สวัสดีค่ะเพื่อนชาว pantip ทุกคน วันนี้มีเรื่องหลอนๆมาแบ่งปันกันค่ะ
เรื่องที่จะมาเล่าต่อไปนี้ไม่แน่ใจว่าใช่ผีหรือเปล่า ... อาจจะเป็นเจ้าที่ แต่ยังไงก็หลอน ~ พอๆกันค่ะ
เอาล่ะ เริ่มกันเลย !!
ย้อนวัยไปตอนม. 3 ช่วงนั้นเป็นช่วงที่พวกลูกเสือ เนตรนารี บำเพ็ญประโยชน์ต้องไปเข้าค่ายกัน
ค่ายที่จะไปพักแรมกันนั้นอยู่บนเขาค่ะ พอไปถึงเพื่อนก็เฮกันเลย เพราะบรรยากาศดีมาก หมองจางๆ
โดยรวมคือสวยสุดยอดเลยค่ะ พอไปถึงคุณครูก็บอกให้เดินตามเจ้าหน้าที่เข้าไปข้างในอีก
เรามองตามนี่ก็แบบ.. บรรยากาศมันอึนทะมึนแปลกๆแฮะ ไอเราก็เดินตามเข้าไป สองข้างทางนี่เป็นป่าหมดเลย
อากาศเย็นๆตามประสาป่าเขาลำเนาไพร 5555 ก็เดินไปเรื่อยๆค่ะ พอถึงก็เป็นลานซีเมนต์กว้างๆ
ครูก็บอกให้ทุกคนนั่ง แล้วก็พูดเรื่องการนัดหมาย การทำกิจกรรม บลาๆ ~
จนมาถึงการจัดที่อยู่หลับนอน ... หึๆ จุดพลิกมันอยู่ตรงนี้ โถ่วๆๆๆๆ ครูสั่งให้จัดกลุ่มละ 8 คน
เพราะที่พักมันเป็นเหมือนรีสอร์ทค่ะ มีบ้านหลังเล็กๆน่ารักๆตั้งอยู่เต็มเขาหลายหลังเลย เราก็สะดุดตาอยู่หลังนึง
เป็นบ้านหลังใหญ่กว่าหลังอื่น มี 2 ชั้น ดูสบายกว่าหลังอื่นมากๆเลย เราก็พูดกับเพื่อนว่า เออ อยากพักหลังนี้ว่ะ
เพื่อนก็บอกใช่ๆ โครตน่าอยู่เลย หลังจากนั้นก็ไม่ได้สนใจอะไร พอทุกคนจัดกลุ่มกันครบแล้ว
ก็รอให้ครูพาไปที่พัก เรากับเพื่อนก็นั่งรอให้ครูพากลุ่มแรกๆไปก่อน เพราะเราอยู่กลุ่มเกือบท้ายๆเลย
สักพักก็ใกล้จะถึงกลุ่มเรา ก็มีเจ้าหน้าที่เดินมากระซิบๆกับครูว่าอะไรสักอย่าง
จากนั้นครูก็เดินมาบอกพวกเราว่า ให้สองกลุ่มสุดท้ายรวมกันเป็นกลุ่มเดียว แล้วไปพักที่หลังนั้น
ครูพูดจบก็ชี้ไปที่บ้านหลังใหญ่ที่สุด เรากับเพื่อนอีกหลานคนก็เฮไปตามๆกัน แล้วก็พูดว่า โชคดีว่ะๆๆ ซ้ำไปซ้ำมา
แต่ละคนนี่หน้าตาระรื่นกันเชียว 555555 (ระรื่นกันให้พอ ต่อจากนี้มันจะไม่ระรื่นแล้วนะ กระซิก ~)
ครูก็นำพวกเรามาหน้าที่พัก พวกที่ความคิดเร็ว ขาเร็ว รีบวิ่งขึ้นไปบนชั้น 2 กันเลยค่ะ
แต่ไม่ทันจะได้เหยียบบนชั้นสอง ครูรีบตะโกนไปเลยค่ะว่าห้ามขึ้นไปบนชั้น 2 เด็ดขาด ให้อยู่แค่ชั้นล่างเท่านั้น
แต่ละคนนี่หน้าจ๋อยเลย จริงๆแล้วชั้นแรกก็ใช่ว่าจะพักกันไม่พอนะคะ สำหรับ 16 ชีวิต ข้างในกว้างมาก สบายมาก
อาจเพราะด้านบนมองเห็นดวงอาทิตย์ขึ้น ทำเลดีมั้งคะ ก็เลยอยากจะนอนกัน
เพื่อนๆนึกภาพตามนะคะ ที่พักเป็นบ้านรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่ แบ่งเป็นสองฟาก แล้วมีห้องโถงตรงกลาง
พอเดินออกมาจากห้องพัก ด้านซ้ายก็เป็นห้องน้ำขนาดใหญ่ ห้องน้ำติดกับบันไดที่จะขึ้นไปชั้นสอง
บรรยายการศบริเวณนั้นขนลุกแบบบรรยายไม่ถูกเลย แต่ก็พยายามไม่คิดอะไร
มาต่อกันที่ในห้องดีกว่า ที่นอนเป็นแบบเตียงสองชั้น เรียงกันเป็นสองแถวตามแนวยาว
มีที่เก็บของเป็นกล่องไม้เล็กๆ 3 ชั้น อยู่ข้างหัวเตียงทุกเตียง แล้วเบาะ หมอน ผ้าห่ม นี่ก็หอมเว่อร์ นิ่มเวอร์
คือเราก็คิดในใจว่า เออ ที่พักสบายๆแบบนี้ ทำไมเอามาให้พวกกูนอนว้ะ ปกติที่สบายๆแบบนี้หนีไม่พ้นพวกคุณครูอยู่แล้ว จริงป้ะล่ะ?
