งานนี้ถือว่าเป็นงานจักรยานใหญ่งานหนึ่งที่ใครๆ ต่างก็รอคอยที่จะไปแข่ง การสมัครปีนี้ก็อย่างที่รู้ๆ กันว่าเต็มเร็วมาก ของผมฝากเพื่อนไปสมัครตั้งแต่หน้างานวันแรกๆ (ผมมักจะพูดแซวกับลูกค้าที่มาฟิตติ้งแล้วสมัครไม่ทันเสมอๆ ว่า งานตูร์เดอฟาร์มนี้แพ้ชนะกันตั้งแต่สมัครเลยทีเดียว)
และเนื่องจากเส้นทางการแข่งที่เปลี่ยนไปจากปีที่แล้วทั้งหมด จึงได้มีการนัดทีมไปขี่ดูเส้นทาง โดยช่วงก่อนหน้าวันแข่ง 10 วัน(วันที่ 3 ธันวา) ก็นัดกันขับรถไปขี่สำรวจเส้นทาง ว่ามีเนินกี่ลูก ชันมากน้อยแค่ไหน เพื่อที่จะได้วางแผนการขี่ได้ว่าเกมส์การแข่งนั้นจะเป็นอย่างไร
ในวันซ้อมกลุ่มผมลางานกันไปปั่นในวันธรรมดา 6 คน (เริ่มสตาร์ทที่ที่ทำการอำเภอปากช่อง แวะพักครึ่งทางที่ฟาร์มไทยเดนมาร์ค)
วันก่อนหน้าวันแข่ง 1 วัน(12 ธันวา) ก่อนที่ผมจะออกเดินทางเพื่อไปพักเตรียมพร้อมที่จะแข่ง ก็ได้เช็ครายชื่อของคู่แข่งที่จะมาทำการแข่งด้วย โดยคัดรายชื่อทั้งหมดลง Excel แล้วคัดเอาเฉพาะรุ่นโอเพ่น แล้ววงชื่อของนักแข่งเก่งๆ ที่รู้จักไว้จะได้รู้ได้ว่าเกมส์วันแข่งจะเป็นอย่างไร (ใช้เวลาทำเป็นชั่วโมง) ซึ่งก็เห็นรายชื่อของผู้ที่จะมาแข่งในรุ่นโอเพ่นเก่งๆ หลายคนโดยมากันเป็นทีม ส่วนผมไปคนเดียว ตอนนั้นก็ลังเลแล้วว่าน่าจะขี่สู้ได้ยาก(อีกทั้งอันดับลดลงจากปีที่แล้วจาก 5 เหลือ 3อันดับ )
รายชื่อที่คัดมา 7 หน้า รุ่น Open มีทั้งหมด 179 คน (ไม่มีชื่อ Fast ในใบรายชื่อ) ลงให้ดูเฉพาะหน้าแรกกับหน้าสุดท้าย
จึงโทรไปถามผู้จัดว่าจะขอเปลี่ยนไปลงรุ่นอายุ 30-39 แทนได้ไหม? ทางผู้จัดตอบมาว่าทุกๆ คนที่มีชื่อไม่สามารถเปลี่ยนรุ่นได้แล้วเพราะรายชื่อทั้งหมดได้เตรียมการเรียบร้อยแล้ว จึงถามต่อไปอีกว่าสามารถเปลี่ยนชื่อให้ลงแข่งแทนกันได้ไหม? ทางผู้จัดตอบมาว่าเปลี่ยนชื่อไม่ได้ แต่มอบอำนาจให้ขี่แทนได้แต่จะได้แค่เหรียญที่ระลึก ไม่มีสิทธิได้รับรางวัล 1-3 จึงถามย้ำไปอีกว่าสรุปเฉพาะคนที่มีชื่ออยู่ในรายชื่อเท่านั้นที่จะมีสิทธิรับรางวัล 1-3 ใช่ไหม? ทางผู้จัดตอบว่าใช่ ผมก็เห็นโอเคชัดเจน จึงขอบคุณและวางสายไป
คุยกับเจ้าหน้าที่ผู้หญิงตามเบอร์และเวลาด้านล่าง(ไม่ได้ถามชื่อไว้)
ในวันแข่งวันนี้ผมตื่นมาเตรียมตัวตั้งแต่ ตี 4 โดยออกไปขี่วอร์มกับพี่ในทีมอีกคนตั้งแต่ตี 5 ก่อนที่จะทานข้าวเช้า อากาศที่ปากช่องหนาวมาก ฟ้าก็ยังไม่สว่าง แต่ที่ต้องยอมออกไปขี่มืดๆ ก็เพื่อวอร์มและให้ร่างกายปรับตัวให้เข้ากับอุณหภูมิในช่วงนี้ที่เริ่มหนาว แล้วจึงมาทานอาหารเช้าและเตรียมตัวเดินทางออกไปแข่ง
ข้อมูลการปั่นวอร์มช่วงเช้ามืดวันแข่งจาก Strava
