"สมบัติ"โว 70% ปชช.เอาด้วยเลือกตรงนายกฯ
"สมบัติ"โว 70% ปชช.เห็นด้วยเลือกนายกฯ-ครม.โดยตรง วอนฝ่ายเห็นต่างอย่าเพิ่งโจมตี เตรียมให้สำนักงานสถิติแห่งชาติ สอบถามความเห็นคนไทย หากไม่เอาด้วย พร้อมถอนข้อเสนอ
วันเสาร์ 13 ธันวาคม 2557 เวลา 16:39 น.
เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. ที่สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์(นิด้า) มีการจัดปาฐกถาประจำปี 2557 ในหัวข้อ"ปฏิรูปอย่างไร...ให้ก้าวไกลมั่นคง" โดยนายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ ประธานคณะกรรมาธิการปฏิรูปการเมือง สปช. กล่าวว่า คณะกรรมาธิการปฏิรูปการเมืองฯ เสนอให้แบ่งแยกอำนาจภายใต้ระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย กำหนดให้ฝ่ายบริหารและฝายนิติบัญญัติ แยกออกจากกัน โดยให้ฝ่ายบริหารมาจากการเลือกตั้งของประชาชน ทำหน้าที่บริหารประเทศอย่างเดียว ส่วนฝ่ายนิติบัญญัติทำหน้าที่บัญญัติกฎหมายและตรวจสอบฝ่ายบริหาร ให้อำนาจฝ่ายนิติบัญญัติสามารถตรวจสอบการทำหน้าที่ของนักการเมือง เพื่อส่งฟ้องต่อศาลฏีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ และให้อำนาจนายกรัฐมนตรี มีอำนาจยับยั้งการออกกฎหมายได้ โดยส่งเรื่องให้สภาทบทวนกฎหมายอีกครั้ง
นายสมบัติ กล่าวต่อว่า จากการสอบถามประชาชนพบว่ามีประชาชนเห็นด้วยกับการเลือกฝ่ายบริหารโดยตรงถึง 70 เปอร์เซ็นต์ อาจจะมีคนที่ไม่เห็นด้วยบางส่วน คือ นักการเมือง หรือชั้นปกครอง แล้วใครคือเสียงข้างมากข้างน้อยกันแน่ ทั้งนี้การที่ กมธ.ปฏิรูปการเมือง เสนอให้แบ่งแยกฝ่ายบริหารนั้น เนื่องจากพบว่าบ้านเมืองของเรามีปัญหาด้านการซื้อสิทธิขายเสียง ทั้งระดับชาติและระดับท้องถิ่น แล้วประชาชนจะไว้วางใจให้ ส.ส. ที่มาจากการซื้อสิทธิขายเสียงเหล่านี้ไปเลือกนายกฯ ได้อย่างไร อีกปัญหาใหญ่คือ รัฐบาลเสียงข้างมากมีอำนาจเด็ดขาดในสภา จะครอบงำทั้งฝ่ายบริหาร มีการซื้อขายตำแหน่ง เป็นการสมคบกันกระทำชำเราแผ่นดิน และเนื่องจากรัฐบาลมีอำนาจเหนือสภา จึงใช้อำนาจเหิมเกริม ซึ่งทั้งหมดเป็นปัญหาของระบบรัฐสภาที่เราใช้อยู่ในปัจจุบัน
"ที่บอกว่าข้อเสนอของผมเป็นระบบประธานาธิบดีนั้น ไม่เป็นความจริง เนื่องระบบประธานาธิบดีต้องมีเงื่อนไข คือ ประธานาธิบดีต้องเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหาร และเป็นประมุขไปพร้อม ๆ กัน แต่ประเทศไทยมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ดังนั้นการเลือกนายกฯโดยตรง ไม่ใช่มาเป็นประธานาธิบดี จึงขออย่าพูดให้คนที่จงรักภักดิ์ดีมาโจมตีระบบนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไร้เหตุผล บิดเบือนสร้างวาทะกรรมที่ไม่เป็นความจริง ทั้งนี้ข้อเสนอทั้งหมดยังต้องถกเถียงกันไม่จบ แต่เชื่อว่าต้องมีทางออก อยากให้ทุกคนสบายใจได้ ซึ่งคณะกรรมาธิการฯ ได้หารือกันว่าจะให้สำนักงานสถิติแห่งชาติ ไปสอบถามความคิดเห็นประชาชน หากส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดเลือกตั้งนายกรัฐมนตรี และครม.โดยตรง ก็อาจพิจารณาถอนข้อเสนอดังกล่าวได้ แต่ผมเชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วยในข้อเสนอนี้"นายสมบัติ กล่าว.