เราก็จัดที่หลับที่นอนกัน เก็บของ อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อ แล้วสักพักคุณครูก็ตามออกไปกินข้าว
เหตุการก็ยังปกติค่ะ ไม่มีอะไร พวกที่กินข้าวเสร็จกันเร็วก็ออกไปถ่ายรูปบ้าง เล่นกันบ้าง
เพื่อที่จะรอเวลาไปทำกิจกรรมอย่างอื่นต่อ ตอนนั้นเป็นเวลาเย็นๆแล้ว เริ่มมืดแล้ว
พอกลุ่มเรากินข้าวข้าวกันเสร็จก็ออกไปเล่นชิงช้ากันค่ะ เป็นชิงช้า 5 ตัวโดดๆเลย ตั้งอยู่หน้าบ้านไม้เล็กๆ
เพิ่งมาสังเกตุว่าบ้านไม้เล็กๆเนี้ย มันอยู่ใกล้ที่พักเรานี่หว่า ทำไมเพิ่งเห็นวะ แต่ก็ยังไม่สนใจ
เรากับเพื่อนก็เล่นชิงช้ากันไปสนุกสนานค่ะ ตัวชิงช้าเนี่ยหันหลังให้บ้านไม้นะคะ ทำให้เรามองตรงไปแต่ที่เพื่อนๆเค้านั่งเล่นกัน
ไม่ได้หันหน้าไปทางบ้านไม้ เราก็เล่นไปซักพัก ก็มีเพื่อนคนอื่นๆเดินผ่านไปผ่านมา แล้วหันมามองทางพวกเราแปลกๆ
เราก็สงสัย เลยหันไปถามเพื่อนข้างๆ ว่ามีไรวะ ไอเพื่อนเราก็ตอบแบบติดตลก มันตอบว่า ก็ต้องมองสิวะ พวกกูสวยซะขนาดเนี้ย
พูดจบแล้วมันก็หัวเราะ (แต่เราไม่ตลกด้วยจริงๆ คือมันมองแบบแปลกไปอะ) ก็เล่นต่อไปเรื่อยๆ
จนมีเพื่อนคนนึงกวักมือเรียกปอม (นามสมมติ) เพื่อนเราไป ปอมก็ลุกไปแบบงงๆนะคะ คนที่เรียกไปพูดอะไรกับปอมไม่รู้
พูดเสร็จปอมมันก็รีบวิ่งหน้าตาตื่นๆมาบอกว่า เห้ย พวกแก ไอนิ้ม (นามสมมติ) มันบอกว่าใครไม่รู้ยืนมองพวกกูอยู่ที่บ้านไม้ว่ะ
พอปอมพูดจบทุกคนพร้อมใจกันหันไปมองที่บ้านไม้ ควับ !!!! ไม่เห็นมีใครเลย ตอนนั้นขนลุกขึ้นมาเกรียวกราวเลยค่ะ
ทุกคนมองหน้ากันไปมาแล้ววิ่งหนีพร้อมกันโดนมิได้นัดหมาย (ก็มันน่ากลัวจริงๆนะ !)
พอลุกออกมาจากตรงนั้นแล้วทุกคนนั่งเงียบ ไม่มีใครพูดอะไรกัน แต่แล้วครูก็มาเรียกพอดี แหมเวลามันจะเหมาะเจาะอะไรแบบนี้
สถานการณ์ตึงเครียดพอดีเลยค่ะครู ... ถึงเวลาที่ต้องจะไปทำกิจกรรมกันแล้ว เวลาประมาณทุ่มนึงได้มั้ง เพราะมันมืดมากแล้ว
ครูก็บอกว่ากิจกรรมนี้คือเดินป่า ห้ะ !!!! เดินป่า? มืดๆหลอนๆแบบนี้อ่ะนะ? โอ้ย ใครคิดกิจกรรมนี้วะเนี่ย ตอนนั้นความรู้สึกแบบนี้เลย
ครูก็แจกอุปกรณ์ ก็คือไฟฉาย ก็เดินตามวิทยากรกันไปเป็นกลุ่มๆ เพื่อนเราก็ยังไม่มีใครพูดอะไร มันยังคงจะข็อคๆกันอยู่
ท่านผู้อ่านคงจะแบบ แหม เจอแค่นี้ทำเป็นช็อค.. คือขอออกตัวก่อนเลยนะคะ ถ้าไม่อยู่ในบรรยากาศนั้น คงไม่เข้าใจอารมณ์จริงๆ
อารมณ์แบบขนหัวตั้ง ฮือ ~
มาเข้าเรื่องกันต่อ เราเลยเป็นคนพูดคนแรก เราก็พูดขึ้นมาว่า เมื่อกี๊มันใช่จริงๆอ่อวะ? เพื่อนก็บอกว่า กูว่าใช่นะ..