ไปถึงสนามแข่งประมาณ 8 โมงกว่าก็เตรียมความพร้อมและไปถ่ายรูปกับทีม
จนเวลาใกล้จะปล่อยตัวก็ขี่ไปที่เส้นสตาร์ท แต่ปรากฎว่ายังไม่ทันขี่ไปถึงเส้นสตาร์ทกรรมการก็เตรียมพร้อมที่จะให้สัญญาณปล่อยตัวในรุ่นทั่วไป (วันนี้กรรมการปล่อยตัวเวลา 8.47 น. ก่อนกำหนดการที่กำหนดไว้ว่า 9.00 น. ถึง 13 นาที ซึ่งถือเป็นงานแรกที่เคยเจอเลยก็ว่าได้) ผมก็รีบขี่แทรกเข้าไปเพื่อที่จะออกตัวพร้อมกับกลุ่ม
ทันทีที่เริ่มออกตัวก็มีการขี่ทำความเร็วหนีกลุ่มทันที ผมที่อยู่ด้านหลังก็รีบขี่ไล่ไปให้ถึงด้านหน้ากลุ่ม พอใกล้จะถึงก็เป็นจังหวะที่ 5 คนด้านหน้าก็ยิงหนีออกไป ผมก็ตัดสินใจยกไล่ทันที พอไล่ถึงก็ไปรวมเข้ากับกลุ่มหนี ซึ่งมีกันอยู่ 7 คน เป็นทีม Infinite 2 คน(Fast กับ John) ทีม 347 Cycle Square 2 คน(ผมกับคิว) แล้วก็เป็นทีมอื่นๆอีก 3 คน ก็ผลัดกันนำและมีการยิงหนีกลุ่มออกไปเป็นระยะๆ จนพอเลี้ยวซ้ายเข้าทางที่จะข้ามทางรถไฟ ทีมอินฟินิทก็ขี่หนีกลุ่มออกไปอย่างเร็ว มีผมกับคิวไล่ตามไป แต่ปรากฎว่ามาแชลไม่มานำทาง John จึงนำกลุ่มวิ่งไปขึ้นเส้นอีเหลอกลุ่มต้องวกกลับลงมาเพื่อเลี้ยวไปเส้นทางที่ถูก โดยกลุ่มก็ยังอยู่กันครบ 7 คน
พอถึงช่วงเนินคัดตัวกิโลที่ 20 กว่า Fast ก็ตั้งความเร็วขึ้นไป คิวขี่ตามไป John และผมก็ตามไป ส่วนที่เหลืออีก 3 คนนั้นหลุดกลุ่มไป Fast นั้นขี่เร่งความเร็วขึ้นเนินจน John ที่อยู่ตัวที่ 3 เริ่มห่างออกมา ผมที่อยู่ด้านหลังดูท่าไม่ดีก็รีบยกหนีออกไปหา 2 คนหน้า John ก็หลุดกลุ่มห่างออกไป Fast กับคิวและผมก็ขี่กันอยู่ 3 คน จนพอไปถึงเนินอีกช่วง Fast ก็ยกหนีอีกรอบ คราวนี้ผมหลุดกลุ่ม มีคิวไล่ตามไปได้ ผมก็ฝืนขี่ตามไป จนดูท่าว่าจะไม่ไหวแน่ก็ตะโกนเรียกให้คิวรอ คิวก็รอและลงมาวนกันกับผม Fast อยู่ห่างออกไปด้านหน้า จากที่มาดูทางรู้ว่าถ้าพ้นเนินนี้ก็จะเริ่มไม่ชันมากก็คิดว่าจะสามารถวนไล่กันจนทัน Fast ได้ (ส่วน John นั้นขี่ไล่ตามมาด้านหลังห่างออกไปประมาณ 50 เมตร)
แต่ปรากฎว่า Fast อาศัยจังหวะช่วงขึ้นเนินขี่หนีห่างออกไปมากพอควร และผมกับคิวก็สลับกันวนจน John เข้ามาใกล้ ก็คุยกันกับคิวว่าไม่จำเป็นจะต้องขี่หนี John เพราะระยะทางยังอีกไกล 3 คนช่วยกันน่าจะดีกว่า จึงมาผลัดกันวน 3 คน
มาถึงจังหวะกิโลที่ 40 กว่าช่วงที่จะลงเนินนั้น ขณะที่ผมขี่ตามอยู่ด้านหลังกลุ่มผมพลาดทำโซ่หล่นด้านนอก ก็พยายามกดเกียร์ให้โซ่กลับคืนขึ้นมา(ตอนนั้นก็ลังเลว่าจะจอดแก้ดีรึเปล่า โชคดีที่โซ่กลับขึ้นมาได้) ซึ่งทำให้เสียจังหวะห่างกลุ่มออกมา John หันมาเห็นพอดีว่าผมอยู่ห่างก็กดหนีออกไป คิวขี่ตามไป ผมก็พยายามกดไล่ ช่วงแรกระยะห่างนั้นไม่มากแต่ก็ไล่ไม่เข้า ความเร็วช่วงนั้นแตะ 70 กว่าอยู่หลายครั้ง (ผมดันเอาจานคอมแพคไปจึงไม่สามารถเร่งลงเขาได้เร็วพอที่จะเชื่อมกลุ่มทัน)