ลิงค์
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://www.dailynews.co.th/Content/politics/287228/_%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4_%E0%B9%82%E0%B8%A7+70%25+%E0%B8%9B%E0%B8%8A%E0%B8%8A.%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%AF
"สมบัติ"โว 70% จาก ปชช. ที่สอบถาม เอาด้วยเลือกตรงนายกฯ (ใครอยู่ใน 70% นี้ บ้าง?)
"สมบัติ"โว 70% ปชช.เห็นด้วยเลือกนายกฯ-ครม.โดยตรง วอนฝ่ายเห็นต่างอย่าเพิ่งโจมตี เตรียมให้สำนักงานสถิติแห่งชาติ สอบถามความเห็นคนไทย หากไม่เอาด้วย พร้อมถอนข้อเสนอ
วันเสาร์ 13 ธันวาคม 2557 เวลา 16:39 น.
เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. ที่สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์(นิด้า) มีการจัดปาฐกถาประจำปี 2557 ในหัวข้อ"ปฏิรูปอย่างไร...ให้ก้าวไกลมั่นคง" โดยนายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ ประธานคณะกรรมาธิการปฏิรูปการเมือง สปช. กล่าวว่า คณะกรรมาธิการปฏิรูปการเมืองฯ เสนอให้แบ่งแยกอำนาจภายใต้ระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย กำหนดให้ฝ่ายบริหารและฝายนิติบัญญัติ แยกออกจากกัน โดยให้ฝ่ายบริหารมาจากการเลือกตั้งของประชาชน ทำหน้าที่บริหารประเทศอย่างเดียว ส่วนฝ่ายนิติบัญญัติทำหน้าที่บัญญัติกฎหมายและตรวจสอบฝ่ายบริหาร ให้อำนาจฝ่ายนิติบัญญัติสามารถตรวจสอบการทำหน้าที่ของนักการเมือง เพื่อส่งฟ้องต่อศาลฏีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ และให้อำนาจนายกรัฐมนตรี มีอำนาจยับยั้งการออกกฎหมายได้ โดยส่งเรื่องให้สภาทบทวนกฎหมายอีกครั้ง
นายสมบัติ กล่าวต่อว่า จากการสอบถามประชาชนพบว่ามีประชาชนเห็นด้วยกับการเลือกฝ่ายบริหารโดยตรงถึง 70 เปอร์เซ็นต์ อาจจะมีคนที่ไม่เห็นด้วยบางส่วน คือ นักการเมือง หรือชั้นปกครอง แล้วใครคือเสียงข้างมากข้างน้อยกันแน่ ทั้งนี้การที่ กมธ.ปฏิรูปการเมือง เสนอให้แบ่งแยกฝ่ายบริหารนั้น เนื่องจากพบว่าบ้านเมืองของเรามีปัญหาด้านการซื้อสิทธิขายเสียง ทั้งระดับชาติและระดับท้องถิ่น แล้วประชาชนจะไว้วางใจให้ ส.ส. ที่มาจากการซื้อสิทธิขายเสียงเหล่านี้ไปเลือกนายกฯ ได้อย่างไร อีกปัญหาใหญ่คือ รัฐบาลเสียงข้างมากมีอำนาจเด็ดขาดในสภา จะครอบงำทั้งฝ่ายบริหาร มีการซื้อขายตำแหน่ง เป็นการสมคบกันกระทำชำเราแผ่นดิน และเนื่องจากรัฐบาลมีอำนาจเหนือสภา จึงใช้อำนาจเหิมเกริม ซึ่งทั้งหมดเป็นปัญหาของระบบรัฐสภาที่เราใช้อยู่ในปัจจุบัน
"ที่บอกว่าข้อเสนอของผมเป็นระบบประธานาธิบดีนั้น ไม่เป็นความจริง เนื่องระบบประธานาธิบดีต้องมีเงื่อนไข คือ ประธานาธิบดีต้องเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหาร และเป็นประมุขไปพร้อม ๆ กัน แต่ประเทศไทยมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ดังนั้นการเลือกนายกฯโดยตรง ไม่ใช่มาเป็นประธานาธิบดี จึงขออย่าพูดให้คนที่จงรักภักดิ์ดีมาโจมตีระบบนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไร้เหตุผล บิดเบือนสร้างวาทะกรรมที่ไม่เป็นความจริง ทั้งนี้ข้อเสนอทั้งหมดยังต้องถกเถียงกันไม่จบ แต่เชื่อว่าต้องมีทางออก อยากให้ทุกคนสบายใจได้ ซึ่งคณะกรรมาธิการฯ ได้หารือกันว่าจะให้สำนักงานสถิติแห่งชาติ ไปสอบถามความคิดเห็นประชาชน หากส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดเลือกตั้งนายกรัฐมนตรี และครม.โดยตรง ก็อาจพิจารณาถอนข้อเสนอดังกล่าวได้ แต่ผมเชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วยในข้อเสนอนี้"นายสมบัติ กล่าว.
ลิงค์ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้