คนที่ดูมีสติสตังค์มากกว่าคนอื่นๆก็พูดว่า พวกแกอย่าคิดมากกันไปเลย มาค่ายมันต้องสนุกนะเว่ย พอๆเลิกคิดได้แล้ว
พวกเราก็ไม่มีใครพูดอะไรอีก วิทยากรก็สอนการเดินป่าไปเรื่อยๆ เดินมาครึ่งชม.ได้ วิทยากรก็บอกให้นั่งพักกันก่อน
อยู่ดีๆวิทยากรก็พูดขึ้นมาว่า น้องๆรู้มั๊ย ตั้งแต่พี่ทำงานที่นี่มา 4-5 ปีเนี่ย ไม่เคยกล้านอนคนเดียวเลย
ถ้าไม่มีคนนอนเป็นเพื่อนพี่จะไม่นอนเด็ดขาด พี่กลับไปนอนบ้านเลย พูดจบวิทยากรก็หัวเราะ
เพื่อนคนอื่นๆก็หัวเราะกัน มีแต่กลุ่มเราเนี่ยแหละ ที่นั่งเงียบมองหน้ากันไปมา
หลังจากที่จบกิจกรรมเดินป่า พวกเราก็เข้าที่พักกัน เพื่อนคนอื่นๆก็แย่งกันอาบน้ำ
กลุ่มเรารอให้ทุกคนอาบน้ำเสร็จก่อน แล้วค่อยไปอาบกันทีเดียว
และแล้วเวลาที่รอคอยก็มาถึง พวกเราไปอาบน้ำกันค่ะ แล้วเกาะกลุ่มเหมือนเด็กอนุบาลเลย 5555
ก็อาบกันเสร็จก็ยังไม่มีอะไร เพราะห้องน้ำสบาย สวย โอ่อ่ามาก ทำให้ลืมเรื่องก่อนหน้านี้ไปซะสนิทเลย
เราก็เข้าห้องกัน แล้วกำลังจะปิดประตู ล็อคกุญแจ ปอมมันก็พูดขึ้นมาว่าใครยังไม่อาบน้ำอีกบ้าง
ก็ยังเหลือเพื่อนอีก 2 คนที่ยังไม่ได้อาบน้ำ
ปอมมันก็พยักหน้า แล้วบอกว่า เดี๋ยวพวกแกอาบน้ำเสร็จแล้วล็อคประตูแล้วเอาโซ่คล้องด้วยนะ ครูบอกว่าประตูไม่ค่อยแข็งแรง
พวกเราก็เดินกันไปเก็บของเตรียมตัวนอนกัน หน้าต่างของที่พักเป็นมุ้งลวด แล้วมีผ้าม่านบางๆปิด
เรานอนกับเพื่อนที่ขี้ร้อน มันบอกว่าแกๆ เราขอเอาผ้าม่านขึ้นนะ ลมจะได้เข้า ร้อนว่ะ
เราก็บอกอือๆ แต่ก็คิดในใจว่า เอาผ้าม่านขึ้นหรอ.. หึๆ เห็นบรรยากาศหลอนๆโครตชัดเลยว่ะ !!!
แต่ก็พูดได้แค่ว่า แกเอาผ้าขึ้นเองแล้วกันนะ เราพูดแล้วก็หลับตา
ไม่รู้ตอนไหนที่หลับไป แต่สักพักก็ได้ยินเสียงปอมมันพูดว่า ไอยุ้ย (นามสมมติ) บ้าป่ะ ตีสามแล้วยังนั่งหวีผมอยู่อีก นอนๆได้แล้ว
เราก็คิด ไอปอมมันบ้าป่าววะ ตีสามใครจะนั่งหวีผม สักพักเราก็หลับอีก แล้วก็สะดุ้งตื่นอีก
ทีนี้ไม่ใช่เสียงคนพูด แต่เป็นเสียง ปัง !!!!! ปัง !!!!! เห้ย เสียงไรวะ แบบดังมากอะ เราลูกขึ้นนั่งดูเลย เป็นเสียงประตูบานใหญ่
ที่ใช้โซ่คล้องไว้ แต่ประตูเปิดอ้ากว้างมาก (เป็นประตูบานพับ 2 บาน) เห็นเป็นป่ามืดๆ ลานกว้างๆที่มีชิงช้าแกว่งไปมา ลมพัดหวืดๆเลย
เราก็หงุดหงิดแบบ เอ้า เชี่ย !! สั่งให้คล้องโช่แล้ว ทำไมไม่คล้องวะ คือตอนนั้นหงุดหงิดมาก เพราะง่วงมาก