ตั้งแต่กิโลที่ 40 มาผมจึงขี่ห่างอยู่ด้านหลังคนเดียว ระยะห่างที่มีอยู่ไล่ไม่เข้า แต่ก็พยายามที่จะขี่คุมความหนักไล่ไปเรื่อยๆ โดยกะว่าถ้าเลยช่วงแดรี่โฮมไปเมื่อเป็นช่วงขึ้นเนินอาจเร่งทำเวลาตีตื้นใกล้กลุ่มขึ้นมาบ้าง
พอเลี้ยวเข้ามาแดรี่โฮมเส้นธนรัตน์ได้ซักพักก็รู้สึกได้เลยว่าลมแรงมากๆ ผมก็กด lap แล้วขี่คุมวัตต์ไม่ให้หนักหรือเบาเกินไป ไปได้ซักพักมองไปข้างหน้าก็รู้เลยว่าไล่ไม่ทัน 2 คนหน้าแล้วแน่(เริ่มจะมองไม่เห็นหลัง) แต่ก็เพิ่งมาฉุกใจนึกได้ตอนนั้นเองว่า Fast ที่ขี่อยู่นั้นไม่น่าจะมีชื่อลงแข่งด้วย เพราะเท่าที่จำได้จากรายชื่อนั้น จำได้แต่เพียงว่ามี John อยู่คนเดียว ผมก็คิดได้ว่าน่าจะยังไม่หมดหวัง เพราะยังมีลุ้นอันดับที่ 3 อยู่ (เพราะน่าจะเป็นกรณีเดียวกับปีที่แล้ว ที่ Morgan หนีเข้าที่ 1 และ Peter ที่มาขี่เล่น แต่ก็ไม่ได้ลงแข่งไม่มีชิพจึงไม่มีอันดับ)
ภาพหน้าเส้นปีที่แล้วซึ่งผมได้ที่ 2 รุ่น open ชาย โดย Morgan ยิงหนีเดี่ยวไปตั้งแต่ช่วงขึ้นอีเหลอเข้าเส้นคนแรก ส่วน Peter ขี่มาด้วยกันกับกลุ่มนำตลอด แต่พอจังหวะหน้าเส้นก็ปล่อยให้คนที่มีอันดับแข่งกันเอง(ขี่เข้าเป็นคนที่ 4) โดยทั้ง Peter และ Morgan ไม่มีอันดับ
เมือคิดได้ดังนั้นจึงใส่เต็มที่ตลอดทางเพื่อที่จะรักษาอันดับ 3 ไว้ โดยขี่คุมวัตต์มาตลอด มาดูเฉลี่ย best 60 min ช่วงนั้นถึง 268 วัตต์ ขี่แบบฝืนตลอดจนเข้าเส้นชัย (ซึ่งวันนี้ถือว่าต้องขี่แบบอันตรายมากๆ เพราะต้องขี่แข่งหลบรถยนต์รถตู้ที่มาเที่ยวที่ตัดหน้าตลอดทาง ไม่มีมาแชลคอยเคลียร์เส้นทางให้)
ข้อมูลการปั่นของผมจากโปรแกรม Strava และ WKO+
เมื่อขี่ผ่านจุดเช็คพ้อยท์ผมก็รีบถามกรรมการที่อยู่หน้าเส้นก่อนเลยว่าคนที่หนีไปคนแรกนั้นไม่ได้แข่งด้วยใช่ไหม จนไปถามคนที่ดูอยู่หน้าเส้นก็เข้าใจว่า Fast นั้นไม่ได้ลงแข่งจริง และที่ผมจำได้ว่าไม่มีรายชื่อของ Fast ลงแข่งด้วยนั้นก็ถูกต้อง และเมื่อไปหากรรมการแจ้งหมายเลขขอใบลำดับมาก็เป็นอันชัดเจนว่าได้ที่ 3 จริง ก็โอเค (และมามีเนื้อความที่รู้จากผู้ที่อยู่ในช่วงที่ Fast เข้าเส้นอีกครั้งว่า ได้ยินโฆษกประกาศออกไมล์ ประมาณว่า "ให้หยุดทุกอย่าง ให้ทุกคนมาถ่ายรูปโฉมหน้าแชมป์ผู้เข้าเส้นชัยเป็นคนแรก (Constantin Fast ที่ขี่เข้าก็โบกมือปฏิเสธ) หยุดไปซักพัก โฆษกพูดว่า "อะไรนะครับ อะไรนะครับ พูดดังๆไม่ได้ยิน อ๋อ คนนี้สละสิทธิใช่มั๊ยครับ สละสิทธิ์ คนนี้ไม่ใช่ งั้นเราค่อยมาลุ้นกันใหม่ว่าแชมป์ของเราจะเป็นใคร" ตากล้องที่ยืนอยู่หน้าเส้นจึงหยุดถ่ายรูป แล้ว John กับ คิวก็เข้าตามคู่กันมา ตามด้วยผมที่ขี่มาคนเดียว)
