอัดมากกว่าเดิม ถ้าอยากจะมีต้องหาที่ใหญ่กว่านี้ อะไรต่างๆแบบนี้ เราว่าฟังแล้วสนุกดี หรืออย่าง เวศ ที่มีอาชีพเป็นโบรกเกอร์ แล้วก็เปิดบริษัทหลักทรัพย์ มันเริ่มมีอะไรแล้วนะกับบทละครของไทย ถ้าลงรายละเอียดด้านสัมมาชีพให้เยอะกว่านี้ จะดีมากเลย