ไม่ได้คิดถึงผีหรือสิ่งลี้ลับอะไรเลย แล้วก็ล้มตัวลงนอนอีก แล้วสังพักก็ ปัง !!!!! อีก
เป็นแบบนี้อยู่ 4-5 รอบได้ เราก็แบบ ไม่ไหวแล้วนะ แค่ประตูทำไมลืมล็อควะ
ต่อไป

ก็ลืมใส่กกน.อะ (หงุดหงิดมากเจรงๆ)
ตอนเช้าเราก็บ่นกับเพื่อนว่า

เมื่อคืนนอนไม่ได้เลยสาส ประตูก็ดังอยู่นั่น เราก็เรียกเพื่อนคนที่อาบน้ำคนสุดท้ายมา
เราก็ถามว่า เปรียวทำไมไม่ล็อคประตูอะ เพื่อนเค้านอนกันไม่ได้เลย มันบอกห้ะ..? เราล็อคแล้วๆ
เราก็พูดว่า ล็อคที่ไหนอะ ประตู

เปิดเองปิดเอง ปึงปังทั้งคืน อีกคนก็พูดขึ้นมาว่า เปรียวมันล็อคแล้วจริงๆ
เราเป็นคนช่วยถือโซ่คล้องเอง โซ่

โครตหนักอะ พอพูดจบแค่นั้นแหละ เรานี่ขนลุกเกรียวเลย
แต่ก็ยังก็หันไปถามปอมว่า เมื่อคืนอะละเมอใช่มั้ย? พูดไรไม่รู้ ใครหวีผมไรนั้นอะ
ปอมบอก ละเมอบ้าอะไรล่ะ กูนอนไม่หลับ ว่าจะลุกขึ้นเอาโทรศัพท์มาเล่น

เห็นไอยุ้ยนังหวีผม ทำเอากูหลอนสาส
โทรศัพท์ก็ไม่ได้เล่น นอนก็ไม่หลับอีก ยุ้ยก็ตกใจ ยุ้ยบอกว่า ไรของเนี่ย กูหลับตั้งแต่สามทุ่มยาวมาเช้าเลย จะนั่งหวีผมได้ไง
ปอมมันก็พูดว่า กูเห็นจริงๆ นั่งอยู่บนเตียงชั้น 2 แล้วห้อยขาลงมา หวีผมๆ พอกูพูดยังหันมามองกูเลยตอนนั้นอ่ะ
จิ๊บ (นามสมมติ) (ขอตังชื่อหน่อยแล้วกันเริ่มเล่ายาก 5555 ตัวละครเยอะเกิ้น) ก็พูดว่า ไอยุ้ยมันหลับจริงๆ กูนอนกะมัน
กูนอนไม่หลับทั้ง อยู่ดีๆก็พูดขึ้นมา กูก็ลุกขึ้นไปดูไอยุ้ย ไอยุ้ย

ก็ยังหลับ กูก็นึกว่าละเมอ
ปอมเริ่มหน้าเสีย ทีนี้เราก็พูดขึ้นมาว่า เชี่ยละ พวกกูเจอไรกันนิ?

อยากกลับแล้วว่ะ
น่ากลัวเชี่ยๆ ไหน มีใครเจอไรอีกบ้างป่ะ

เล่าให้หมดดิ้
เราพูดจบก็เห็นบิว (นามสมมติ) ก้มหน้าก้มตา ไม่พูดกับใครเลยตั้งแต่เช้าละ เราก็เลยทักมันว่า บิวเห็นไร มีไรป่ะ
บิวก็สะดุ้งแล้วเงียบไปแป๊บนึง ก็พูดว่า ตอนที่ประตูมันเปิดเองอะ ... กูก็สะดุ้งตื่นแล้วเห็นผู้หญิงเดินไปมาอยู่หน้าประตู
โครตน่ากลัวเลยเว่ย กูก็คลุมโปงเลย สักพักก็หลับแล้วก็ตื่นอีก กูก็เจอแบบเดิมว่ะ
บิวพูดจบมันก็เหมือนจะร้องได้ ไอจิ๊บก็หันไปจับมือบิวแล้วบอกว่าใจเย็นๆ
พอทุกคนต่างเล่าเรื่องที่ตัวเองเจอมาก็ไม่มีใครพูดไรกันอีก
เงียบกันอยู่แบบนั้น เราก็ไปทำกิจกรรมกัน แล้วก็ทนนอนกันอีกคืนนึง
พอรุ่งเช้ารีบจัดของกลับบ้านกันเลย ก่อนกลับไอปอมมันก็ไปวิทยากรว่าที่นี่มีอะไรหรือเปล่า วิทยากรบอกว่าน้องๆเจอกันเหรอ?