ใบเวลาอันดับที่ได้หลังจากไปเช็คกับกรรมการที่ดูเวลา
หลังจากที่พักหายเหนื่อยก็ได้ไปแจ้งหมายเลขกับกรรมการเพื่อเตรียมตัวรับรางวัล แต่กลับปรากฎว่าจากที่ผมได้ที่ 3 นั้นถูกเลื่อนไปเป็นที่ 4 ซึ่งก็พยายามพูดคุยกับผู้จัดอยู่นานแต่ก็ไม่สามารถให้ความชัดเจนได้ว่าเป็นเพราะอะไรที่คนที่ไม่มีชื่อในรายชื่อผู้สมัคร กลับได้รางวัลชนะเลิศไป และตอนหลังผู้จัดที่มาอธิบายนั้นกลับบอกผมว่าจะอยากได้รางวัลอะไรนักหนา เขาจัดงานเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว บอกแต่แรกแล้วว่างานนี้จัดให้ขี่กันเล่นๆ ไม่ใช่จะให้พวกที่จริงจังกับอันดับมาขี่แข่ง ซึ่งสำหรับบางคนที่เป็นมือใหม่ก็อาจจะมาขี่เล่นๆ ทดสอบตัวเองจริง แต่สำหรับหลายๆ คนที่ซ้อมกันมาทั้งปี มีกระทั่งคนที่เดินทางมาไกลจากเชียงใหม่นั้นไม่ได้มาขี่กันเล่นๆ แน่(แถวนั้นสภาพแวดล้อมน่าขี่กว่าเยอะ) เส้นทางแข่งที่ต้องขี่ลงเขาอัดหนีกันความเร็ว 70 กว่า ถ้าพลาดสะดุดอะไรขึ้นมาก็มีเจ็บหนักแน่นอน
ใบเวลาอันดับที่ถูกเปลี่ยนแปลงในภายหลัง
ภาพบนโพเดียม ที่ 1 Fast ที่ 2 (รับแทน John) ที่ 3 น้องคิว
คำโปรยของผู้จัดงานในรุ่นที่ผมลงแข่ง(ไม่ได้บอกเลยว่าให้มาขี่กันเล่นๆอย่าซีเรียสกับอันดับ)
และก็มีปัญหากันในเรื่องลำดับอีกหลายๆรุ่น อีกทั้งการดูแลของมาร์แชลที่ไม่ทั่วถึง การส่งน้ำที่ผิดพลาดตลอด (คนส่งน้ำใช้นิ้วชี้กับนิ้วโป้งจับที่ส่วนฝาขวดไม่แน่นพอ จักรยานขี่ผ่านมาความเร็ว 30-40 ยื่นมือไปโดนยังไม่ทันที่จะคว้าขวดน้ำได้ก็หล่นเสียก่อน)
ก็อธิบายมาเสียยืดยาว ทั้งนี้เพราะอยากให้เพื่อนๆรู้ และบอกแก่ทางผู้จัดงานว่า กีฬาจักรยานนั้นมันก็มีความบ้ากันอยู่มากเกินพอแล้ว ที่ต้องออกไปซ้อมขี่ตากแดดกันหลายๆ ชั่วโมง ทั้งเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุ เสียสุขภาพขี่แช่ฮาร์ทเรท 170-180 bpm กันเป็นชั่วโมง ซื้อรถคันละหลายแสนเพื่อมาแข่งชนะได้เงินไม่กี่พัน แต่ละคนเดินทางกันมาไกล ทั้งลางานทิ้งธุระอะไรต่างๆ มากันเพื่อความภาคภูมิใจที่วัดค่าเป็นเงินไม่ได้
ทีมผมมีกัน 30 กว่าคน รวมตัวออกซ้อมกันแต่เช้าอาทิตย์ละ 4-5 วัน(แล้วแต่ว่าใครจะสะดวกมาซ้อม) ครั้งละประมาณ 100 โล ปีๆหนึ่งแต่ละคนขี่ซ้อมกัน 10,000-20,000 กิโลเมตร
ที่แข่งๆ กันอยู่นี้มันเลยจุดที่เรียกว่าเพื่อความสนุกหรือเพื่อสุขภาพไปมากแล้ว หากผู้จัดงานแข่งต่างๆ ยังไม่เคารพกติกา จุดยืนของนักกีฬาที่ขยันออกซ้อมกันทุกวี่วันนั้นก็จะไม่เหลือความสำคัญอะไรเลยครับ