พวกเรานี้หน้าซีดไปตามๆกัน ไอปอมมันก็พยักหน้า วิทยากรบอกว่าเป็นสุสานเก่า โหย .... ขนลุกตั้งแต่หัวจนถึงปลายเท้าแหละ
พอฟังจบก็ไม่มีใครพูดอะไรอีกเลย จนเดินทางกลับถึงบ้าน ปอมก็พูดว่า พวกรู้ป่ะ กูขออย่าให้มันตามมาที่บ้านตลอดทางเลย
พวกไม่เจอแล้วล่ะ กลับบ้านได้แล้ว ไม่ต้องคิดมากนะ พูดจบก็กอดกันกลมเลย
จบแล้วค่า เป็นเรื่องราวที่จำได้ตลอด และหวังว่าจะไม่เจออีกแล้ว
เรื่องราวอาจไม่น่ากลัวเท่าที่คนอื่นได้เจอมา แต่ถ้าโดนเองก็จะรู้สึกถึงความน่ากลัว หลอนขี้หดได้ในทันที 5555
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ
ปล. ขอโทษด้วยนะคะที่ใช้คำหยาบ ตอนเด็กๆอาจจะติดปากไปหน่อย ต้องขอโทษมา ณ ที่นี้ค่า
ผี...? // ในค่ายพักแรม
เรื่องที่จะมาเล่าต่อไปนี้ไม่แน่ใจว่าใช่ผีหรือเปล่า ... อาจจะเป็นเจ้าที่ แต่ยังไงก็หลอน ~ พอๆกันค่ะ
เอาล่ะ เริ่มกันเลย !!
ย้อนวัยไปตอนม. 3 ช่วงนั้นเป็นช่วงที่พวกลูกเสือ เนตรนารี บำเพ็ญประโยชน์ต้องไปเข้าค่ายกัน
ค่ายที่จะไปพักแรมกันนั้นอยู่บนเขาค่ะ พอไปถึงเพื่อนก็เฮกันเลย เพราะบรรยากาศดีมาก หมองจางๆ
โดยรวมคือสวยสุดยอดเลยค่ะ พอไปถึงคุณครูก็บอกให้เดินตามเจ้าหน้าที่เข้าไปข้างในอีก
เรามองตามนี่ก็แบบ.. บรรยากาศมันอึนทะมึนแปลกๆแฮะ ไอเราก็เดินตามเข้าไป สองข้างทางนี่เป็นป่าหมดเลย
อากาศเย็นๆตามประสาป่าเขาลำเนาไพร 5555 ก็เดินไปเรื่อยๆค่ะ พอถึงก็เป็นลานซีเมนต์กว้างๆ
ครูก็บอกให้ทุกคนนั่ง แล้วก็พูดเรื่องการนัดหมาย การทำกิจกรรม บลาๆ ~
จนมาถึงการจัดที่อยู่หลับนอน ... หึๆ จุดพลิกมันอยู่ตรงนี้ โถ่วๆๆๆๆ ครูสั่งให้จัดกลุ่มละ 8 คน
เพราะที่พักมันเป็นเหมือนรีสอร์ทค่ะ มีบ้านหลังเล็กๆน่ารักๆตั้งอยู่เต็มเขาหลายหลังเลย เราก็สะดุดตาอยู่หลังนึง
เป็นบ้านหลังใหญ่กว่าหลังอื่น มี 2 ชั้น ดูสบายกว่าหลังอื่นมากๆเลย เราก็พูดกับเพื่อนว่า เออ อยากพักหลังนี้ว่ะ
เพื่อนก็บอกใช่ๆ โครตน่าอยู่เลย หลังจากนั้นก็ไม่ได้สนใจอะไร พอทุกคนจัดกลุ่มกันครบแล้ว
ก็รอให้ครูพาไปที่พัก เรากับเพื่อนก็นั่งรอให้ครูพากลุ่มแรกๆไปก่อน เพราะเราอยู่กลุ่มเกือบท้ายๆเลย
สักพักก็ใกล้จะถึงกลุ่มเรา ก็มีเจ้าหน้าที่เดินมากระซิบๆกับครูว่าอะไรสักอย่าง
จากนั้นครูก็เดินมาบอกพวกเราว่า ให้สองกลุ่มสุดท้ายรวมกันเป็นกลุ่มเดียว แล้วไปพักที่หลังนั้น
ครูพูดจบก็ชี้ไปที่บ้านหลังใหญ่ที่สุด เรากับเพื่อนอีกหลานคนก็เฮไปตามๆกัน แล้วก็พูดว่า โชคดีว่ะๆๆ ซ้ำไปซ้ำมา
แต่ละคนนี่หน้าตาระรื่นกันเชียว 555555 (ระรื่นกันให้พอ ต่อจากนี้มันจะไม่ระรื่นแล้วนะ กระซิก ~)
ครูก็นำพวกเรามาหน้าที่พัก พวกที่ความคิดเร็ว ขาเร็ว รีบวิ่งขึ้นไปบนชั้น 2 กันเลยค่ะ
แต่ไม่ทันจะได้เหยียบบนชั้นสอง ครูรีบตะโกนไปเลยค่ะว่าห้ามขึ้นไปบนชั้น 2 เด็ดขาด ให้อยู่แค่ชั้นล่างเท่านั้น
แต่ละคนนี่หน้าจ๋อยเลย จริงๆแล้วชั้นแรกก็ใช่ว่าจะพักกันไม่พอนะคะ สำหรับ 16 ชีวิต ข้างในกว้างมาก สบายมาก
อาจเพราะด้านบนมองเห็นดวงอาทิตย์ขึ้น ทำเลดีมั้งคะ ก็เลยอยากจะนอนกัน
เพื่อนๆนึกภาพตามนะคะ ที่พักเป็นบ้านรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่ แบ่งเป็นสองฟาก แล้วมีห้องโถงตรงกลาง
พอเดินออกมาจากห้องพัก ด้านซ้ายก็เป็นห้องน้ำขนาดใหญ่ ห้องน้ำติดกับบันไดที่จะขึ้นไปชั้นสอง
บรรยายการศบริเวณนั้นขนลุกแบบบรรยายไม่ถูกเลย แต่ก็พยายามไม่คิดอะไร
มาต่อกันที่ในห้องดีกว่า ที่นอนเป็นแบบเตียงสองชั้น เรียงกันเป็นสองแถวตามแนวยาว
มีที่เก็บของเป็นกล่องไม้เล็กๆ 3 ชั้น อยู่ข้างหัวเตียงทุกเตียง แล้วเบาะ หมอน ผ้าห่ม นี่ก็หอมเว่อร์ นิ่มเวอร์
คือเราก็คิดในใจว่า เออ ที่พักสบายๆแบบนี้ ทำไมเอามาให้พวกกูนอนว้ะ ปกติที่สบายๆแบบนี้หนีไม่พ้นพวกคุณครูอยู่แล้ว จริงป้ะล่ะ?