Tour De farm 4 ผู้ชนะรุ่น Open ชายระยะทาง 100 กิโลเมตร กลับเป็นคนที่ไม่ได้สมัครแข่ง (ไม่มีรายชื่อใน Startlist)
และเนื่องจากเส้นทางการแข่งที่เปลี่ยนไปจากปีที่แล้วทั้งหมด จึงได้มีการนัดทีมไปขี่ดูเส้นทาง โดยช่วงก่อนหน้าวันแข่ง 10 วัน(วันที่ 3 ธันวา) ก็นัดกันขับรถไปขี่สำรวจเส้นทาง ว่ามีเนินกี่ลูก ชันมากน้อยแค่ไหน เพื่อที่จะได้วางแผนการขี่ได้ว่าเกมส์การแข่งนั้นจะเป็นอย่างไร
ในวันซ้อมกลุ่มผมลางานกันไปปั่นในวันธรรมดา 6 คน (เริ่มสตาร์ทที่ที่ทำการอำเภอปากช่อง แวะพักครึ่งทางที่ฟาร์มไทยเดนมาร์ค)
วันก่อนหน้าวันแข่ง 1 วัน(12 ธันวา) ก่อนที่ผมจะออกเดินทางเพื่อไปพักเตรียมพร้อมที่จะแข่ง ก็ได้เช็ครายชื่อของคู่แข่งที่จะมาทำการแข่งด้วย โดยคัดรายชื่อทั้งหมดลง Excel แล้วคัดเอาเฉพาะรุ่นโอเพ่น แล้ววงชื่อของนักแข่งเก่งๆ ที่รู้จักไว้จะได้รู้ได้ว่าเกมส์วันแข่งจะเป็นอย่างไร (ใช้เวลาทำเป็นชั่วโมง) ซึ่งก็เห็นรายชื่อของผู้ที่จะมาแข่งในรุ่นโอเพ่นเก่งๆ หลายคนโดยมากันเป็นทีม ส่วนผมไปคนเดียว ตอนนั้นก็ลังเลแล้วว่าน่าจะขี่สู้ได้ยาก(อีกทั้งอันดับลดลงจากปีที่แล้วจาก 5 เหลือ 3อันดับ )
รายชื่อที่คัดมา 7 หน้า รุ่น Open มีทั้งหมด 179 คน (ไม่มีชื่อ Fast ในใบรายชื่อ) ลงให้ดูเฉพาะหน้าแรกกับหน้าสุดท้าย
จึงโทรไปถามผู้จัดว่าจะขอเปลี่ยนไปลงรุ่นอายุ 30-39 แทนได้ไหม? ทางผู้จัดตอบมาว่าทุกๆ คนที่มีชื่อไม่สามารถเปลี่ยนรุ่นได้แล้วเพราะรายชื่อทั้งหมดได้เตรียมการเรียบร้อยแล้ว จึงถามต่อไปอีกว่าสามารถเปลี่ยนชื่อให้ลงแข่งแทนกันได้ไหม? ทางผู้จัดตอบมาว่าเปลี่ยนชื่อไม่ได้ แต่มอบอำนาจให้ขี่แทนได้แต่จะได้แค่เหรียญที่ระลึก ไม่มีสิทธิได้รับรางวัล 1-3 จึงถามย้ำไปอีกว่าสรุปเฉพาะคนที่มีชื่ออยู่ในรายชื่อเท่านั้นที่จะมีสิทธิรับรางวัล 1-3 ใช่ไหม? ทางผู้จัดตอบว่าใช่ ผมก็เห็นโอเคชัดเจน จึงขอบคุณและวางสายไป
คุยกับเจ้าหน้าที่ผู้หญิงตามเบอร์และเวลาด้านล่าง(ไม่ได้ถามชื่อไว้)
ในวันแข่งวันนี้ผมตื่นมาเตรียมตัวตั้งแต่ ตี 4 โดยออกไปขี่วอร์มกับพี่ในทีมอีกคนตั้งแต่ตี 5 ก่อนที่จะทานข้าวเช้า อากาศที่ปากช่องหนาวมาก ฟ้าก็ยังไม่สว่าง แต่ที่ต้องยอมออกไปขี่มืดๆ ก็เพื่อวอร์มและให้ร่างกายปรับตัวให้เข้ากับอุณหภูมิในช่วงนี้ที่เริ่มหนาว แล้วจึงมาทานอาหารเช้าและเตรียมตัวเดินทางออกไปแข่ง
ข้อมูลการปั่นวอร์มช่วงเช้ามืดวันแข่งจาก Strava
ไปถึงสนามแข่งประมาณ 8 โมงกว่าก็เตรียมความพร้อมและไปถ่ายรูปกับทีม
จนเวลาใกล้จะปล่อยตัวก็ขี่ไปที่เส้นสตาร์ท แต่ปรากฎว่ายังไม่ทันขี่ไปถึงเส้นสตาร์ทกรรมการก็เตรียมพร้อมที่จะให้สัญญาณปล่อยตัวในรุ่นทั่วไป (วันนี้กรรมการปล่อยตัวเวลา 8.47 น. ก่อนกำหนดการที่กำหนดไว้ว่า 9.00 น. ถึง 13 นาที ซึ่งถือเป็นงานแรกที่เคยเจอเลยก็ว่าได้) ผมก็รีบขี่แทรกเข้าไปเพื่อที่จะออกตัวพร้อมกับกลุ่ม
ทันทีที่เริ่มออกตัวก็มีการขี่ทำความเร็วหนีกลุ่มทันที ผมที่อยู่ด้านหลังก็รีบขี่ไล่ไปให้ถึงด้านหน้ากลุ่ม พอใกล้จะถึงก็เป็นจังหวะที่ 5 คนด้านหน้าก็ยิงหนีออกไป ผมก็ตัดสินใจยกไล่ทันที พอไล่ถึงก็ไปรวมเข้ากับกลุ่มหนี ซึ่งมีกันอยู่ 7 คน เป็นทีม Infinite 2 คน(Fast กับ John) ทีม 347 Cycle Square 2 คน(ผมกับคิว) แล้วก็เป็นทีมอื่นๆอีก 3 คน ก็ผลัดกันนำและมีการยิงหนีกลุ่มออกไปเป็นระยะๆ จนพอเลี้ยวซ้ายเข้าทางที่จะข้ามทางรถไฟ ทีมอินฟินิทก็ขี่หนีกลุ่มออกไปอย่างเร็ว มีผมกับคิวไล่ตามไป แต่ปรากฎว่ามาแชลไม่มานำทาง John จึงนำกลุ่มวิ่งไปขึ้นเส้นอีเหลอกลุ่มต้องวกกลับลงมาเพื่อเลี้ยวไปเส้นทางที่ถูก โดยกลุ่มก็ยังอยู่กันครบ 7 คน
พอถึงช่วงเนินคัดตัวกิโลที่ 20 กว่า Fast ก็ตั้งความเร็วขึ้นไป คิวขี่ตามไป John และผมก็ตามไป ส่วนที่เหลืออีก 3 คนนั้นหลุดกลุ่มไป Fast นั้นขี่เร่งความเร็วขึ้นเนินจน John ที่อยู่ตัวที่ 3 เริ่มห่างออกมา ผมที่อยู่ด้านหลังดูท่าไม่ดีก็รีบยกหนีออกไปหา 2 คนหน้า John ก็หลุดกลุ่มห่างออกไป Fast กับคิวและผมก็ขี่กันอยู่ 3 คน จนพอไปถึงเนินอีกช่วง Fast ก็ยกหนีอีกรอบ คราวนี้ผมหลุดกลุ่ม มีคิวไล่ตามไปได้ ผมก็ฝืนขี่ตามไป จนดูท่าว่าจะไม่ไหวแน่ก็ตะโกนเรียกให้คิวรอ คิวก็รอและลงมาวนกันกับผม Fast อยู่ห่างออกไปด้านหน้า จากที่มาดูทางรู้ว่าถ้าพ้นเนินนี้ก็จะเริ่มไม่ชันมากก็คิดว่าจะสามารถวนไล่กันจนทัน Fast ได้ (ส่วน John นั้นขี่ไล่ตามมาด้านหลังห่างออกไปประมาณ 50 เมตร)
แต่ปรากฎว่า Fast อาศัยจังหวะช่วงขึ้นเนินขี่หนีห่างออกไปมากพอควร และผมกับคิวก็สลับกันวนจน John เข้ามาใกล้ ก็คุยกันกับคิวว่าไม่จำเป็นจะต้องขี่หนี John เพราะระยะทางยังอีกไกล 3 คนช่วยกันน่าจะดีกว่า จึงมาผลัดกันวน 3 คน
มาถึงจังหวะกิโลที่ 40 กว่าช่วงที่จะลงเนินนั้น ขณะที่ผมขี่ตามอยู่ด้านหลังกลุ่มผมพลาดทำโซ่หล่นด้านนอก ก็พยายามกดเกียร์ให้โซ่กลับคืนขึ้นมา(ตอนนั้นก็ลังเลว่าจะจอดแก้ดีรึเปล่า โชคดีที่โซ่กลับขึ้นมาได้) ซึ่งทำให้เสียจังหวะห่างกลุ่มออกมา John หันมาเห็นพอดีว่าผมอยู่ห่างก็กดหนีออกไป คิวขี่ตามไป ผมก็พยายามกดไล่ ช่วงแรกระยะห่างนั้นไม่มากแต่ก็ไล่ไม่เข้า ความเร็วช่วงนั้นแตะ 70 กว่าอยู่หลายครั้ง (ผมดันเอาจานคอมแพคไปจึงไม่สามารถเร่งลงเขาได้เร็วพอที่จะเชื่อมกลุ่มทัน)