เราก็จัดที่หลับที่นอนกัน เก็บของ อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อ แล้วสักพักคุณครูก็ตามออกไปกินข้าว
เหตุการก็ยังปกติค่ะ ไม่มีอะไร พวกที่กินข้าวเสร็จกันเร็วก็ออกไปถ่ายรูปบ้าง เล่นกันบ้าง
เพื่อที่จะรอเวลาไปทำกิจกรรมอย่างอื่นต่อ ตอนนั้นเป็นเวลาเย็นๆแล้ว เริ่มมืดแล้ว
พอกลุ่มเรากินข้าวข้าวกันเสร็จก็ออกไปเล่นชิงช้ากันค่ะ เป็นชิงช้า 5 ตัวโดดๆเลย ตั้งอยู่หน้าบ้านไม้เล็กๆ
เพิ่งมาสังเกตุว่าบ้านไม้เล็กๆเนี้ย มันอยู่ใกล้ที่พักเรานี่หว่า ทำไมเพิ่งเห็นวะ แต่ก็ยังไม่สนใจ
เรากับเพื่อนก็เล่นชิงช้ากันไปสนุกสนานค่ะ ตัวชิงช้าเนี่ยหันหลังให้บ้านไม้นะคะ ทำให้เรามองตรงไปแต่ที่เพื่อนๆเค้านั่งเล่นกัน
ไม่ได้หันหน้าไปทางบ้านไม้ เราก็เล่นไปซักพัก ก็มีเพื่อนคนอื่นๆเดินผ่านไปผ่านมา แล้วหันมามองทางพวกเราแปลกๆ
เราก็สงสัย เลยหันไปถามเพื่อนข้างๆ ว่ามีไรวะ ไอเพื่อนเราก็ตอบแบบติดตลก มันตอบว่า ก็ต้องมองสิวะ พวกกูสวยซะขนาดเนี้ย
พูดจบแล้วมันก็หัวเราะ (แต่เราไม่ตลกด้วยจริงๆ คือมันมองแบบแปลกไปอะ) ก็เล่นต่อไปเรื่อยๆ
จนมีเพื่อนคนนึงกวักมือเรียกปอม (นามสมมติ) เพื่อนเราไป ปอมก็ลุกไปแบบงงๆนะคะ คนที่เรียกไปพูดอะไรกับปอมไม่รู้
พูดเสร็จปอมมันก็รีบวิ่งหน้าตาตื่นๆมาบอกว่า เห้ย พวกแก ไอนิ้ม (นามสมมติ) มันบอกว่าใครไม่รู้ยืนมองพวกกูอยู่ที่บ้านไม้ว่ะ
พอปอมพูดจบทุกคนพร้อมใจกันหันไปมองที่บ้านไม้ ควับ !!!! ไม่เห็นมีใครเลย ตอนนั้นขนลุกขึ้นมาเกรียวกราวเลยค่ะ
ทุกคนมองหน้ากันไปมาแล้ววิ่งหนีพร้อมกันโดนมิได้นัดหมาย (ก็มันน่ากลัวจริงๆนะ !)
พอลุกออกมาจากตรงนั้นแล้วทุกคนนั่งเงียบ ไม่มีใครพูดอะไรกัน แต่แล้วครูก็มาเรียกพอดี แหมเวลามันจะเหมาะเจาะอะไรแบบนี้
สถานการณ์ตึงเครียดพอดีเลยค่ะครู ... ถึงเวลาที่ต้องจะไปทำกิจกรรมกันแล้ว เวลาประมาณทุ่มนึงได้มั้ง เพราะมันมืดมากแล้ว
ครูก็บอกว่ากิจกรรมนี้คือเดินป่า ห้ะ !!!! เดินป่า? มืดๆหลอนๆแบบนี้อ่ะนะ? โอ้ย ใครคิดกิจกรรมนี้วะเนี่ย ตอนนั้นความรู้สึกแบบนี้เลย
ครูก็แจกอุปกรณ์ ก็คือไฟฉาย ก็เดินตามวิทยากรกันไปเป็นกลุ่มๆ เพื่อนเราก็ยังไม่มีใครพูดอะไร มันยังคงจะข็อคๆกันอยู่
ท่านผู้อ่านคงจะแบบ แหม เจอแค่นี้ทำเป็นช็อค.. คือขอออกตัวก่อนเลยนะคะ ถ้าไม่อยู่ในบรรยากาศนั้น คงไม่เข้าใจอารมณ์จริงๆ
อารมณ์แบบขนหัวตั้ง ฮือ ~
มาเข้าเรื่องกันต่อ เราเลยเป็นคนพูดคนแรก เราก็พูดขึ้นมาว่า เมื่อกี๊มันใช่จริงๆอ่อวะ? เพื่อนก็บอกว่า กูว่าใช่นะ..