ตั้งแต่กิโลที่ 40 มาผมจึงขี่ห่างอยู่ด้านหลังคนเดียว ระยะห่างที่มีอยู่ไล่ไม่เข้า แต่ก็พยายามที่จะขี่คุมความหนักไล่ไปเรื่อยๆ โดยกะว่าถ้าเลยช่วงแดรี่โฮมไปเมื่อเป็นช่วงขึ้นเนินอาจเร่งทำเวลาตีตื้นใกล้กลุ่มขึ้นมาบ้าง
พอเลี้ยวเข้ามาแดรี่โฮมเส้นธนรัตน์ได้ซักพักก็รู้สึกได้เลยว่าลมแรงมากๆ ผมก็กด lap แล้วขี่คุมวัตต์ไม่ให้หนักหรือเบาเกินไป ไปได้ซักพักมองไปข้างหน้าก็รู้เลยว่าไล่ไม่ทัน 2 คนหน้าแล้วแน่(เริ่มจะมองไม่เห็นหลัง) แต่ก็เพิ่งมาฉุกใจนึกได้ตอนนั้นเองว่า Fast ที่ขี่อยู่นั้นไม่น่าจะมีชื่อลงแข่งด้วย เพราะเท่าที่จำได้จากรายชื่อนั้น จำได้แต่เพียงว่ามี John อยู่คนเดียว ผมก็คิดได้ว่าน่าจะยังไม่หมดหวัง เพราะยังมีลุ้นอันดับที่ 3 อยู่ (เพราะน่าจะเป็นกรณีเดียวกับปีที่แล้ว ที่ Morgan หนีเข้าที่ 1 และ Peter ที่มาขี่เล่น แต่ก็ไม่ได้ลงแข่งไม่มีชิพจึงไม่มีอันดับ)
ภาพหน้าเส้นปีที่แล้วซึ่งผมได้ที่ 2 รุ่น open ชาย โดย Morgan ยิงหนีเดี่ยวไปตั้งแต่ช่วงขึ้นอีเหลอเข้าเส้นคนแรก ส่วน Peter ขี่มาด้วยกันกับกลุ่มนำตลอด แต่พอจังหวะหน้าเส้นก็ปล่อยให้คนที่มีอันดับแข่งกันเอง(ขี่เข้าเป็นคนที่ 4) โดยทั้ง Peter และ Morgan ไม่มีอันดับ
เมือคิดได้ดังนั้นจึงใส่เต็มที่ตลอดทางเพื่อที่จะรักษาอันดับ 3 ไว้ โดยขี่คุมวัตต์มาตลอด มาดูเฉลี่ย best 60 min ช่วงนั้นถึง 268 วัตต์ ขี่แบบฝืนตลอดจนเข้าเส้นชัย (ซึ่งวันนี้ถือว่าต้องขี่แบบอันตรายมากๆ เพราะต้องขี่แข่งหลบรถยนต์รถตู้ที่มาเที่ยวที่ตัดหน้าตลอดทาง ไม่มีมาแชลคอยเคลียร์เส้นทางให้)
ข้อมูลการปั่นของผมจากโปรแกรม Strava และ WKO+
เมื่อขี่ผ่านจุดเช็คพ้อยท์ผมก็รีบถามกรรมการที่อยู่หน้าเส้นก่อนเลยว่าคนที่หนีไปคนแรกนั้นไม่ได้แข่งด้วยใช่ไหม จนไปถามคนที่ดูอยู่หน้าเส้นก็เข้าใจว่า Fast นั้นไม่ได้ลงแข่งจริง และที่ผมจำได้ว่าไม่มีรายชื่อของ Fast ลงแข่งด้วยนั้นก็ถูกต้อง และเมื่อไปหากรรมการแจ้งหมายเลขขอใบลำดับมาก็เป็นอันชัดเจนว่าได้ที่ 3 จริง ก็โอเค (และมามีเนื้อความที่รู้จากผู้ที่อยู่ในช่วงที่ Fast เข้าเส้นอีกครั้งว่า ได้ยินโฆษกประกาศออกไมล์ ประมาณว่า "ให้หยุดทุกอย่าง ให้ทุกคนมาถ่ายรูปโฉมหน้าแชมป์ผู้เข้าเส้นชัยเป็นคนแรก (Constantin Fast ที่ขี่เข้าก็โบกมือปฏิเสธ) หยุดไปซักพัก โฆษกพูดว่า "อะไรนะครับ อะไรนะครับ พูดดังๆไม่ได้ยิน อ๋อ คนนี้สละสิทธิใช่มั๊ยครับ สละสิทธิ์ คนนี้ไม่ใช่ งั้นเราค่อยมาลุ้นกันใหม่ว่าแชมป์ของเราจะเป็นใคร" ตากล้องที่ยืนอยู่หน้าเส้นจึงหยุดถ่ายรูป แล้ว John กับ คิวก็เข้าตามคู่กันมา ตามด้วยผมที่ขี่มาคนเดียว)
ใบเวลาอันดับที่ได้หลังจากไปเช็คกับกรรมการที่ดูเวลา
หลังจากที่พักหายเหนื่อยก็ได้ไปแจ้งหมายเลขกับกรรมการเพื่อเตรียมตัวรับรางวัล แต่กลับปรากฎว่าจากที่ผมได้ที่ 3 นั้นถูกเลื่อนไปเป็นที่ 4 ซึ่งก็พยายามพูดคุยกับผู้จัดอยู่นานแต่ก็ไม่สามารถให้ความชัดเจนได้ว่าเป็นเพราะอะไรที่คนที่ไม่มีชื่อในรายชื่อผู้สมัคร กลับได้รางวัลชนะเลิศไป และตอนหลังผู้จัดที่มาอธิบายนั้นกลับบอกผมว่าจะอยากได้รางวัลอะไรนักหนา เขาจัดงานเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว บอกแต่แรกแล้วว่างานนี้จัดให้ขี่กันเล่นๆ ไม่ใช่จะให้พวกที่จริงจังกับอันดับมาขี่แข่ง ซึ่งสำหรับบางคนที่เป็นมือใหม่ก็อาจจะมาขี่เล่นๆ ทดสอบตัวเองจริง แต่สำหรับหลายๆ คนที่ซ้อมกันมาทั้งปี มีกระทั่งคนที่เดินทางมาไกลจากเชียงใหม่นั้นไม่ได้มาขี่กันเล่นๆ แน่(แถวนั้นสภาพแวดล้อมน่าขี่กว่าเยอะ) เส้นทางแข่งที่ต้องขี่ลงเขาอัดหนีกันความเร็ว 70 กว่า ถ้าพลาดสะดุดอะไรขึ้นมาก็มีเจ็บหนักแน่นอน
ใบเวลาอันดับที่ถูกเปลี่ยนแปลงในภายหลัง
ภาพบนโพเดียม ที่ 1 Fast ที่ 2 (รับแทน John) ที่ 3 น้องคิว
คำโปรยของผู้จัดงานในรุ่นที่ผมลงแข่ง(ไม่ได้บอกเลยว่าให้มาขี่กันเล่นๆอย่าซีเรียสกับอันดับ)
และก็มีปัญหากันในเรื่องลำดับอีกหลายๆรุ่น อีกทั้งการดูแลของมาร์แชลที่ไม่ทั่วถึง การส่งน้ำที่ผิดพลาดตลอด (คนส่งน้ำใช้นิ้วชี้กับนิ้วโป้งจับที่ส่วนฝาขวดไม่แน่นพอ จักรยานขี่ผ่านมาความเร็ว 30-40 ยื่นมือไปโดนยังไม่ทันที่จะคว้าขวดน้ำได้ก็หล่นเสียก่อน)
ก็อธิบายมาเสียยืดยาว ทั้งนี้เพราะอยากให้เพื่อนๆรู้ และบอกแก่ทางผู้จัดงานว่า กีฬาจักรยานนั้นมันก็มีความบ้ากันอยู่มากเกินพอแล้ว ที่ต้องออกไปซ้อมขี่ตากแดดกันหลายๆ ชั่วโมง ทั้งเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุ เสียสุขภาพขี่แช่ฮาร์ทเรท 170-180 bpm กันเป็นชั่วโมง ซื้อรถคันละหลายแสนเพื่อมาแข่งชนะได้เงินไม่กี่พัน แต่ละคนเดินทางกันมาไกล ทั้งลางานทิ้งธุระอะไรต่างๆ มากันเพื่อความภาคภูมิใจที่วัดค่าเป็นเงินไม่ได้
ทีมผมมีกัน 30 กว่าคน รวมตัวออกซ้อมกันแต่เช้าอาทิตย์ละ 4-5 วัน(แล้วแต่ว่าใครจะสะดวกมาซ้อม) ครั้งละประมาณ 100 โล ปีๆหนึ่งแต่ละคนขี่ซ้อมกัน 10,000-20,000 กิโลเมตร
ที่แข่งๆ กันอยู่นี้มันเลยจุดที่เรียกว่าเพื่อความสนุกหรือเพื่อสุขภาพไปมากแล้ว หากผู้จัดงานแข่งต่างๆ ยังไม่เคารพกติกา จุดยืนของนักกีฬาที่ขยันออกซ้อมกันทุกวี่วันนั้นก็จะไม่เหลือความสำคัญอะไรเลยครับ