คนที่ดูมีสติสตังค์มากกว่าคนอื่นๆก็พูดว่า พวกแกอย่าคิดมากกันไปเลย มาค่ายมันต้องสนุกนะเว่ย พอๆเลิกคิดได้แล้ว
พวกเราก็ไม่มีใครพูดอะไรอีก วิทยากรก็สอนการเดินป่าไปเรื่อยๆ เดินมาครึ่งชม.ได้ วิทยากรก็บอกให้นั่งพักกันก่อน
อยู่ดีๆวิทยากรก็พูดขึ้นมาว่า น้องๆรู้มั๊ย ตั้งแต่พี่ทำงานที่นี่มา 4-5 ปีเนี่ย ไม่เคยกล้านอนคนเดียวเลย
ถ้าไม่มีคนนอนเป็นเพื่อนพี่จะไม่นอนเด็ดขาด พี่กลับไปนอนบ้านเลย พูดจบวิทยากรก็หัวเราะ
เพื่อนคนอื่นๆก็หัวเราะกัน มีแต่กลุ่มเราเนี่ยแหละ ที่นั่งเงียบมองหน้ากันไปมา
หลังจากที่จบกิจกรรมเดินป่า พวกเราก็เข้าที่พักกัน เพื่อนคนอื่นๆก็แย่งกันอาบน้ำ
กลุ่มเรารอให้ทุกคนอาบน้ำเสร็จก่อน แล้วค่อยไปอาบกันทีเดียว
และแล้วเวลาที่รอคอยก็มาถึง พวกเราไปอาบน้ำกันค่ะ แล้วเกาะกลุ่มเหมือนเด็กอนุบาลเลย 5555
ก็อาบกันเสร็จก็ยังไม่มีอะไร เพราะห้องน้ำสบาย สวย โอ่อ่ามาก ทำให้ลืมเรื่องก่อนหน้านี้ไปซะสนิทเลย
เราก็เข้าห้องกัน แล้วกำลังจะปิดประตู ล็อคกุญแจ ปอมมันก็พูดขึ้นมาว่าใครยังไม่อาบน้ำอีกบ้าง
ก็ยังเหลือเพื่อนอีก 2 คนที่ยังไม่ได้อาบน้ำ
ปอมมันก็พยักหน้า แล้วบอกว่า เดี๋ยวพวกแกอาบน้ำเสร็จแล้วล็อคประตูแล้วเอาโซ่คล้องด้วยนะ ครูบอกว่าประตูไม่ค่อยแข็งแรง
พวกเราก็เดินกันไปเก็บของเตรียมตัวนอนกัน หน้าต่างของที่พักเป็นมุ้งลวด แล้วมีผ้าม่านบางๆปิด
เรานอนกับเพื่อนที่ขี้ร้อน มันบอกว่าแกๆ เราขอเอาผ้าม่านขึ้นนะ ลมจะได้เข้า ร้อนว่ะ
เราก็บอกอือๆ แต่ก็คิดในใจว่า เอาผ้าม่านขึ้นหรอ.. หึๆ เห็นบรรยากาศหลอนๆโครตชัดเลยว่ะ !!!
แต่ก็พูดได้แค่ว่า แกเอาผ้าขึ้นเองแล้วกันนะ เราพูดแล้วก็หลับตา
ไม่รู้ตอนไหนที่หลับไป แต่สักพักก็ได้ยินเสียงปอมมันพูดว่า ไอยุ้ย (นามสมมติ) บ้าป่ะ ตีสามแล้วยังนั่งหวีผมอยู่อีก นอนๆได้แล้ว
เราก็คิด ไอปอมมันบ้าป่าววะ ตีสามใครจะนั่งหวีผม สักพักเราก็หลับอีก แล้วก็สะดุ้งตื่นอีก
ทีนี้ไม่ใช่เสียงคนพูด แต่เป็นเสียง ปัง !!!!! ปัง !!!!! เห้ย เสียงไรวะ แบบดังมากอะ เราลูกขึ้นนั่งดูเลย เป็นเสียงประตูบานใหญ่
ที่ใช้โซ่คล้องไว้ แต่ประตูเปิดอ้ากว้างมาก (เป็นประตูบานพับ 2 บาน) เห็นเป็นป่ามืดๆ ลานกว้างๆที่มีชิงช้าแกว่งไปมา ลมพัดหวืดๆเลย
เราก็หงุดหงิดแบบ เอ้า เชี่ย !! สั่งให้คล้องโช่แล้ว ทำไมไม่คล้องวะ คือตอนนั้นหงุดหงิดมาก เพราะง่วงมาก
ไม่ได้คิดถึงผีหรือสิ่งลี้ลับอะไรเลย แล้วก็ล้มตัวลงนอนอีก แล้วสังพักก็ ปัง !!!!! อีก
เป็นแบบนี้อยู่ 4-5 รอบได้ เราก็แบบ ไม่ไหวแล้วนะ แค่ประตูทำไมลืมล็อควะ
ต่อไป
ตอนเช้าเราก็บ่นกับเพื่อนว่า
เราก็ถามว่า เปรียวทำไมไม่ล็อคประตูอะ เพื่อนเค้านอนกันไม่ได้เลย มันบอกห้ะ..? เราล็อคแล้วๆ
เราก็พูดว่า ล็อคที่ไหนอะ ประตู
เราเป็นคนช่วยถือโซ่คล้องเอง โซ่
แต่ก็ยังก็หันไปถามปอมว่า เมื่อคืนอะละเมอใช่มั้ย? พูดไรไม่รู้ ใครหวีผมไรนั้นอะ
ปอมบอก ละเมอบ้าอะไรล่ะ กูนอนไม่หลับ ว่าจะลุกขึ้นเอาโทรศัพท์มาเล่น
โทรศัพท์ก็ไม่ได้เล่น นอนก็ไม่หลับอีก ยุ้ยก็ตกใจ ยุ้ยบอกว่า ไรของเนี่ย กูหลับตั้งแต่สามทุ่มยาวมาเช้าเลย จะนั่งหวีผมได้ไง
ปอมมันก็พูดว่า กูเห็นจริงๆ นั่งอยู่บนเตียงชั้น 2 แล้วห้อยขาลงมา หวีผมๆ พอกูพูดยังหันมามองกูเลยตอนนั้นอ่ะ
จิ๊บ (นามสมมติ) (ขอตังชื่อหน่อยแล้วกันเริ่มเล่ายาก 5555 ตัวละครเยอะเกิ้น) ก็พูดว่า ไอยุ้ยมันหลับจริงๆ กูนอนกะมัน
กูนอนไม่หลับทั้ง อยู่ดีๆก็พูดขึ้นมา กูก็ลุกขึ้นไปดูไอยุ้ย ไอยุ้ย
ปอมเริ่มหน้าเสีย ทีนี้เราก็พูดขึ้นมาว่า เชี่ยละ พวกกูเจอไรกันนิ?
น่ากลัวเชี่ยๆ ไหน มีใครเจอไรอีกบ้างป่ะ
เราพูดจบก็เห็นบิว (นามสมมติ) ก้มหน้าก้มตา ไม่พูดกับใครเลยตั้งแต่เช้าละ เราก็เลยทักมันว่า บิวเห็นไร มีไรป่ะ
บิวก็สะดุ้งแล้วเงียบไปแป๊บนึง ก็พูดว่า ตอนที่ประตูมันเปิดเองอะ ... กูก็สะดุ้งตื่นแล้วเห็นผู้หญิงเดินไปมาอยู่หน้าประตู
โครตน่ากลัวเลยเว่ย กูก็คลุมโปงเลย สักพักก็หลับแล้วก็ตื่นอีก กูก็เจอแบบเดิมว่ะ
บิวพูดจบมันก็เหมือนจะร้องได้ ไอจิ๊บก็หันไปจับมือบิวแล้วบอกว่าใจเย็นๆ
พอทุกคนต่างเล่าเรื่องที่ตัวเองเจอมาก็ไม่มีใครพูดไรกันอีก
เงียบกันอยู่แบบนั้น เราก็ไปทำกิจกรรมกัน แล้วก็ทนนอนกันอีกคืนนึง
พอรุ่งเช้ารีบจัดของกลับบ้านกันเลย ก่อนกลับไอปอมมันก็ไปวิทยากรว่าที่นี่มีอะไรหรือเปล่า วิทยากรบอกว่าน้องๆเจอกันเหรอ?
พวกเรานี้หน้าซีดไปตามๆกัน ไอปอมมันก็พยักหน้า วิทยากรบอกว่าเป็นสุสานเก่า โหย .... ขนลุกตั้งแต่หัวจนถึงปลายเท้าแหละ
พอฟังจบก็ไม่มีใครพูดอะไรอีกเลย จนเดินทางกลับถึงบ้าน ปอมก็พูดว่า พวกรู้ป่ะ กูขออย่าให้มันตามมาที่บ้านตลอดทางเลย
พวกไม่เจอแล้วล่ะ กลับบ้านได้แล้ว ไม่ต้องคิดมากนะ พูดจบก็กอดกันกลมเลย
จบแล้วค่า เป็นเรื่องราวที่จำได้ตลอด และหวังว่าจะไม่เจออีกแล้ว
เรื่องราวอาจไม่น่ากลัวเท่าที่คนอื่นได้เจอมา แต่ถ้าโดนเองก็จะรู้สึกถึงความน่ากลัว หลอนขี้หดได้ในทันที 5555
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ
ปล. ขอโทษด้วยนะคะที่ใช้คำหยาบ ตอนเด็กๆอาจจะติดปากไปหน่อย ต้องขอโทษมา ณ ที่นี้ค่า